Sunday, April 20, 2014

SCISSORS EGGS SILK (2014, Bin Banloerit, A+5)

SCISSORS EGGS SILK (2014, Bin Banloerit, A+5)
กรรไกร ไข่ ผ้าไหม
 
(อันนี้เป็นการเขียนตอบ filmsick)
 
“กรรไกร ไข่ ผ้าไหม” เราให้ประมาณ A+5 ค่ะ คือมันมีรายละเอียดที่เราไม่ชอบเยอะมาก แต่สิ่งที่เราชอบมากๆในหนังเรื่องนี้ก็คือ “โครงสร้าง” ในช่วงประมาณครึ่งแรกของเรื่อง ที่มันเป็นการจับ moments ต่างๆในโรงเรียนแห่งหนึ่งโดยไม่มีเนื้อเรื่องชัดเจน คือในช่วงครึ่งแรกของเรื่องมันเหมือนไม่เน้น “การเล่าเรื่อง” น่ะ แต่เป็นการนำเสนอฉากสั้นๆของคนต่างๆมากมายในโรงเรียนไปเรื่อยๆ ซึ่งเราจะชอบอะไรแบบนี้มากๆ เราชอบ “การไม่เล่าเรื่อง” ของมันในช่วงครึ่งแรกมากๆ แต่พอช่วงครึ่งหลังมันถึงมีเส้นเรื่องชัดเจนขึ้นมาบ้าง
 
แต่ถึงเราจะชอบ “โครงสร้าง” บางส่วนของมันมากๆ แต่เนื้อหาของมันเป็นปัญหามากพอสมควรเลยนะ คือไอ้ moments ต่างๆที่มันใส่เข้ามา มันไม่ใช่ moments ที่เป็นธรรมชาติหรือสมจริงน่ะ แต่มันเป็น moments คลิเช่ๆ หรือเป็น moments ที่หวังผลในทางอารมณ์อย่างชัดเจนเกินไป หรือไม่ก็เป็นมุกตลกฝืดๆ หรือเป็น moments ที่เราไม่อินด้วย เราก็เลยรู้สึกว่าเราไม่ชอบหนังมากๆในส่วนของ contents แต่ในส่วน form เราชอบมันมากพอสมควรในช่วงครึ่งแรก คือหนังเรื่องนี้มันเหมือนเอาขนมดาษดื่นไปใส่ในขวดโหลที่สวยถูกใจเราน่ะ เราชอบขวด แต่เราไม่ชอบสิ่งที่อยู่ข้างในขวด
 
แต่มันก็มีบางโมเมนต์ที่เราชอบมากนะ เราชอบแก๊งเด็กนักเรียนหญิงที่อยู่ประมาณป.5 ที่ตามจีบนักตีกลอง และเราก็ชอบ moment ที่ราตรี วิทวัสหาว่าลูกชายพูดโกหก ทั้งๆที่ลูกชายพูดความจริงด้วย
 
คือถ้าหนังเรื่องนี้มันทำดีๆ มันจะออกมาเข้าทางเรามากเลยนะ คือถ้าหากมันนำเสนอภาพชีวิตเล็กๆน้อยๆในโรงเรียนแห่งนึง โดยเน้นจับทั้ง moments ที่ไม่สลักสำคัญ และ moments ที่น่าประทับใจมาเรียงร้อยเข้าด้วยกัน โดยไม่ต้องมีการเล่าเรื่อง และไม่ต้องมีตัวละครหลัก มีแต่ moments ของตัวละครเล็กๆน้อยๆในโรงเรียนมาต่อกันไปเรื่อยๆ มันจะออกมาเข้าทางเรามากๆ และมันอาจจะเอาไปเปรียบเทียบได้กับหนังอย่าง THE COMPANY (2003, Robert Altman), AMARCORD (1973, Federico Fellini) หรือ THE PROUD ONES (1980, Claude Chabrol) ที่เป็นการเอา moments ต่างๆมาต่อๆกันโดยไม่ต้องมีเส้นเรื่องชัดเจน
 
สรุปว่าดูหนังเรื่องนี้แล้วอยากให้มีคนทำหนังที่ใช้โครงสร้างแบบเดียวกัน แต่ทำให้มันออกมาเป็น “impressionistic account of student life” แทนที่จะเป็น “cliche account of student life” แบบนี้
 
 

No comments: