Tuesday, February 27, 2007

SORRY (2007, NORASET VAISAYAKUL, A+++++)

ภาพยนตร์ที่ได้ดูเป็นครั้งแรกระหว่างวันพุธที่ 20 ก.พ.-วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2007

1.SORRY (2007, NORASET VAISAYAKUL, A++++++++++++++)

ดูที่ PSG GALLERY ม.ศิลปากร วังท่าพระ เพิ่งได้ไปดูในวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการฉาย

คุณ NORASET VAISAYAKUL เคยมาให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร BIOSCOPE ในช่วงปลายปี 2005 เกี่ยวกับเทศกาลหนังทดลอง


2.ในความพร่ามัวแห่งปรารถนา (IN A BLUR OF DESIRE) (2007, ARAYA RASDJARMREARNSOOK, A+++++)

ดูที่ 100 ต้นสน แกลเลอรี่ ชอบโบรชัวร์ที่แถมมากับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะมันให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆ


3.TRAVELOGUE (2006, MARINA PARIS, A+++++)
ดูที่ PLAYGROUND ซอยทองหล่อ

ไม่รู้เหมือนกันว่า TRAVELOGUE จะเรียกว่าเป็นภาพยนตร์ได้หรือเปล่า รู้แต่ว่ามันดูเพลินกว่าภาพยนตร์หลายๆเรื่อง

TRAVELOGUE เป็นภาพวาดขนาดใหญ่ยักษ์ภาพหนึ่งบนกระดาษขาว และมีการฉายแสงสีที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆบนภาพวาดภาพนั้น ภาพที่เราเห็นไม่ใช่ “ภาพเคลื่อนไหว” แบบที่เราคุ้นเคยในภาพยนตร์หรือวิดีโออาร์ตส่วนใหญ่ แต่ภาพที่เราเห็นมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามแสงสีที่ตกกระทบลงบนผืนภาพวาด

TRAVELOGUE ทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง DINING TIME (2006, SHIGEAKI IWAI, A) ที่จัดแสดงในกรุงเทพในปีที่แล้ว เพราะภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้เล่นกับ “จอภาพยนตร์” เหมือนกัน โดย TRAVELOGUE ใช้ภาพวาดขนาดยักษ์แทนจอภาพยนตร์ ส่วน DINING TIME ใช้โต๊ะกินข้าวแทนจอภาพยนตร์


4.HOUSEWARMING (2005, BRIGITTE ROUAN, A)
http://www.imdb.com/title/tt0397692/
ดูที่สมาคมฝรั่งเศส ถ.สาทรใต้


5.THE QUEEN (2006, STEPHEN FREARS, A)


6.VOLVER (2006, PEDRO ALMODOVAR, A)


7.SHADOWLESS SWORD (2005, KIM YOUNG-JUN, A)
http://www.imdb.com/title/tt0488763/


8.SECOND NAME (2002, PACO PLAZA, A)
ดูในรูปแบบดีวีดีลิขสิทธิ์จากร้านแมงป่องในราคา 59 บาท

PACO PLAZA เคยกำกับภาพยนตร์เรื่อง ROMASANTA: THE WEREWOLF HUNT (2004, B)
http://www.imdb.com/name/nm0687042/


9.THE PURSUIT OF HAPPYNESS (2006, GABRIELE MUCCINO, A)


10.ISABELLE HUPPERT: PLAYING LIFE (2001, SERGE TOUBIANA, A-)
ดูที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


11.THE LOVERS’ EXILE (1980, MARTY GROSS, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0147018/
ดูที่ JAPAN FOUNDATION


12.MUSIC AND LYRICS (2007, MARC LAWRENCE, B+)
http://www.imdb.com/title/tt0758766/


--เมื่อวานนี้ไป PLAYGROUND เพื่อดูภาพยนตร์ของ MARINA PARIS และก็พบว่าที่ playground มีของน่าซื้อมากมาย อย่างเช่น

1.หนังสือรวมบทสัมภาษณ์ PETER GREENAWAY ราคาเล่มละประมาณ 1,000 บาท

2.หนังสือรวมบทสัมภาษณ์ THEO ANGELOPOULOS ราคาเล่มละประมาณ 1,000 บาท

3.DVD รวมมิวสิควิดีโอและสารคดีของวง BELLE AND SEBASTIAN ราคาแผ่นละประมาณ 1,200 บาท

4.ซีดีอัลบัมของวง THE SUNDAYS

pc's comments part 5

ข้อมูลข้างล่างนี้เป็นความเห็นของคุณ pc และคุณพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ในเว็บบอร์ด BIOSCOPE ค่ะ ดิฉันชอบความเห็นของพวกเขามาก ก็เลยขอก็อปปี้มาเก็บไว้ในบล็อกนี้ด้วย

56676
ตอนแรกว่าจะมาเขียนตอบคุณชาญช่วงค่ำๆ
บังเอิญมาเห็นความเห็นของคุณกนกเข้าเสียก่อน
ต้องขออนุญาติตอบสั้นๆก่อนนะครับ
เพราะผมต้องออกไปธุระ
บางทีกลับมาแล้วอาจจะเขียนตอบทั้งคุณชาญและคุณกนกไปด้วยพร้อมๆกันเลย
เพราะดูๆไปแล้วทั้งสองท่านก็มีเหตุผลที่คล้ายๆกันนะครับ


เวลาที่คุณกนกพูดถึงสังคมที่เอาแต่โทษกันไปโทษกันมา
เท่าที่ผมเขียนมา
มันก็ดูเหมือนเป็นประเด็นที่ผมกำลังจะบอกอยู่ไม่ใช่หรือครับ
ทุกคนที่บรรลุนิติภาวะจำเป็นต้องมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
ถ้าเอาแต่โทษสิ่งยั่วยุว่าเป็นสาเหตุแห่งอาชญากรรมและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้น
ก็เท่ากับว่าผู้กระทำไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบในสิ่งที่พวกเขากระทำขึ้น


ในกรณีของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
อย่าลืมนะครับว่าผู้ที่ควรจะมีอิทธิพลและมีความรับผิดชอบกับพฤติกรรมของเด็กเหล่านั้นมากที่สุดก็คือบรรดาผู้ปกครองของพวกเขาเอง
ที่คุณยกมาว่า พ่อแม่โทษครูที่โรงเรียนว่าไม่ดูแล
สิ่งแวดล้อมเฮงซวย แต่ประทานโทษ
มันควรจะเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องตระหนักให้รอบคอบถึงภาระหน้าที่ความเป็นพ่อเป็นแม่ก่อนที่พวกเขาคิดจะมีลูกกันไม่ใช่หรือครับ
เคยได้ยินหรือเปล่าครับว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กในช่วงสี่ปีแรก
จะส่งผลต่อพัฒนาการของบุคลิกภาพได้ตลอดชั่วชีวิต
สี่ปีแรกนั้นเด็กใช้เวลาอยู่กับใครล่ะครับ

ผมสงสัยว่า
ทำไมแทนที่คุณจะเที่ยวออกมาเรียกร้องให้คนอื่นๆช่วยกันประคับประคอง
เหมือนกับที่พวกผู้ปกครองทั้งหลายชอบทำกัน
ทำไมคุณไม่ลองเรียกร้องให้คนเหล่านั้นคิดกันให้ดีก่อนจะสร้างครอบครัว
อย่าลืมนะครับ ว่าที่พวกเขามีครอบครัว
พวกเขาสนองความอยากให้กับตัวเองกันทั้งนั้น
ไม่ได้มาสนองความอยากให้คุณ หรือให้ผม
หรือให้กับคนอื่นๆ พอทำได้ไม่ดี
หรือในภายหลังพบว่ามันเป็นภาระที่พวกเขารับมือกันไม่ไหว
ก็คิดจะเที่ยวมาโยนภาระให้คนนู้นคนนี้มาช่วยกันประคับประคองกับสิ่งที่พวกเขาทำให้เกิดขึ้น


พวกพ่อแม่จะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของเด็กๆในปกครองของตัวเองไม่ได้เลย
การดึงเอาคนๆหนึ่งมาเวียนว่ายบนโลกใบนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะครับ
ไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ทำกันแบบไถไปเรื่อย
ผมว่าถ้าคุณกนกไม่เรียกร้องเอากับคนพวกนี้บ้าง
มันก็คงจะมีปัญหาให้ทุกๆคน
รวมทั้งคนที่ไม่ได้อยากมีลูก
ให้ต้องมาคอยประคับประคองกับภาระที่พวกเขาไม่ได้ก่อ
ให้ต้องคอยเสียสิทธิ์ที่ควรจะมีไปเรือยๆ
ในขณะที่พวกพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่ยั้งคิดก็มักจะรอดตัวไปได้เรื่อยๆ
สร้างภาระแล้วก็ออกมาโวยวายเรียกร้องกันอยู่เรื่อยๆ

ค่านิยมเรื่องการมีครอบครัว
การสร้างครอบครัวเป็นเสมือนกับหน้าที่ทางสังคม
ที่ทุกคนต้องเริ่มคิดเมื่อย่างเข้าปลายยี่สิบหรืออายุเท่าไรก็แล้วแต่
ผมสงสัยว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่คุณกนกเรียกมันว่าเป็นสิ่งดีงามหรือเปล่า
ยุคแห่งความดีงามของคุณกนกมันยุคไหนกันล่ะครับ
ยุคในอดีตเมื่อห้าสิบปีที่แล้วหรือเปล่า
ผมเชื่อมาโดยตลอดนะครับว่าปัจจุบันที่เรามีเป็นผลผลิตของทุกอย่างในอดีต
ถ้าเราไม่มีอดีตที่เป็นแบบนั้น
เราคงไม่มีปัจจุบันที่เป็นแบบนี้
ถ้าวัฒนธรรมของคนยุคก่อนๆมันดีของมันจริงๆ
สังคมที่เราอยู่กันมันคงจะไม่ออกมาอย่างที่เราเห็นกันหรอกครับ
คุณว่าเป็นเพราะความเสื่อมที่เรามองข้ามมันอยู่ในเนื้อในของวัฒนธรรมที่คุณเห็นว่าดีงามได้หรือเปล่า


อดีตที่คุณว่าดีงาม
มันอยู่ในยุคที่สังคมนี้ถูกปกครองโดยพวกทรราชหรือเปล่า
ยุคนั้นจำได้ว่ามีการกวาดล้างแหล่งมั่วสุม
แหล่งอบายมุข กันอย่างมโหราฬ บ้านเมืองดูสะอาดสะอ้าน
ผู้คนไม่ต้องคิดอะไรมาก
มอบความไว้วางใจทั้งหมดให้ผู้นำเท่านั้นพอ
แต่เรามีผู้นำที่มีอนุภรรยาเป็นร้อย มีอำนาจล้นหลาม
จนได้ตายในตำแหน่ง
และนโยบายการบริหารประเทศก็ส่งผลเสียระยะยาวในเวลาต่อมาเป็นเวลาหลายสิบปี
หรือคุณกนกจะย้อนไปในยุคที่ไกลขึ้นกว่านั้นล่ะครับ
ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นไงครับ
ในยุคที่พวกจ้าวใหญ่นายโตมีสิทธิ์จะฉุดคร่าลูกสาวหรือแม้แต่เมียของชาวบ้านได้โดยไม่ต้องมีความผิด
คุณคิดว่าสิ่งที่คุณว่าดีงาม
มันแฝงวัตถุประสงค์ในการควบคุมโดยผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือหรือเปล่า


และฝ่ายที่อยู่ในอำนาจก็มักจะอ้างคำว่าส่วนรวมอย่างที่คุณหรือหลายคนชอบใช้กันนั่นแหละครับ
เราใช้คำว่าส่วนรวมกันพร่ำเพรื่อเกินไปหรือเปล่า
ส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็น ระบบเศรษฐกิจ สังคม
หรือรัฐชาติ
มันควรจะดำรงอยู่เพื่อความผาสุกของมวลหมู่สมาชิก
หรือสมาชิกควรเสียสละความสงบสุขและเสรีภาพที่พึงมี
เพื่อการดำรงอยู่ของมันกันล่ะครับ
ระบบทั้งหลายแหล่มันไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาตินะครับ
มันเป็นสิ่งที่มนุษย์อย่างเราคิดค้นค้นเพื่อจัดสรรอำนาจในการเข้าถึงทรัพยากร
และคำว่าส่วนรวมนี้มันก็มักจะนำมาอ้างโดยผู้ที่มีอำนาจผูกขาดอยู่เสมอ
เวลาต้องการไล่ที่ชาวบ้านเพื่อจะเอาไปสร้างเขื่อน
ก็มักจะบอกให้พวกชาวบ้านเห็นแกส่วนรวม โทษทีครับ
ส่วนรวมที่ว่ามันพวกไหน
หรือเป็นพวกที่ชอบใช้ไฟฟ้ากันอย่างสิ้นเปลือง
ในกรณีของหัวข้อกระทู้
เวลาที่บอกว่าพวกนักแสดงควรเห็นแก่ส่วนรวม
ส่วนรวมในที่นี้หมายถึงบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ชอบเรียกร้อง
ไม่สามารถอบรมหรือเป็นตัวอยากให้กับเด็กที่พวกเขานำมาอยู่บนโลกนี้เองได้
หรือรวมทั้งพวกบ้าจารีตที่ชอบตั้งความคาดหวังของตัวเองเอากับชีวิตของคนอื่นๆด้วยใช่ไหมครับ


คุณยกกรณีที่ว่า ต่อไปถ้าใครอยากดัง
ก็สามารถทำได้โดยการแต่งตัววาบหวิวเพื่อเรียกร้องความสนใจจากสื่อได้
ถ้าทำไปบนพื้นฐานของการไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น
ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นสิทธิ์ของพวกเขาครับ
ส่วนจะได้ผลหรือไม่ได้นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่า
สมาชิกในสังคมอย่างคุณและผมทำให้มันได้ผลหรือเปล่า
คุณมีสิทธิ์จะไม่ชอบด้วยการปฏิเสธที่จะให้ความสนใจในตัวพวกเขา
หรือผลงานของพวกเขา
หรือแสดงความไม่ชอบผ่านสื่ออย่างในบอร์ดนี้
และใช้บทลงโทษทางสังคมเท่าที่สิทธิ์ของคุณจะเอื้ออำนวย
อย่าลืมว่าเธอยังไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือละเมิดสิทธิ์ของใครเลยนะครับ
จะมาเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยลงโทษ จะเรียกได้ว่า
พวกที่เรียกร้องนั้นทำตามอำเภอใจโดยที่ไม่คำนึงถึงขอบเขตของตัวเองได้หรือเปล่าครับ


สังคมนี้มันเป็นสังคมของการโทษกันไปโทษกันมา
เหมือนกับที่คุณชอบโทษสื่อ
และพยายามโยงมันเข้ากับการยั่วยุนั่นแหละครับ ว่าแต่
ถ้าจะอ้างเรื่องอิทธิพลของการยั่วยุโดยใช้ตรรกะของคุณ
ผมว่ามันก็ใช้ได้กับกรณีของกีฬาที่มีส่วนยั่วยุต่อพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงได้เช่นกันใช่ไหมครับ
เพราะถ้าสื่อมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศ
มันก็ไม่มากไปกว่ากีฬามอิทธิพลต่อพฤติกรรมก้าวร้าว
ดูเรื่องการตีกันหลังการแข่งขันที่เกิดขึ้นบ่อยๆสิครับ
มันเจอได้บ่อยกว่าคดีข่มขืนที่ผู้ต้องหาสารภาพว่าดูหนังเอ็กซ์เสียอีก
คุณคิดว่าเราจะใช้เหตุผลเดียวกันไปกล่าวโทษกีฬาได้ไหมล่ะครับ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว
กีฬาคือการจำลองสภาพการต่อสู้ของคู่ปรปักษ์
และการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายคล้ายกับการทำสงครามระหว่างคนสองกลุ่ม
แต่สังคมเราคงไม่นำมาพิจารณาหรอกครับ
เพราะกีฬามันช่วยสร้างสำนึกของการเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวม
มันไปด้วยกันได้กับคติชาตินิยมที่หลายคนยึดถืออยู่
ถึงผมจะไม่ชอบกีฬา
แต่ถ้าจะมีการห้ามเล่นกีฬาเพราะเหตุผลที่ว่ามันส่งพลต่อพฤติกรรมรุนแรง
ผมก็จะไม่เห็นด้วยพอๆกับการที่จะมาเซ็นเซอร์ภาพยนตร์เพราะเห็นว่าบางฉากอาจจะมีการยั่วยุ
เพราะทุกๆคนต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของตนเองครับ
มันไม่ใช่จุดประสงค์ของการแข่งขันกีฬาเพื่อยั่วยุให้คนมีพฤติกรรมก้าวร้าว
เช่นเดียวกับที่มันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของภาพยนต์หรือสื่ออื่นๆ
ที่จะยั่วยุให้ผู้ที่เสพย์
ออกไปก่ออาชญากรรมหรือข่มขืนใคร ใช่ไหมครับ

ดึกๆผมจะกลับมาอีกที

จากคุณ : pc : - [ 26 กพ. 2007 17:47:29 ]




56715
การรับผิดชอบต่อส่วนรวมมันไม่เสียหายแน่นอนครับ
แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ที่คุณจะเที่ยวไปยัดเยียดให้ใครต่อใครได้ตามอำเภอใจนะครับ
หรือบังคับให้ใครต่อใครต้องทำเพราะคุณเห็นว่ามันควร
ไม่ใช่เพราะต้องเห็นแก่ส่วนรวมตามที่กล่าวอ้างหรอกเหรอครับ
เราถึงได้มีกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงไอซีทีมาคอยเซ็นเซอร์
ปิดกั้นสิทธิ์ในการรับรู้
อย่างที่เรามีกันอยู่เวลานี้
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เรียกร้องให้เอากลไกเหล่านี้เข้ามาวุ่นวายกับสิทธิ์ส่วนบุคคล
สิทธิ์ที่สูญเสียไปของคนหลายๆคน
คุณคิดว่าคุณมีส่วนต้องรับผิดชอบด้วยหรือเปล่าล่ะครับ



จากคุณ : pc : - [ 26 กพ. 2007 23:04:14 ]


56717
คุณบอกว่า "เขาบอกให้ช่วยกันประคับประคองสังคม"

แล้วทำไมผมต้องช่วยด้วยล่ะครับ
ในขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่เรียกร้องกันไม่รู้จักจบจัดสิ้น
เสรีภาพที่ผมและคนอื่นๆควรจะมีมันก็ลดลงไปมากพอแล้ว

บอกให้ช่วยเด็กๆกันหน่อย
ทำไมพวกพ่อแม่ผู้ปกครองเหล่านั้นถึงไม่รู้จักช่วยเหลือตัวเองกันบ้างล่ะครับ
จะมีลูกขึ้นมาทีก็ไม่รู้จักประเมินสถานภาพตัวเอง
ไม่คิดให้รอบคอบ
แล้วก็มาเรียกร้องให้คนอื่นคอยเสียสละให้กับสิ่งที่ตัวเองทำขึ้น
โดยอ้างสิทธิ์ว่าเด็กๆที่เขานำมาเกิดคือเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ
ทุกคนต้องเสียสละให้พวกฉัน
สิทธิ์ส่วนตัวที่เคยทำก็อย่าทำอีกต่อไปเพราะลูกฉันอาจจะเอาอย่าง
คือถ้าคิดว่ามีลูกมันเป็นภาระหนักนักละก็
ก็อย่าไปมีมันสิครับ สร้างเวรสร้างกรรมให้เด็กเปล่าๆ
ทั้งยังผลักภาระ เรียกร้องให้ผู้อื่นเสียสละ
ในขณะที่ตัวเองไม่เคยคิดจะเสียสละให้ใคร

ผมไม่ทราบว่าคุณจะเข้าใจมากน้อยเพียงใด
แต่ผมก็ไม่เคยคาดหวังให้คนอย่างคุณมาเข้าใจหรอกครับ
ถ้าทำให้คุณปวดหัวก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
จากคุณ : pc : - [ 26 กพ. 2007 23:23:42 ]


56756
ชื่นชมคุณ pc
มากครับทั้งมุมมองและทัศนะที่อยู่บนพื้นฐานเรื่องสิทธิ
แม้ว่านัก "นิยมชาติ"
พยายามจะเบี่ยงเบนว่าสิทธิคือการได้ทำอะไรตามใจแล้วเบียดเบียนผู้อื่น
ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างแรง
ประเด็นผู้ที่ประณามน้องนุ่งสั้นนั้น
คงต้องไปเมืองโบราณ
หรือดูจิตรกรรมฝาผนังตามวัดที่เขียนกันมาแต่ครั้ง"นมนาน"
แล้วจะเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมเมืองร้อนแบบบ้านเรานะครับ

ส่วนพวกที่พยายามครอบงำผู้อื่นด้วยวาทกรรม
"นิยมชาติ" ผมไม่อยากออกความเห็น
ทุกอย่างอยู่ที่ท่านแหละครับ
ว่าจะอยู่อย่างนั้นต่อไปหรือจะศึกษาเพิ่มเติมเพื่อออกมาจาก...

การที่เราประณามน้องเขา
โดยนำการครอบงำบนฐานความคิดชายเป็นใหญ่
ก็เท่ากับน้องเขาแก้ผ้า แล้วถูกสื่อข่มขืน
เสี่ยเจีย...ข่มขืน มหาวิทยาลาย...ข่มขืน
เรายังข่มขืนน้องเขาซ้ำอีก
ส่วนใครคิดว่าดาราต้องเป็นแบบอย่าง หุหุ
ผมสอนลูกผมเสมอล่ะครับ ว่าอย่าเอาดาราทุกคน
(แม้แต่ดาราที่ดี) เป็นแบบอย่าง
ถ้าลูกผมไม่มีปัญหาหาแบบอย่างก็ปล่อยมันโง่ตายไปเองเถอะครับ


ผมเห็นว่าการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกำลังกลายเป็นการปะทะโดยนำอคติส่วนตนมาประกอบด้วย
และมุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของคนนั้นๆ
ซึ่งในสังคมไทยไม่น่าจะเกิด "วัฒนธรรม" อย่างนี้
นี่เป็นวัฒนธรรมในทัศนะของผมนะครับ
ไม่เกี่ยวกับการแต่งกายที่ผมมองว่าเป็นเรื่องรสนิยม
และ/หรือ แฟชั่นยุคสมัย

สุดท้ายนี้
ผมขอกล่าวหาว่าคุณ pc
เป็นพวกชาตินิยมตัวจริงเสียงจริงครับ
เพราะพวกชาตินิยมที่ดีมักจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์
"ชาติ"(ถ้ามันมีจริง)
เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
แค่นี้แหละครับ คงต้องขอตัวกลับไปอ่านงานวิจัยชุด
"การจัดการ "ความจริง" ในสังคมไทย" ต่อครับ
กำลังสนุก เป็นชุดงานวิจัยของ สกวใ ครับน่าสนใจมาก
ขอบอก
จากคุณ : พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ :
peter_srithep@yahoo.com - [ 27 กพ. 2007 09:59:59 ]

FAVORITE FEMALE VOCALISTS OF ALL TIME

ช่วงนี้พอดีเจอร้านอินเทอร์เน็ตที่ดาวน์โหลด YOU TUBE ได้เร็ว ก็เลยบ้าดู YOU TUBE อย่างมาก ขอถือโอกาสนี้โพสท์รายชื่อมิวสิควิดีโอที่ชอบนะคะ

FAVORITE MUSIC VIDEO OF THE WEEK

1.REVOLUTION – HOFUN +SI BEGG
http://www.youtube.com/watch?v=vqXQYVL3Wr4

มิวสิควิดีโอเพลงนี้อาจจะติดอันดับมิวสิควิดีโอที่ชอบที่สุดในปีนี้

ปกอัลบัมชุด COMMUTER WORLD (1998) ของ SI BEGG
http://ec2.images-amazon.com/images/P/B000009OMR.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg

ปกอัลบัมชุด DIRECTOR’S CUT (2003) ของ SI BEGG
http://images-eu.amazon.com/images/P/B00009V8WN.02.LZZZZZZZ.jpg


2.REVELATION – HOFUN + SI BEGG
http://www.youtube.com/watch?v=L-2HKDljJbA
เพลงนี้คล้ายๆเพลง REVOLUTION แต่เหมือนถูกรีมิกซ์ให้ต่างกันเล็กน้อย


3.MAD AS HELL – HOFUN + SI BEGG
http://www.youtube.com/watch?v=9riGfN02V9g


4.FREESTYLE DISCO – S.I. FUTURES
http://www.youtube.com/watch?v=kR41-htgobo

http://ec1.images-amazon.com/images/P/B000BNKC40.01-A2NXM0FBXWXF0N._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg

เพลงนี้อาจจะติดอันดับเพลงที่ชอบที่สุดเพลงนึงในปี 2007 เพราะฟังแล้วรู้สึกเลือดในกายมันฉีดพล่านสุดๆ


--พูดถึงสาวเฮี้ยนแล้ว ก็นึกถึง JANE CHILD เพราะเธอไว้ผมยาวถึงตาตุ่ม ไม่รู้เธอทำได้ยังไง เธอเคยมีเพลง DON’T WANNA FALL IN LOVE ขึ้นถึงอันดับ 2 ในสหรัฐในปี 1990 แต่ถึงแม้ผมเธอจะยาวถึงตีน เพลงเธอก็ไม่สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ในสหรัฐได้ เพราะอันดับ 1 ในสหรัฐตอนนั้นเป็นของศิลปินหญิงที่มีทรงผมมาสู้กับ JANE CHILD โดยเฉพาะ เพราะอันดับ 1 ตอนนั้นเป็นของเพลง NOTHING COMPARES 2 YOU ของ SINEAD O’CONNOR

ในขณะที่อันดับ 1 ตอนนั้นเป็นของสาวหัวโล้น และอันดับ 2 เป็นของสาวผมยาวถึงตีน อันดับ 3 ของสหรัฐในตอนนั้นก็เป็นของ ALL AROUND THE WORLD ของ LISA STANSFIELD และถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้วในช่วงนั้น ที่อันดับ 1-3 ในสหรัฐเป็นของศิลปินหญิงเดี่ยวทั้งสามคน

DON’T WANNA FALL IN LOVE (1990) – JANE CHILD
http://www.youtube.com/watch?v=l4V3M6Rsvwc

http://z.about.com/d/80music/1/0/a/9/02-11.jpg


--FAVORITE FEMALE VOCALISTS OF ALL TIME

อันนี้เป็นการรวบรวมรายชื่อนักร้องหญิงที่ดิฉันชอบเสียงของเธอค่ะ

เชิญฟังเสียงนักร้องหญิงที่ดิฉันชอบได้ตามลิงค์ YOU TUBE ข้างล่างนี้ค่ะ

กลุ่มสาวแดนซ์/chill out

1.JE REGRETTE EVERYTHING – HELL FEATURING BILLY RAY MARTIN
http://www.youtube.com/watch?v=jI5fhIu3lWQ
รักเสียงร้องของ BILLY RAY MARTIN ที่สุดในชีวิต


2.DOGS (2002) – PURACANE
http://www.youtube.com/watch?v=TTcrTRZ8iZ0
ชอบเสียงไวโอลินในเพลงนี้มากๆ

ปกอัลบัมชุด THINGS YOU SHOULD LEAVE ALONE (2000) ของ PURACANE
http://www.amazon.com/Things-You-Should-Leave-Alone/dp/B00004RJ1Q/ref=m_art_pr_1/104-4118870-6667120
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B00004RJ1Q.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg


3.CYBELE’S REVERIE – STEREOLAB
http://www.youtube.com/watch?v=hfabj80NzEw
ชอบมิวสิควิดีโอนี้อย่างสุดๆ
http://www.stereolab.co.uk/pictures/images/fullsize/44.jpg


4.EVERYTHING IS OK – HALOU
http://www.youtube.com/watch?v=XleggvyyFso
มิวสิควิดีโอเพลงนี้สุดยอดมาก กำกับโดย KEVIN TUNSTALL
http://www.dnalounge.com/flyers/2003/08/06-halou-1.jpg


5.VOODOO RAY (1988) – A GUY CALLED GERALD
http://www.youtube.com/watch?v=_hycXhteQ_o


6.ONE AND ONE – ROBERT MILES
http://www.youtube.com/watch?v=Av_AqrLZcKA

http://www.eurodancehits.com/miles1.jpg


7.ECHO MY HEART – LINDY LAYTON
http://www.youtube.com/watch?v=gn50MhdBVtQ
ชอบมิวสิควิดีโอนี้มากๆ ดูแล้วนึกถึงประวัติศาสตร์ภาพยนตร์

http://roxcalibur.com/pix/e3179.JPG


8.THE CURE AND THE CAUSE – FISH GO DEEP FEATURING TRACEY K
http://www.youtube.com/watch?v=Yl8-FE7KL2A

http://images.amazon.com/images/P/B000ENV3Q8.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V61418073_.jpg


9.BEAUTIFUL (1998) – MANDALAY
http://www.youtube.com/watch?v=ie-0hEReVfU

http://www.nicolahitchcock.com/_img/passagg/bigcover.jpg


10.INHALER – HOOVERPHONIC
http://www.youtube.com/watch?v=3zYDZQqN93g

http://www.newwavephotos.com/Hooverphonic/20030810_277Hooverphonic.jpg


11.BLACK FOREST – VANESSA DAOU
http://www.youtube.com/watch?v=eWxnT9BpSa4

http://www.thefunkstore.com/CurrentCDs/StartUp/VanessaDaou-ZIP-CD-Cover.jpg


12.THAT GIRL – ESTHERO
http://www.youtube.com/watch?v=9TJaWz1tOT8

ปกอัลบัมชุด BREATHE FROM ANOTHER (1998) ของ ESTHERO
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B0000062H5.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg

http://www.haas.ca/jeffrey/blog/uploaded_images/esthero-june28-742744.jpg


13.I SAW THE LIGHT – WORKSHY
http://www.youtube.com/watch?v=Gvf0RtKg89c


14.BABY BABY -- EIGHTH WONDER
http://www.youtube.com/watch?v=YbSfDZEKoNU

http://www.bbc.co.uk/totp2/features/wallpaper/images/640/eighth_wonder.jpg


15.GIVE YOU ALL MY LOVE (1989) -- STACEY Q
http://www.youtube.com/watch?v=0uFsI66hQ10

http://991.com/newgallery/Stacey-Q-Two-Of-Hearts-372600.jpg


กลุ่มสาวร้องเพลงช้า

16.GEEK LOVE (SPANGLE MIX) – BANG BANG MACHINE
http://www.youtube.com/watch?v=HwFevSYP5K8
เพลงนี้มีความยาวแค่ 9 นาที 38 วินาที

http://991.com/newgallery/Bang-Bang-Machine-Love-It-Bleeds-336606.jpg


17.COLOURBLIND – DAUGHTER DARLING
http://www.youtube.com/watch?v=L5LxVRVEhJg

http://images.amazon.com/images/P/B0000AJIKI.01.LZZZZZZZ.jpg


18.STEEP – LAUREN CHRISTY
http://www.youtube.com/watch?v=9Iky5cjlhyQ

http://content.answers.com/main/content/wp/en/thumb/a/a0/230px-LaurenChristy.jpg


19.SHOW ME HEAVEN – MARIA MCKEE
http://www.youtube.com/watch?v=84iNeZ7z9lg

http://www.bbc.co.uk/totp2/features/wallpaper/images/640/maria_mckee.jpg


20.DON’T CRY OUT LOUD – MELISSA MANCHESTER
http://www.youtube.com/watch?v=cEWbsQoScl4

http://www.melissa-manchester.com/images/photos/1.jpg


21.AITAI – CHIKAKO SAWADA
http://www.youtube.com/watch?v=uOxrHkcQ_RM



กลุ่มนักร้องหญิงผิวดำเสียงเพราะ

22.YOU GOT IT ALL -- THE JETS
http://www.youtube.com/watch?v=Guly9atN66s

http://www.marstalent.com/pics/bio_jets.jpg


23.KISS YOUR TEARS AWAY (1989) – LISA LISA & CULT JAM
http://www.youtube.com/watch?v=mMCIZHNP35w

http://www.thesoulofamsterdam.com/Snapshots/Snapshots%20100-149/photo111.jpg


24.REAL LOVE (1995) – DRIZA BONE
http://www.youtube.com/watch?v=SNhkdjdwu8A


25.GOT TO HAVE YOUR LOVE – MANTRONIX FEATURING WONDRESS
http://www.youtube.com/watch?v=i0UtV1U3Jls

http://i9.photobucket.com/albums/a71/soldohiphop/mantronix.jpg


26.THE LOVE I LOST – WESTEND FEATURING SYBIL
http://www.youtube.com/watch?v=lUijb3JkjHA

http://www.3-x.nl/images/front/21078.jpg


27.TOUCH ME – 49ERS
http://www.youtube.com/watch?v=BCku58zSJEE
เดาว่ามิวสิควิดีโอนี้ใช้เงินลงทุนแค่ 10 บาท

http://roxcalibur.com/pix/e3149.JPG


28.DON’T MAKE ME WAIT – BOMB THE BASS
http://www.youtube.com/watch?v=-oJnOkuMCJY

http://www.brainwashed.com/btb/images/bestof.jpg


29.LOVE ON A TWO WAY STREET – STACY LATTISAW
http://www.youtube.com/watch?v=SNbUYinpYH0

http://www.paulgurvitz.com/StacyLattisawLarge3.jpg



นักร้องป็อปหญิงญี่ปุ่น

30.MISATO WATANABE
http://www.youtube.com/watch?v=Qk8IxdPFHF4
ชอบมิวสิควิดีโอนี้มากๆ เป็นมิวสิควิดีโอที่นิ่งมาก

http://www.diskgarage.com/info/misato-watanabe/images/misato_top2.jpg

Sunday, February 25, 2007

POPOL VUH

ขออวยพรวันเกิดคุณ JO ย้อนหลังด้วยคนนะคะ


--ขอแถมรายชื่อศิลปินหญิงเฮี้ยน 10 คนที่ดิฉันชอบมาก

1.KIRSTY HAWKSHAW นักร้องนำวง OPUS III

มิวสิควิดีโอเพลง I TALK TO THE WIND ของ OPUS III
http://www.youtube.com/watch?v=yhFMRssBGzE


2.KATE BUSH

มิวสิควิดีโอเพลง RUNNING UP THAT HILL ของ KATE BUSH
http://www.youtube.com/watch?v=_BZsXVf6INc


3.NINA HAGEN

NEW YORK NEW YORK – NINA HAGEN
http://www.youtube.com/watch?v=CST7XOxw4Dk


4.JANE SIBERRY

SAIL ACROSS THE WATER (1993) – JANE SIBERRY
http://www.youtube.com/watch?v=ZvFzeTz2pX4


5.LAURIE ANDERSON

LANGUAGE IS A VIRUS FROM OUTER SPACE (1986) – LAURIE ANDERSON
http://www.youtube.com/watch?v=4FeyGTmw0I0


6.นักร้องนำวง LES RITA MITSOUKO

Y’A D’LA HAINE (A++++++++++) – LES RITA MITSOUKO
วิทยายุทธเธอสูงมากค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=tgx3AZCi0lw


7.LADY MISS KIER นักร้องนำวง DEEE-LITE

POWER OF LOVE – DEEE-LITE
http://www.youtube.com/watch?v=n6KA4oTZ-WQ


8.DIAMANDA GALAS

ดูมิวสิควิดีโอ DOUBLE BARREL PRAYER (1988, A++++++++++++++) ของ DIAMANDA GALAS ได้ที่
http://www.youtube.com/watch?v=9T29Lqpi2RQ


9.DAISY CHAINSAW

LOVE YOUR MONEY – DAISY CHAINSAW
http://www.youtube.com/watch?v=7MTq4I0hvq8


10.EARTHA KITT

I WANT TO BE EVIL (1962) – EARTHA KITT
http://www.youtube.com/watch?v=tQ5VaBgXzuM


ขอแถมท้ายด้วย MY FAVORITE MUSIC VIDEO OF THE WEEK

WEHE KHORAZIN (1981, A++++++++++++++) – POPOL VUH
http://www.youtube.com/watch?v=Urasswot7jU

FAVORITE FEMALE VOICES

--โปรแกรมที่น่าสนใจในช่วงนี้

1.LOST IN THE CITY ที่ JIM THOMPSON HOUSE ใกล้ๆห้างมาบุญครอง

นิทรรศการนี้มีมานานแล้ว และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.นี้ แต่ดิฉันยังไม่ได้แวะไปดูสักที

นิทรรศการนี้เป็นของคุณ NAVIN RAWANCHAIKUL
ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.jimthompsonhouse.com/events/index.asp

แผนที่ไป JIM THOMPSON HOUSE
http://www.jimthompsonhouse.com/visitor/index.asp

ตัวอย่างผลงานเก่าๆของคุณ NAVIN RAWANCHAIKUL
http://www.shugoarts.com/en/rawanchaikul.html
http://www.assemblylanguage.com/reviews/Rawanchaikul.html
http://www.publicartfund.org/pafweb/projects/01/target/target_rawanchaikul_01.html
http://www.nyu.edu/pages/greyart/exhibits/asia/q31.htm
http://www.nyu.edu/pages/greyart/exhibits/asia/q31a.htm


2.BANGKOK INTERNATIONAL ART FESTIVAL

ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.bkkartfest.com/

เทศกาลนี้รวมถึงการจัดงาน PERVERSION/SUBVERSION ที่ PLAYGROUND ซอยทองหล่อ โดยมี VIDEO INSTALLATION ของ MARINA PARIS มาจัดแสดงด้วย

http://www.fotovideolab.it/Artisti/Marina_PARIS_1.htm

ภาพตัวอย่างผลงานของ MARINA PARIS
http://www.fotovideolab.it/FOTO_Archivio_generale_2/DSCF0429-cr.jpg

ศิลปินที่ร่วมงานใน PERVERSION/SUBVERSION รวมถึง

1.KEIKO ITAKURA
http://pitaru.com/
http://pitaru.com/index_html_3/topography/geisha_winter.jpg


2.MAYUMI LAKE
http://mayumilake.com/

อันนี้เป็นรูปจากภาพยนตร์เรื่อง ONLY IN THE SPRING (2001, MAYUMI LAKE)
http://mayumilake.com/Images%20for%20site/Video/only_spring.jpg

ภาพยนตร์เรื่อง TO SIGMA (1999, MAYUMI LAKE)
http://mayumilake.com/Images%20for%20site/Video/to_sigma.jpg

งานศิลปะจัดวางชื่อ URINE PRINCE (2001, MAYUMI LAKE)
http://mayumilake.com/Images%20for%20site/Urine_princess/yellow_box.jpg

ภาพถ่าย MOONCHILD (FLOWER) (2003, MAYUMI LAKE)
http://mayumilake.com/Images%20for%20site/BabyButts/Babybutts*_1.jpg

ภาพวาด YELLOW FEVER (2004, MAYUMI LAKE)
http://mayumilake.com/Images%20for%20site/yellow%20fever/Yellow_Fever_6.jpg


3.JAKKAI SIRIBUTR
http://www.rama9art.org/artisan/2003/july/jakkai/top.html


วันนี้ขอตอบสั้นๆก่อนแล้วกันนะคะ

โทษทีค่ะ ดิฉันสะกดชื่อศิลปินผิด ชื่อที่ถูกต้องคือ KEIKO ITAKURA ไม่ใช่ KEIKO TAKURA


ตอบคุณ คนมองหนัง

ชอบนาวาอากาศตรี จงเจต วัชรานันท์ ที่รับบทเป็นเจ้าชายนัดจินหน่องมากๆ เขาดูสง่าดีค่ะ

ต้องขอบคุณคุณคนมองหนังมากค่ะที่ทำลิงค์เกี่ยวกับเจ้าชายนัดจินหน่องเอาไว้ให้ เป็นข้อมูลที่ดีมากๆเลยค่ะ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem90174.html

อ่านตำนานของเจ้าชายนัดจินหน่องแล้ว ก็มีเรื่องที่ทำให้คิดถึงอยู่หลายเรื่อง อย่างเช่น

>>ในที่สุดนางก็ตอบสนองความรักที่เจ้าชายมีให้…..แต่พระเจ้านันทบุเรงไม่อนุญาตให้ทั้งสองอภิเษกสมรสกันด้วยวัยที่ต่างกันมาก….<< ตามตำนานบอกว่าเจ้าหญิงแก่กว่าเจ้าชายเพียง 6 ปี ก็เลยรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากที่ห้ามการแต่งงานกันเพียงเพราะเหตุผลแค่นั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วพระเจ้านันทบุเรงอาจจะมีเหตุผลอื่นๆด้วยก็ได้ที่ห้ามการแต่งงานระหว่างทั้งสอง อย่างไรก็ดี ถ้าหากพระเจ้านันทบุเรงห้ามการแต่งงานเพียงเพราะเหตุผลโง่ๆแค่นั้นจริง พระองค์คงต้องเสียใจในภายหลังเมื่อพบว่าการสั่งห้ามในครั้งนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระองค์ต้องถูกฆ่าตายในเวลาต่อมา พูดถึงเรื่องความรักต่างวัยที่พบกับอุปสรรคแล้ว ในปัจจุบันนี้ก็อาจจะยังมีปัญหานี้อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะหนังเรื่อง LATE MARRIAGE (2001, DOVER KOSHASHVILI, A-) ก็แสดงให้เห็นว่าครอบครัวบางครอบครัวไม่ต้องการให้ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงที่มีอายุแก่กว่าเพียงไม่กี่ปี http://ec2.images-amazon.com/images/P/B00008H2NK.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg

Zaza is a 31-year old Israeli bachelor, handsome and intelligent, and his family wants to see him married. But tradition dictates that Zaza has to choose a young virgin. She must be beautiful and from a good family, preferably rich. Zaza's parents, Yasha and Lily drag Zaza to meet potential brides and their families. Zaza has no choice. He plays along with his family, advocates of the suffocating traditions of their Georgian Jewish heritage. But Zaza always manages to somehow get out of being engaged. What his parents don't know is that Zaza is already in love. Judith is sensuous, strong and intriguing. She's also a divorcee with a 6-year-old daughter. So Zaza has kept Judith a secret from his family. He will have to choose between respect of the strict confines of family and tradition, or the love of his life.


--ตำนานของเจ้าชายนัดจินหน่องแสดงให้เห็นถึงการรบพุ่งที่เป็นผลมาจากความรัก และก็เลยทำให้นึกถึงสงครามกรุงทรอยด้วยเหมือนกัน และทำให้นึกถึงเรื่องราวการสังหารหมู่ราชวงศ์เนปาลที่อาจจะเป็นผลมาจากความผิดหวังในความรักด้วย

http://news.bbc.co.uk/2/hi/south_asia/1387953.stm

A drunken Crown Prince Dipendra killed his parents, the King and Queen of Nepal, and seven other royals before killing himself, an official investigation has found.

But there were suggestions after the shooting that he had had a bitter row with his parents because they opposed his plans to marry Devyani Rana.


ตอบน้อง merveillesxx

ดีใจมากจ้ะที่น้องชอบ COCTEAU TWINS เพราะพี่ก็ชอบวงนี้มากเหมือนกัน

เพลงของวง COCTEAU TWINS ที่ชอบมาก

1.FROU FROU FOXES IN MIDSUMMER FIRE

อ่านเนื้อเพลงเพลงนี้ได้ที่
http://www.tsrocks.com/c/cocteau_twins_texts/frou-frou_foxes_in_midsummer_fires.html

เพลงนี้อยู่ในอัลบัมชุด HEAVEN OR LAS VEGAS (1990)
http://www.amazon.com/Heaven-Las-Vegas-Cocteau-Twins/dp/B00006L5PM/sr=8-2/qid=1172380898/ref=pd_bbs_sr_2/104-1571905-3274335?ie=UTF8&s=music
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B00006L5PM.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg


2.THINNER THE AIR

เพลงนี้อยู่ในอัลบัมรวมฮิตชุด STARS AND TOPSOIL: A COLLECTION OF 1982-1990 (2000, A+)
http://www.amazon.com/Stars-Topsoil-Collection-Cocteau-Twins/dp/B00004Y2FT/ref=pd_sim_m_8/104-1571905-3274335


3.CAROLYN’S FINGERS

เพลงนี้อยู่ในอัลบัมรวมฮิตชุด STARS AND TOPSOIL: A COLLECTION OF 1982-1990 (2000, A+)
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B00004Y2FT.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg


4.THEFT, AND WANDERING AROUND LOST

เพลงนี้อยู่ในอัลบัมชุด FOUR-CALENDAR CAFE (1993, A+++++++++++++++)
http://www.amazon.com/Four-Calendar-Cafe-Cocteau-Twins/dp/B000002V21/sr=8-8/qid=1172382478/ref=pd_bbs_8/104-1571905-3274335?ie=UTF8&s=music
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B000002V21.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg


5.SERPENTSKIRT

เพลงนี้อยู่ในอัลบัมชุด MILK AND KISSES (1996, A+)
http://www.amazon.com/Milk-Kisses-Cocteau-Twins/dp/B000002U3K/ref=pd_sim_m_1/104-1571905-3274335



ถ้าหากพูดถึงนักร้องหญิงเสียงเพราะๆแล้ว นักร้องหญิงที่ดิฉันชอบเสียงของพวกเธอมากๆก็รวมถึง

1.EDDI READER
http://www.shrewsburyfolkfestival.co.uk/photos/gallery/2003-full/EddiReader2.jpg

ดูมิวสิควิดีโอเพลง PATIENCE OF ANGEL ของ EDDI READER ได้ที่
http://www.youtube.com/watch?v=EMRLKtkE38Q


2.นักร้องนำวง COWBOY JUNKIES
http://www.mystictheatre.com/photos/posters/cowboy_junkies.jpg

ดูมิวสิควิดีโอเพลง ANGEL MINE ของ COWBOY JUNKIES ได้ที่
http://www.youtube.com/watch?v=fqPC80C2PYY


3.สามนักร้องนำวง THE RANKIN FAMILY
http://images.amazon.com/images/P/B000002TW2.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

ดูคลิปการแสดงเพลง HO RO MY NUT BROWN MAIDEN ของ THE RAKIN FAMILY ได้ที่
http://www.youtube.com/watch?v=ZZX8fr_ijGE


4.นักร้องนำวง THE SUNDAYS

ดูมิวสิควิดีโอเพลง CAN’T BE SURE ของวง THE SUNDAYS ได้ที่
http://www.youtube.com/watch?v=OJrNPhrdKMI


5.นักร้องนำวง BANDERAS

ดูมิวสิควิดีโอเพลง THIS IS YOUR LIFE ของ BANDERAS ได้ที่
http://www.youtube.com/watch?v=FbW43s6I4uY


ตอบคุณปีศาจความฝัน

ขอเรียงลำดับหนังที่ชิงออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแต่ละปีตามความชอบของตัวเองนะคะ

หนังที่ไม่มีเกรดต่อท้ายคือหนังที่ยังไม่ได้ดูค่ะ

1996 (69th)

Secrets & Lies (A+)
The English Patient (A)
Fargo (A-)
Shine

Jerry Maguire


1997 (70th)

L.A. Confidential (A+)
Titanic (A+)
The Full Monty (A)
As Good as It Gets (A)
Good Will Hunting (A-)


1998 (71st)

The Thin Red Line (A+++++++++++++++)
Life Is Beautiful (A+)
Shakespeare in Love (A+/A)
Elizabeth (A)
Saving Private Ryan (A-)


1999 (72nd)

American Beauty (A+)
The Sixth Sense (A)
The Cider House Rules (A-)
The Green Mile (B+)
The Insider


2000 (73rd)

Erin Brockovich (A)
Traffic (A)
Crouching Tiger, Hidden Dragon (A-)
Chocolat (A-)
Gladiator (A-)


2001 (74th)

In the Bedroom (A+)
Gosford Park (A+)
The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (A)
A Beautiful Mind (A-)
Moulin Rouge! (B-)


2002 (75th)

The Hours (A++++++++++)
The Pianist (A+)
Gangs of New York (A+)
The Lord of the Rings: The Two Towers (A+)
Chicago (A-)


2003 (76th)

Mystic River (A)
Master and Commander: The Far Side of the World (A)
Lost in Translation (A-)
The Lord of the Rings: The Return of the King (A-)
Seabiscuit (A-/B+)


2004 (77th)

Million Dollar Baby (A+)
Sideways (A+)
The Aviator (A+)
Finding Neverland (A-)
Ray (A-)


2005 (78th)

Capote (A+++++++++++++++)
Brokeback Mountain (A++++++++++)
Crash (A+)
Munich (A+/A)
Good Night, and Good Luck

สรุปว่าปีที่ใจตรงกับกรรมการออสการ์ก็คือปี AMERICAN BEAUTY กับ MILLION DOLLAR BABY ค่ะ

pc's comments part 4

56520
วันนี้ผมรู้สึกเวียนหัว เหมือนจะไม่ค่อยสบาย
สมองมันตื้อๆ คิดอะไรไม่ค่อยออก ว่าจะเขียนตอบคุณชาญ
ก็คงต้องรอไว้พรุ่งนี้
ให้ได้หลับสักงีบแล้วค่อยมาเขียนนะครับ
จากคุณ : pc : - [ 25 กพ. 2007 01:23:25 ]




56533
ถึง คุณชาญ

“คุณพีซี ใช้คำว่า"ประเทศเฮงซวย"
ผมว่าผมรับไม่ได้เลยครับ
นอกจากคุณจะเป้นคนใจแคบอย่างที่ครูกัลยาว่าแล้ว
คุณยังเป็นคน ใจร้าย อีกด้วยครับ”

“เราว่าคนที่นายพีซีควรคุยด้วยคือ...จิตแพทย์
เพราะดูแกช่างมี อคติมากเหลือเกิน
แกคงเก็บกดอะไรๆมามากทำให้มองสังคมคับแคบด้านเดียวไปหมด

จริง...หน้าที่ในการอบรม ให้ความคิด หล่อหลอม
ก็ควรเป็นของพ่อแม่ แต่ในขณะเดียวกัน
ผู้ใหญ่ในสังคมโดยเฉพาะพวกคนดัง-ดารา-หรือพวกสื่อมวลชนทั้งหลายจะทำอะไรก็ควรคิดถึงส่วนรวม
หรือคิดถึงผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนอย่างที่ครูกัลยาบอกด้วย

มันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคม
ที่ต้องช่วยๆกันประคอง
เช่น การที่ดาราพากันแต่งโป๊ โชว์นม
ทำไมคุณต้องแต่งยังงั้นด้วย? เพื่ออะไร?
แล้วคุณไม่ยอมรับหรือว่าจะเป็นตัวอย่าง-เป็นค่านิยมที่เลวๆ
ทำไมต้องกระตุ้นปลุกเร้ากามกันอยู่ได้...ในเมื่อสื่อต่างๆเผยแพร่พฤติกรรมคุณไปทั่ว..ทั้งยั่วกาม
ทั้งปลุกเร้ากันไปถึงไหน
จงอย่าใช้"วิธีคิด"แบบพวกคนชั่วๆๆๆๆเลย
เช่น "กูขายยาบ้ายาเสพติด
มันผิดตรงไหน..กรูไม่ขายคนอื่นก็ขาย
กรูแค่หาเงินเลี้ยงครอบครัว
บางส่วนกรูก็เอาเงินไปทำบุญด้วยนะเออ..."
" กรูเปิดซ่องกระหรี่มันผิดตรงไหน?
กรูทำให้สาวบ้านนอกมีเงินใช้ส่งเงินให้พ่อแม่
ทำให้ผู้ชายไม่ต้องไปข่มขืนผู้หญิงดี"


บอกได้ว่าคุณพีซี ต้องปรับปรุงวิธีคิดของตนเองซะใหม่
ก่อนจะสร้างปัญหาให้แก่ตัวเองในวันข้างหน้า”

คุณอาจจะมองผมว่าเป็นพวกใจแคบ
พวกป่วยทางจิตที่ต้องการความช่วยเหลือจากจิตแพทย์
ในขณะเดียวกัน ผมก็อาจจะมองคุณชาญว่า
เป็นพวกกบในกะลา
พวกที่ชอบตัดสินคนอื่นๆเอาจากมาตรฐานทางด้านจริยธรรมแบบตื้นๆ
แต่อย่างหนึ่งที่ผมเดาว่าพอจะบอกความแตกต่างระหว่าง
“คนอย่างคุณ” กับ “คนอย่างผม” ได้ก็คือ
ถึงผมจะมองว่าคุณเป็นพวกกบในกะลา
ผมก็เคารพสิทธิ์การอยู่ในกะลาของคุณ
ไม่เคยแม้แต่จะคิดอาจเอื้อม
หรือถือวิสาสะเข้าไปทุบกะลาของคุณ
ผิดกับคุณที่พยายามเอากะลาของคุณมาครอบผมหรือคนอื่นๆเขาไปทั่ว
อาจจะด้วยในรูปของการเรียกร้องอำนาจรัฐหรือกลไกทางสังคมต่างๆ
ให้มีการลงโทษไม่ว่ากับใครก็ตามที่ไม่ยอมอยู่ใต้กะลาของคุณ
หรือทำตัวผิดไปจากมาตรฐานในกะลาของคุณ

เวลาที่พูดถึงคนที่ใจแคบและมีอคติ
ผมมักจะนึกไปถึงพวกที่ชอบใช้เกณฑ์ของตนในการตัดสินคนอื่นๆ
พวกที่มองข้ามความแตกต่างอันหลากหลาย
พวกที่มักจะคิดว่าทุกคนต้องอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน
ในแบบที่พวกตนกำหนดขึ้น
ใครที่ผิดไปจากมาตรฐานนี้จะต้องถูกลงโทษ
และยิ่งถ้ามามองความเป็นจริงทุกๆอย่างที่ปรากฏ
แล้วตัดแบ่งสิ่งที่ปรากฏออกเป็นกลุ่มของคู่ตรงข้ามอย่างง่ายๆ
อย่างเช่น พวกดี กับ พวกชั่ว ด้วยแล้ว
มันยิ่งดูเหมือนพวกที่ใจแคบเข้าไปใหญ่เลยครับ
ไม่ต้องมองหาสาเหตุให้เสียเวลาว่าทำไมทุกอย่างมันถึงได้เป็นไปอย่างที่มันเป็น
และเวลาพูดถึงความดีกับความชั่ว
เคยคิดบ้างไหมครับว่า
แท้ที่จริงแล้วมันก็พัฒนาต่อยอดมาจากความรื่นรมย์ทางผัสสะ
อะไรที่ทำให้เรารู้สึกดีก็กลายเป็นสิ่งที่ดี
จนเมื่อเรามีวิวัฒนาการทางสังคมที่ซับซ้อนขึ้น
ก็ได้มีการพัฒนาแนวความคิดเรื่องศีลธรรมอันเป็นอุดมคติกันขึ้นมา
มันก็มีการบังคับใช้และกลายมาเป็นจารีต
แต่บางครั้งเราก็กลับพบว่า
ความรื่นรมย์ทางผัสสะที่ต่อยอดมาเป็นความรื่นรมย์ทางอารมณ์ของการได้ทำสิ่งดีๆ
ในตัวมันเองก็มีหลากหลายรูปแบบ
และมีความแตกต่างกันหลายระดับ จนบางครั้ง
สิ่งที่เรียกกันว่าความดีมันก็มีความขัดแย้งในตัวมันเอง
เช่น
สิ่งที่ดีต่อสังคมมนุษย์มันก็อาจจะไม่ดีต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆในธรรมชาติ
ความศิวิไลซ์ที่เรามีต่างก็แลกมากับการเข้าไปยื้อแย่งเอาแหล่งทรัพยากรของสัตว์อื่นๆ
หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ท้ายที่สุดแล้ว
ไอ้ที่เขาเรียกกันว่าความดี
ต่อให้มันเป็นอุดมคติยังไง
มันก็พัฒนามาจากความต้องการในการตอบสนองอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์อย่างเราด้วยกันทั้งนั้น
หรือบางที มันก็แฝงนัยแห่งอำนาจ เท่าที่ผมเคยอ่านมา
พระพุทธเจ้าก็ได้เคยตรัสไว้ในหลักคำสอนว่า
ไม่ให้ยึดติดกับความดีมากนัก
เพราะมันเป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้น
และเข้าไปให้ความหมายกับทุกสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ
ส่วนจะจริงหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบนะครับ
ผมก็แค่อ่านไว้ประดับความรู้เฉยๆ
เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนไม่มีศาสนาครับ (โอ้ว
.....
ผมอาจจะเป็นคนที่ใจแคบและใจร้ายขึ้นไปได้อีกระดับหนึ่งใช่ไหมครับ
ถ้าว่ากันตามมาตรฐานของคุณชาญ)

คุณเคยคิดด้วยมุมมองที่แตกต่างบ้างหรือเปล่าถึงเหตุผลของจารีตที่เราเคยเชื่อกันว่า
มันทำให้สังคมอยู่ในความสงบเรียบร้อยและดีงามนั้น
มันดีสำหรับใคร
ค่านิยมที่ปลูกฝังให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวมันทำให้สังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่สามารถควบคุมผู้หญิงให้อยู่ใต้อำนาจได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า
คุณอาจจะมองว่าคนอย่างผม วันๆคิดแต่เรื่องชั่วๆ
แต่สำหรับผม
ความชั่วร้ายที่แท้จริงก็คือการยึดมั่นกับกรอบความคิดแบบ
chauvinist ในทุกรูปแบบ
มันชั่วพอที่จะทำให้เราทุกคนกลายเป็นพวกมือถือสากปากถือศีลได้อย่างไม่ละอาย
สามารถก่อสงครามและสร้างความเสียหายได้ในแทบจะทุกสิ่งที่เราสัมผัส
ทำลายสิ่งสวยงามทุกอย่างที่มีอยู่ในโลก
และเมื่อทำไปแล้วเราก็ยังหลงคิดกับตัวเองได้ว่าเรายังเป็นคนดีอยู่
ทุกอย่างที่ได้กระทำลงไปล้วนแต่เป็นสิ่งดีที่จำเป็นเพื่อตอบสนองภารกิจอันสูงส่ง
คนพวกนี้ก็อาจจะคล้ายๆ
กับพวกเผยแพร่ศาสนาคริสต์น่ะครับ
เวลาพวกนี้ไปยังโลกใหม่
แล้วเห็นวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นที่มีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการทางธรรมชาติของพวกเขา
พวกเผยแพร่ศาสนาก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปตัดสิน
และบีบบังคับให้พวกเขาทิ้งวิถีชีวิตแบบเดิมๆ
หันมาเข้ารีต ใครหรือพวกไหนที่ไม่ยินยอม
ก็คงต้องถูกกำจัดในรูปของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
และพวกเผยแพร่ศาสนาก็ยังหลงคิดว่าสิ่งที่ทำลงไปมันยังเรียกได้ว่าเป็นความดีอยู่
และกรอบความคิดในแบบ chauvinist
มันก็ไม่ได้มีเฉพาะแต่กับในวัฒนธรรมของศาสนาคริสต์เท่านั้น
มันมีแทรกอยู่ในทุกวัฒนธรรมแหละครับ
ตราบเท่าที่ยังมีคนที่ยึดมั่นกับความเชื่อเชิงจารีต
และพยายามเอาไปบังคับใช้กับทุกคน ในยุคนี้
การลงโทษใครก็ตามที่มีพฤติกรรมหรือแนวความคิดผิดไปจากกรอบความเชื่อ
อาจจะไม่ได้ทำโดยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
แต่อาจจะทำในรูปบทลงโทษทางสังคมหรือการอาศัยกลไกของรัฐในการออกนโยบายบังคับใช้
ว่าแต่
นั่นเป็นสิ่งที่คุณชาญกำลังทำอยู่หรือเปล่าครับ

คงเป็นเพราะในสังคมนี้มันเต็มไปด้วยคนอย่างคุณนั่นแหละครับ
เราถึงได้มีระบบเซ็นเซอร์แบบที่เรามี
มีรัฐบาลในแบบที่เรามี
มีการละเมิดสิทธิ์มนุษย์ชนในแบบที่เรามี
เวลาที่คุณเที่ยวไปตัดสินใครก็ตามว่าชั่วๆๆๆๆๆ
โดยดูจากตัวอย่างที่คุณยกมา เรื่องโสเภณี กับ
เรื่องยาเสพย์ติด บางทีผมไม่สงสัยเลยครับ
ว่าทำไมที่ผ่านมา
เราถึงได้ปล่อยให้เกิดการละเมิดสิทธิ์มนุษย์ชนด้วยการฆ่าตัดตอน
จนมีคนตายไปหลายพันคน
อาจจะเป็นไปได้ใช่ไหมครับว่าผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมเขาคิดแบบเดียวกับคุณ
ไหนๆคนพวกนี้มันก็ชั่วกันอยู่แล้ว
จะไปสนใจทำไมว่าคนพวกนี้จะถูกกวาดล้างกันยังไงบ้าง
ในเมื่อคนในสังคมเปิดไฟเขียวให้กับทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่
ไม่ต้องไปเฝ้าติดตามหรือคอยตรวจสอบฝ่ายอำนาจรัฐให้เสียเวลา
ว่าในจำนวนหลายพันคนที่ตายนั้น
มันมีคนบริสุทธิ์รวมอยู่ด้วยกี่คน
จะทำให้สังคมมันสะอาดมันก็ต้องมีความสูญเสียบ้าง
อย่างน้อยพวกชั่วๆมันก็ตายกันมากกว่า ใช่ไหมครับ
และคุณคงไม่แคร์ด้วยซ้ำที่จะมองหาสาเหตุว่า
อะไรคือปัจจัยที่ผลักดันให้เด็กพวกนั้นไปติดยา
การแพร่ระบาดของยาเสพย์ติดเป็นต้นตอของปัญหาในตัวมันเอง
หรือเป็นอาการของปัญหาที่เกิดจากสาเหตุที่ใหญ่กว่านั้น
การกำจัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอาการของปัญหาออกไปจะส่งผลต่อสิ่งที่เป็นสาเหตุบ้างหรือเปล่า
ถ้าสาเหตุมันยังอยู่
อาการจะปรากฏออกมาในรูปแบบอื่นได้หรือเปล่า
อาจจะไม่ใช่ในรูปแบบการเสพย์ยา
แต่อาจจะอัปลักษณ์กว่านั้น เช่น ยกพวกตีกัน
ซึ่งก่อความเดือดร้อนต่อคนบริสุทธิ์อื่นๆด้วย
แทนที่เดือดร้อนเฉพาะกับผู้ที่เสพย์ยาเอง
ผมสงสัยอยู่เหมือนกันครับ
ด้วยพื้นฐานที่คุณชาญมองว่า
ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติดหรือโสเภณีย่อมเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย
คุณชาญคิดว่า
เด็กที่เสพย์ยาอย่างเดียวโดยที่ยังไม่เคยก่ออาชญากรรมที่ส่งผลต่อความเดือดร้อนของคนอื่นนั้น
สมควรจะมีประวัติอาชญากรรมติดตัวหรือเปล่า ผมว่า
บางที
ปัญหาใหญ่ๆที่เรามีมันอาจจะเกิดจากการขาดความอ่อนไหวต่อสิ่งเล็กๆ
และความคิดที่หยาบกระด้างของผู้คนในสังคมมันเป็นไปได้ไหมครับว่าเป็นผลผลิตของวัฒนธรรมที่คุ้นเคยกับการใช้อำนาจมากกว่าเหตุผล
และถ้าวัฒนธรรมของประเทศนี้มันเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ทำไมผมจะต้องไปชื่นชมมันเหมือนกับคุณชาญด้วยล่ะครับ
ไหนลองให้เหตุผลผมมาสักข้อ
ผมไม่รู้ว่าชีวิตคุณผ่านอะไรมาบ้าง
เช่นเดียวกับที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับผม
สิ่งที่เอื้อประโยชน์สำหรับคุณ
อาจจะตัดโอกาสคนอีกหลายคน
แต่นั่นคงจะไม่เป็นสิ่งที่อยู่ในความสนใจของคุณเพราะคุณไม่ได้มาสูญเสียด้วย
ภายใต้วัฒนธรรมนี้
สิทธิ์ทางความคิดที่ผมเห็นว่าเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง
อย่าง ชอบหรือไม่ชอบ เชื่อหรือไม่เชื่อ
มันยังจะพอมีอยู่บ้างมั้ยครับ
หรือว่าสังคมนี้มันสิ้นหวังถึงขนาดว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ควรจะถือเป็นสิทธิ์ด้วยซ้ำ


เวลาผมอ่านความเห็นของคุณครูกัลยาที่ว่า
“อย่าดูแคลนประเทศที่ขุนข้าวขุนน้ำ
ให้ที่ซุกหัวนอนคุณนักเลย เข้าใจบ้านพ่อบ้านแม่
ผืนแผ่นดินที่คุณคลอดและโผล่หัวออกมาให้ดีๆ”
ผมไปสะดุดตรงคำว่า “ผืนแผ่นดิน” โอ้ ..........
ผมเองก็คิดว่าผมสำนึกในบุญคุณของผืนแผ่นดินเสมอครับ
ในฐานะที่เป็นแหล่งทรัพยากรและที่อยู่อาศัยของมนุษย์และสัตว์อื่นๆ
จนมนุษย์อย่างเราเริ่มเรียนรู้ที่จะตัดแบ่งผืนแผ่นดินออกเป็นประเทศ
เป็นรัฐชาติที่มีขอบเขตและอาณาบริเวณที่แน่นอน
ผมคิดว่าผมพอจะแยกออกนะครับว่าการมีอยู่ของรัฐชาติมันเป็นผลผลิตของระบบอำนาจล้วนๆ
ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความดีงามหรือคุณธรรมแต่อย่างใด
การเรียกร้องให้สำนึกในบุญคุณของฝืนแผ่นดินก็คือการเรียกร้องให้ภักดีกับผู้ที่ครอบครอง
อาจจะอยู่ในรูปรัฐบาลหรือใครก็ตามที่อยู่ในอำนาจ
และรัฐชาติสมัยใหม่ที่เรามีอยู่ทั่วโลกก็เป็นสิ่งที่เพิ่งจะเกิดมาไม่กี่ศตวรรษนี้เองนะครับ


ก่อนหน้านั้นในภูมิภาคนี้จะประกอบด้วยอาณาจักรที่ไม่มีอาณาเขตที่แน่นอน
เนื่องจากความหนาแน่นของประชากรค่อนข้างต่ำ
ทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นที่ต้องการในฐานะแรงงาน
และในเวลาที่มีศึกสงครามเพื่อแย่งชิงทรัพยากร
ชุมชนที่อยู่รอบนอกอาณาจักรสามารถที่จะเลือกเข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ได้
อำนาจในการควบคุมเป็นไปอย่างหลวมๆ
อาจจะต้องอาศัยความเชื่อในเชิงพิธีกรรมเพื่อกระตุ้นสำนึกความจงรักภักดี
ให้คนตัวเล็กๆยอมเข้าไปเป็นขุมกำลังในเกมของพวกผู้มีอำนาจ
แต่อย่างไรก็ตาม
การไหลเวียนของประชากรก็เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
เชลยศึกไม่ว่าจะมีเชื้อชาติใดก็ตาม
เมื่อเข้าไปอาศัยในขอบเขตของนครรัฐแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นเวลานานพอ
ก็จะถูกกลืนเข้าสู่ระบบไพร่
แตรัฐชาติสมัยใหม่กลับพ่วงเอาสำนึกของความเป็นเชื้อชาติเข้ามา
และปลูกฝังอคติอย่างเป็นระบบ
อาจจะผ่านทางการสอนประวัติศาสตร์ที่บิดเบือนในระบบโรงเรียนที่คุณครูกัลยารับใช้อยู่
และเพื่อการคำจุนความสัมพันธ์เชิงอำนาจในตัวของรัฐชาติ
อะไรมันจะดีไปกว่าการปลูกฝังความเชื่อเรื่องชาตินิยม
และพยายามทำให้มันดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของความดีงามแทนที่จะเป็นเรื่องของอำนาจล้วนๆ
ที่ทำให้ทุกคนเชื่องได้พอๆกัน
ง่ายต่อการถูกปั่นหัวโดยนักการเมือง นักการทหาร
หรือใครก็ตามที่มีอำนาจอยู่ในมือ
ให้มองข้ามความเหลื่อมล้ำและความไม่ยุติธรรมในสังคมของตน
และโทษว่า
ความเสื่อมทรามทุกอย่างมันมาจากการรับเอาวัฒนธรรมจากภายนอก
(ทั้งๆที่พุทธศาสนาก็รับมาจากภายนอกเหมือนกัน)
ให้ผู้ที่เชื่อมอบความไว้วางใจทุกอย่างให้กับผู้นำ
เพราะเราต่างก็เรียนประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงเฉพาะกิจกรรมของผู้นำมากกว่าคนตัวเล็กๆที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
(ผมไม่แปลกใจว่าทำไม สิบสี่ตุลา หกตุลา
หรือพฤษภาทมิฬ
ถึงไม่มีบรรจุไว้ในตำราเรียนประวัติศาสตร์)
ทำให้เรามีอคติกับผู้อพยพที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งๆที่พวกเขาบางคนก็อาจจะมีบรรพบุรุษร่วมกันกับคนไทย


และความเชื่อเรื่องชาตินิยมนี้มันก็ใช้ได้ผลกับคนไทยเสียด้วยสิครับ
เรามีอคติทุกอย่างที่คติชาตินิยมต้องการให้มี
เราพร้อมจะตัดโอกาสตัวเองในการเรียนรู้ที่กว้างไกลออกไป
เพราะการเรียนรู้นั้นมันไปกันไม่ได้กับวัฒนธรรมประจำชาติ
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ถ้าปล่อยให้ได้เรียนรู้
อาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่มีอยู่แต่เดิม
พฤติกรรมทุกอย่างที่ไปด้วยกันไม่ได้กับวัฒนธรรมอันดีจะต้องถูกกำจัด
เราถึงได้ปล่อยให้พวกสมองอึในกระทรวงวัฒนธรรมที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยต่อวัฒนธรรมสากลร่วมสมัย
ให้เข้ามามีอำนาจชี้ขาดว่าอะไรเรามีสิทธิ์จะได้รับรู้
อะไรเราไม่มีสิทธิ์ และถึงแม้ว่า
มันตัดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพทางปัญญาของเราเพียงใด
เราก็ยังภูมิใจกับมัน
และก็พยายามจะกลืนให้ทุกๆคนภูมิใจกับมันเช่นเดียวกับเรา
ใครที่ไม่รู้สึกเช่นนั้นจะต้องได้รับการประณาม

มันทำให้ผมนึกไปถึงทัศนคติของคนไทยที่มีต่อไทเกอร์
วู๊ด ผมเองก็ไม่ได้เป็นแฟนของเขา
ผมไม่ชอบดูและก็ไม่ชอบเล่นกีฬาด้วยซ้ำ (โอ้ว .....
ตอนนี้ นอกจากใจแคบและมีอคติแล้ว
ผมอาจจะกลายเป็นพวกไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬาขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งแล้ว)
เขาถูกประณามเพียงเพราะว่าเขาไม่ได้บอกว่าเขาเป็นคนไทย
ทั้งๆที่ เวลาที่ผมอ่านคำให้สัมภาษณ์ของเขา
เขาก็ไม่เคยปฏิเสธ เขาเพียงแต่บอกว่า
เขาเป็นอเมริกันที่มีส่วนผสมของแอฟริกันอเมริกัน
คอเคเชี่ยน ไทย และจีน
การประณามนั้นรุนแรงถึงขนาดที่ว่าลามไปถึงแม่ของเขา
หาว่าเธอเคยเป็นโสเภณี
(พวกคนที่อยู่ในแวดวงของเรื่องชั่วๆๆๆๆ
อย่างที่คุณชาญว่าไว้น่ะครับ)
ผมเองก็ไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือเปล่า
แต่ถึงมันเป็นจริง
ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีที่มีสิทธิ์เลิอกจะมีชีวิตได้ตามที่ต้องการ
บางคนที่ไม่ได้เป็นโสเภณีอาจจะยังไม่ตระหนักถึงความโชคดี
ที่ตลอดชีวิตของพวกเขาไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับให้ต้องไปเกลือกกลั้วกับสิ่งชั่วๆ
ยังสามารถภูมิใจกับสถานะของตนเองได้มากพอที่จะขี้นิ้วประณามผู้คนที่อยู่ในแวดวงเหล่านั้น
(ผมจะเข้าประเด็นนี้ทีหลังนะครับ) มันเหมือนกับว่า
สังคมไทยไม่เคยสร้างสิ่งดีๆ
หรือให้ชีวิตใหม่ที่ดีๆกับเขาเลย
ถ้าเขาเติบโตมาในเมืองไทย
ผมค่อนข้างจะเชื่อว่าเขาคงจะไม่มีโอกาสได้เป็นอย่างที่เขาเป็น
เพราะสังคมเราคงไม่มีปัญญาพอที่จะเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงศักยภาพของตัวเองออกมา
แต่พอเห็นเขาได้ดิบได้ดีขึ้นมา
ก็ตั้งหน้าตั้งตาจะไปลำเลิกบุญคุญเอากับเขา
เรียกร้องให้เขาต้องภูมิใจกับสิ่งที่ไม่เคยทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นเลย
ผมว่า สิ่งที่ผู้คนในสังคมนี้ทำ
มันทั้งดูน่าขำและน่าสมเพชได้ในเวลาเดียวกัน
คุณชาญว่าอย่างนั้นไหมครับ แต่
จะมีคนชาติไหนที่ทำเรื่องพวกนี้ได้ดีไปกว่าคนไทยอีกล่ะครับ


ถ้าคนแบบผมเป็นคนที่มีอคติ ผมแน่ใจได้อย่างหนึ่งว่า
มันไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆแน่
แต่ดูจากที่คุณชาญเขียนมาแล้ว ผมเดาเอานะครับว่า
นอกจากคุณมองว่า
โสเภณีกับยาเสพย์ติดเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ต้องกำจัดแล้ว
คุณยังมองว่า ทุกอย่างที่เกี่ยวของกับเซ็กส์
รวมทั้งเซ็กส์ที่เกิดขึ้นนอกการสมรส
ควรจะนับว่าเป็นสิ่งที่ต่ำทราม
และใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอย่างนี้ย่อมเป็นพวกที่ต่ำทรามใช่ไหมครับ
คุณคงจะมีเกณฑ์วัดความดีของคุณอยู่
ใครที่ไม่ถึงเกณฑ์ก็ควรจะได้รับความช่วยเหลือจากจิตแพทย์
เพื่อให้มีจิตใจที่ปรกติและสูงส่งได้ในระดับที่ไกล้ๆกับคุณใช่ไหมครับ
ดูๆไปแล้วอคติของคุณก็มีไม่น้อยเหมือนกันนะครับ
ทั้งผมและคุณอาจจะเหมือนกันอย่างหนึ่งตรงที่
คุณและผมต่างก็ไม่ค่อยได้สำรวจตัวเองกันเท่าไรนักหรอก
ใช่ไหมครับ การปลุกเร้ากาม
ไม่ว่ามันจะเกิดในที่ใดก็ตาม ต้องถูกกำจัดใช่ไหมครับ
ถ้ามันโผล่มาในภาพยนตร์ ในรูปของฉากการร่วมรัก
ไม่ว่ามันจะมีความสำคัญต่ออารมณ์ของเรื่องเพียงใดก็ตาม
ก็สมควรจะถูกตัดทิ้งหรือเบลอใช่ไหมครับ
หรือถ้ามีสิ่งชั่วๆอย่างอื่น อย่างยาเสพย์ติด
เหล้าหรือบุหรี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น
การทำเบลอมันก็เป็นเรื่องที่ชอบด้วยเหตุผลใช่ไหมครับ
แม้ว่ามันจะทำลายความสวยงามของงานภาพขนาดไหนก็ตาม
แต่ความสวยงามของภาพยนตร์มันคงจะไม่ได้อยู่ในความสนใจของคุณอยู่แล้ว
ถ้ามันเป็นต้นเหตุที่ทำให้สังคมเสื่อมทราม
บางที่พวกที่ปล่อยให้เรื่องเหล่านี้หลุดรอดสู่สายตาของสาธารณชน
หรือผู้ที่สนับสนุนแนวความคิดนี้
ก็คงเป็นพวกที่ต้องการความช่วยเหลือจากจิตแพทย์เหมือนกับผมใช่ไหมครับ
บางที ทุกคนในประเทศอย่าง ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์
หรืออีกหลายประเทศที่สามารถรับรู้เรื่องเหล่านี้ผ่านสื่อได้อย่างเสรี
ก็คงเป็นพวกป่วยทางจิต
บางทีเราน่าจะมีจิตแพทย์ไปประจำเทศกาลภาพยนตร์ อย่าง
เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์หรือออสการ์ใช่ไหมครับ
เพราะนอกจากจะมีสิ่งปลุกเร้าทางกามรมณ์ให้ดูอย่างไม่ถูกเซ็นเซอร์ในเทศกาลเหล่านั้นแล้ว
บรรดาผู้ที่เข้าร่วมงาน โดยเฉพาะพวกนักแสดงหญิง
ก็มีหลายคนที่อาจจะแต่งตัวในแบบที่คุณชาญรับไม่ค่อยได้
ประเทศเหล่านี้น่าจะมีสถิติอาชญากรรมทางเพศสูงนะครับ
คุณว่ามั้ย
หรืออาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาเจริญได้ไม่เท่ากับเรา
การสร้างสรรค์งานมันดูจะปราศจากข้อจำกัดไปมากอยู่เหมือนกัน
หรือบางทีเป็นไปได้ไหมว่า
พวกเขาไม่ใช่พวกเก็บกดทางเพศอย่างเรา
ไอ้พฤติกรรมที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคมทั้งหลายแหล่จึงสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ส่งผลต่อระดับศีลธรรมของผู้คน


เอาไว้พรุ่งนี้ผมค่อยมาต่อนะครับ

จากคุณ : pc : - [ 25 กพ. 2007 05:04:30 ]

pc's comments part 3

56519
ผมคงต้องขอขอบพระคุณคุณ Rosso
กับคุณตี๋ด้วยนะครับที่มีจิตใจที่เปิดกว้าง
ผมดีใจครับที่คุณ Rosso
คิดว่าสิ่งที่ผมเขียนมีประโยชน์ต่อคุณ
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ผมคิดว่า
มันเป็นแค่การอธิบายสิ่งที่คุณ Rosso
คิดอยู่ในใจได้เองอยู่แล้ว
และผมเพียงแค่นำมันออกมานำเสนอในรูปถ้อยคำเท่านั้นเองครับ


ถ้าเป็นเช่นนั้น
ผมก็คงต้องขอแสดงความยินดีทั้งกับคุณ Rosso และ
คุณตี๋ ด้วยครับ
กับการมีความคิดที่เป็นอิสระจากกรอบความเชื่อที่สืบทอดต่อๆกันมา
(เป็นความเชื่อ ไม่ใช่ความคิดแน่นอนครับ
เพราะความคิดมักจะนำไปสู่ความเคลือบแคลงสงสัยในความเชื่อ)
และกระบวนการปลูกฝังที่ทำให้เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัย
มีน้อยคนที่จะตั้งคำถามกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อ
หรือตั้งคำถามกับระบบจารีตที่คอยปิดกั้นโอกาสในการสำรวจและทดลองกับความคิดและการใช้ชีวิตในทุกๆแง่มุมที่เป็นไปได้


ผมคิดเสมอว่า
มันง่ายกว่าสำหรับหลายๆคนที่จะจมปลักอยู่กับกรอบทางความคิดและจารีตแบบเดิมๆที่พวกเขาคุ้นเคย
พร้อมๆกับการปล่อยให้จารีตเหล่านั้นทำลายความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติที่มีอยู่ในตัว
เพราะความอยากรู้อยากเห็นนำไปสู่การเรียนรู้ในสิ่งที่ซับซ้อนขึ้น
และทำให้เราต้องเผชิญหน้ากับข้อขัดแย้งในสิ่งที่เคยเชื่อถือ
การเผชิญหน้ามันจะเป็นไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
และในการหาบทสรุป
จำเป็นต้องอาศัยพลังงานและสติปัญญาในการขบคิด
ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับสำหรับคนที่คิดว่าการใช้ความคิดมันเป็นเรื่องยุ่งยาก
จะไม่เป็นการง่ายกว่าเหรอครับที่จะยึดมั่นอยู่กับกรอบทางจารีตที่ตายตัว
และใช้มันเป็นเสมือนเกราะกำบังตัวเอง
ให้พวกเขาได้หลบอยู่ในนั้น
อย่างน้อยมันก็ช่วยปิดบังปมด้อยทางปัญญาที่พวกเขามี
และทำให้พวกเขาคิดว่า
ตัวพวกเขาสูงส่งพอที่จะตัดสินคนอื่นๆได้ด้วยระบบตรรกะทางจริยธรรมแบบตื้นๆของพวกเขา


ทั้งคุณ Rosso และ คุณตี๋ ทำได้ค่อนข้างดีครับ
ที่ได้ตระหนักว่ากรอบที่มองไม่เห็นมันมีอยู่
อาจจะในรูประบบความคิดของผู้คนในสังคมที่คอยเรียกร้องให้ทุกๆคนถูกกลืนได้เหมือนๆกัน
ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางวัฒนธรรมแบบเดียวกัน
แต่โอกาสในชีวิตที่สูญเสียไปจากการมีชีวิตภายใต้ข้อจำกัด
เราเองที่เป็นฝ่ายเสีย
ไม่มีคนอื่นๆที่ไหนมาสูญเสียกับเราด้วย
มันไม่ง่ายเลยนะครับกับการอยู่ในสังคมที่ chauvinist
แบบสังคมไทยนี้แล้วได้ตระหนักถึงข้อจำกัดที่คนส่วนใหญ่มองข้าม
ว่า All chauvinistic values are toxic to the human
brains.

สำหรับท่านที่คิดว่าสื่อมีส่วนยั่วยุต่อพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ
ทำให้คนที่เสพย์เห็นผิดเป็นชอบ
จนคิดไปว่ามันเป็นสิ่งชอบธรรมที่จะดึงให้รัฐเข้ามาควบคุมการนำเสนอและเสรีภาพในการรับรู้
ไม่ว่าจะเป็น “คุณชาญ” “คุณครูกัลยา” “คุณอยากมั่ง”
หรือ “คุณสงสาร”
ลองอ่านลิงค์ข้างล่างนี้ดูก่อนนะครับ
มันอาจจะมีบางส่วนที่เกี่ยวกับการเซ็นเซอร์และอิทธิพลของสื่อ
ผมเคยเขียนแสดงความเห็นตอบเพื่อนท่านหนึ่งเอาไว้ในอีกกระทู้
และผมก็ไม่อยากจะเขียนซ้ำอีกรอบครับ
มันสิ้นเปลืองเนื้อที่และผมเองก็พิมพ์ช้ามากด้วย
ที่ผมเขียนเอาไว้
ผมได้ยกตัวอย่างที่พอจะมองเห็นได้ชัดเอาไว้บ้าง
มันอาจจะดูน้ำท่วมทุ่งไปบ้างอย่างที่คุณครูกัลยาว่าไว้
เพราะผมเขียนไม่ค่อยเก่ง
ยังไงก็ทนอ่านเอาหน่อยนะครับเพราะผมจะไม่ตอบซ้ำที่นี่
ยังไงก็ขอความกรุณาอ่านให้จบก่อนนะครับ

เป็นความเห็นที่ 47802 ครับ
เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปอ่านความเห็นอื่นๆที่ผมเขียนเอาไว้ในกระทู้เดียวกันนี้


http://www.bioscopemagazine.com/web2006/webboard/index-in.php?id=47138





“ ได้ยินมาเยอะแล้วประเภทฉันต้องมีสิทธิเสรีภาพ
แต่ชอบลืมว่าบางทีมันไปละเมิดคนอื่นเค้า
และก้อลืมไปว่าเค้าก้ออยากมีมันเหมือนๆกันกะคุณนั่นแหละ
ไอ้สิทธิเสรีภาพเนี่ย”

ไม่ทราบว่าคุณ “อยากมั่ง”
เข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไปหรือเปล่าครับ
ผมย้ำอยู่เสมอในทุกๆความเห็นที่แสดงออกมาว่า
การใช้สิทธิเสรีภาพต้องอยู่บนพื้นฐานในการเคารพสิทธิ์ในการมีเสรีภาพของผู้อื่น
และต้องมีความรับผิดชอบต่อผลกระทบต่อเสรีภาพของผู้อื่นด้วย
การใช้เสรีภาพไม่ได้หมายความว่าทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจนะครับ
เวลาที่ผมใช้เสรีภาพไปกับความสนุกสนานกับชีวิต
ไม่ว่าในรูปแบบไหนก็ตาม อาจจะเป็นการดื่ม
(ซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้ทำมาหลายปีแล้ว)
ผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะส่งเสียงดังรบกวนสิทธิ์ในการอยู่อย่างสงบสุขของคนอื่นๆ
ถ้าผมอยากมีเซ็กส์
มันก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจและความระมัดระวังในเรื่องของโรคติดต่อหรือการตั้งครรภ์
ถ้าผมจะใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง

ผมอาจจะเลือกพรรคการเมืองที่ผมเชื่อในจุดยืน
(ไม่แน่ใจว่าพรรคการเมืองของไทยจะมีให้เลือกหรือเปล่า)
แต่มันก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องติดตามเฝ้าระวังการทำงานของพรรคนั้น
ถ้าพวกเขามีอำนาจ
ผมก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ส่งมอบอำนาจให้กับพวกเขา
มันย่อมเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องติดตามว่า
พวกเขาใช้อำนาจตามอำเภอใจไปวางนโยบายเพื่อลิดรอนเสรีภาพของผู้อื่นหรือไม่
แม้ว่าการกระทำนั้นๆจะเป็นไปในทิศทางที่ทำให้ผมพอใจก็ตาม
แต่ถ้ามันไปละเมิดเสรีภาพที่ผู้อื่นพึงมี
ไม่ว่าจะในรูปแบบใดๆ
มันถือได้ว่าเป็นความรับผิดชอบของผมที่ต้องออกมาคัดค้านหรือแสดงความไม่พอใจให้ปรากฏ
การเฝ้าติดตามการทำงานของพรรคการเมืองที่ผมเลือก
ผมอาจจะไม่ได้ทำโดยการเข้าไปสืบค้นด้วยตัวเอง
เพราะมีกลุ่มองค์กรอิสระและกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคอยติดตามเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
ผมอาจจะทำโดยการให้การศึกษากับตัวเองอยากสม่ำเสมอ
เปิดรับข้อมูลอย่างรอบด้านจากทุกๆกลุ่ม
และใช้วิจารณญาณเท่าที่มีตัดสินการทำงานของผู้ที่ผมเลือกเอาจากข้อมูลที่ผมได้เรียนรู้
(มันน่าเศร้าตรงที่ว่า
พรรคที่ผมเลือกมักจะไม่ได้เป็นรัฐบาล)

ถ้าให้ยกตัวอย่าง
ผมอาจจะเป็นคนหนึ่งที่เกลียดนักการเมืองอย่าง
คุณสมัคร สุนทรเวช
แต่ถ้าพรรคการเมืองที่ผมเลือกใช้อำนาจไปปิดกั้นสิทธิ์ที่พึงมีของคุณสมัครในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
ผมก็คงต้องทำทุกอย่างที่ผมทำได้เพื่อแสดงการคัดค้าน
ถึงแม้ว่าผมจะเห็นว่าความคิดเห็นทางการเมืองของคุณสมัครมันไร้สาระ
อ้างข้อมูลมั่วๆ
เล่นกับกระแสชาตินิยมเพื่อปลุกปั่นใครก็ตามที่ปั่นหัวได้ง่าย
หรือ
สร้างความเสียหายให้กับบุคคลที่เขากล่าวพาดพิงถึงก็ตาม
เพราะยังไงเสีย
ผู้ที่ถูกพาดพิงสามารถใช้สิทธิ์ฟ้องร้องเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคุณสมัครได้
ถ้าเห็นว่าการพาดพึงนั้นไม่ตรงกับความจริง
แต่การใช้อำนาจรัฐไปปิดกั้นสิทธิ์ที่พึงมี
มันเท่ากับไปปิดกั้นโอกาสของแฟนรายการของคุณสมัครในการรับรู้สิ่งที่พวกเขามีสิทธิ์จะได้รับรู้ด้วย
และผมไม่จำกัดว่าจะคัดค้านเฉพาะการใช้อำนาจของพรรคการเมืองที่ผมเลือกเท่านั้น
แต่ถ้าการใช้อำนาจมันเกิดโดยพรรคการเมืองที่ผมเลือก
ผมก็ยิ่งต้องถือว่าเป็นความรับผิดชอบในฐานะของหนึ่งเสียงที่ส่งมอบอำนาจ


จะเห็นได้นะครับว่าการตระหนักถึงเสรีภาพและผลกระทบ
มันเกิดขึ้นได้กับทุกกิจกรรมที่ทำ
เกิดขึ้นได้ในทุกระดับกิจกรรมทางสังคม
ตั้งแต่ความสัมพันธ์กับผู้คนรอบๆตัวไปจนถึงการเมืองระดับประเทศ
คุณ “อยากมั่ง” อาจจะถามกลับมาว่า
แล้วที่พวกดาราแสดงพฤติกรรมตามหัวข้อกระทู้
จะถือว่าเป็นการใช้เสรีภาพที่สร้างผลกระทบได้หรือเปล่า?
ผมถือว่า พฤติกรรมการแสดงออกของดารา
รวมถึงสิ่งต่างๆที่นำเสนอในสื่อก็ดี
มันไม่ได้เป็นการบีบบังคับให้ใครก็ที่ได้เห็นแล้วต้องเกิดความเชื่อถือ
เวลาที่คุณรับสารจากสื่อ
คุณยังมีอิสรภาพในการใช้วิจารณญาณของตัวคุณเองในการตัดสินว่า
สิ่งที่คุณเห็นมันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี
ควรจะที่ให้ความสำคัญหรือคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ
ผิดกับการใช้อำนาจรัฐในการเซ็นเซอร์
ที่แย่งเอาสิทธิ์ในการรับรู้ ตัดสิน
และใช้วิจารณญาณต่างๆที่พึงมีไปจากตัวเรา
ผมไม่แน่ใจว่ามันส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของเยาวชนจริงหรือเปล่า
แต่การเซ็นเซอร์มันส่งผลกระทบต่อสิทธิในการรับรู้รับชมของผมไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นนะครับ
ยังผู้ที่รักการชมภาพยนตร์อีกหลายคน และผมก็คิดว่า
ความพยายามในการใช้บทลงโทษทางสังคมต่อนักแสดงในหัวข้อกระทู้
มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการเซ็นเซอร์ในพฤติกรรมการแสดงออกเลยครับ
ทั้งๆที่สิ่งที่เธอทำมันก็ไม่ได้ไปละเมิดสิทธิ์ของใครด้วยซ้ำ
แต่คุณก็มีสิทธิ์จะไม่ชอบครับ
สิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบเป็นสิทธิ์ของคุณอย่างเต็มที่
และคุณก็สามารถจะยกเลิกการสนับสนุนผลงานของเธอด้วยการปฏิเสธการรับชมภาพยนตร์ที่เธอแสดงได้ทุกเรื่อง
หรือชักชวนทุกคนที่รู้จักให้เลิกสนับสนุนผลงานของเธอ
(แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของพวกเขาด้วยนะครับว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อคุณ)
นั่นคือขอบเขตเท่าที่คุณทำได้ (เท่าที่ผมนึกออก)

ถ้าคุณคิดว่า
การแต่งกายของเธอมีส่วนยั่วยุต่อพฤติกรรมเลียนแบบ
ซึ่งนำไปสู่การเกิดอาชญากรรมทางเพศหรือความรุนแรงต่อสตรี
ถ้าผมจะใช้ตรรกะในแบบเดียวกัน
ถ้าคุณคิดว่าการข่มขืนเกิดขึ้นเพราะอาชญากรเห็นว่าเหยื่อแต่งตัวยั่วยุ
และไปโทษสิ่งที่ได้เห็นจากสื่อ
มันก็เหมือนกับไปบอกว่า
ถ้าเด็กก่อคดีลักขโมยโทรศัพท์มือถือเพราะอยากจะได้
คุณคงต้องบอกว่า
เป็นเพราะโฆษณายั่วยุให้เกิดกิเลสใช่ไหมครับ
เพราะหน้าที่ของการโฆษณาก็คือการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคอยู่แล้ว
และคุณก็คงต้องโทษบริษัทผู้ผลิตด้วยว่า
ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ
มีดีไซน์ล้ำจนเป็นที่ต้องการของตลาด
นั่นก็เท่ากับว่า
ไม่มีใครต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่ตนก่อ
เพราะทุกคนต่างก็สามารถโทษสิ่งยั่วยุได้หมด
ถ้าคุณคิดว่าการควบคุมการรับรู้ต่างๆ
ไม่ว่าจะด้วยกลไกของรัฐหรือโดยสถาบันที่มีอำนาจทางสังคม
เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสังคมเรา
ทำไมไม่ลองเปรียบเทียบกับสังคมที่ประชาชนมีสิทธิ์ในการรับรู้ได้เต็มที่
หรืออย่างน้อยก็มากกว่าเราดูล่ะครับ อย่างที่ญี่ปุ่น
คุณสามารถจะเลือกชมภาพยนตร์เร็ตเอ็กซ์ได้แทบจะทุกรูปแบบ
แต่ทำไมอัตราการเกิดอาชญากรรม
โดยเฉพาะอาชญากรรมทางเพศของที่นั่นถึงจัดได้ว่าต่ำที่สุดในโลกล่ะครับ
บางทีผู้คนในประเทศที่ให้การเคารพสิทธิ์ของปัจเจกอาจจะเป็นพวกที่ต้องการความช่วยเหลือจากจิตแพทย์อย่างที่คุณชาญคิด
หรือบางที่พวกเขาควรจะเอาอย่างคุณชาญหรือหลายๆท่านที่นี่
มีระบบความคิดที่เหมือนกับคุณชาญ
มีทัศนคติแบบในแบบพิมพ์เดียวกัน ถ้าเป็นเช่นนั้น
ผมสงสัยอยู่เหมือนกันครับว่าสังคมของเขาก็คงจะเจริญได้พอๆกับสังคมของเรา
แทนที่จะใช้พลังงานไปกับการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
กลับต้องมาหมกมุ่นกับข้อจำกัดที่ไม่จำเป็น
หมกมุ่นกับความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนอง
ทั้งๆที่มันควรจะเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ก็ดีนะครับที่คนในสังคมที่ศิวิไลซ์เหล่านั้นไม่ต้องมาเป็นอย่างเรา
และเราก็คงทำได้เพื่อแค่ มองดูพวกเขาอยู่ห่างๆ
ดูวิถีชีวิตของพวกเขาผ่านสื่อ
ชีวิตในแบบที่เราไม่มีสิทธิ์จะมี
ภายใต้วัฒนธรรมและกรอบความคิดของพวกหมดสมรรถภาพ
พวกที่คอยแต่จะเรียกร้องให้ทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางศีลธรรมตื้นๆของตน


หรือถ้าคุณคิดว่าคนไทยอย่างเรามีความสามารถในการใช้วิจารณญาณต่ำกว่าผู้คนในประเทศเหล่านั้น
ทีนี้ก็ต้องถามว่า
ทำไมเราจึงใช้วิจารณญาณได้ต่ำกว่าคนชาติอื่น
มีอะไรที่คอยกดไม่ให้เราพัฒนาการใช้วิจารณญาณ
เป็นไปได้ไหมว่า
วัฒนธรรมของเรามันทำให้เราหลายคนกลายเป็นพวกเก็บกดทางเพศ
และพวกเก็บกดทางเพศมันจะทนต่อแรงยั่วยุได้ต่ำ
และปิดกั้นสิทธิ์ที่จะเรียนรู้และหาประสบการณ์ในการใช้ชีวิตอย่างรอบด้านถือว่ามีส่วนด้วยหรือไม่?
ถ้ามีใครบางคนก่ออาชญากรรมทางเพศเพราะสิ่งที่ได้รับชมจากสื่อ
มันเป็นเพราะอิทธิพลของสื่อโดยตรงหรือว่าปัจจัยเฉพาะของบุคคลนั้น?
เช่น สภาพที่แวดล้อมตัวของเขาระหว่างการเจริญเติบโต
ทำไมคนที่ได้รับชมในสิ่งเดียวกันกับเขาจึงไม่ก่ออาชญากรรมเช่นเขา?
และการเซ็นเซอร์แบบเหมารวมโดยอาศัยมาตรฐานของคนที่ไม่ปรกติเพียงไม่กี่คน
จะถือว่าเป็นการปิดกั้นที่จะทำให้คนปรกติอีกเป็นล้านกลายมาเป็นพวกเก็บกดทางเพศได้หรือเปล่า?
การเซ็นเซอร์ที่คุณคิดว่าควรเป็นไปเพื่อปกป้องเยาวชน
ควรจะบังคับใช้รวมกับผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยหรือเปล่า?


อย่างที่ทราบกันดีนะครับว่า
การเซ็นเซอร์มันไม่ได้มีเฉพาะกับสื่อลามกอนาจารเท่านั้น
มันได้ลามมาถึงหนังนอกกระแส หนังอาร์ตเฮาส์
(หนังที่พวกในกระทรวงวัฒนธรรมคงไม่รู้ว่ามันคืออะไร)
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ยอมรับความชอบธรรมของการเซ็นเซอร์
นั่นก็เท่ากับว่าการเซ็นเซอร์อย่างที่เรามี
ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ในดีวีดี เพลง
หรือการบล็อกเว็บ
มันดำรงอยู่ได้เพราะมีคนอย่างคุณที่เห็นว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น
คุณคิดว่าคุณมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบหรือเปล่าครับ
ต่อโอกาสในการรับรู้ของผมกับผู้ชมอีกหลายๆคนที่ต้องสูญเสียไป
คุณคิดว่าต้องมีส่วนรับผิดชอบหรือเปล่าครับ
ต่อภาพยนตร์ดีๆตั้งมากมาย
ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลจากหลายสถาบัน
แต่ไม่มีโอกาสมาลงแผ่นให้ดูในดีวีดีเพราะพวกขาดการศึกษาทางด้านวัฒนธรรมในกระทรวงเห็นว่าภาพต่างๆที่ปรากฏเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
ไม่รู้ว่าพวกคนเหล่านั้นคิดว่าตัวเองมีดีอะไรไปตัดสินงานศิลปะร่วมสมัย
หรือบางทีอาจจะคิดว่าคุณวุฒิอันน้อยนิดและไร้ค่าที่พวกเขามีมันทำให้พวกเขารู้ดีกว่าคณะกรรมการเทศกาลภาพยนตร์ในยุโรป
และทำไม่สังคมนี้ถึงปล่อยให้พวกเศษสวะทางวัฒนธรรมเหล่านี้ขึ้นมามีอำนาจชี้ผิดชี้ถูกต่องานศิลปะร่วมสมัยทั้งๆที่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่คนพวกนี้มีความรู้อะไรเลย
จะมีหนังดีๆอีกสักกี่เรื่องที่เราพลาดโอกาสได้ชม
มีหนังอีกกี่เรื่องที่ผู้สร้างชาวไทยอาจจะได้สร้าง
แต่ต้องล้มเลิกความคิดเพราะเกรงว่าจะถูกแบน
ความสูญเสียพวกนี้คุณคิดว่าคุณต้องมีส่วนรับผิดชอบหรือเปล่าครับ


สำหรับผมแล้ว ผมก็ยืนยันอย่างเดิมว่า
ประเด็นมันไม่ใช่ศิลปะหรืออนาจาร
ถ้าการดูหนังเอ็กซ์ในที่ส่วนตัวไม่ทำให้คุณออกไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร
หรือกิจกรรมใดๆก็ตามที่คุณทำแล้วมันไม่ส่งผลต่อความสงบสุขในชีวิตของผู้อื่น
คุณก็มีสิทธิ์ที่จะได้ทำแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สูงส่งทางด้านศีลธรรมก็ตาม
และก็ต้องแยกให้ออกเช่นกันนะครับว่าการดูหนังเอ็กซ์กับการออกไปก่ออาชญากรรมทางเพศมันเป็นคนละเรื่องกัน
จะมีอะไรที่เป็นส่วนตัวไปกว่ากิจกรรมทำในที่ส่วนตัวอีกล่ะครับ
แต่มันกลายเป็นว่า เดียวนี้
ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสื่อลามกอนาจารฉบับใหม่
แค่มีสื่อเหล่านั้นไว้ในครอบครองเพื่อการชมภายในที่พักอาศัย
ก็นับได้ว่าผิดกฎหมายแล้ว
นี่เรียกได้ว่าสิทธิ์ของผมถูกละเมิดไปเรียบร้อยแล้วหรือเปล่าครับ
คุณอาจจะบอกว่า ผมอาจจะทำกิจกรรมอย่างอื่นก็ได้
แต่ความสุขของผมกับของพวกคุณมันจำเป็นต้องเหมือนกันหรือเปล่าล่ะครับ
และโทษทีเถอะครับ พวกคุณคิดว่าพวกคุณเป็นใคร
มีดีอะไรที่จะมาเที่ยวบอกกับผมว่าผมควรจะมีชีวิตยังไง
ทุกอย่างที่ผมและผู้ที่รักการชมภาพยนตร์อีกหลายคนทำ
ไม่เคยไปละเมิดสิทธิ์ในการมีเสรีภาพของใคร
แต่ขอบเขตของสิทธิ์ของพวกคุณ คุณก็ยังไม่รู้กันเลย
(นี่อาจจะเป็นผลของการอยู่ภายใต้ระบบจารีตมาเป็นเวลานาน
ถึงได้สับสนว่าขอบเขตในสิทธิ์ของพวกคุณมีกันแค่ไหน
มีสิทธิ์จะไปเรียกร้องอะไรจากใครได้บ้าง
พวกคุณถึงได้พยายามกลืนทุกๆคนให้เหมือนกับพวกคุณได้อย่างไม่เคยรู้สึกละอาย)
ถ้าคุณจะมาบอกผมว่า การดูหนัง หรือ
การสนองกิเลสตัณหาของผมในที่ส่วนตัวเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
ผมก็ขอลองต่อยอดความคิดของพวกคุณดูก็แล้วกันนะครับ
ความสุขทุกอย่าง อย่างน้อยก็ความสุขทางโลก
ก็คือการตอบสนองต่อกิเลสตัณหาทั้งนั้น
แต่ละคนก็มีกิเลสตัณหาไปคนละแบบ
ไม่ใช่ว่าของคุณสูงส่งกว่าของผม
หรือของผมสูงส่งกว่าของคุณ
ถ้าคุณเห็นว่าการตอบสนองต่อกิเลสตัณหาไม่ใช่สิ่งจำเป็น
บางที สิ่งที่เราเรียกกันว่า “ความสุข”
อาจจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นก็ได้
การอยู่อย่างไม่มีความสุขมันก็คงไม่ถึงกับทำให้เราตาย
เราสามารถจะอยู่ไปวันๆเพื่อรอวันตายก็ได้
หรืออยู่อย่างขาดแรงกระตุ้นในการใช้ชีวิตก็ได้
การที่พวกคุณมาเที่ยวยกตัวเองว่า
ความสุขหรือหนทางในการแสวงหาความสุขของคนอื่นเป็นของต่ำหรือเป็นเรื่องชั่วช้า
มีแต่ของพวกคุณเท่านั้นที่ประเสริฐ
ชีวิตที่ต้องสูญเสียกับการอยู่อย่างไม่มีความสุข
หรือถูกปิดกั้นโอกาสในการแสวงหาความเพลิดเพลิน
สำรวจและทดลองกับชีวิตในทุกๆแง่มุม
พวกคุณคิดว่าพวกคุณมีปัญญาจะคืนเวลาในชีวิตให้กับผมหรือใคร
ที่ต้องเสียไปเพราะทัศนคติและการเรียกร้องของพวกคุณหรือเปล่า
ที่เที่ยวไปดึงเอากลไกต่างๆเข้ามาวุ่นวายกับเสรีภาพของชาวบ้าน
พวกคุณคงไม่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบอะไรใช่ไหมครับ

จากคุณ : pc : - [ 25 กพ. 2007 01:20:58 ]

pc's comments part 2



56416
"ถ้าคนไทยคิดแบบคุณ สังคมไทยมีหวังตกเหวแน่นอน (
ขณะนี้ก็จะรอดมิรอดแหล่อยู่แล้ว
ถ้าไม่มีใครช่วยเตือนสติ(แรงๆ)ช่วยฉุดรั้ง
ไว้บ้าง...สังคมบ้านเราจะย่ำแย่กว่านี้อีกมาก"

ไม่แน่ใจว่าที่อาจารย์เขียนนี่
เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองภายในประเทศที่ผ่านมาหรือเปล่า
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ต้องเรียนให้ทราบไว้ก่อนว่า
ถ้าอาจารย์คิดว่าผมมีทัศนคติแบบนี้แล้ว
ผมจะกลายเป็นนักบริโภคนิยม
เป็นหนึ่งในผู้ที่ลงคะแนนให้อดีตนายก
ถ้าอาจารย์คิดอย่างนี้ละก็
มันคงต้องเป็นผลของการอยู่ภายใต้วัฒนธรรมที่ลดทอนระบบความคิดให้คิดอะไรอย่างง่ายๆแน่นอน


ผมไม่เคยเลือกพรรคนายทักษิณ
และผมก็ไม่เคยพอใจกับนโยบายตลาดเสรี
อาจารย์ต้องแยกให้ออกนะครับ ว่า
เสรีภาพกับตลาดเสรีมันคนล่ะเรื่องกัน
ถ้าเป็นในต่างประเทศ
พวกที่สนับสนุนตลาดเสรีคือพวกอนุรักษ์นิยมที่มักจะมีปัญหากับเสรีภาพของปัจเจกนะครับ
อาจารย์อาจจะทราบดีอยู่แล้ว แต่ผมเห็นว่า
ในหมู่คนไทยหลายคนยังสับสนกับคำจำกัดความเหล่านี้

และผมก็เห็นด้วยตามาว่า
พวกนักวิชาการหลายคนที่คิดเรื่องความพอเพียงและการถ่อมตนแบบไทยๆคล้ายๆกับอาจารย์
ท่านเหล่านั้น ก่อนที่จะมาต่อต้านทักษิณ
ก็เป็นคนกลุ่มเดียวกับที่เคยไปชุมนุมกดดันศาลรัฐธรรมนูญตอนที่ทักษิณเจอคดีซุกหุ้นเมื่อตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ
แต่ยังไงเสียผมก็ไม่คิดว่า
อาจารย์อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น
หรือเคยลงคะแนนเสียงเลือกเขา เพราะเห็นว่า
ชาติต้องการผู้นำที่เข้มแข็งอย่างเขามากู้วิกฤต
แต่ส่วนใหญ่คนในวัฒนธรรมนี้มักจะเป็นกันอย่างนี้นะครับ
เราเคยชินกับการอยู่ใต้อำนาจ
ถนัดกับการใช้อำนาจมากกว่าปัญญา
เราจึงมักจะเรียกหาผู้นำที่เข้มแข็ง
เพราะมีแต่ผู้นำอย่างนี้เท่านั้นที่เข้ามาใช้อำนาจแบบเผด็จการกับเราได้


ถ้าอาจารย์มีปัญหากับรัฐบาลชุดที่แล้ว
ผมเดาเอาว่าคงจะเป็นเพราะเรื่องจริยธรรมเหมือนกับคนอื่นๆใช่ไหมครับ
คงไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องการใช้อำนาจแบบเผด็จการของเขา
ทั้งๆที่ผมเห็นว่ามันเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงกว่าเยอะ
และมันทำให้ประเทศที่ไปสู่หุบเหวขึ้นมาจริงๆแบบที่อาจารย์ว่า
แต่การใช้อำนาจเผด็จการแบบที่เขาใช้คงไม่ทำให้อาจารย์รู้สึกว่ามีปัญหาใช่ไหมครับ


ถ้าผมไปกระตุ้นต่อมชาตินิยมของใครเข้า
ผมก็คงต้องยืนยันในสิ่งที่ผมเขียนอย่างเดิมนะแหละครับ
วัฒนธรรมที่มีจุดบกพร่องมากมาย
มักจะตัดโอกาสการเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตอย่างรอบด้าน
เพื่อจะรักษาความน่าเชื่อถือ
วัฒนธรรมเหล่านั้นมักจะปลูกฝังความภาคภูมิใจ
ให้ผู้ที่อยู่ใต้วัฒนธรรมนั้นรู้สึกภูมิใจจนเลิกมองหานัยแห่งอำนาจที่แฝงอยู่ในตัว
เพราะถ้าคนเลิกภูมิใจกับมันขึ้นมา
พวกเขาอาจจะได้เจอจุดบกพร่องของมันและผลเสียที่วัฒนธรรมนั้นก่อขึ้นกับชีวิตของพวกเขาขึ้นมาน่ะสิครับ
และวัฒนธรรมในแบบนั้นก็มักจะผูกติดกับคติชาตินิยมอย่างแยกไม่ค่อยออกเสียด้วยสิครับ


อ้อ ผมขอฝากไว้สำหรับผู้ที่รักชาติทุกท่านนะครับ

Nationalism is an infantile disease. It is the
measles of mankind.

Albert Einstein

แหม ถ้าเขามาเกิดในสังคมชาตินิยมแบบไทยๆละก็
ผมก็สงสัยว่า
ระดับไอคิวของเขาจะเป็นยังไงเหมือนกันนะครับ


จากคุณ : pc : - [ 23 กพ. 2007 23:04:55 ]




56418
หน้าที่ของการมีเสรีภาพก็คือ
หน้าที่ในการให้ความเคารพต่อเสรีภาพของผู้อื่นครับ
และกฏหมายที่มีบังคับใช้
ก็ควรจะเป็นไปเพื่อรักษาความเคารพในสิทธิ์และเสรีภาพครับ
ไม่ใช่ตัวกฏหมายมาละเมิดเสียเอง

การมีเสรีภาพไม่ได้หมายถึงการทำอะไรได้ตามใจแน่นอนครับ
ต้องคำนึงทุกครั้งว่า
ทุกสิ่งที่ทำไปริดรอนสิทธิ์ในการมีเสรีภาพของคนอื่นเขาหรือเปล่า
นักการเมืองที่เลือกเข้าไป ใช้อำนาจตามอำเภอใจ
ไปละเมิดสิทธิ์มนุษย์ชน
หรือสิทธิ์ในการใช้ชีวิตของใครเขาบ้าง

แต่การที่อาจารย์มาเที่ยวเรียกร้อง
หรือตั้งการคาดหวังเอาจากชีวิตของคนอื่นนี้
มันเป็นการยึดเอาทัศนคติของตัวเองไปเที่ยวบังคับใช้กับคนอื่นๆเอาตามอำเภอใจนะครับ
และถ้าอาจารย์คิดว่า
พฤติกรรมของพวกเขามันส่งผลกระทบต่อเด็ก
แล้วทำไมอาจารย์ถึงไม่คิดบ้างล่ะครับว่า
เพราะอะไรเด็กจึงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสื่อได้มาขนาดนี้
การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่
ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตัวเองของเด็กหรือเปล่า

พ่อแม่ที่บกพร่องในหน้าที่ มีลูกโดยไม่ยั้งคิด
หรือมีไปเพื่อเป็นการทำหน้าที่ทางสังคม
ตามวัฒนธรรมที่ส่งเสริมสถาบันครอบครัว
ที่พวกเขาต้องคิดถึงการแต่งงานและมีครอบครัวเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่ง
พอกลายมาเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองของพวกเยาวชนของชาติ
กลับไม่รู้จักการเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง
ให้เด็กมีภูมิคุ้มกันที่เพียงพอกับแรงยั่วยุ
พอผลเสียเริ่มปรากฏเข้า กลับมาเรียกร้องเอาจากสื่อ
เรียกร้องการเซ็นเซอร์ ผมจะนับได้ไหมครับว่า
คนพวกนี้เป็นพวกที่ไม่รู้จักหน้าที่
ทั้งหน้าที่ในการเป็นพ่อเป็นแม่
และก็หน้าที่ในการให้ความเคารพต่อสิทธิ์ในการมีเสรีภาพของผู้อื่น

จากคุณ : pc : - [ 23 กพ. 2007 23:15:11 ]



56420
"โถ..คุณpcเจ้าขา...คุณรู้ได้ไงว่าพวกเด็กฝรั้งเขามีปัญหาท้องก่อนแต่ง..ทำแท้ง..

คลอดแล้วทิ้ง..โรคเอดส์..ฯลฯ...น้อยกว่าเรา?????

คุณไม่รู้หรอกว่าฉันน่ะอยู้กับแหล่งข้อมุลมาร่วม20กว่าปี
คุณก็แค่จำขี้ปากที่เขาพูดลอยๆลมๆมา
ท่าจะไม่รู้จริงอะไรเท่าใดนักหรอก"

เดาว่าคงจะเป็นข้อมูลจากประสพการณ์เฉพาะแต่ในเมืองไทยเท่านั้นใช่ไหมครับ
เคยไปเห็นในต่างประเทศมาบ้างหรือเปล่าครับ
ผู้ใหญ่ในเมืองไทยที่ชอบอ้างว่ารู้ส่วนใหญ่ก็มักจะรู้แต่ในสังคมของตัวเอง
เวลาที่คุณหมอมีชัยมีโครงการจะจัดทำหนังสือ
"คู่มือวัยใส" ให้กับเด็กนักเรียน
อาจารย์คิดว่ามันจะเป็นการทำให้สังคมเสื่อมทรามไปด้วยหรือเปล่าล่ะครับ
ผมรู้แต่ว่า ในต่างประเทศ
เรื่องเพศศึกษาแบบนี้เขาไม่มาปิดบังกันหรอกครับ

ไม่ทราบว่าอายุของผมนี่พอจะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ได้หรือเปล่า
แต่อย่างน้อยก็ดีใจละครับ
ที่ไม่เคยได้เรียนกับอาจารย์ จริงๆแล้ว
ชีวิตในระบบโรงเรียนก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าจดจำอะไรเลย
ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากนึกถึง
เอาเป็นว่าผมเกลียดมันแทบจะทุกๆวินาทีที่ผ่านไป

ผมไม่แปลกใจว่า
ทำไมเผด็จการมันถึงได้อยู่ยงคงกระพันในประเทศนี้ได้อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
ส่วนหนึ่งมันก็น่าจะเป็นการปลูกฝังในระบบโรงเรียนเหมือนกันนะครับ

จากคุณ : pc : - [ 23 กพ. 2007 23:23:28 ]


56421
เวลานึกถึงพวกชาตินิยมทั้งหลายแหล่
มันทำให้ผมนึกไปถึงพวกคนอเมริกันที่อยู่ในกลุ่มพวกประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม


ถ้าพวกเขาชาตินิยมกันได้แบบคนไทยละก็
สงครามคงจะไม่ยุติหรอกครับ อาจจะเป็นเพราะว่า
เขาไม่ยึดติดกับกรอบความคิดที่ได้รับการปลูกฝัง
พวกเขาถึงคิดอะไรกันได้กว้างไกลขึ้น
จากคุณ : pc : - [ 23 กพ. 2007 23:26:12 ]


56503
ผมต้องขอชี้แจงนิดนึงนะครับ บางที่คุณ “ไม่โง่จ๊ะ”
อาจจะไม่ได้เข้ามาในเว็บนี้เป็นประจำ
ผมเองตั้งแต่เข้ามาอ่านและแสดงความเห็นในเว็บนี้
ก็ใช้นามแฝงนี้ (pc) มาโดยตลอด ส่วนคุณตี๋นั้น
ถ้าเป็นท่านเดียวกับที่ผมคิดเอาไว้
ก็น่าจะเข้ามาแสดงความเห็นในบอร์ดนี้เป็นประจำเช่นเดียวกันครับ
เท่าที่ผมจำได้
ดูเหมือนจะได้เริ่มอ่านความเห็นของคุณตี๋บ่อยๆก็ช่วงปลายปีที่แล้วนี้เองครับ
ถ้าจำไม่ผิด
คุณตี๋จะเข้ามาแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง
บางเรื่องผมก็เห็นด้วย บางเรื่องก็อาจจะไม่
แต่ผมก็เคารพในการแสดงความคิดเห็นของคุณตี๋และท่านอื่นๆทุกท่านเสมอครับ


อย่างที่ได้เรียนให้ทราบไปแล้ว คุณ “ไม่โง่จ๊ะ”
จะเชื่อหรือไม่
นั่นย่อมเป็นสิทธิ์ของคุณโดยสมบูรณ์ครับ
จริงๆแล้วจะเชื่อหรือไม่
มันก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมเท่าไรนัก
เว้นแต่ว่าคุณตี๋อาจจะรู้สึกไม่ชอบที่มีคนคิดว่าเขาเป็นคนเดียวกับผม
ยังไงเสียเว็บบอร์ดนี้ก็เป็นบอร์ดที่ไม่ใช้ระบบสมาชิก
ซึ่งผมก็เห็นว่ามันมีข้อดีตรงที่
ทุกท่านที่เข้ามาแสดงความเห็นสามารถจะรักษาความนิรนามของตนเอาไว้ได้
ทางเจ้าของเว็บไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ที่เข้ามาแสดงความเห็นเอาไว้
ทำให้ผู้ที่เข้ามาสามารถที่จะแสดงความเห็นได้โดยเสรี
ไม่ต้องไปหวั่นเกรงว่า
ถ้าแสดงความเห็นที่อาจจะสร้างความไม่พอใจกับใครออกไป
ก็อาจจะมีการสาวมาถึงตนเองได้โดยข้อมูลส่วนตัวที่ส่งมอบให้กับทางเจ้าของเว็บ


เพราะผู้ที่เข้ามามีสิทธิ์ในการรักษาความเป็นนิรนามของตน
ที่นี่จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นบนพื้นฐานของ
free speech
ทุกคนที่เข้ามาสามารถจะเปลี่ยนนามแฝงไปได้เรื่อยๆ
เหมือนกับที่คุณ “ไม่โง่จ๊ะ” ทำอยู่ตอนนี้ ซึ่งบางที
คุณ “ไม่โง่จ๊ะ”
อาจจะเป็นผู้ที่เข้ามาในบอร์ดนี้เป็นประจำ
โดยใช้นามแฝงอื่นประจำอยู่แล้ว หรือบางที
วันหนึ่งข้างหน้า คุณ “ไม่โง่จ๊ะ”
ก็อาจจะสวมรอยมาเป็นผม เหมือนกับที่คุณ ไกรวุฒิ
เคยโดนมาแล้วครั้งหนึ่ง

เมื่อลองเปรียบเทียบกับเว็บอื่นที่ใช้ระบบสมาชิก
ที่นี่ก็นับได้ว่าเป็นที่ๆที่ให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้ค่อนข้างมาก
เสรีภาพที่มีก็แนบมากับข้อควรระวัง
เพราะการสวมรอยทำได้ง่ายพอๆกับการแสดงความคิดเห็น
การเปิดรับข้อมูลจากเว็บบอร์ดจึงต้องเป็นไปอย่างมีสติ
เช่นเดียวกับเสรีภาพด้านอื่นๆในชีวิตจริง
ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการมีสติคอยกำกับ
แต่การมีสติสามารถจะเกิดขึ้นได้ก็จากการเรียนรู้อย่างรอบด้านเท่านั้นนะครับ
ไม่ใช่การปิดกั้น

ขอเวลาผมสักครู่นะครับ ไว้ตอนดึกๆ
ผมจะมาเขียนตอบอีกที

จากคุณ : pc : - [ 24 กพ. 2007 21:27:40 ]