Tuesday, April 26, 2005

MUSCLEBOUND WORKERS LEAVING THE FACTORY

ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร มีแต่โรคภัยไข้เจ็บเข้ามาอย่างไม่ว่างเว้นค่ะ ดิฉันหายปวดตาในวันเสาร์ ก็เลยไปดูหนังที่เอ็มโพเรียมวันเสาร์กับวันอาทิตย์ แต่พอวันจันทร์ก็เจ็บคอ ก็เลยต้องงดดูหนังอีก เลยอดดู ROLF DE HEER กับ DAVID WENHAM เลย

วันอาทิตย์ได้ดูหนัง 3 เรื่อง ซึ่งก็คือ

BE COOL (A+)
MALLBOY (A+)
LOVE SERENADE (A-)


โดยรวมแล้วประทับใจกับเทศกาลหนังออสเตรเลียปีนี้อย่างสุดๆเลยค่ะ ชอบหนังแต่ละเรื่องที่เลือกมาฉายในปีนี้อย่างมากๆ หนังอย่าง MALLBOY, WALKING ON WATER และ AUSTRALIAN RULES เป็นหนังที่ดิฉันไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย แต่ก็ได้ A+ จากดิฉันไปทั้งสามเรื่อง

รู้สึกว่าหนังออสเตรเลียหลายเรื่องที่ดิฉันชอบทั้งในอดีตและปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะมีลักษณะอย่างหนึ่งตรงกันค่ะ นั่นก็คือตัวละครในหนังเหล่านี้เหมาะจะไปอยู่ในละครน้ำเน่าประเภท MELROSE PLACE หรือ SANTA BARBARA http://www.imdb.com/title/tt0086793/
อย่างมากๆ หนังเหล่านี้มักจะมีตัวละครที่วนเวียนอยู่กับชีวิตครอบครัว ด่าๆทอๆกับพี่ๆน้องๆพ่อๆแม่ๆผัวๆเมียๆ ในย่านที่อยู่อาศัยที่เหมือนกับอยู่บริเวณชานเมือง เวลาที่ดิฉันดูหนังออสเตรเลียทำนองนี้หลายๆเรื่องติดๆกัน ดิฉันอยากจะจับเอาตัวละครเหล่านี้มาอาศัยอยู่บริเวณเดียวกันซะทั้งหมด และให้ตัวละครเหล่านี้ interact กันไปเรื่อยๆจนกลายเป็น soap opera ขึ้นมา

ว่าไปแล้วก็อยากดูละครโทรทัศน์ชุด NEIGHBOURS ของออสเตรเลียเหมือนกัน รู้สึกว่าจะสร้างมาตั้งแต่ปี 1985 แล้ว จนตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่จบ เห็นสถิติบอกว่าละครชุด NEIGHBOURS ตอนที่ 4,000 ได้แพร่ภาพในปี 2001 แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าแพร่ภาพไปถึงตอนที่เท่าไหร่แล้ว
http://www.imdb.com/title/tt0088580/

ดารานักร้องที่แจ้งเกิดจาก NEIGHBOURS รวมถึง

1.RUSSELL CROWE เขาเล่นละครชุดนี้ในปี 1987
2.GUY PEARCE (MEMENTO)
3.RADHA MITCHELL (FINDING NEVERLAND)
4.JASON DONOVAN
5.JESSE SPENCER (UPTOWN GIRLS)
6.KYLIE MINOGUE
7.HOLLY VALANCE
8.NATALIE IMBRUGLIA
9.DELTA GOODREM


ละครโทรทัศน์ของออสเตรเลียอีกเรื่องที่น่าดูก็คือ HOME AND AWAY (1988-2005) ดิฉันชอบเพลงไตเติลของละครชุดนี้มากเลยค่ะ
http://www.imdb.com/title/tt0094481/


หนังออสเตรเลียที่ดิฉันคิดว่าควรจับเอาตัวละครมาอาศัยอยู่ในย่านเดียวกันเพื่อสร้างเป็นละคร SOAP OPERA รวมถึงเรื่อง

1.MALLBOY (2001, VINCENT GIARRUSSO, A+) ชีวิตครอบครัวเส็งเคร็งราวกับหลุดมาจากหนังไมค์ ลีห์

2.AUSTRALIAN RULES ลูกชายวัยหนุ่มที่มีพ่อเส็งเคร็ง

3.WALKING ON WATER ชีวิตหญิงสาวที่ยังคงอยู่ในช่วงของการแสวงหาผัวที่เหมาะสม และชีวิตหนุ่มๆที่ยังคงอยู่ในช่วงของการแสวงหา “ผัว” ที่เหมาะสมเช่นกัน

4.LOVE SERENADE ชีวิตของสาวๆที่ยังคงอยู่ในช่วงของการแสวงหาผัวที่เหมาะสม

5.DANCE ME TO MY SONG (ROLF DE HEER, A+) การแสวงหาความรักของหญิงพิการ

6.INNOCENCE (PAUL COX, A+) การค้นพบความรักของหญิงวัยชรา

7.MURIEL’S WEDDING (A+/A) การค้นหาตัวเองของหญิงสาว

8.STRICTLY BALLROOM (A) การก้าวไปสู่จุดหมายของชายหนุ่มและหญิงสาว

9.LA SPAGNOLA (2001, STEVE JACBOS, B+) ความสัมพันธ์ของหญิงสาวกับแม่และหนุ่มๆในชีวิต

10.LOOKING FOR ALIBRANDI (2000, KATE WOODS, B) การเรียนรู้ชีวิตของเด็กสาววัยรุ่น

11.LANTANA (2001, RAY LAWRENCE, A+) ความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของตัวละครมากมาย
http://www.imdb.com/title/tt0259393/



เห็นคุณอ้วนพูดถึงหนังเรื่อง WORKERS LEAVING THE LUMIERE FACTORY ก็เลยนึกถึงหนังอีกเรื่องนึงที่อยากดูอย่างสุดๆเลยค่ะ นั่นก็คือเรื่อง WORKERS LEAVING THE FACTORY (1995, HARUN FAROCKI) ที่เป็นการนำฉากคนงานกับโรงงานจากหนังหลายๆเรื่องซึ่งรวมถึงหนังสารคดีมาตัดต่อเข้าด้วยกัน และสำรวจประเด็นอะไรหลายๆอย่างที่น่าสนใจมากๆจากฉากเหล่านี้

WORKERS LEAVING THE FACTORY ประกอบขึ้นจากการใช้ฟุตเตจหนังเหล่านี้

1.WORKERS LEAVING THE LUMIERE FACTORY (1895, LUMIERE BROTHERS)

2.ฟุตเตจบันทึกภาพคนงานโรงงานฟอร์ด มอเตอร์ในเมืองดีทรอยท์ รัฐมิชิแกนในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20



3.METROPOLIS (1927, FRITZ LANG)


4.DESERTER (1933, VSEVOLOD PUDOVKIN) หนังเรื่องนี้ได้รับการผลิตขายในรูปแบบดีวีดีแล้ว
http://www.imdb.com/title/tt0023939/


5.ฟุตเตจบันทึกภาพคนงานที่เดินออกจากโรงงาน SIEMENS ของเยอรมนีเพื่อไปเข้าร่วมการเดินขบวนเชิดชูนาซีในปี 1934

6.ฟุตเตจบันทึกภาพนักโทษในค่ายกักกันชาวยิวช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง


7.CLASH BY NIGHT (1952, FRITZ LANG) หนังเรื่องนี้ได้รับการผลิตเป็นดีวีดีขายแล้ว
http://www.imdb.com/title/tt0044502/

8.RED DESERT (1964, MICHELANGELO ANTONIONI, A) หนังเรื่องนี้มีภาพคนงานและโรงงานเช่นกัน

9.ACCATONE (1961, PIER PAOLO PASOLINI (เกย์), A+) หนังเรื่องนี้นำเสนอภาพชีวิตหนุ่มๆชนชั้นแรงงานที่น่ากินน่ากอดน่าฟัดเป็นอย่างมาก
http://www.imdb.com/title/tt0054599/

10.THE KILLERS (1946, ROBERT SIODMAK)
http://www.imdb.com/name/nm0802563/

11.MODERN TIMES (CHARLES CHAPLIN)

12.MAN OF IRON (1981, ANDRZEJ WAJDA, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0082222/

13.INTOLERANCE (1916, D.W. GRIFFITH)

14.ฟุตเตจบันทึกภาพคนงานโรงงานในเยอรมันตะวันออกปี 1963 ขณะออกไปซ้อมรบ

15.ฟุตเตจบันทึกภาพคนงานโรงงานในเยอรมันตะวันตกปี 1975 ขณะถูกชักชวนให้ร่วมการประท้วง โดยกลุ่มผู้ชักชวนเปิดเพลงของ VLADIMIR MAYAKOVSKYเพื่อปลุกใจคนงาน แต่คนงานส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเพลงนี้คือเพลงที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติในรัสเซีย

อ่านเรื่องราวของ VLADIMIR MAYAKOVSKY ได้ที่
http://www.gavle.to/~t.hallqvist/majaken.html

16.ฟุตเตจบันทึกภาพข่าวการประท้วงในโรงงานอังกฤษปี 1956


http://filmref.com/directors/dirpages/farocki.html


อ่านบทสัมภาษณ์ HARUN FAROCKI เกี่ยวกับหนังเรื่อง WORKERS LEAVING THE FACTORY ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/02/21/farocki_workers.html



ส่วนหนังเกี่ยวกับคนงาน, หนังที่มีฉากโรงงาน, ฉากคนงานประท้วง หรือฉากคนงานที่ไม่ยอมประท้วงที่ดิฉันชอบมากๆ ก็รวมถึงเรื่อง

1.WITTSTOCK, WITTSTOCK (1997, VOLKER KOEPP, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0120527/

หนังสารคดีเกี่ยวกับชีวิตผู้หญิงสามคน พวกเธอเคยทำงานในโรงงานในเยอรมันตะวันออก แต่พอเยอรมันตะวันออกล่มสลาย โรงงานของพวกเธอก็ไม่อาจต้านทานระบบทุนนิยมได้ โรงงานต้องปิดตัวลง ชีวิตของพวกเธอก็เคว้ง ผู้หญิงคนหนึ่งพยายามเข้าคอร์สอบรมต่างๆนานามากมายเพื่อเพิ่มพูนทักษะให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนคอมพิวเตอร์หรืออะไรต่างๆนานา แต่ก็หางานทำไม่ได้สักที


2.PASSION (1982, JEAN-LUC GODARD, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0084481/

3.DANCER IN THE DARK (2000, LARS VON TRIER, A+)

4.STRONGMAN FERDINAND (1976, ALEXANDER KLUGE, A) พระเอกหนังเรื่องนี้เป็นยามโรงงานที่เสียสติมากๆ
http://www.imdb.com/title/tt0075266/

5.BILLY ELLIOT (STEPHEN DALDRY, A) ประทับใจคุณพ่อที่ยอมทนไปทำงานเพื่อลูกชาย

6.A NOUS LA LIBERTE (1931, RENE CLAIR, A)
http://www.imdb.com/title/tt0022599/

7.REQUIEM FOR DOMINIC (1990, ROBERT DORNHELM, A) สร้างจากเรื่องจริงของผู้กำกับหนังเรื่องนี้ โดยผู้กำกับหนังเรื่องนี้มีเพื่อนเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าคนงานตายไป 80 คนในโรงงานเคมีในโรมาเนีย
http://www.austinchronicle.com/gbase/Calendar/Film?Film=oid%3a139607

8.NIGHTSHIFT (2001, PHILIPPE LE GUAY, A-) รู้สึกคุณอ้วนจะชอบหนังเรื่องนี้ ถ้าจำไม่ผิด หนังเรื่องนี้มีฉากคนงานชายอาบน้ำที่ดีมากๆเลยค่ะ
http://www.imdb.com/title/tt0274993/

9.THE RIVER (1984, MARK RYDELL, A-) มีฉากที่เมล กิบสันพยายามเข้าไปทำงานในโรงงาน
http://www.imdb.com/title/tt0088007/

10.HAPPINESS IS IN THE FIELD (1995, ETIENNE CHATILIEZ, B)
http://www.imdb.com/title/tt0112556/

11.SWING SHIFT (1984, JONATHAN DEMME, B)
http://www.imdb.com/title/tt0088213/


ส่วนหนังเกี่ยวกับปัญหาแรงงานที่ดิฉันอยากดูแต่ยังไม่ได้ดู รวมถึงเรื่อง

1.SALT OF THE EARTH ที่คุณ pc แนะนำเอาไว้ที่นี่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3398

ภาพยนตร์เรื่อง Salt of the Earth เป็นเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้ของคนงานเหมืองชาวเม็กซิกัน ที่เรียกร้องให้ทางบริษัทเจ้าของเหมืองเพิ่มสวัสดิการ เมื่ออำนาจรัฐได้ร่วมมือกับทางบริษัทเพื่อสลายการชุมนุมและยังได้เข้าทำร้ายผู้ชุมนุม กลุ่มภรรยาของคนงานเหมืองก็ได้เข้าร่วมการประท้วงเพื่อทำให้การชุมนุมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ หนังเรื่องนี้ใช้นักแสดงอาชีพน้อยมาก ผู้เข้าร่วมแสดงส่วนใหญ่จะมาจากชนชั้นแรงงานและเคยมีประสพการณ์ในการสไตร์คมาแล้ว


2.AN INJURY TO ONE (2002, Travis Wilkerson)
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3016
An Injury to Oneที่กำกับโดยทราวิส วิลเคอร์สัน เป็นภาพยนตร์แนวทดลอง/สารคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสังหารแฟรงค์ ลิตเติล ผู้นำแรงงานในเมืองบัทท์ รัฐมอนตานาในช่วงเปลี่ยนเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยในเรื่องนี้วิลเคอร์สันได้เจาะลึกเข้าสู่ประวัติศาสตร์ของรัฐมอนตานาและลัทธิบริโภคนิยมยุคใหม่ รวมทั้งได้วิเคราะห์บริษัทเหมืองแร่ทองแดงแห่งหนึ่ง, การปฏิบัติต่อแรงงาน และความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลมาถึงยุคปัจจุบัน

An Injury to One แสดงให้เห็นถึงสภาพอันน่าเศร้าของเมืองบัทท์ในปัจจุบันด้วย โดยเมืองบัทท์ขณะนี้มีประชากรราว 32,000 คน และมีแหล่งน้ำปนเปื้อนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ส่วนบริษัทเหมืองแร่แห่งนั้นได้ทิ้งเมืองนี้ไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้วหลังจากขุดเอาทองแดงมูลค่าราว 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปแล้วเรียบร้อย


3.A BIENTOT, J’ESPERE (1968, CHRIS MARKER)
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2978

ฉากส่วนใหญ่ใน Be Seeing You เป็นการตั้งกล้องนิ่งๆเพื่อถ่ายโคลสอัพใบหน้าของคนงานและผู้จัดการประท้วง ในขณะที่คนเหล่านี้เล่าเรื่องราวของตัวเองซึ่งรวมถึงเรื่องที่พวกเขาหันมาเชื่อถือในลัทธิสังคมนิยม, เรื่องสภาพการทำงานที่เลวร้าย, เรื่องที่พวกเขาต้องการสิทธิในด้านการศึกษาและวัฒนธรรม และต้องการค่าจ้างและสภาพการทำงานที่ดีขึ้น
จุดเด่นของเรื่องนี้คือการที่ผู้กำกับปล่อยให้กล้องบันทึกภาพคนงานแต่ละคนขณะพูดตามลำพังไปเรื่อยๆโดยไม่มีการตัดต่อในฉากนั้นๆ เพราะผู้กำกับคิดว่าการตัดต่อในขณะที่คนงานพูดถือเป็นการก้าวก่ายที่ไม่สมควรกระทำ


4.VALLEY OF TEARS (2003, HART PERRY)
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3398

5.EIGHT HOURS ARE NOT A DAY (1972, RAINER WERNER FASSBINDER (เกย์))
http://www.haussite.net/haus.0/SCRIPT/txt1999/11/Marthee.HTML

ชอบเพลง LOVE WILL LEAD YOU BACK มากๆเหมือนกันค่ะ

ตอนนี้เพลงเก่าที่กลับมาชอบมากอีกครั้งก็คือเพลง NOBODY’S SUPPOSED TO BE HERE ของ DEBORAH COX ค่ะ เพราะดูหนังเรื่อง HITCH แล้วทำให้นึกถึงเพลงนี้ มันเป็นเพลงของคนที่ไม่ยอมเปิดใจให้กับความรัก แต่ในที่สุดก็อดใจไม่ได้ (จริงๆแล้วอารมณ์ของเพลงน่าจะคล้ายๆกับ I DON’T WANNA GET HURT ของ DONNA SUMMER)


ขอบคุณน้อง VESPERTINE มากค่ะสำหรับภาพจากหนังเรื่อง LEMMING ดูการปะทะกันของชาร์ลอทท์ แกงส์บูร์กกับชาร์ลอทท์ แรมพลิงแล้วก็เลยนึกไปถึงหนังเรื่อง SEE HOW THEY RUN (2002, MICHEL BLANC, A+) เพราะในหนังเรื่องนั้น ชาร์ลอทท์ แรมพลิงก็เคยปะทะกับ LOU DOILLON ซึ่งเป็นน้องสาวของชาร์ลอทท์ แกงส์บูร์กมาแล้ว

ดีใจมากค่ะที่คุณ kit จำฉากนั้นได้ ดิฉันก็จำฉากนั้นได้เหมือนกันค่ะที่พระนางเต้าไป่ฟ่งตีลังกาหลบอาวุธจากหยางพ่านพ่าน

ฉากหนังจีนกำลังภายในที่ฝังใจไม่รู้ลืม (ถ้าเล่าซ้ำก็ขออภัยด้วย)

1.ฉากจากนิยายจีนกำลังภายในที่ฝังใจมากๆอีกฉากนึงก็คือฉากในดาบมังกรหยก ที่องค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงต่อสู้กับกลุ่มของทูตจันทราจากพรรคจรัสเปอร์เซียบนเกาะแห่งหนึ่ง ในขณะที่เตียบ่อกี้ (รู้สึกว่าตอนนั้นได้รับบาดเจ็บ) หลบซ่อนอยู่ องค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงวิทยายุทธสูงมาก แต่ก็สู้กับกลุ่มของทูตจันทราไม่ได้ เพราะพวกของทูตจันทรามีอาวุธเป็นป้ายประกาศิตของพรรคจรัสที่มีอานุภาพสูงมาก

องค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงรักเตียบ่อกี้มาก และกลัวว่าถ้าหากเธอสู้แพ้ เตียบ่อกี้จะถูกทำร้าย เธอก็เลยตัดสินใจใช้ท่าไม้ตายที่เป็น “ไม้ตาย” จริงๆ เพราะตอนนั้นพวกของทูตจันทราคนหนึ่งโอบตัวเธอเอาไว้จากด้านหลัง องค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงก็เลยตัดสินใจจะแทงดาบทะลุตัวเอง เพื่อให้ดาบนั้นทะลุไปแทงคนที่โอบเธอด้านหลังด้วย เรียกได้ว่าถ้าหากเธอใช้ท่า “ไม้ตาย” ท่านี้ ทั้งตัวเธอและศัตรูก็จะถูกแทงตายไปพร้อมๆกัน (ทำไมเขียนถึงฉากนี้แล้วนึกถึงไม้เสียบลูกชิ้นปิ้งก็ไม่รู้)

ฉากนี้เป็นฉากที่ซึ้งมากๆเลยค่ะ มันเป็นฉากที่ตัวละครหญิงยอมตายเพื่อชายที่ตัวเองรักด้วยวิธีการที่ unique มากๆ แต่ถ้าจำไม่ผิด ในฉากนั้นเตียบ่อกี้รู้ทันว่าองค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงจะใช้ท่าไม้ตายท่านั้น เขาก็เลยหาวิธีขัดขวางไม่ได้องค์หญิงทำได้สำเร็จ


2.ฉากจากมังกรหยกภาคเอี้ยก้วย (หลิวเต๋อหัว) มีอยู่ฉากนึงที่เอี้ยก้วย, สาวขาเป๋, พี่สาวของสาวขาเป๋, ลี้มกโช้ว กับลูกศิษย์หญิงไปสู้กันในหุบเขาดอกรัก และเจอค่ายกลดอกรักล้อมเอาไว้

เอี้ยก้วยถูกพิษดอกรักเข้าไปแล้วก่อนหน้านี้ เขาก็เลยยอมเอาร่างกายของตัวเองพาดข้ามแถวค่ายกลดอกรักเอาไว้ เพื่อให้สาวขาเป๋กับพี่สาวกระโดดข้ามค่ายกลดอกรักและหนีรอดออกจากค่ายกลมาได้โดยไม่ต้องโดนพิษดอกรัก

แต่ลี้มกโช้วไม่รู้ว่าตัวเองจะหนีออกจากค่ายกลดอกรักได้ยังไง เธอก็เลยฆ่าลูกศิษย์หญิงของตัวเอง และกะจะใช้ศพของลูกศิษย์หญิงพาดข้ามค่ายกลดอกรัก แต่พอเธอจะกระโดดข้ามไป ลูกศิษย์หญิงของเธอที่ยังไม่ตายก็เลยยื้อขาเธอเอาไว้ และเป็นเหตุให้ลี้มกโช้วได้รับพิษดอกรักในที่สุด
หลังจากนั้นอึ้งย้งก็โผล่มา และพูดในทำนองที่ว่า “ลี้มกโช้ว เจ้าช่างโง่เสียจริงๆ เจ้าไม่เห็นต้องฆ่าลูกศิษย์หญิงของเจ้าเองเลย เจ้าเพียงแค่ถอดเสื้อคลุมออกแล้วโกยทรายใส่เข้าในเสื้อคลุม แล้วก็ใช้ห่อผ้าเสื้อคลุมนั้นวางพาดค่ายกลดอกรัก เจ้าก็หนีออกมาได้แล้ว”

JACOB ERICKSSON

ตอนนี้ได้ดูแค่ LENINGRAD COWBOYS GO AMERICA (B+) ค่ะ ยังไม่ได้ดูภาค MOSES

พูดถึง LENINGRAD COWBOYS GO AMERICA ก็นึกถึงหนังสารคดีเรื่องนึงค่ะ นั่นก็คือ COOL AND CRAZY (2001, KNUT ERIK JENSEN, A-) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายชรากลุ่มหนึ่งที่เป็นคณะนักร้องประสานเสียงในนอรเวย์ หนังถ่ายทอดชีวิตของชายชรากลุ่มนี้ออกมาได้อย่างน่ารักและเพลินๆดี และเนื้อหาส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับการทัวร์ของชายชรากลุ่มนี้ จำไม่ได้ว่าเขาไปทัวร์ที่เอสโตเนียหรือว่าที่รัสเซีย แต่รู้สึกว่าดินแดนที่เขาไปทัวร์จะมีสภาพเศรษฐกิจแร้นแค้นกว่านอรเวย์

แต่ที่ชอบ COOL AND CRAZY แค่ A- เป็นเพราะว่าไปๆมาๆ กลับประทับใจกับทิวทัศน์ในเรื่องมากกว่า “ชีวิตของชายชรา” หรือ “เสียงร้องของชายชรา” ซะอีกค่ะ ฉากที่ทำให้ดิฉันรู้สึกอินอย่างสุดๆในเรื่องนี้ คือฉากของทิวทัศน์เวิ้งว้างที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ และเสียงที่ดิฉันชอบที่สุดในเรื่องนี้ กลับเป็นเสียงคลื่นของท้องทะเลมากกว่าเสียงร้องเพลงประสานเสียง ถ้าหาก COOL AND CRAZY เปลี่ยนจุดโฟกัสของเรื่องใหม่ มาเป็นทิวทัศน์ที่เวิ้งว้างว่างเปล่า และเสียงคลื่นกับเสียงลม แทนที่จะพูดถึงชีวิตชายชราและเสียงเพลงของชายชราเหล่านี้ หนังเรื่องนี้อาจจะโดนใจดิฉันมากๆถึงขั้น A+ ก็เป็นได้ (เคยมีหนังอิตาลีเรื่องนึงชื่อว่า “I PREFER THE SOUND OF THE SEA” ซึ่งชื่อหนังอิตาลีเรื่องนี้ตรงกับความรู้สึกของดิฉันมากๆค่ะ)

อย่างไรก็ดี ที่กล่าวมานี้ไม่ได้เป็นเพราะว่าชายชราในเรื่องนี้น่ารังเกียจแต่อย่างใดนะคะ แต่เป็นเพียงเพราะว่าดิฉันไม่ค่อยอินกับชีวิตของพวกเขาเท่าไหร่ค่ะ และดิฉันก็ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับแนวดนตรีของชายชราเหล่านี้ด้วย

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ได้ที่ http://www.imdb.com/title/tt0276189/

หนังเรื่องนี้ได้รับการผลิตขายเป็นดีวีดีที่เมืองนอกแล้ว รู้สึกว่า NOI ALBINOI (2003, DAGUR KARI, A+), ZERO KELVIN (1995, HANS PETTER MOLAND, A-) และหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เหมาะมากสำหรับการดูในหน้าร้อนในประเทศไทย ดูแล้วจะได้คลายร้อนขึ้นมาได้บ้าง

ตอนนี้ได้ดูหนังของไมเคิล พาวเวลไปแค่ 2 เรื่องเองค่ะ ซึ่งก็คือ PEEPING TOM (A+/A) กับ BLACK NARCISSUS (1947, A+/A) รู้สึกประทับใจกับสีสันของหนังสองเรื่องนี้มากๆค่ะ รู้สึกว่าเขาเลือกใช้สีได้กระทบใจดี

อย่าจำชื่อหนัง BLACK NARCISSUS สลับกับหนังดังต่อไปนี้

1.BLACK ORPHEUS (1959, MARCEL CAMUS) http://www.imdb.com/title/tt0053146/
2.PINK NARCUSSUS (1971, JAMES BIDGOOD, A-) http://www.imdb.com/title/tt0067580/
3.PINK FLAMINGOS (1972, JOHN WATERS, A+)
4.BLACK FLAMINGOS (1998, HOUCHANG ALLAHYARI) ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นชาวอิหร่านที่อพยพไปสร้างหนังในออสเตรีย หนังของเขาเคยเข้ามาเปิดฉายในกรุงเทพแล้ว 3 เรื่อง ซึ่งได้แก่ I LOVE VIENNA (1991, B+), FEAR OF HEIGHTS (1994, A+) และ BORN IN ABSURDISTAN (1999, A-/B+)

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับพฤติกรรมถ้ำมอง ทำให้นึกถึงหนังอีก 4 เรื่องค่ะ ซึ่งก็คือ
1.KIKA (1993, PEDRO ALMODOVAR, A+)
2.THE CRY OF THE OWL (1987, CLAUDE CHABROL, A) http://www.imdb.com/title/tt0092797/
3.LADY BEWARE (1987, KAREN ARTHUR, B+) http://www.imdb.com/title/tt0093379/
4.SLIVER (1993, PHILLIP NOYCE, B-) http://www.imdb.com/title/tt0108162/ ชอบเพลง CARLY’S SONG ของ ENIGMA ที่ใช้ประกอบหนังเรื่องนี้มาก

ANNA MASSEY ที่เล่นใน PEEPING TOM ยังคงมีผลงานการแสดงดีๆออกมาอยู่เรื่อยๆค่ะ ถึงแม้เธอจะอายุมากแล้ว เธอมักได้เล่นแค่บทประกอบในช่วงนี้ แต่เธอก็ขโมยซีนมากๆ

ANNA MASSEY เล่นหนังเรื่อง

1.DEJA VU (1997, HENRY JAGLOM, A+) เธอปะทะกับวาเนสซา เรดเกรฟในเรื่องนี้

2.BELONGING (2004, CHRISTOPHER MENAUL) เธอปะทะกับเบรนดา เบลธิน (Secrets and Lies) และโรสแมรี แฮร์ริส (Spider-Man) ในเรื่องนี้ http://www.imdb.com/title/tt0412046/

3.THE MACHINIST (2004, BRAD ANDERSON)

4.THE SLEEPER (2000, STUART ORME) http://www.imdb.com/title/tt0296855/ ถ้าเข้าใจไม่ผิด หนังเรื่องนี้เคยมาฉายทางเคเบิลทีวีเมื่อไม่นานมานี้ นำแสดงโดยไอลีน แอทคินส์ในบทของนางมารร้าย!!!!!


CARL BOEHM พระเอกของ PEEPING TOM เคยเล่นหนังให้ไรเนอร์ แวร์เนอร์ ฟาสบินเดอร์ 4 เรื่อง ซึ่งได้แก่

1.MOTHER KUSTERS GOES TO HEAVEN (1975, A)

2.FOX AND HIS FRIENDS (1975, A)

3.EFFI BRIEST (1974)

4.MARTHA (1974)


มีการประกาศรายชื่อหนัง 32 เรื่องที่จะมาฉายในเทศกาลหนังยุโรปปีนี้แล้วค่ะ ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=16981

รู้สึกว่าหนังที่จะฉายในปีนี้ เพิ่งเข้ามาเปิดฉายในกรุงเทพเมื่อไม่นานมานี้ 4 เรื่อง ซึ่งได้แก่

1.SOME SECRETS (2002, ALICE NELLIS, A+) อ่านความเห็นของดิฉันที่มีต่อหนังเรื่องนี้ได้ที่ http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=8047

2.FRENCHMEN หรือ LE COEUR DES HOMMES (2003, MARC ESPOSITO, A-) อ่านความเห็นของดิฉันที่มีต่อหนังเรื่องนี้ได้ที่ http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=9033

3.NYNKE (2002, PIETER VERHOEFF, B/B-) ถ้าจำไม่ผิด หนังเรื่องนี้ฉายที่สยามดิสคัฟเวอรีประมาณเดือนม.ค.ปี 2003 เป็นหนังเกี่ยวกับชีวิตผู้หญิงต้องสู้ที่ดิฉันไม่ค่อยรู้สึกอินด้วยสักเท่าไหร่

4.ONE WAY TICKET TO MOMBASA (2002, HANNU TUOMAINEN, B-) ดิฉันไม่ค่อยอินกับหนังวัยรุ่นน่ารักๆเรื่องนี้เหมือนกัน แต่อาจจะเหมาะกับคนที่รู้สึกอินกับ THE LETTER และ CRYING OUT FOR LOVE, IN THE CENTER OF THE WORLD ที่พูดถึงความผูกพันต่อคนที่กำลังจะตายจากไปเหมือนกัน

ส่วน TSATSIKI FRIENDS FOREVER (2002, EDDIE THOMAS PETERSEN) ที่จะมาฉายในงานนี้นั้น ดิฉันเข้าใจว่าเป็นภาคต่อของหนังเรื่อง TSATSIKI, MUM AND THE POLICEMAN (1999, ELLA LEMHAGEN, A) ที่เคยมาฉายที่ศาลาเฉลิมกรุงในช่วงต้นปี 2002 เพราะหนังสองเรื่องนี้นำแสดงโดย SAMUEL HAUS ในบทของเด็กน้อย TSATSIKI เหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ดิฉันจะชอบ TSATSIKI, MUM AND THE POLICEMAN อย่างมากๆ แต่ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะชอบ TSATSIKI FRIENDS FOREVER มากนัก เพราะปัจจัยที่ทำให้ดิฉันชอบ TSATSIKI, MUM AND THE POLICEMAN อย่างรุนแรง ไม่ใช่ตัวเด็กน้อยซาซิกิ และไม่ใช่คุณแม่ของเขา แต่เป็นคุณตำรวจหนุ่ม JACOB ERICKSSON ที่น่ารักมากๆๆๆ ปกติดิฉันไม่ค่อยชอบหนังเด็ก แต่ถ้าหากเป็นหนังที่พูดถึงความสัมพันธ์อันน่ารักระหว่างเด็กชายกับว่าที่พ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อแบบหนังเรื่องนี้ ดิฉันก็สามารถอินกับตัวละครเด็กชายได้ในทันที (อยากมีว่าที่พ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อแบบนี้บ้างจังเลย)

http://www.kinoweb.de/film2000/TsatsikiMorsanOchPolisen/pix/ts13.jpg http://www.stadsteatern.stockholm.se/medverkande/erickssonjacob.asp

อย่างไรก็ดี ใน TSATSIKI FRIENDS FOREVER นี้ JACOB ERICKSSON สุดที่รักของดิฉันไม่ได้มาแสดงด้วย ดิฉันก็เลยไม่แน่ใจว่าตัวเองจะชอบภาคสองมากน้อยสักแค่ไหน

Sunday, April 24, 2005

CRACKER BAG (A+)

This summary is not available. Please click here to view the post.

Tuesday, April 19, 2005

CONGRATULATIONS TO LARRIEU

อันดับไร้สาระของดิฉัน

ขอจัดลำดับความรู้สึกลำเอียงชอบส่วนตัวที่มีต่อผู้กำกับหนังที่ได้ชิงคานส์ปีนี้ดังต่อไปนี้

(*** = ดิฉันชอบผู้กำกับคนนี้มาก แต่ไม่เชียร์ให้เขาได้รางวัล เพราะรู้สึกว่าเขาดังพอแล้วจนไม่จำเป็นต้องได้รับรางวัลใดๆอีกต่อไปแล้วในชีวิตนี้)

1.ARNAUD LARRIEU + JEAN-MARIE LARRIEU—ดิฉันชอบหนังเรื่อง UN HOMME, UN VRAI (2003, A+) ของสองคนนี้มากๆเลยค่ะ หนังเรื่องนี้ติดอันดับ 1 ของดิฉันประจำเดือนก.ค.ปี 2004 และติดอันดับ top 5 หนังที่ดิฉันชอบมากที่สุดในปีที่แล้ว

2.CARLOS REYGADAS—ชอบ JAPON (A+) และชอบฉากร่วมรักในหนังเรื่องนี้มากๆ

3.ATOM EGOYAN—ชอบ EXOTICA (A+) กับ ARARAT (A+) มากๆ

4.MICHAEL HANEKE ***—ชอบ THE CASTLE (1997, A+) ของเขามากที่สุด

5.WIM WENDERS***--ชอบ UNTIL THE END OF THE WORLD (A+) มากที่สุด

6.LARS VON TRIER ***—ชอบ THE IDIOTS (A+)

7.DAVID CRONENBERG***—ชอบ THE BROOD (1979, A+)

8.HOU HSIAO-HSIEN***

9.DARDENNE***--ตอนนี้เพิ่งได้ดูแค่ THE PROMISE (A+) ไปเรื่องเดียว

10.GUS VAN SANT***—ชอบ TO DIE FOR (A+)

11.JIM JARMUSCH—เพิ่งได้ดูแค่ STRANGER THAN PARADISE (1983, A+/A) กับ MYSTERY TRAIN (1989, A+/A)

12.JOHNNY TO ดีใจมากที่เขาได้ชิงรางวัล แต่หนังของเขามีตั้งแต่ชอบสุดๆ อย่าง “สวยประหาร” (1993, A+) และ MY LEFT EYE SEES GHOSTS (2002, A+) ไปจนถึงชอบเพียงนิดหน่อย อย่าง LOVE ON A DIET (2001, B-)

13.AMOS GITAI—เพิ่งได้ดูหนังยาวของเขาแค่เรื่องเดียว คือ KIPPUR (A-) ตอนนี้รู้สึกอยากดูเรื่อง BANGKOK BAHRAIN (1984) ของเขา เพราะอยากรู้ว่ามันเกี่ยวกับ BANGKOK ยังไง

14.HINER SALEEM—ชอบ VODKA LEMON (2003) ในระดับ A-

15.Dominik Moll—เพิ่งได้ดูหนังของเขาเพียงเรื่องเดียว ก็เลยชอบเขาในระดับประมาณ B+

16.Roberto Rodriguez—Sin City ของเขาน่าดูมากๆ แต่หนังที่ผ่านๆมาของเขายังไม่มีเรื่องไหนที่ชอบถึง A+ หนังที่ชอบที่สุดของเขาในตอนนี้คือ DESPERADO (1995, A/A-)
http://www.imdb.com/name/nm0001675/

17.MARCO TULLIO GIORDANA—เพิ่งได้ดู THE BEST OF YOUTH (B+) ของเขาเพียงเรื่องเดียว


ผู้กำกับที่ยังไม่เคยดูผลงานของเขา—ทอมมี ลี โจนส์, มาซาฮิโร่ โคบายาชิ, หวังเสี่ยวชุ่ย


ผู้กำกับในสายอื่นๆ

1.ALAIN CAVALIER—ชอบ THERESE (1986, A+) และ FIRE AND ICE (1962, A+)

2.MARTHA FIENNES—ชอบ ONEGIN (A+)

3.DAGUR KARI—ชอบ NOI ALBINOI (A+)

4.KIM JI-WOON—ชอบ ตู้ซ่อนผี (A+)

5.RITHY PAHN—ได้ดูแค่ THE LAND OF THE WANDERING SOULS (2000, A) และ RICE PEOPLE (1994)

6.PIERRE JOLIVET—เคยดูหนังของเขาแค่เรื่อง ONLY GIRLS (2003, A) กับ MY LITTLE BUSINESS (1999, B+)
http://www.imdb.com/name/nm0427136/

7.FATIH AKIN—ชอบ IN JULY (2000, A-) และ SHORT SHARP SHOCK (1998, A-) เพราะพระเอกในหนังสองเรื่องนี้ตรงสเป็คมากๆ แต่ไม่ได้ประทับใจการกำกับในหนังสองเรื่องนี้มากนัก

8.CHRISTIAN CARION—ชอบ THE GIRL FROM PARIS (2001) แค่ในระดับ B+

SHANE BLACK—ในบรรดาหนังที่เขาเขียนบท มีที่ชอบมากแค่เรื่องเดียวคือ LAST ACTION HERO (1993, A+/A)
http://www.imdb.com/name/nm0000948/

KORNEL MUNDRUCZO ที่มีหนังฉายสาย UN CERTAIN REGARD ปีนี้ เคยกำกับหนังเกย์ฮังการีเรื่อง THIS I WISH AND NOTHING MORE (2000)

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ THIS I WISH AND NOTHING MORE ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=4139
1.JUAN SOLANAS ที่มีหนังเรื่อง NORDESTE เข้าฉายในสาย UN CERTAIN REGARD ปีนี้ เป็นชาวอาร์เจนตินาที่เป็นลูกชายของเฟอร์นานโด อี. โซลานาส

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่อง THE HOUR OF THE FURNACES (1968) ของเฟอร์นานโด อี. โซลานาสได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=16322

2.NIKI KARIMI ที่กำกับหนังเรื่อง UNE NUIT ที่ฉายในสาย UN CERTAIN REGARD ปีนี้ เคยแสดงหนังอิหร่านเรื่อง THE FIFTH REACTION (2003, TAHMINEH MILANI, A) และ TWO WOMEN (1999, TAHMINEH MILANI, A)

Friday, April 15, 2005

BERTRAND TAVERNIER

เคยดู HAUTE TENSION (ALEXANDRE AJA, C+) ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เหมือนกันค่ะ

เพิ่งเห็นว่าเว็บไซท์ในลิงค์ข้างล่างนี้ชอบแนะนำดีวีดีที่ออกใหม่ในเมืองนอกที่น่าดูมากๆ ส่วนใหญ่เป็นหนังคัลท์ที่แรงๆ
http://www.xploitedcinema.com/


ไม่ค่อยรู้เรื่อง EISENSTEIN อย่างละเอียดเหมือนกันค่ะ เท่าที่เคยได้ยินมา ก็คือว่า EISENSTEIN ค่อนข้างจะใช้ชีวิตเกย์อย่างมีความสุขในช่วงที่เลนินปกครองสหภาพโซเวียต แต่พอสตาลินขึ้นมาปกครองสหภาพโซเวียตต่อจากเลนิน ชีวิตของ EISENSTEIN ก็เริ่มเจออะไรซวยๆ เขาค่อนข้างปกปิดความเป็นเกย์ของเขาในยุคสตาลินเรืองอำนาจ

http://www.marxist.com/ArtAndLiterature/potemkin_trafalgar_square0904.htm

http://www.redflag.org.uk/frontline/eleven/11eisenstein.html


ยังไม่ได้ดู ROUND MIDNIGHT เลยค่ะ

แต่ชอบ BERTRAND TAVERNIER มากค่ะ เขาเป็นผู้กำกับแนวมนุษยนิยมที่ไม่ทำหนังหวานเลี่ยนหรือ FEEL GOOD จนเกินไป

หนังของ BERTRAND TAVERNIER ที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบ
1.LIFE AND NOTHING BUT (1989) A+

หนังเรื่องนี้ควรดูควบกับ A VERY LONG ENGAGEMENT (A+) ค่ะ เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิงที่ตามหาความจริงเกี่ยวกับสามีในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เหมือนกัน

SABINE AZEMA ให้การแสดงที่สุดยอดมากในบทนางเอกหนังเรื่องนี้


2.A WEEK’S VACATION (1980) A+

นาตาลี เบย์ ให้การแสดงที่สุดยอดเช่นกันในหนังเรื่องนี้ หนังเรื่องนี้ตอนที่ดูจบรู้สึกว่ามันธรรมดา ไม่ค่อยมีอะไร แต่พอเวลาผ่านไปนานหลายปี กลับรู้สึกว่าภาพบางภาพหรือความรู้สึกบางอย่างจากหนังเรื่องนี้มันฝังใจมาก

3.L’APPAT (1995) A+

มารี จิลแลง ขวัญใจหนุ่มๆหลายคนรับบทเป็นสาวนางนกต่อในงานฆาตกรรม จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการที่นางเอกทำเหมือนกับว่าตัวเองทำเพียงแค่แสดงละครหรือทำเพียงแค่ดูหนัง ทั้งๆที่จริงๆแล้วสิ่งที่เธอทำนำไปสู่การฆาตกรรม

4.A SUNDAY IN THE COUNTRY (1984) A

5.HOLY LOLA (2004) A

6.IT ALL STARTS TODAY (1999) A-

ถ้าจำไม่ผิด หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาส่วนหนึ่งเกี่ยวกับครอบครัวที่ตายในหน้าหนาวเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ ก็เลยถูกตัดไฟฟ้า และไม่สามารถใช้ไฟฟ้าสร้างความอบอุ่นในบ้านของตัวเองได้ หลังจากหนังเรื่องนี้ออกฉาย ฝรั่งเศสก็เลยออกกฎหมายใหม่เพื่อไม่ให้มีการตัดไฟฟ้าแบบนั้นอีก เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคมและช่วยชีวิตคนได้จริงๆ

อ่านบทสัมภาษณ์ BERTRAND TAVERNIER เกี่ยวกับ IT ALL STARTS TODAY ได้ที่
http://www.wsws.org/articles/1999/jul1999/sff2-j10.shtml

อ่านผลกระทบจากหนังเรื่อง IT ALL STARTS TODAY ได้ที่
http://www.wsws.org/articles/2000/aug2000/val-a08.shtml

7.THE JUDGE AND THE ASSASSIN (1976) A-

8.CLEAN SLATE (1981) A-/B+

9.DEATHWATCH (1980) A-/B+

10.THE DAUGHTER OF D’ARTAGNAN (1994) B

NILS TAVERNIER รับบทนำคู่กับโซฟี มาร์โซในหนังเรื่องนี้ เขาเกิดปี 1965 และเป็นลูกชายของแบร์ทรองด์ ตาแวร์นิเยร์

หนังเรื่องนี้เคยเข้าโรงฉายปกติในกรุงเทพด้วย

อ่านประวัติการทำงานของ NILS TAVERNIER ได้ที่
http://www.imdb.com/name/nm0851731/

นอกจาก BERTRAND TAVERNIER จะเป็นผู้กำกับหนังแล้ว เขายังเป็นนักวิจารณ์หนังที่น่าทึ่งมากๆอีกด้วย


FRANCOIS CLUZET ดารานำในหนังเรื่อง ROUND MIDNIGHT เกิดปี 1955 เขาเคยมีลูกกับ MARIE TRINTIGNANT ดาราหญิงที่ตกเป็นข่าวดังเพราะการเสียชีวิตของเธอในปี 2003

หนังของ FRANCOIS CLUZET ที่เคยดู

1.READY TO WEAR (1994, ROBERT ALTMAN) A+

2.STORY OF WOMEN (1988, CLAUDE CHABROL) A

3.L’ENFER (1994, CLAUDE CHABROL) A
http://www.imdb.com/title/tt0109731/

4.LATE AUGUST, EARLY SEPTEMBER (1998, OLIVIER ASSAYAS) A-

ถึงแม้ตอนที่ดูจบจะชอบหนังเรื่องนี้แค่ในระดับ A- แต่ก็รู้สึกอยากดูหนังเรื่องนี้อีกรอบมากๆ หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวชีวิตของหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง ชีวิตของพวกเขาดูสะเปะสะปะ และหนังก็ดูเหมือนไม่บอกผู้ชมตรงๆว่าหนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่ออะไร, ตัวละครมีพัฒนาการยังไง, ทำไมผู้กำกับถึงต้องใส่ฉากนี้เข้ามา, ฉากนี้มันสำคัญยังไง, จุดนี้ในชีวิตของตัวละครมันสำคัญยังไง

รู้สึกว่าการที่หนังดูเหมือนไม่กำหนด STORYLINE ที่เด่นชัด, ไม่มีสารที่เด่นชัด และไม่บีบบังคับตัวละครให้มีพัฒนาการที่เด่นชัด แต่ปล่อยให้ตัวละครดำเนินชีวิตไปตามครรลองของมันเองอย่างนี้ ถือเป็นเสน่ห์ที่น่ารักมากๆของหนังเรื่องนี้ค่ะ

MATHIEU AMALRIC พระเอกหนังเรื่องนี้เป็นดาราหนังฝรั่งเศสที่ดิฉันรักมากๆเลยค่ะ และก็ชอบ JEANNE BALIBAR ในหนังเรื่องนี้มากๆ

ถ้าจำไม่ผิด KENT JONES นักวิจารณ์จากนิตยสาร FILM COMMENT ก็ชื่นชอบ JEANNE BALIBAR ในหนังเรื่องนี้มากเหมือนกัน และเขาถึงกับเขียนว่า “ผมรู้สึกว่าตัวละครที่ MATHIEU AMALRIC แสดง “ตัดสินใจผิดพลาด” ที่เขาหันไปหลงรักตัวละครที่แสดงโดย VIRGINIE LEDOYEN แทนที่จะหลงรักตัวละครที่แสดงโดย JEANNE BALIBAR ในหนังเรื่องนี้”


5.THE HORSEMAN ON THE ROOF (1995, JEAN-PAUL RAPPENEAU) A-
http://www.imdb.com/title/tt0113362/

OLIVIER MARTINEZ หล่อสุดขีดในหนังเรื่องนี้

6.FRENCH KISS (1995, LAWRENCE KASDAN) B-
http://www.imdb.com/title/tt0113117/

รู้สึกเหมือนตัวเองจำอะไรในหนังเรื่องนี้แทบไม่ได้แล้ว และมักจำหนังเรื่องนี้สลับกับ FORGET PARIS (1995, BILLY CRYSTAL, B/B-) ด้วย

หนังที่มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับดนตรีแจ๊ซที่ชอบมากๆคือเรื่อง KANSAS CITY (1996, ROBERT ALTMAN, A-) กับ SWEET AND LOWDOWN (1999, WOODY ALLEN, A/A-) ค่ะ

ส่วนหนังที่มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับดนตรีแจ๊ซที่อยากดูมากๆคือ

1.หนังสวีเดนขาวดำเรื่อง SVEN KLANG’S COMBO (1976, STELLAN OLSSON)
http://www.imdb.com/title/tt0075293/

SVEN KLANG’S COMBO ได้รับการยกย่องจากบางคนให้เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดเกี่ยวกับดนตรีแจ๊ซ โดยหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับวงดนตรีแดนซ์สมัครเล่นวงหนึ่งที่ได้รู้จักกับลาร์ส นิลสัน (Christer Boustedt) นักเป่าแซกโซโฟนแนวแจ๊สในปี 1958 และลาร์สก็เปลี่ยนวงดนตรีวงนี้ให้กลายเป็นวงแจ๊ซไปชั่วขณะ โดยเขานำสไตล์ดนตรีของชาร์ลี ปาร์คเกอร์มาใช้กับวงนี้ด้วย

อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาสมาชิกวงนี้ก็เริ่มหวาดกลัวกับโลกใหม่ที่ลาร์สแนะนำให้พวกเขารู้จัก และวงนี้ก็เลยถอนตัวออกมา และส่งผลให้ลาร์สกลายเป็นคนที่ประสบความล้มเหลวในชีวิตถึงแม้เขามีไอเดียดีๆมากมายเกี่ยวกับดนตรีอยู่ในหัวของเขา

นักวิจารณ์บอกว่าหนังเรื่องนี้นำเสนอประเด็นเรื่อง “ความคิดสร้างสรรค์” ได้อย่างโรแมนติกมากค่ะ

2.THE COOL WORLD (1963, SHIRLEY CLARKE)
http://www.imdb.com/title/tt0056952/


3.JITTERBUGS (1943, MALCOLM ST. CLAIR)
http://www.imdb.com/title/tt0036055/

นำแสดงโดยลอเรลกับฮาร์ดี

4.LOVE WITH THE PROPER STRANGER (1963, ROBERT MULLIGAN)
http://crazy4cinema.com/Review/FilmsL/f_love_stranger.html

นำแสดงโดยนาตาลี วูด กับสตีฟ แมคควีน


5.THE MAN WITH THE GOLDEN ARM (1955, OTTO PREMINGER)

นำแสดงโดยแฟรงค์ ซินาตราในบทของอดีตขี้ยาที่ต้องการจะเป็นมือกลองแจ๊ซ

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดีหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B00006I03T/qid=1113503185/sr=1-1/ref=sr_1_1/002-6988225-9934405?v=glance&s=dvd


6.ORCHESTRA WIVES (1942, ARCHIE MAYO)

http://xroads.virginia.edu/~ASI/musi212/emily/wivesfilm.html


7.PETE KELLY’S BLUES (1955, JACK WEBB)

เพลงเด่นในซาวด์แทรคหนังเรื่องนี้คือเพลง HARD HEARTED HANNAH ที่ร้องโดย ELLA FITZGERALD

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/6300271382/002-6988225-9934405?v=glance


8.THE REVOLVING DOORS (1988, FRANCIS MANKIEWICZ)

http://www.imdb.com/title/tt0095891/plotsummary
.


9.SOME CALL IT LOVING (1973, JAMES B HARRIS)

ZALMAN KING รับบทเป็นนักดนตรีแจ๊สในหนังพิสดารเรื่องนี้ เขาซื้อผู้หญิง (ทิซ่า ฟาร์โรว์ ซึ่งเป็น SISTER ของมีอา ฟาร์โรว์) ที่นอนหลับมานาน 8 ปีกลับบ้าน

http://www.imdb.com/title/tt0070714/


ชอบโปสเตอร์หนังเรื่องนี้มากเลยค่ะ
http://www.imdb.com/title/tt0070714/posters


10.YOUNG MAN WITH A HORN (1950, MICHAEL CURTIZ)

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดีหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0007QS30Q/qid=1113504411/sr=1-1/ref=sr_1_1/002-6988225-9934405?v=glance&s=dvd

Thursday, April 14, 2005

LA NOCHE DE LA WALPURGIS

เห็นใจคุณ merveillesxx มากค่ะเรื่องสงกรานต์ ดิฉันก็ยกให้สงกรานต์เป็นเทศกาลที่ดิฉันรังเกียจชิงชังที่สุดในชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะค่ะ เพราะมักจะถูกคนชั่วๆสาดน้ำใส่เป็นประจำ จริงๆแล้วตัวเทศกาลคงไม่ผิดอะไร แต่คนที่ผิดก็คือคนหลายๆคนที่ชอบฉวยโอกาสทำร้ายคนอื่นและทรัพย์สินอันเป็นที่รักของคนอื่นในเทศกาลนี้

ช่วงหลายปีหลังมานี้ ดิฉันจะออกจากบ้านในเทศกาลสงกรานต์เฉพาะเวลา 23.00-08.00 น.เท่านั้นค่ะ เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวที่ในซอยจะปลอดภัย

ก่อนจะถึงเทศกาลสงกรานต์ ดิฉันก็จะตะลุยซุปเปอร์มาร์เก็ตตามห้างสรรพสินค้าเพื่อไปซื้ออาหารแห้งมากักตุนไว้ค่ะ พอถึงช่วงสงกรานต์ จะได้กินอาหารแห้งและอาหารกระป๋องที่ซื้อมาตุนไว้ไปเรื่อยๆ โดยอาจจะออกไปซื้ออาหารสด + อาหารแห้งเพิ่มเติมจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นและในตลาดเฉพาะช่วง 23.00-08.00 น.เท่านั้น

หลายๆปีหลังมานี้ ช่วงสงกรานต์ก็เลยเป็นช่วงที่ได้ตะลุยดูวิดีโอที่ดองไว้ค่ะ เพราะไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เลย ต้องหมกตัวอยู่แต่ในห้องเกือบตลอด 24 ชั่วโมง

เออใช่ ลืมสังเกตอพาร์ทเมนท์ของพระเอกใน BOOGEYMAN ไปเลยค่ะ

ตอนที่คุณอ้วนเขียนเรื่อง BOOGEYMAN กับ SPHERE ก็เลยทำให้ดิฉันนึกไปถึงฉากที่พระเอกพบว่าปีศาจมีรูปร่างคล้ายๆตุ๊กตาที่เขามีในตอนเด็กน่ะค่ะ ตอนที่ดูฉากนั้น ดิฉันก็สงสัยว่าปีศาจนั้นเป็นปีศาจที่สิงอยู่ในตัวตุ๊กตาหรือเปล่า มันถึงได้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายๆกับตุ๊กตา แต่หนังก็ไม่ได้บอกว่าตุ๊กตานั้นมีที่มาที่ไปยังไง ถึงได้มีปีศาจสิงสถิตอยู่ได้ พอคุณอ้วนเอาหนังเรื่องนี้มาเทียบกับ SPHERE ก็เลยทำให้เข้าใจได้ว่าการที่ปีศาจมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับตุ๊กตา อาจจะเป็นเพราะปีศาจนั้นเกิดจากจิตของพระเอกหรืออาจจะแปรรูปร่างของตัวเองไปตามจิตของพระเอกได้นั่นเอง

รู้สึกว่าฉากเปิดเรื่องของ SOMBRE ที่เป็นฉากเด็กร้องกรี๊ดกันอย่างสุดชีวิต น่าจะเป็นหนึ่งในฉากเปิดเรื่องที่คลาสสิคที่สุดในวงการภาพยนตร์เลยล่ะค่ะ

ฉากเปิดเรื่องอีกอันหนึ่งที่คลาสสิคมากๆในความเห็นของดิฉัน คือฉากเปิดเรื่องของ REPULSION (1965, ROMAN POLANSKI, A+) ที่เป็นภาพโคลสอัพดวงตาในระยะใกล้มากๆ
http://www.sensesofcinema.com/contents/cteq/04/repulsion.html

เพื่อนดิฉันที่ได้ดู SOMBRE กับ LA VIE NOUVELLE แล้ว เขาก็ให้ความเห็นว่าหนังของ PHILIPPE GRANDRIEUX ให้ความรู้สึกที่ sensual และให้ความรู้สึกถึงเนื้อหนังมังสามากๆค่ะ เขาบอกว่ากล้องในหนังของ GRANDRIEUX มันสามารถถ่ายทอดความรู้สึกแบบสัตว์ป่าออกมาได้อย่างน่าตกตะลึงมาก

นอกจากนี้ เพื่อนดิฉันยังชอบ ELINA LOWENSOHN จาก SOMBRE มากๆเลยค่ะ เขาก็เลยติดตามผลงานของ ELINA LOWENSOHN ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาบอกว่าอยากจะมอบรางวัลดารานำหญิงยอดเยี่ยมให้กับ LOWENSOHN ใน SOMBRE อย่างมาก โดยเฉพาะในฉากที่เธอทำเกลือกกลิ้งตัวไปบนพื้นถนน

ใน LA VIE NOUVELLE นั้น เพื่อนดิฉันก็บอกด้วยค่ะว่าฉากเปิดเรื่องก็น่าประทับใจในระดับใกล้เคียงกับ SOMBRE เหมือนกัน

ได้ดูเรื่อง FLAMINGO (1995, CARLOS SAURA, A-) ที่เอ็มโพเรียมเหมือนกันค่ะ ตอนนี้อยากดูหนังเรื่อง THE SEVENTH DAY ของเซารามากเหมือนกัน รู้สึกว่าดีวีดีหนังเรื่องนี้น่าจะหาซื้อไม่ยาก
http://homepage.mac.com/Vanvdo/numbers/7th-day.htm

ดีวีดีหนังของคาร์ลอส เซาราอีกเรื่องนึงที่อยากดูมากคือเรื่อง OUTRAGE! (1993) ค่ะ ที่นำแสดงโดยแอนโตนิโอ แบนเดราส กับฟรานเซสกา เนรี หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับการข่มขืนและการแก้แค้น ดิฉันเดาว่าหนังน่าจะออกมาในแนวใกล้ๆกับ ล่า (A+), MS.45 (1981, ABEL FERRARA), I SPIT ON YOUR GRAVE (1978, MEIR ZARCHI) และ FREEZE ME (2000, TAKASHI ISHII) (จริงๆแล้วดิฉันก็ไม่ค่อยกล้าดูหนังแนวนี้สักเท่าไหร่)

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดี OUTRAGE! ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B00004ZBH7/qid=1113413084/sr=1-1/ref=sr_1_1/002-0079699-2773639?v=glance&s=dvd

ดูประวัติการทำงานของฟรานเซสกา เนรี นางเอกหนังเรื่อง OUTRAGE! ได้ที่
http://www.imdb.com/name/nm0626202/

เธอเคยเล่นหนังเรื่อง

1.THE FLIGHT OF THE INNOCENT (1993, CARLO CARLEI) A+
http://www.imdb.com/title/tt0104012/
2.LIVE FLESH (1997, PEDRO ALMODOVAR) B+/B
3.HANNIBAL (2001, RIDLEY SCOTT) B
http://www.imdb.com/title/tt0212985/

สำหรับ 10 อันดับหนังของคุณอ้วนนั้น เคยดูเรื่อง THE IDIOTS (A+), RED (A), SUMMER (A+) กับ TROPICAL MALADY (A+) ค่ะ โดยที่ SUMMER หรือ THE GREEN RAY ก็ติดอันดับ
ท็อปเทนหนังที่ชอบที่สุดในชีวิตเหมือนกัน

ถึงแม้ดิฉันอาจจะไปร่วมงานมีตติ้งไม่ได้ แต่ก็รู้สึกสนุกกับไอเดียที่ว่าหลายๆคนในเว็บบอร์ดนี้จะได้มาเจอกันในวันที่ 30 เม.ย.ค่ะ เพราะคืนวันที่ 30 เม.ย.เขาเรียกว่าคืน WALPURGIS NIGHT ซึ่งเป็นคืนที่แม่มดจะมา ORGY กัน หรือมาชุมนุมกันตามความเชื่อในประเพณีโบราณ เพื่อขอพรจากปีศาจ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับคืนชุมนุมแม่มด 30 เม.ย.ได้ที่
http://www.serve.com/shea/germusa/walpurgi.htm
http://www.wilsonsalmanac.com/book/apr30.html

And if you have a favour to request
Upon Walpurgis Night just mention it.
ปีศาจเมฟิสโตฟิลิสพูดกับแม่มดในบทประพันธ์เรื่อง FAUST ของ โยฮันน์ โวล์ฟกัง เกอเธ่

เคยมีการสร้างหนังเรื่อง LA NOCHE DE WALPURGIS (1971, LEON KLIMOVSKY) ค่ะ โดยหนังเรื่องนี้มีชื่อเรื่องอีกชื่อว่า THE WEREWOLF VERSUS VAMPIRE WOMEN โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าหนุ่ม (Paul Naschy) ที่ให้ความช่วยเหลือแก่หญิงสาวสวย 2 คนที่กำลังออกตามล่า Countess Wandessa d'Arville de Nadasdy ซึ่งเป็นผีดูดเลือดหญิงที่บูชาซาตานที่เคยมีชีวิตอยู่ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 และเมื่อมนุษย์หมาป่าหนุ่มตกหลุมรักหนึ่งในหญิงสองคนนี้ นั่นจึงทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับเคาน์เตส วานเดสซ่าผู้ชั่วร้ายไปด้วย

ภาพจากหนังเรื่อง LA NOCHE DE WALPURGIS
http://www.eccentric-cinema.com/cult_movies/werewolf_shadow.htm

ดีวีดีหนังเรื่อง LA NOCHE DE WALPURGIS มีวางขายในชื่อเรื่องว่า WEREWOLF SHADOW ค่ะ ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดีแผ่นนี้ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B00006ADD7/ref=ase_imdb-adbox/002-0079699-2773639?v=glance&s=dvd

SENSES OF CINEMA วอลุ่มใหม่ออกแล้วค่ะ มีบทความที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งรวมถึง

1.บทความเกี่ยวกับหนังไทย
http://www.sensesofcinema.com/contents/festivals/05/35/bangkok2005.html

2.บทสัมภาษณ์ CLAIRE DENIS
http://www.sensesofcinema.com/contents/05/35/claire_denis_interview.html

3.THE FOUR ADVENTURES OF REINETTE AND MIRABELLE (A+)
http://www.sensesofcinema.com/contents/cteq/05/35/adventures_reinette_mirabelle.html

4.บทสัมภาษณ์ FRANCOISE ROMAND ผู้กำกับหญิงที่ถนัดในการสร้างหนังแนว FICTIONAL DOCUMENTARY
http://www.sensesofcinema.com/contents/05/35/francoise_romand.html

อ่านข้อมูลภาษาไทยเกี่ยวกับหนังเรื่อง THE CAMERA I ที่กำกับโดย FRANCOISE ROMAND ได้ที่
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3331596/A3331596.html

5.MAURICE PIALAT VS. JOHN CASSAVETES
http://www.sensesofcinema.com/contents/05/35/pialat_and_cassavetes.html

6.DOUGLAS SIRK
http://www.sensesofcinema.com/contents/05/35/sirk.html

7.JULIO CORTAZAR
http://www.sensesofcinema.com/contents/05/35/cortazar.html

8.SOMETIMES IN APRIL เขียนโดย JON JOST (กรี๊ดสลบ)
http://www.sensesofcinema.com/contents/05/35/sometimes_in_april.html

9.POSSESSION (ANDRZEJ ZULAWSKI) (A+)
http://www.sensesofcinema.com/contents/05/35/possession_dvd.html

10.JONATHAN ROSENBAUM
http://www.sensesofcinema.com/contents/books/05/35/essential_cinema.html

11.JANE CAMPIONhttp://www.sensesofcinema.com/contents/books/05/35/jane_campion_sue_gillett.html

Tuesday, April 12, 2005

LA PURITAINE (JACQUES DOILLON)

หนังเกี่ยวกับละครเวทีหรือหนังที่มีส่วนผสมของละครเวทีที่ชอบมากๆ

1.BREMEN FREEDOM (1972, RAINER WERNER FASSBINDER) A+

2.SALTIMBANK (2003, JEAN-CLAUDE BIETTE) A+
http://www.imdb.com/title/tt0306040/

3.THE BABY OF MACON (1993, PETER GREENAWAY) A+

4.GANG OF FOUR (1988, JACQUES RIVETTE) A+ มีตัวละครเป็นเลสเบียน/ไบเซ็กชวล

5.THE FALSE SERVANT (2000, BENOIT JACQUOT) A+ มีผู้หญิงปลอมตัวเป็นผู้ชาย
http://www.imdb.com/title/tt0233709/

6.THE CHERRY ORCHARD (1990, SHUN NAKAHARA) A+ หนังเลสเบียน
http://www.imdb.com/title/tt0100540/

7.THE PEACH-BLOSSOM LAND (1992, STAN LAI) A+

8.PARSIFAL (1982, HANS-JURGEN SYBERBERG) A+

9.PEKING OPERA BLUES หรือ “เผ็ดสวยดุ ณ เปไก๋” (1986, ฉีเคอะ) A+/A หลินชิงเสียแต่งตัวเหมือนผู้ชายในเรื่องนี้

10.VANYA ON 42 ND STREET (1994, LOUIS MALLE) A
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2442
http://www.imdb.com/title/tt0111590/

11.DIVERTIMENTO (2000, JOSE GARCIA HERNANDEZ) A
http://www.imdb.com/title/tt0243858/

นำแสดงโดย FRANCISCO RABAL + FEDERICO LUPPI

12.LES ENFANTS DU PARADIS (1945, MARCEL CARNE) A ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นเกย์

13.SINGING BEHIND SCREENS (2003, ERMANNO OLMI) A

14.VA SAVOIR (2001, JACQUES RIVETTE) A

15.JESUS OF MONTREAL (1989, DENYS ARCAND) A-

16.AFTER THE REHEARSAL (1984, INGMAR BERGMAN) A-

17.THE LAST METRO (1980, FRANCOIS TRUFFAUT) A-

18.THE COURT OF THE PHAROAH (1985, JOSE LUIZ GARCIA SANCHEZ) A-/B+
http://www.imdb.com/title/tt0088954/

หนังเรื่องนี้เคยมาฉายที่ศาลาเฉลิมกรุง และนำแสดงโดยแอนโตนิโอ แบนเดราส, Fernando Fernand Gomez และ ANA BELEN

19.BULLETS OVER BROADWAY (1994, WOODY ALLEN) A-/B+

20.LA REPETITION (2001, CATHERINE CORSINI) B+ หนังเลสเบียน


หนังเกี่ยวกับละครเวทีที่อยากดูมาก

THE PRUDE (1986, JACQUES DOILLON)
http://www.imdb.com/title/tt0091801/fullcredits

หนังเรื่องนี้เพิ่งมาฉายที่สมาคมฝรั่งเศส ถ.สาทรใต้ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีซับไตเติลภาษาอังกฤษ ดิฉันไม่ได้ไปดู เพราะหนังฉายตรงกับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพ แต่คุณสนธยา ทรัพย์เย็นได้ไปดูและมาเล่าให้ฟังทีหลัง รู้สึกว่าเป็นหนังที่น่าดูมากๆๆๆๆ

จำเนื้อเรื่องในหนังไม่ได้แล้ว แต่ลองดูจากรายชื่อ “ตัวละคร” ก็แล้วกันว่าหนังเรื่องนี้น่าดูขนาดไหน

หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย

1.MICHEL PICCOLI จาก BELLE DE JOUR (A+)

2.SABINE AZEMA จาก LIFE AND NOTHING BUT (A+), A SUNDAY IN THE COUNTRY (A) และ MELO (A)

3.SANDRINE BONNAIRE จาก LA CEREMONIE (A+), SECRET DEFENSE (A+) และ VAGABOND (A+) โดยในหนังเรื่อง THE PRUDE นี้เธอรับบทเป็นตัวละครชื่อ MANON

4.Brigitte Coscas รับบทเป็นขนาดของ Manon
5.Anne Coesens รับบทเป็นเสียงของ Manon
6.Corinne Dacla รับบทเป็นหูของ Manon
7.Jessica Forde รับบทเป็นมือของ Manon
8.Nicole Persy รับบทเป็นดวงตาของ Manon
9.Pascale Salkin รับบทเป็น The absence of Manon


2.WHO AM I THIS TIME? (1982, JONATHAN DEMME)

http://www.imdb.com/title/tt0083325/

หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ KURT VONNEGUT และนำแสดงโดยคริสโตเฟอร์ วอล์คเคนในบทของพนักร้านขายอุปกรณ์หนักที่มีนิสัยขี้อายมากๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาขึ้นแสดงละครเวที เขาจะแสดงเป็นตัวละครตัวนั้นได้เหมือนจริงมากๆ

ซูซาน ซารันดอนรับบทเป็นหญิงสาวที่เพิ่งเข้ามาในเมือง เธอเป็นพนักงานบริษัทโทรศัพท์ที่ใช้ชีวิตอย่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย อย่างไรก็ดี เธอตัดสินใจสมัครแสดงละครเวทีและได้รับบทเป็นสเตลลาใน A STREETCAR NAMED DESIRE ในขณะที่คริสโตเฟอร์ วอล์คเคนแสดงเป็นสแตนลีย์ หนุ่มดิบเถื่อนเซ็กซี่ที่เป็นสามีของสเตลลาในละครเรื่องนี้

ซูซาน ซารันดอนตกหลุมรักหนุ่มดิบเถื่อนคนนี้อย่างรุนแรง แต่เธอไม่รู้หรอกว่าเมื่อเขาลงจากเวทีละครไปแล้ว เขาเป็นคนที่ขี้อายมากๆ

นักวิจารณ์บอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของ JONATHAN DEMME

ผู้กำกับที่ชอบทำหนังที่มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับละครเวที

1.JACQUES RIVETTE
2.HANS-JURGEN SYBERBERG
3.MANOEL DE OLIVEIRA
http://www.sensesofcinema.com/contents/03/28/de_oliveira.html

Monday, April 11, 2005

JOEL GRETSCH

ได้ดูหนังเรื่อง THE EMPEROR’S CLUB (2002, MICHAEL HOFFMAN, A+) ทางช่อง HBO ตอนแรกนึกว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาแนว DEAD POETS’ SOCIETY (PETER WEIR, A+), THE CHORUS (B) และ MONA LISA SMILE (B+)
แต่ปรากฏว่าช่วงหลังๆของเรื่องหนังออกไปในแนวทางที่ตัวเองชอบมากๆ ก็เลยทำให้ชอบหนังเรื่องนี้สุดขีด

ดูหนังเรื่อง THE EMPEROR’S CLUB แล้วนึกถึงจอร์จ บุช, จอร์จ ดับเบิลยู บุช และการเลือกตั้งในสหรัฐในปี 2000 ตัวละครที่ทำให้นึกถึงจอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็คือตัวละครที่รับบทโดย JOEL GRETSCH ที่หล่อน่ารักมากๆ ในขณะที่ตัวละครที่น่าสนใจมากๆอีกตัวนึงก็คือตัวละครที่รับบทโดย STEVEN CULP ที่น่ารักเหมือนกัน ไม่รู้ว่าผู้สร้างหนังเรื่องนี้จงใจเลือก STEVEN CULP มารับบทนี้เพราะหน้าตาของเขาหรือเปล่า เพราะในขณะที่บทของ JOEL GRETSCH กับพ่อของเขาทำให้นึกถึง “พรรครีพับลิกัน” STEVEN CULP ซึ่งรับบทเป็นผู้ที่พ่ายแพ้ในเรื่องนี้ กลับมีหน้าตาคล้ายๆบุคคลสำคัญของ “พรรคเดโมแครต” อย่างมากๆ

STEVEN CULP เคยรับบทเป็นโรเบิร์ต เคนเนดี น้องชายของจอห์น เอฟ. เคนเนดี มาแล้วสองครั้งในหนังเรื่อง THIRTEEN DAYS (2000) และ NORMA JEAN & MARILYN (1996)

ดูความหล่อน่ารักของ JOEL GRETSCH ได้ที่
http://us.imdb.com/name/nm0340408/photogallery-ss-0
http://us.imdb.com/name/nm0340408/photogallery-granitz-0


STEVEN CULP เกิดปี 1955
http://us.imdb.com/name/nm0191688/

เขาเคยแสดงในละครชุด DESPERATE HOUSEWIVES และในหนังเรื่อง

1.NURSE BETTY (2000, NEIL LABUTE, A-)

2.SPARTAN (2004, DAVID MAMET, A-)
http://us.imdb.com/title/tt0360009/

3.DEAD AGAIN (1991, KENNETH BRANAGH, A-/B+)
http://us.imdb.com/title/tt0101669/

4.FEARLESS (1993, PETER WEIR, B+)

ดูรูปของเขาได้ที่
http://www.reel.com/Content/Reelimages/features2001/13days/culp.jpg

STEVEN CULP เคยตายสองครั้งในสัปดาห์เดียวกัน โดยเขาตายในวันพุธในละครชุด STAR TREK: ENTERPRISE และตายในวันศุกร์ในละครชุด JAG
http://us.imdb.com/name/nm0191688/board/nest/8672931

ผลงานหนังใหม่ของ STEVEN CULP คือ THE SISTERS (2005, ARTHUR ALLAN SEIDELMAN) ที่ดัดแปลงมาจากบทละครเวที THREE SISTERS ของ ANTON CHEKOV และนำแสดงโดย MARY STUART MASTERSON, MARIA BELLO กับ ERIKA CHRISTENSEN
http://us.imdb.com/title/tt0407205/


MICHAEL HOFFMAN เคยกำกับหนังเรื่อง
http://us.imdb.com/name/nm0001355/

1.SOAPDISH (1991) A
2.A MIDSUMMER NIGHT’S DREAM (1999) B
3.ONE FINE DAY (1996) B-


หนัง HBO อีกเรื่องที่ชอบมากๆที่ได้ดู ก็คือ THE CHARLIE’S ANGELS STORY (2004, FRANCINE MCDOUGALL, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0383915/

ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงวัยเด็กเป็นอย่างมาก เพราะหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 1970 ขณะที่มีการผลิตละครโทรทัศน์ชุด CHARLIE’S ANGELS

จุดที่ชอบในหนังเรื่องนี้มีมากมาย ซึ่งรวมถึง

1.การพูดถึงความยากลำบากในการเขียนบทละครโทรทัศน์ เพราะการเขียนบทให้ดีก็เป็นเรื่องยากมากอยู่แล้ว แต่ผู้เขียนบทจะต้องเอาใจทั้งโปรดิวเซอร์, สถานี, ผู้ชมส่วนใหญ่ และนักแสดงนำทุกคนให้ได้ด้วย และแต่ละคนก็มีความต้องการสวนทางกัน

2.ตัวละครเอกของหนังเรื่องนี้คือ “แอรอน สเปลลิง”

3. “โทรี สเปลลิง” และ “ไมเคิล ไอส์เนอร์” กลายเป็นตัวละครประกอบในหนังเรื่องนี้

4.การได้รู้นิสัยใจคอของดารานำแต่ละคนใน CHARLIE’S ANGELS

5.การย้อนนึกไปถึงปรากฏการณ์ฟาราห์ ฟอว์เซทท์ ในวัยเด็ก ก่อนหน้านี้หนังเรื่อง HEDWIG AND THE ANGRY INCH (A+) ก็มีอยู่ฉากนึงที่พาดพิงไปถึงฟาราห์ ฟอว์เซทท์เหมือนกัน

6.BEN BROWDER ที่รับบทเป็นยอดมนุษย์คอมพิวเตอร์ในเรื่องนี้หล่อมาก
http://www.imdb.com/name/nm0112871/photogallery

BEN BROWDER ซึ่งเกิดปี 1962 เคยแสดงใน

6.1 ละครชุด MELROSE PLACE (A+) โผล่มาแค่ตอนเดียว จำอะไรไม่ได้แล้ว

6.2 MEMPHIS BELLE (1990, MICHAEL CATON-JONES, B+)

6.3 A KISS BEFORE DYING (1991, JAMES DEARDEN, B-)

7.การพาดพิงถึงละครชุด CAGNEY & LACEY (1982)
http://www.imdb.com/title/tt0083395/


DESIRABLE ACTOR/BOXER—BLAKE “THE BLADE” LIRETTE ใน I SPY (2002, BETTY THOMAS, B)

http://www.nsnews.com/issues00/w061200/kick.gif
http://www.kickboxing.com/blade/images/Tassles.jpg

SVETLANA BASKOVA

ชอบประเด็นต่อต้านสงครามใน CASSHERN มากๆเหมือนกันค่ะ

ไอเดียเรื่องสายฟ้าที่ผ่าออกมาเป็นของแข็งเก๋มากๆ

ชอบ CASSHERN มากกว่า SKY CAPTAIN AND THE WORLD OF TOMORROW (KERRY CONRAN, B+) รู้สึกว่า SKY CAPTAIN จัดเป็นหนังฮอลลีวู้ดที่ใช้ได้เรื่องนึง แต่ CASSHERN โหดและเจ็บปวดดี

พูดถึงหนังเกี่ยวกับสงคราม ตอนนี้ดีวีดีที่อยากดูมากๆก็คือดีวีดีเรื่อง SPIRITUAL VOICES (1995, ALEXANDER SOKUROV) ซึ่งมีวางจำหน่ายในสหรัฐแล้วตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดี SPIRITUAL VOICES ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B0007LFPKW/qid%3D1113218868/sr%3D11-1/ref%3Dsr%5F11%5F1/102-3094168-1890518

SPIRITUAL VOICES เป็นหนังความยาว 5 ชม. 28 นาที ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับทหารรัสเซียที่ถูกส่งไปประจำพรมแดนติดกับแอฟกานิสถาน

หนังเกี่ยวกับทหารหนุ่มๆรัสเซียที่ควรดูควบกับดีวีดี SPIRITUAL VOICES ได้แก่เรื่อง

1.100 DAYS BEFORE THE COMMAND (1990, KHUSEIN ERKENOV, A+)
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B00004YKRL/qid%3D1113219134/sr%3D11-1/ref%3Dsr%5F11%5F1/102-3094168-1890518

2.MY STEP-BROTHER FRANKENSTEIN (2004, VALERI TODOROVSKY, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0416040/

3.PRISONER OF THE MOUNTAINS (1997, SERGEIN BODROV)
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B00008ZZ9M/qid=1113219316/sr=1-1/ref=sr_1_1/102-3094168-1890518?v=glance&s=dvd

4.GREEN ELEPHANT (1999, SVETLANA BASKOVA) น่าดูสุดขีด**********
http://www.filmfestivalrotterdam.com/en/film/31438.html



THE SEA IS WATCHING ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ แต่เคยดูหนังของ KEI KUMAI สองเรื่อง ซึ่งก็คือ

1.SEN NO RIKYU หรือ DEATH OF A TEA MASTER (1989, A+) หนังเรื่องนี้สงบนิ่งสุดๆ และให้อารมณ์สุดยอดมากๆ ดิฉันดูหนังเรื่องนี้รอบแรกแล้วหลับค่ะ เพราะฉะนั้นก่อนที่ดิฉันจะไปดูหนังเรื่องนี้รอบสอง ดิฉันก็เลยดื่มกาแฟเตรียมตัวไปเต็มที่ ผลปรากฏว่าไม่หลับ และรู้สึกว่านี่เป็นหนังที่บรรเจิดมากๆเรื่องนึง หนังเวียนมาฉายบ่อยๆที่มูลนิธิญี่ปุ่น

ข้อควรระวัง: อย่าจำหนังเรื่อง SEN NO RIKYU ของ KEI KUMAI สลับกับหนังเรื่อง RIKYU (1989, HIROSHI TESHIGAHARA) ที่เคยมีแพร่หลายในรูปแบบวิดีโอ

2.DARKNESS IN THE LIGHT (2001, A-) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับองค์การโอม ชินริเกียว

หนังทั้งสองเรื่องของ KEI KUMAI ที่ได้ดูมา ล้วนเป็นหนังที่ใช้ “โครงสร้างหนังสืบสวนสอบสวน” ทั้งสองเรื่อง แต่แทนที่จะทำออกมาเป็นหนัง THRILLER ตื่นเต้นลุ้นระทึก เคอิ คุมาอิกลับนำเสนอหนังทั้งสองเรื่องในแบบหนังสะท้อนปัญหาสังคมและแก่นแท้มนุษย์มากกว่า

เดาว่าสาเหตุที่ทำให้ตัวเองชอบ DARKNESS IN THE LIGHT ในระดับแค่ A- อาจจะเป็นเพราะว่าเคอิ คุมาอิไม่สามารถ “ควบคุม” หนังทั้งเรื่องให้ออกมาสุดๆได้ เพราะหนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง และทางผู้สร้างคงต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงเป็นหลัก มากกว่าจะนำเสนออารมณ์เหวอๆล่องๆลอยๆนิ่งๆ เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในภพวิเวกแบบใน SEN NO RIKYU การที่ DARKNESS IN THE LIGHT นำเสนอประเด็นที่ค่อนข้างล่อแหลม, ต้องเกรงใจบุคคลจริงๆหลายๆคนที่ยังมีชีวิตอยู่ และต้องการทำตัวเป็นหนังเพื่อสังคมมากกว่าหนังเซอร์ๆ ก็เลยทำให้ DARKNESS IN THE LIGHT ไม่ออกมา “สุดๆ” ในความเห็นของดิฉัน

ถ้าหากกรณีโอม ชินริ เกียวไม่มีจริง และเคอิ คุมาอิต้องการทำหนังเกี่ยวกับลัทธิอุบาทว์แล้วล่ะก็ ดิฉันคิดว่าเขาสามารถทำหนังให้ออกมาได้หลอกหลอนไม่แพ้คิโยชิ คุโรซาวะเลยล่ะค่ะ

หนังเกี่ยวกับลัทธิโอมชินริเกียวที่เคยดูอีกเรื่องคือหนังสารคดีเรื่อง A (1998, TATSUYA MORI, B/B-) ที่มีความยาว 136 นาที หนังเรื่องนี้เน้นนำเสนอชีวิตของสมาชิกคนหนึ่งในลัทธิโอม ชินริเกียว แต่รู้สึกว่าหนังค่อนข้างยาวไปหน่อย
http://www.imdb.com/title/tt0241146/

เคยดูหนังที่สร้างจากบทภาพยนตร์ของ AKIRA KUROSAWA เรื่องนึง ซึ่งก็คือเรื่อง WHEN THE RAIN LIFTS (1999, TAKASHI KOIZUMI, A-) หนังดูสวยงามดี
http://www.imdb.com/title/tt0181960/

หนังเกี่ยวกับโสเภณีญี่ปุ่นที่ชอบมากๆคือเรื่อง THE INSECT WOMAN (1963, SHOHEI IMAMURA, A)
http://www.imdb.com/title/tt0057363/

หนังเกี่ยวกับโสเภณีญี่ปุ่นที่อยากดูมากๆคือเรื่อง CROSSWAYS (1928, TEINOSUKE KINUGASA)

CROSSWAYS เป็นหนังเรื่องที่สองที่คินุงาสะสร้างร่วมกับคณะละครทดลองของเขา โดยเขาสร้างหนังเรื่องนี้หลังจาก PAGE OF MADNESS (1926) ที่โด่งดัง

CROSSWAYS เป็นหนังเมโลดรามาที่เรียบง่ายเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่หลงรักเกอิชา และน้องสาวของผู้ชายคนนี้ที่ใช้ความพยายามอย่างบ้าคลั่งในการขัดขวางพี่ชาย

CROSSWAYS หรือ JUJIRO ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า และมีจุดเด่นที่การจัดแสง, การตัดต่อ และการถ่ายภาพ โดยฉากเด่นในหนังเรื่องนี้รวมถึงฉากที่ลมหายใจกลายสภาพเป็นเหมือนหมอกควันท่ามกลางอากาศที่เย็นจัด และฉากที่ไอน้ำระเหยออกมาจากเสื้อผ้า

นักวิจารณ์บอกว่าฉากย่านโสเภณีในหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะการจัดแสง, เงา และการเคลื่อนไหวในฉากนี้ แสดงให้เห็นว่าคินุงาสะมีพรสวรรค์ในการเป็นศิลปินแนว expressionist

*****คินุงาสะเคยเล่นละครคาบูกิเป็นตัวละครหญิงมาก่อน*****

เคยดูหนังเรื่อง GATE OF HELL (1954, TEINOSUKE KINUGASA, A) หนังมีการถ่ายภาพและการใช้สีที่สวยมากๆ

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดี GATE OF HELL ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/6303073093/qid%3D1113222205/sr%3D11-1/ref%3Dsr%5F11%5F1/102-3094168-1890518

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดี A PAGE OF MADNESS (1926) ได้ที่
http://other-dvd-movies-cat.ioffer.com/i/A-PAGE-OF-MADNESS-Kurutta-Ippeji-Teinosuke-Kinugasa-3646229

A PAGE OF MADNESS มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลาสีวัยชราที่ทำงานเป็นภารโรงในโรงพยาบาลบ้า เพื่อที่เขาจะได้อยู่ใกล้ชิดกับภรรยาโรคจิตของเขา และเพื่อที่เขาจะได้ช่วยเธอหลบหนี แต่เธอกลับไม่อยากหลบหนี
บางคนตั้งข้อสังเกตว่า A PAGE OF MADNESS น่าจะได้รับอิทธิพลจากหนังเยอรมันเรื่อง THE CABINET OF DR. CALIGARI (1919, ROBERT WIENE, A-) แต่เทคนิคที่ใช้ใน A PAGE OF MADNESS เป็นเทคนิคที่แพรวพราวหลากหลายมาก

SPECTRES OF THE SPECTRUM

หนังของ HIDETOSHI NISHIJIMA ที่เคยดู

1.2 DUO (1997, NOBUHIRO SUWA) A+

หนังเรื่องนี้ขอแนะนำสำหรับแฟนๆของ HIDETOSHI เป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะเรื่องนี้ HIDETOSHI รับบทเป็นพระเอกเต็มตัว ได้โชว์ความหล่อเหลาอย่างเต็มที่ และได้โชว์ฝีมือทางการแสดงอย่างเต็มที่ด้วย หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของหนุ่มสาวคู่นึงที่รักกันแต่มีปัญหาไม่เข้าใจกัน หนังทั้งเรื่องพึ่งพาฝีมือทางการแสดงของนักแสดงอย่างมากๆ ถ้านักแสดงแสดงไม่ดี หนังก็ล่มในทันที เพราะหนังเน้นถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของนักแสดงอยู่ตลอดเวลา และมีบางฉากเป็น “หนังล้อสารคดี” ด้วย โดยจะมีฉาก “ตัวละคร” ในเรื่องให้สัมภาษณ์ต่อหน้ากล้องตัดสลับเข้ามาเป็นระยะๆ

2 DUO เป็นหนังทุนต่ำ และ NOBUHIRO SUWA ก็เป็นหนึ่งในสุดยอดผู้กำกับหนังญี่ปุ่นคนนึงในความเห็นของดิฉัน จากที่ได้อ่านมาข้อมูลบอกว่าตอนแรก SUWA เขียนบทหนังเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่พอถึงเวลาถ่ายทำ เขาก็บอกให้นักแสดงลืมบทไปให้หมดและให้ด้นสดทั้ง “การกระทำ”, “ปฏิกิริยาต่อคนอื่นๆ” และ “บทสนทนา” เอง

หนังเรื่องนี้เน้นถ่ายแบบลองเทคโดยไม่เปลี่ยนมุมกล้อง

2.CASSHERN (2004, KAZUAKI KIRIYA) A
3.LICENSE TO LIVE (1998, KIYOSHI KUROSAWA) A-4.DOLLS (2002, TAKESHI KITANO) A-
5.LOVE/JUICE (2000, KAZE SHINDO) A-
ดูหนังเรื่องนี้นานแล้ว ก็เลยจำไม่ได้ว่า HIDETOSHI NISHIJIMA รับบทเป็นอะไรในเรื่องนี้

6.LAST SCENE (2002, HIDEO NAKATA) B+

HIDETOSHI NISHIJIMA รับบทประกอบในเรื่องนี้เป็นดาราหนุ่มในปี 1965 เขามักแสดงหนังร่วมกับดาราสาวคนหนึ่งจนกลายเป็นคู่ขวัญที่ผู้ชมคุ้นเคย แต่พอดาราสาวคนนั้นเลิกแสดงหนัง อาชีพของเขาก็เลยตกต่ำไปด้วย ต่อมาเขาก็หายไปจากวงการ ก่อนจะหวนกลับมารับบทประกอบเป็นครั้งสุดท้ายในสภาพชายชรา

ถ้าจำไม่ผิด บทของ HIDETOSHI NISHIJIMA มีเฉพาะช่วง 1 /4 แรกของเรื่องเท่านั้นค่ะ

http://entertainment.msn.com/movies/movie.aspx?m=542068


7.GHOST PUB (1994, TAKAYOSHI WATANABE) B

ดูหนังตลกเรื่องนี้นานมากแล้ว ก็เลยจำไม่ได้เหมือนกันว่า HIDETOSHI NISHIJIMA รับบทอะไรในเรื่องนี้ ถ้าจำไม่ผิด หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายที่เป็นพ่อม่ายเมียตาย แต่พอเขาแต่งงานใหม่ วิญญาณเมียเก่าก็เลยตามมาหลอกหลอนด้วยความฮาเป็นอย่างยิ่ง



ดิฉันชอบ HIDETOSHI NISHIJIMA ที่รับบทเป็นผู้ร้ายใน CASSHERN อย่างสุดๆเลยค่ะ เพราะเขาหล่อน่ารักมาก ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าเขารับบทประกอบในหนังใหม่เรื่อง TONY TAKITANI (2004, JUN ICHIKAWA) ด้วยค่ะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าบทที่เขาแสดงมีมากน้อยแค่ไหนในหนังเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่น่าดูอย่างสุดๆค่ะ เพราะ JUN ICHIKAWA เป็นหนึ่งในผู้กำกับหนังญี่ปุ่นรุ่นปัจจุบันที่ดิฉันชอบที่สุด

หนังของ JUN ICHIKAWA หลายเรื่องให้อารมณ์เหงาๆในแบบที่โดนใจดิฉันมากเลยค่ะ ดิฉันชอบอารมณ์เหงาในหนังของเขามากพอๆกับอารมณ์เหงาในหนังของหว่องคาร์ไวและไฉ่มิ่งเหลียง

นางเอกของ TONY TAKITANI คือริเอะ มิยาซาวะ อดีตนักร้องสาวที่เคยโด่งดังมากกับเพลง DREAM RUSH ในปี 1990 (คิดถึงเพลงญี่ปุ่นยุคนั้นจังเลย)

TONY TAKITANI ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ HARUKI MURAKAMI ค่ะ หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีภรรยาเป็นโรคบ้าซื้อเสื้อผ้าอย่างรุนแรง


http://www.lff.org.uk/films_details.php?FilmID=545


http://festival.sundance.org/2005/filmguide/popup.aspx?film=1722

หนังของ JUN ICHIKAWA ที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบ

1.DYING AT A HOSPITAL (1993) A+
2.BU SU (1987) A+
3.TOKYO LULLABY (1997) A+
4.TOKYO KYODAI (1995) A+
5.OSAKA STORY (1999) A
6.TSUGUMI (1990) A-
7.TOKIWA: THE MANGA APARTMENT (1996) A-/B+


เคยดูแซม ฮุยแค่ไม่กี่เรื่องเอง หนังของเขาที่ชอบที่สุดคงจะเป็นเดชคัมภีร์เทวดาภาคหนึ่ง (1990, A+)

ดีวีดีหนังซามูไรอีกเรื่องนึงที่อยากดูในตอนนี้คือเรื่อง THE SWORD OF DOOM (1966, KIHACHI OKAMOTO) ค่ะ ดีวีดีหนังเรื่องนี้มีวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ (ไม่รู้มีใครแนะนำไปแล้วยัง ถ้ามีคนแนะนำไปแล้วก็ขออภัยด้วยนะคะ)

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดี THE SWORD OF DOOM ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B0007989YS/qid=1113148897/sr=11-1/ref=sr_11_1/104-8971169-8616726


THE SWORD OF DOOM มีเนื้อหาเกี่ยวกับซามูไรที่มีลักษณะคล้ายๆจะเป็นฆาตกรโรคจิต ตัวละครเอกของเรื่องนี้คือ RYONOSUKE TSUKUE (TATSUYA NAKADAI) ที่เปิดฉากมาก็ฆ่าคนแก่ตายอย่างดูเหมือนไร้เหตุผลและไร้ความปรานี (แต่ก่อนหน้านั้นคนแก่คนนั้นเพิ่งสวดมนตร์ภาวนาขอให้ตัวเองตาย) ทั้งนี้ ผู้ชมแต่ละคนสามารถตัดสินได้เองว่าตกลงจริงๆแล้วพระเอกหนังเรื่องนี้เป็นคนดีหรือคนเลวกันแน่ และหนังเรื่องนี้ก็กระตุ้นให้ผู้ชมถกเถียงกันในประเด็นนี้ด้วย

โตชิโร่ มิฟูเน่ รับบทประกอบในหนังเรื่องนี้

อ่านบทวิจารณ์ดีวีดีหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://www.kungfucinema.com/reviews/swordofdoom.htm


KIHACHI OKAMOTO (1923-2005) เคยกำกับหนังเรื่อง
http://www.imdb.com/name/nm0645477/

1.DIXIELAND DAIMYO (1986) A+
2.RAINBOW KIDS (1991) A


ตอนนี้ดีวีดีหนังไซไฟที่อยากดูมากที่สุดคือ SPECTRES OF THE SPECTRUM (2000, CRAIG BALDWIN) ค่ะ ดีวีดีหนังเรื่องนี้เพิ่งวางจำหน่ายในวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา หนังเรื่องนี้มีการใช้สเปเชียลเอฟเฟคท์ที่ใช้ทุนต่ำสุดขีดด้วย โดยนักวิจารณ์บอกว่าสเปเชียลเอฟเฟคท์แต่ละอย่างในหนังน่าจะใช้เงินประมาณไม่กี่สิบดอลลาร์

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดีหนังไซไฟเรื่องนี้ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0007LBLZA/qid=1113150804/sr=1-1/ref=sr_1_1/104-8971169-8616726?v=glance&s=dvd

ในปี 2007 ฮาร์ดแวร์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการของรัฐบาลที่มีชื่อว่า HAARP (High-Frequency Active Auroral Research Program) ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้ในการศึกษาแสง Aurora Borealis ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นอาวุธสงครามที่อันตรายมาก และอาวุธนี้สามารถใช้ในการล้างความทรงจำของคนทั้งโลก

อย่างไรก็ดี มีอยู่สองคนที่สามารถกอบกู้โลกจากภยันตรายนี้ได้ และสองคนนี้ก็คือ “บู บู” (Caroline Koebel) กับพ่อของเธอที่ชื่อ “โยกี” (Sean Kilcoyne) แต่พวกเขาจะช่วยโลกได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถไขความลับที่ย่าของบูบูซุกซ่อนเอาไว้ในละครโทรทัศน์ชุด “Science in Action” ในทศวรรษ 1950 (คิดพล็อตขึ้นมาได้ไงเนี่ย)

CRAIG BALDWIN เป็นหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์ที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้ค่ะ หนังของเขามักนำหลายๆอย่างมาผสมผสานเข้าด้วยกัน ทั้งฟุตเตจหนังเก่า, ละครโทรทัศน์เก่า, หนังสารคดี, หนังเรื่องแต่ง, หนังที่ใช้สอนนักเรียน, หนังของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ, หนังโฆษณา, การ์ตูน

นอกจากความเป็นหนังไซไฟแล้ว SPECTRES OF THE SPECTRUM ยังจัดอยู่ในกลุ่มหนัง PARANOID ได้ด้วย และเนื้อหาบางส่วนของหนังเรื่องนี้ก็พูดถึงทฤษฎีสมคบคิดมากมายหลายทฤษฎี

เนื้อหาบางส่วนของ SPECTRES OF THE SPECTRUM ครอบคลุมไปถึงเรื่องของอเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบล, โธมัส เอดิสัน, สปุตนิก, ดีน มาร์ติน, วิลเฮล์ม ไรช์ นักจิตวิเคราะห์ชื่อดัง และกองกำลังกบฏซาปาติสตาสในเม็กซิโก!!!


อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานของ CRAIG BALDWIN ได้ที่
http://www.imdb.com/name/nm0049878/

หนังไซไฟอีกเรื่องของ CRAIG BALDWIN ที่น่าดูสุดขีดคือเรื่อง TRIBULATION 99: ALIEN ANOMALIES UNDER AMERICA (1992)
http://www.imdb.com/title/tt0105639/

TRIBULATION 99: ALIEN ANOMALIES UNDER AMERICA (1992)
เป็นหนัง “สารคดีปลอม” ที่เล่าเรื่องของมนุษย์ต่างดาวในอเมริกาใต้ที่พยายามต่อสู้กับรัฐบาลสหรัฐ โดยจุดประสงค์ของหนังเรื่องนี้คือการด่านโยบายของสหรัฐอเมริกาที่ชอบเข้ามาแทรกแซงภูมิภาคละตินอเมริกา หนังเรื่องนี้ประกอบไปด้วยเรื่องราวของทฤษฎีสมคบคิดมากมาย และเล่าเรื่องโดยใช้ฟิล์มหนังเก่าๆมาเรียงร้อยเข้าด้วยกัน

ในปี 1000 มนุษย์ต่างดาวจากดาวเคราะห์เควทซาลโคทเทิลหนีออกจากดาวเคราะห์ของตัวเองที่กำลังจะหมดอายุขัย และหนีมาอาศัยอยู่ใต้พื้นดินในโลกใบนี้ อย่างไรก็ดี เมื่อสหรัฐอเมริกาทดสอบระเบิดปรมาณูในทศวรรษ 1950 มนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกรบกวนและพยายามหาทางต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งในรูปแบบของการสร้างฟิเดล คาสโตรขึ้นมาเป็นผู้นำคิวบา, การสร้างอาณาจักรแวมไพร์พลังจิตในเกรนาดาในอเมริกากลาง หรือการเข้าไปเกี่ยวข้องกับปธน.อาเยนเดแห่งชิลีในการเปลี่ยนแปลงแกนหมุนของโลก อย่างไรก็ดี สหรัฐอเมริกาก็พยายามใช้ซีไอเอในการยับยั้งการกระทำของมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้

TRIBULATION 99: ALIEN ANOMALIES UNDER AMERICA (1992) ประกอบไปด้วยบทพูดที่น่าประทับใจอย่างมากๆ อย่างเช่น

“ปธน.โรนัลด์ เรแกนแห่งสหรัฐสนับสนุนนโยบายอันเปี่ยมด้วยความเมตตาในการจัดหาปืนกล, ระเบิดพลาสติกซี 4 และอาวุธอันเปี่ยมด้วยมนุษยธรรมรูปแบบอื่นๆให้กับนักสู้เพื่อเสรีภาพ เพราะนักสู้เหล่านี้กำลังต้องการอาวุธเหล่านี้เป็นอย่างยิ่งเพื่อใช้ในการต่อสู้กับประชาชนที่อ่านหนังสือออก, ครู, คลินิกรักษาโรค และสมาชิกสหกรณ์การเกษตร”

http://www.imdb.com/title/tt0105639/usercomments


ในบรรดาหนังเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์นั้น นอกจากหนังไซไฟแล้ว ยังมีหนังสารคดีเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจอีกมากมายหลายเรื่องค่ะ โดยเฉพาะหนังของสองพี่น้อง CHARLES EAMES + RAY EAMES

หนังที่อยากดูมากของพี่น้องคู่นี้ คือเรื่อง POWERS OF TEN (1977) ค่ะ
http://www.imdb.com/title/tt0078106/

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังเรื่อง POWERS OF TEN ได้ที่
http://www.powersof10.com/

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CHARLES EAMES + RAY EAMES ได้ที่
http://www.eamesoffice.com/
http://www.sensesofcinema.com/contents/cteq/04/33/charles_and_ray_eames.html

Saturday, April 09, 2005

THE HOUSE IS BLACK + ETHNIC AUSTRALIANS

เนื่องจากหนังเรื่อง THE MOTORCYCLE DIARIES (A-) มีเนื้อหาช่วงหนึ่งเกี่ยวข้องกับนิคมโรคเรื้อน ก็เลยถือโอกาสนี้แนะนำดีวีดีหนังที่น่าดูอย่างสุดๆอีกเรื่องหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับนิคมโรคเรื้อนค่ะ นั่นก็คือเรื่อง THE HOUSE IS BLACK (1962, FOROUGH FARROKHZAD)

ดีวีดีหนังเรื่องนี้มีวางขายตั้งแต่เดือนก.พ.แล้วค่ะ ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดีแผ่นนี้ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B00074CC50/qid%3D1113048092/sr%3D11-1/ref%3Dsr%5F11%5F1/102-6667343-3484115


THE HOUSE IS BLACK เป็นหนังสารคดีอิหร่านค่ะ และผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นกวีหญิงที่เสียชีวิตขณะอายุ 32 ปี นักวิจารณ์ใน FILM COMMENT ให้ความเห็นว่าหนังสารคดีเรื่องนี้สามารถนำเสนอภาพชีวิตที่โหดร้ายได้อย่างไม่ลดราวาศอกและเต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปะในขณะเดียวกัน

FARROKHZAD เดินทางไปที่อาเซอร์ไบจันเพื่อสร้างหนังสารคดีเรื่องนี้ และหนังสารคดีเรื่องนี้ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบให้กับหนังยุค IRANIAN NEW WAVE ในเวลาต่อมา รวมทั้งถือเป็นหนึ่งในหนังตระกูล “สารคดีเชิงกวี” หรือ “สารคดีเซอร์เรียล” ด้วย

FARROKHZAD นำเสนอภาพชีวิตคนในนิคมโรคเรื้อนทั้งในแบบที่ถ่ายอยู่ห่างๆโดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง และในแบบที่เข้าไปจัดฉากใหม่ ในขณะที่เสียงที่เราได้ยินในเรื่องนี้เป็นเสียงของผู้กำกับขณะอ่านบทกวีของตัวเอง

ทั้ง ABBAS KIAROSTAMI และ CHRIS MARKER ต่างก็เป็นแฟนผลงานของ FOROUGH FARROKHZAD ค่ะ โดยหนังเรื่อง THE WIND WILL CARRY US ของ KIAROSTAMI มีความสัมพันธ์กับบทกวีของ FARROKHZAD ด้วย

อย่างไรก็ดี หลังจาก FARROKHZAD ถ่ายหนังสารคดีเรื่องนี้ได้เพียง 5 ปี เธอก็เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์

อ่านบทวิจารณ์ THE HOUSE IS BLACK ได้ที่
http://www.villagevoice.com/film/0508,dvd3,61363,20.html


J.HOBERMAN ให้ความเห็นว่าหนังสารคดีที่อยู่ในตระกูลเดียวกับ THE HOUSE IS BLACK รวมถึง

1.LAND WITHOUT BREAD (1933, LUIS BUNUEL, A)
http://www.imdb.com/title/tt0023037/

หนังสารคดีเรื่องนี้นำเสนอภาพชีวิตที่แร้นแค้นของชาวบ้านในหุบเขาแห่งหนึ่งในสเปน

อ่านรายละเอียดภาษาไทยเกี่ยวกับเรื่อง LAND WITHOUT BREAD ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2819

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลุยส์ บุนเยลได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2837

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดีที่น่าสนใจของหลุยส์ บุนเยลได้ที่
http://homepage.mac.com/Vanvdo/luis-bunuel-collection.htm


2.BLOOD OF THE BEASTS (1949, GEORGES FRANJU)
http://www.imdb.com/title/tt0041842/
หนังสารคดีสุดยอดคลาสสิคเกี่ยวกับโรงฆ่าสัตว์

http://www.imdb.com/title/tt0041842/
http://www.imdb.com/title/tt0041842/usercomments


ดีวีดีหนังเรื่อง EYES WITHOUT A FACE (1960, A-) ของ GEORGES FRANJU สามารถหาซื้อได้ง่ายค่ะ
http://homepage.mac.com/Vanvdo/e/eyes-without-face.htm

GEORGES FRANJU ได้รับสมญานามว่าเป็นทายาททางภาพยนตร์คนหนึ่งของ JEAN COCTEAU

อย่างไรก็ดี ดิฉันเกลียดฉากฆ่าสัตว์จริงอย่างมากๆค่ะ ชอบดูหนังที่เป็นฉากฆ่าสัตว์ปลอมๆมากกว่า เพราะดิฉันก็ไม่อยากดูหนังที่จับคนจริงๆมาฆ่าเหมือนกัน การที่ได้รู้ว่าหนังเรื่องไหน “ฆ่าสัตว์จริงๆ” หรือ “ฆ่าคนจริงๆ” เพียงเพื่อใช้ในการถ่ายทำหนัง มีผลทำให้ความรู้สึกชอบของดิฉันที่มีต่อหนังเรื่องนั้นลดลงอย่างมากๆ

นอกจาก BLOOD OF THE BEASTS แล้ว หนังที่นำเสนอภาพการฆ่าสัตว์อย่างโหดร้ายทารุณยังรวมถึง :-

2.1 THE PIG (1970, JEAN-MICHEL BARJOL + JEAN EUSTACHE) หนังสารคดีเกี่ยวกับการฆ่าสุกร

http://www.imdb.com/title/tt0260812/
In the French countryside it's the day for peasants to kill a big fat pig. The slaughter goes on for a great part of the day as they work to store 140kg worth of meat.


2.2 SING-SING (1971, BARBET SCHROEDER) + THE PIG WITH SWEET POTATOES + LE REPAS RITUEL

บาร์เบท ชโรเดอร์ อดีตดาราหนุ่มสุดหล่อจาก THE GIRL AT THE MONCEAU BAKERY (1963, ERIC ROHMER, A) กำกับหนังสารคดีเกี่ยวกับการฆ่าสุกรเรื่องนี้ในนิวกินีค่ะ แต่ดิฉันไม่แน่ใจเท่าไหร่ในชื่อหนังของเรื่องนี้ เพราะดิฉันไม่รู้ว่าชโรเดอร์กำกับหนังสารคดีเกี่ยวกับการฆ่าสัตว์ในนิวกินีหลายเรื่อง หรือว่ากำกับเรื่องเดียวแต่หลายเวอร์ชัน หรือกำกับเรื่องเดียวแต่หลายชื่อ ดิฉันก็งงๆอยู่เหมือนกัน

http://hometown.aol.com/flickhead1/page30.html


2.3 BENNY’S VIDEO (1992, MICHAEL HANEKE, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0103793/


2.4 IN A YEAR OF 13 MOONS (1978, RAINER WERNER FASSBINDER, A)
http://www.imdb.com/title/tt0077729/

หนังเกย์เรื่องนี้ได้รับการผลิตเป็นดีวีดีแล้วค่ะ
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0001A79DK/ref=ase_imdb-adbox/102-6667343-3484115?v=glance&s=dvd


2.5 CUTTING IT SHORT (1980, JIRI MENZEL, B+)
http://www.imdb.com/title/tt0081363/

หนังเชคโกสโลวาเกียเรื่องนี้บรรจุฉากฆ่าสัตว์ไว้ในช่วงต้นเรื่อง ดิฉันเดาว่าเป็นการฆ่าสัตว์จริงๆ หนังเรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ของ BOHUMIL HRABAL ซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดัง

2.6 VIVA LA MUERTE (1970, FERNANDO ARRABAL, A-)
http://www.imagesjournal.com/2003/reviews/arrabal/

2.7 CASUISTRY: THE ART OF KILLING A CAT
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3331596/A3331596.html


3.NIGHT AND FOG (1955, ALAIN RESNAIS, A+)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ALAIN RESNAIS ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2860


ของแถมในดีวีดี THE HOUSE IS BLACK ก็สุดยอดมากค่ะ เพราะของแถมในดีวีดีแผ่นนี้รวมถึง

1.หนังสั้นเรื่อง IMAGES FROM THE QAJAR DYNASTY (1992, MOHSEN MAKHMALBAF)

หนังที่รวบรวมภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์เรื่องนี้เป็นผลพลอยได้จากการวิจัยของโมห์เชนในระหว่างที่เขากำกับหนังเรื่อง ONCE UPON A TIME, CINEMA (1992)

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับหนังเรื่อง IMAGES FROM THE QAJAR DYNASTY ได้ในบทความของคุณ “มโนธรรม เทียมเทียบรัตน์” ในหนังสือ “ฟิล์มไวรัส” เล่ม 1 ค่ะ (รู้สึกว่าจะหาซื้อได้ที่ร้านคิโนะคุนิยะ ชั้น 6 ห้างเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า)


2. หนังสั้นเรื่อง THE SCHOOL THAT WAS BLOWN AWAY (1996, MOHSEN MAKHMALBAF)

หนังเรื่องนี้มีส่วนสัมพันธ์กับหนังเรื่อง GABBEH (1996) ค่ะ

3.หนังสือบทความของ CHRIS MARKER และ JONATHAN ROSENBAUM


ในบรรดาผู้กำกับหนังสารคดีที่น่าสนใจในตอนนี้ คนนึงที่น่าสนใจมากๆก็คือ HAROUN FAROCKI ค่ะ อ่านบทความเกี่ยวกับหนังของเขาได้ที่
http://www.filmref.com/directors/dirpages/farocki.html
http://www.sensesofcinema.com/contents/02/21/contents.html


*****ดูภาพจากหนังเรื่อง THE TRACKER และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ THE TRACKER ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3680


--THE BOYS นำแสดงโดย DAVID WENHAM ที่หล่อน่ารักมากๆเลยค่ะ

ดูความน่ารักของ DAVID WENHAM ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=5230


--FACING THE MUSIC (2001, ROBIN ANDERSON + BOB CONNOLLY) เคยมาฉายที่สยามดิสคัฟเวอรีประมาณเดือนต.ค.ปี 2002 ชอบในระดับประมาณ B+ ฉากที่ชอบมากคือฉากที่คุณครูสั่งสอนนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนไม่มีพรสวรรค์ในการแต่งเพลงคลาสสิคสักเท่าไหร่ ดูแล้วรู้สึกสงสารนักเรียนหญิงคนนี้มากๆ เธอคงเป็นคนที่มีความตั้งใจ แต่ไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้

ดูข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ได้ที่
http://www.imdb.com/title/tt0288519/

ดูหนังสารคดีเรื่อง FACING THE MUSIC แล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่อง MUSIC OF THE HEART (1999, WES CRAVEN, B+) อย่างมากๆ


--ADAM GARCIA พระเอกเรื่อง BOOTMEN (2000, DEIN PERRY, B/B-) ก็หล่อมากๆเช่นกัน แต่หลายคนคงดูเรื่องนี้ไปแล้ว
http://www.kinoweb.de/film2001/Bootmen/pix/bm01.jpg
http://www.imdb.com/title/tt0210584/


--ก่อนหน้าที่จะได้ดูหนังออสเตรเลีย ก็นึกว่าปัญหาเรื่องเชื้อชาติในออสเตรเลียจะมีแค่ปัญหาระหว่างคนผิวขาว, ชาวเผ่าอะบอริจินส์, กับชาวเอเชียผิวเหลืองเท่านั้น แต่พอได้ดูหนังออสเตรเลีย ก็เลยได้รู้ว่าในบรรดา “คนผิวขาว” ด้วยกันเอง ยังมีการเหยียดเชื้อชาติกันอย่างมากมายหลายตลบ (คิดว่าฝรั่งก็คงไม่ค่อยรู้เหมือนกันว่าคนไทยมองคนลาวหรือเพื่อนบ้านอย่างไรบ้าง)

น่าสังเกตว่าออสเตรเลียผลิตหนังเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยผิวขาวออกมาเยอะมากในระยะหลัง ซึ่งรวมถึง

1.HEAD ON ที่พูดถึงชาวกรีกในออสเตรเลีย

อ่านบทความเกี่ยวกับหนังของชาวกรีกในออสเตรเลียได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/00/4/greek.html


2.LA SPAGNOLA (2001, STEVE JACOBS) ที่พูดถึงชาวสเปนในออสเตรเลีย
http://www.imdb.com/title/tt0290867/

3.LOOKING FOR ALIBRANDI (2000, KATE WOODS, B) ที่พูดถึงชาวอิตาลีในออสเตรเลีย หนังเรื่องนี้มีตัวละครเกย์หนุ่มน่ารักคนนึงด้วย
http://efilmcritic.com/review.php?movie=4339

4.THE WOG BOY (2000, ALEKSI VELLIS)
http://www.imdb.com/title/tt0216417/

5.BEWARE OF GREEKS BEARING GUNS (2000, JOHN TATOULIS)
http://www.imdb.com/title/tt0231615/


6.FISTFUL OF FLIES (1996, MONICA PELLIZZARI) ที่พูดถึงชาวอิตาลีในออสเตรเลีย หนังเรื่องนี้มีขายในแบบวิดีโอลิขสิทธิ์ค่ะ
http://www.imdb.com/title/tt0116315/

หนังเรื่องอื่นๆของ MONICA PELLIZZARI ก็พูดถึงประเด็นนี้เช่นกัน
http://www.sensesofcinema.com/contents/cteq/01/13/pellizzari.html


7.SPARKY D. COMES TO TOWN (2001, MACIEK WSZELAKI) ที่พูดถึงชาวโครเอเชียในออสเตรเลีย
http://www.sensesofcinema.com/contents/festivals/01/14/stolen_moments.html


8.หนังหลายเรื่องของ GIORGIO MANGIAMALE ชาวอิตาลีที่อพยพมาออสเตรเลีย
http://www.sensesofcinema.com/contents/00/4/giorgio.html

Friday, April 08, 2005

HOLLOW REED

--ชอบผู้หญิงสองคนที่ต้านทานพระเอกได้ใน CODE 46 ค่ะ

ผู้หญิงคนแรกใช้แบคทีเรียในการเอาชนะไวรัสของพระเอก แต่ถึงแม้แบคทีเรียของเธอจะชนะไวรัสของพระเอก พระเอกก็เอาชนะเธอได้โดยใช้วิธีการติดสินบนแทน

ผู้หญิงคนที่สองใช้ “ศาสนา” ในการต้านทานไวรัสของพระเอก และพระเอกก็ต้องล่าถอยกลับไป ไม่สามารถเอาชนะอะไรผู้หญิงคนนี้ได้เลย


--หนังเรื่อง CODE 46 ยังมีบางจุดที่คล้ายคลึง BREATHLESS (1959, JEAN-LUC GODARD, A-) ด้วยค่ะ


--ภาพกล้องวงจรปิดที่คอยจับตามองตัวละครอยู่ตลอดเวลา ทำให้นึกถึงหนังอีก 2 เรื่อง ซึ่งก็คือ

1.GAS ATTACK (2001, KENNETH GLENAAN, A+) หนังอังกฤษเกี่ยวกับผู้อพยพจากตะวันออกกลาง หนังมีการใช้ภาพที่ถ่ายจากกล้องวงจรปิดตัดสลับเข้ามาบ่อยครั้ง
http://www.imdb.com/name/nm0322533/

2.THE END OF VIOLENCE (1997, WIM WENDERS, A-) หนังพูดถึงเรื่องของกล้องวงจรปิดโดยตรง แต่จุดเด่นอีกจุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ “การถ่ายภาพให้เหมือนกับงานจิตรกรรมของ EDWARD HOPPER”
http://www.imdb.com/title/tt0119062/


นอกจาก CODE 46, GAS ATTACK และ THE END OF VIOLENCE จะมีจุดเด่นเรื่อง “กล้องวงจร” ปิดเหมือนกันแล้ว หนัง 3 เรื่องนี้ยังมีจุดเด่นอีกจุดที่ตรงกันโดยบังเอิญ นั่นก็คือเรื่องของ “การอพยพ”

1.CODE 46 มีตัวละครที่อยู่นอกเมือง แต่อยากได้ “บัตรผ่าน” เพื่อจะได้อพยพเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีความเจริญ

2.GAS ATTACK เล่าเรื่องของผู้อพยพโดยตรง และการที่ผู้อพยพถูกตรวจสอบจับตามองจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอย่างเข้มงวด

3.THE END OF VIOLENCE มีตัวละครสาวเอลซัลวาดอร์ที่อพยพมาทำงานเป็นสาวใช้ในสหรัฐ ตัวละครตัวนี้ชื่อมาธิลดา (รับบทโดย Marisol Padilla Sanchez) ซึ่งทำงานเป็นสาวใช้ให้กับเรย์ เบริง (Gabriel Byrne) ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนคอยดูแลระบบกล้องวงจรปิดของลอสแองเจลิส โดยสาวใช้คนนี้มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมาก

ดิฉันชอบตัวละครมาธิลดาในตอนจบของ THE END OF VIOLENCE มากๆเลยค่ะ การแสดงในตอนจบของเธอน่าประทับใจมากๆ (อีกจุดนึงที่ประทับใจมากๆใน THE END OF VIOLENCE ก็คือความหล่อน่ารักของ LOREN DEAN)


--มีหนังหลายเรื่องที่ได้ดูในช่วงนี้ที่มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับการลบ, รื้อฟื้น, หรือปั้นแต่งความทรงจำ ซึ่งรวมถึงเรื่อง

1.UNINVITED (2003, LEE SU-YEON, A+)
2.NABI (2001, MOON SEUNG-WOOK, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0293442/
3.ETERNAL SUNSHINE OF THE SPOTLESS MIND (A+)
4.THE FORGOTTEN (2004, JOSEPH RUBEN, A)
5.HANA AND ALICE (A)
6.CODE 46 (A-)
7.ABSOLUT (2004, ROMED WYDER, B+)

ในบรรดาหนังกลุ่มนี้ THE FORGOTTEN, CODE 46 และ ABSOLUT มีจุดตรงกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือในหนัง 3 เรื่องนี้ “ภาครัฐบาล” มีบทบาทในการแทรกแซงความทรงจำของประชาชน และนั่นทำให้คิดถึงหนังสารคดีเรื่อง CAPTURING THE FRIEDMANS (2003, ANDREW JARECKI, A+) ขึ้นมาด้วยเหมือนกัน เพราะในหนังสารคดีเรื่องนี้เป็นที่น่าสงสัยว่าความทรงจำของพยานบางคนในเรื่องเป็นเรื่องจริงหรือเป็นสิ่งที่ถูกยัดเยียดให้กลายเป็นความทรงจำกันแน่


--รู้สึกว่าหนังเรื่อง UNDER THE SKIN (1997, CARINE ADLER) ที่นำแสดงโดย SAMANTHA MORTON และสุดหล่อ STUART TOWNSEND ออกขายในรูปแบบดีวีดีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหาซื้อได้ในกรุงเทพแล้วยัง

ดูปกดีวีดี UNDER THE SKIN ได้ที่
http://www.amazon.co.uk/exec/obidos/ASIN/B0006NKBVE/qid=1112957213/sr=2-1/ref=sr_2_11_1/026-6581568-1034867

อ่านคำวิจารณ์ UNDER THE SKIN ได้ที่
http://dir.salon.com/ent/movies/reviews/1998/05/21reviewb.html
http://www.rottentomatoes.com/m/under_the_skin/


UNDER THE SKIN มีเนื้อหาเกี่ยวกับปฏิกิริยาของพี่สาวน้องสาวคู่หนึ่งที่มีต่อการเสียชีวิตของแม่ (Rita Tushingham จากหนังคลาสสิค A TASTE OF HONEY ที่กำกับโดย TONY RICHARDSON) โดยไอริส (ซาแมนธา มอร์ตัน) มักจะอิจฉาโรส (CLAIRE RUSHBROOK ซึ่งเคยสร้างความประทับใจให้ดิฉันอย่างสุดๆมาแล้วจากบทลูกสาวผิวขาวของเบรนดา เบลธินใน SECRETS AND LIES) มาโดยตลอด แต่เมื่อแม่ของทั้งสองตาย ไอริสก็รู้สึกสับสน, มึนชา และกราดเกรี้ยว

ถึงแม้โรสดูเหมือนจะผูกพันกับแม่มากกว่าที่ไอริสผูกพันกับแม่ แต่พอแม่ตาย โรสซึ่งเป็นชนชั้นกลางที่มีการมีงานทำ ก็ดูเหมือนจะปรับตัวให้เข้ากับความเป็นไปของชีวิตได้อย่างไม่ยากนัก ส่วนไอริสซึ่งยังมีอายุน้อย กลับดูเหมือนว่าจะสูญเสียบางอย่างในตัวเธอเองไปหลังจากแม่ตาย เธอพยายามค้นหาตัวเองใหม่ด้วยการย้ายออกจากบ้านและทิ้งแฟนหนุ่มของเธอเอง และหันไปมีเซ็กส์กับชายแปลกหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ

นักวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตว่าจุดเด่นของ UNDER THE SKIN รวมถึง

1.การที่กล้องเน้นถ่ายภาพซาแมนธา มอร์ตันอย่างรุนแรงมาก

2.ช่วงแรกๆของเรื่องยังดูเหมือนไม่มีอะไรมากนัก แต่หนังจะน่าสนใจมากๆในช่วงหลังๆของเรื่อง

3.ซาแมนธา มอร์ตันแสดงความรู้สึกเจ็บปวดได้อย่างรุนแรงมากๆๆๆ

4.การที่ไอริสใช้เสียงบรรยายเล่าเรื่องประสบการณ์ทางเพศของตัวเอง โดยเล่าเหมือนกับว่า “ตัวเธอเอง” กลายเป็น “บุคคลที่สาม”

5.นอกจากซาแมนธา มอร์ตัน จะมีฉากฝันใน CODE 46 แล้ว เธอยังมีฉากฝันใน UNDER THE SKIN ด้วยเช่นกัน


6.นอกจากซาแมนธา มอร์ตันจะเริงระบำในคลับได้อย่างน่าประทับใจใน CODE 46 แล้ว ฉากที่ซาแมนธา มอร์ตันเข้าไนท์คลับใน UNDER THE SKIN ก็สร้างความประทับใจให้กับนักวิจารณ์ใน SALON.COM ได้อย่างรุนแรงมาก




นักวิจารณ์ใน SALON.COM ตั้งข้อสังเกตว่า UNDER THE SKIN เป็นหนึ่งในผลงานของผู้กำกับหญิงหน้าใหม่ที่น่าสนใจมาก โดยหนังในกลุ่มนี้เน้น “การสำรวจความรู้สึกของตัวละคร” มากกว่า “พล็อตเรื่อง” และเขายังแนะนำหนังเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจในกลุ่มนี้ ซึ่งรวมถึง

1.MY NEW GUN (1992, STACY COCHRAN)

หนังอินดี้ตลกร้ายเรื่องนี้ใช้ฉากหลังเป็นย่านชานเมืองของชนชั้นกลางในรัฐนิวเจอร์ซีย์ และนำแสดงโดยไดแอน เลน ในหนึ่งในบทบาทการแสดงที่เยี่ยมที่สุดของเธอ โดยในเรื่องนี้ไดแอน เลน แสดงเป็นแม่บ้านที่สามีของเธอซื้อปืนรีวอลเวอร์มาให้กระบอกหนึ่งเพื่อไว้ใช้ป้องกันตัว ถึงแม้ว่าเธอไม่ต้องการปืนกระบอกนี้ก็ตาม

ต่อมาสกิปปี้ (STEPHEN COLLINS) เพื่อนบ้านหนุ่มรูปหล่อได้ขอยืมปืนกระบอกนี้ไปจากไดแอน เลนโดยไม่ให้เหตุผล และไดแอน เลนก็ให้ยืมไป และนั่นก็ตามมาด้วยความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของไดแอน เลนและสามี

จุดเด่นในหนังเรื่องนี้รวมถึง

1.ฝีมือการถ่ายภาพที่สดสว่างของ ED LACHMAN

2.บทบาทของ TESS HARPER ในบทแม่ของสกิปปี้

3.การที่หนังเรื่องนี้ไม่ให้คำอธิบายใดๆ

4.ลักษณะที่คล้ายคลึงกับเดวิด ลินช์


2.BOYS (1995, STACY COCHRAN)

นำแสดงโดย LUKAS HAAS และ WINONA RYDER รู้สึกหนังเรื่องนี้จะเคยมาฉายทางโทรทัศน์แล้ว


3.SISTER MY SISTER (1994, NANCY MECKLER, A-)

สร้างจากเรื่องจริงของพี่น้องผู้หญิงสองคนที่เป็นเลสเบียนและร่วมรักกันเอง และต่อมาทั้งสองก็ฆ่านายจ้างหญิงตายไปสองคน เรื่องจริงเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้มีการสร้างละครเวทีและหนังเรื่องอื่นๆตามมา


4.KISSED (1996, LYNNE STOPKEWICH)

มอลลี ปาร์คเกอร์ในหนังที่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวกับศพและความตาย หลายคนคงดูเรื่องนี้ไปแล้ว
http://www.imdb.com/title/tt0116783/


http://www.geocities.com/ericfoxonline/main1.html


http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=16152


5.HOLLOW REED (1995, ANGELA POPE)
http://www.imdb.com/title/tt0113314/

มาร์ติน (มาร์ติน โดโนแวน) เป็นคุณหมอที่เป็นเกย์ เขาแยกทางจากฮันนาห์ (โจลี ริชาร์ดสัน ลูกสาวของวาเนสซา เรดเกรฟ) ผู้เป็นภรรยาแล้ว โดยที่โอลิเวอร์ (Sam Bould) ซึ่งเป็นลูกชายของทั้งสองอาศัยอยู่กับแม่ อย่างไรก็ดี เมื่อวันหนึ่งโอลิเวอร์ที่มีอายุ 9 ขวบเดินทางมาเยี่ยมพ่อ มาร์ตินก็สงสัยว่าเลือดที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าของลูกชายอาจไม่ใช่เลือดที่เกิดจากการชกต่อยกับอันธพาลในโรงเรียน แต่เกิดจากบางอย่างที่เลวร้ายกว่านั้น

มาร์ตินสงสัยว่าแฟรงค์ (Jason Flemyng) ซึ่งเป็นคนรักของฮันนาห์อาจทุบตีทำร้ายโอลิเวอร์ อย่างไรก็ดี ฮันนาห์ปฏิเสธเรื่องนี้ และมาร์ตินก็ตัดสินใจฟ้องร้องเพื่อขอสิทธิเลี้ยงดูบุตรชายตนเอง

ปัญหาก็คือว่าโอลิเวอร์รู้สึกหวาดกลัวมาก และเขาก็ไม่ต้องการพูดจาขัดแย้งกับแม่ของตัวเอง ดังนั้นเขาก็เลยไม่ยอมให้การเรื่องของแฟรงค์ นอกจากนี้ ศาลก็เห็นว่าลูกน่าจะอยู่กับแม่และผัวของแม่ มากกว่าจะอยู่กับพ่อและผัวของพ่อ (Ian Hart) อีกด้วย

ทางด้านฮันนาห์เองนั้นแม้จะทราบว่าแฟรงค์ทำร้ายลูกชายตัวเอง เธอก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าเธอเลือกผัวผิดเป็นครั้งที่สอง เธอเต็มใจปล่อยให้แฟรงค์อยู่กับลูกชายของเธอต่อไป

หนังที่ละเอียดอ่อนและสะเทือนใจเรื่องนี้มีจุดเด่นที่ฝีมือการแสดงที่เยี่ยมยอดของโดโนแวน, ริชาร์ดสัน และ SAM BOULD

อ่านบทวิจารณ์หนังเรื่องนี้ได้ที่
http://www.salon.com/may97/hollow970502.html


ดูรูปของ IAN HART จากหนังเรื่อง HOLLOW REED ได้ที่
http://www.ianhart.net/Media/photos_movies.htm

http://www.ianhart.net/Images/Photos/Hollow%20Reed/Hart11.jpg


--ชอบ TO BE AND TO HAVE ในระดับประมาณ A เหมือนกันค่ะ อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับคุณครูผู้ดูเหมือนใจดีแต่จริงๆแล้วหิวเงินในหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=4432




เคยดูหนังสั้นเรื่อง “ทวิภพในเอกภพ” (A) ที่กำกับโดยคุณปราปต์ บุนปาน แล้วชอบมากๆเลยค่ะ หนังสั้นเรื่องนี้ตั้งคำถามต่ออะไรหลายๆอย่างใน “ทวิภพ” และใช้วิธีการนำเสนอที่ถูกใจดิฉันมากๆ โดยเขาให้ชายหญิงคู่หนึ่งถกเถียงกันเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หลังจากดูหนังเรื่อง “ทวิภพ” จบ และในบางฉาก เขาก็เอากล้องไปถ่ายหน้าตำราประวัติศาสตร์ เพื่อที่ผู้ชมจะได้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอ่านตำราประวัติศาสตร์เหล่านี้ด้วยตัวเอง

ชอบทวิภพ (A) มากค่ะ แต่ก็ชอบ “ทวิภพในเอกภพ” มากเหมือนๆกัน

ขอบคุณมากค่ะสำหรับบทความดารา THE FIVE VENOMS ที่ทำลิงค์ไว้ให้


เพื่อเป็นการเอาใจหลายๆคนที่รักหนังเอเชีย คราวนี้ดิฉันก็เลยขอเปลี่ยนบรรยากาศมาแนะนำดีวีดีหนังเอเชียค่ะ

ได้ข่าวว่ามีดีวีดีหนังซามูไรชุด HANZO THE RAZOR จะออกวางจำหน่ายในวันที่ 19 เม.ย.นี้ค่ะ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับดีวีดีชุดนี้ได้ที่

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0007PAMKQ/qid=1112968996/sr=2-1/103-4737906-6731823?v=glance&s=dvd

ถ้าเข้าใจไม่ผิด HANZO THE RAZOR มีเนื้อหาเกี่ยวกับฮันโซ อิตามิ (รับบทโดยชินทาโร่ คัทสึ จากหนังชุด ZATOICHI ยุคเก่า) ซามูไรตำรวจที่ชอบทรมานผู้ต้องหาด้วยวิธีการที่โหดร้ายทารุณในยุคเอโดะ หนังชุดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของหนังกลุ่ม EXPLOITATION

จุดเด่นของพระเอกหนังชุดนี้ก็คืออาวุธของเขาที่อาจจะเรียกว่าเป็น “IRON PENIS” หรือ “FLESH SWORD” ที่เขาฝึกฝนจนเชี่ยวชาญเพื่อไว้ใช้ในการสอบสวนผู้ต้องหาหญิง โดยนักวิจารณ์บอกว่าพระเอกหนังชุดนี้ใช้ “FLESH SWORD” บ่อยมาก

http://www.epinions.com/content_24636264068

http://www.imdb.com/title/tt0174707/

ถ้าเข้าใจไม่ผิด ดีวีดีชุด HANZO THE RAZOR นี้ประกอบด้วยหนังไตรภาค ซึ่งได้แก่

1.THE RAZOR: SWORD OF JUSTICE (1972, KENJI MISUMI)
http://www.imdb.com/title/tt0068650/

2.RAZOR 2: THE SNARE (1973, YASUZO MASUMURA)
http://www.imdb.com/title/tt0174707/

3.RAZOR 3: WHO’S GOT THE GOLD? (1974, YOSHIO INOUE)
http://www.imdb.com/title/tt0174708/
http://www.toxicuniverse.com/review.php?rid=10002207


ดูรายชื่อผลงานของ SHINTARO KATSU (1931-1997) ได้ที่
http://www.imdb.com/name/nm0441526/

Thursday, April 07, 2005

MOSCOW DOES NOT BELIEVE IN QUEERS

หนังรัสเซียที่ออกไปในทางเกย์ๆที่เคยดูก็มีแค่เรื่อง 100 DAYS BEFORE THE COMMAND (1990, KHUSEIN ERKENOV, A+) ที่เล่าเรื่องราวชีวิตหนุ่มๆ ในค่ายทหาร

ผู้กำกับหนังชื่อดังของรัสเซียที่เป็นเกย์ก็คือ SERGEI EISENSTEIN ที่กำกับ BATTLESHIP POTEMKIN (1925, A+) แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้กำกับหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกย์โดยตรง หนังของเขามักพูดถึงประเด็นอื่นๆมากกว่า (อย่างไรก็ดี ใน BATTLESHIP POTEMKIN ก็มีฉากที่ถ่ายเรือนร่างอันกำยำของชายหนุ่มออกมาได้อย่างน่าติดตามากๆ)

ชีวิตเกย์ของ SERGEI EISENSTEIN ได้รับการนำเสนอไว้ในหนังเรื่อง EISENSTEIN (2000, RENNY BARTLETT) ด้วยค่ะ โดยมี SIMON MCBURNEY รับบทเป็นเซอร์ไก ไอเซนสไตน์ และ RAYMOND COULTHARD รับบทเป็นชายคนรักของไอเซนสไตน์

ส่วนหนังเกี่ยวกับเกย์รัสเซียที่อยากดู แต่ยังไม่ได้ดู ก็คือเรื่อง MOSCOW DOES NOT BELIEVE IN QUEERS (1986, JOHN GREYSON) ค่ะ

เนื้อหาของ MOSCOW DOES NOT BELIEVE IN QUEERS ใน IMDB.COM

Documentary about the ten days the director spent in Moscow, during the 1986 Moscow Youth Festival, as kind of a gay delegate.

http://www.filmfestivalrotterdam.com/en/list/programme11.html

EASTERN EUROPEAN COMMUNIST ERA

นอกจาก THE RASPBERRY REICH จะพาดพิงถึงกลุ่มบุคคลที่ได้รับแรงบันดาลจากเช เกวาราแล้ว ยังมีหนังอีกเรื่องนึงที่พาดพิงถึงกลุ่มคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเช เกวาราเหมือนกัน นั่นก็คือเรื่องA GRIN WITHOUT A CAT (1978, CHRIS MARKER) ค่ะ

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ A GRIN WITHOUT A CAT ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2998

ข้อมูลภาษาอังกฤษของหนังเรื่องนี้
http://www.citypages.com/databank/23/1134/article10670.asp


FAVORITE SENTENCE

“A CAT IS NEVER ON THE SIDE OF POWER” – CHRIS MARKER ใน A GRIN WITHOUT A CAT



http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=12364

หนังเรื่อง DO YOU REMEMBER DOLLY BELL? (1981) ของ EMIR KUSTURICA กำลังจะออกจำหน่ายในรูปแบบดีวีดีในวันที่ 26 เม.ย.นี้ค่ะ

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0007G8FO0/qid=1112857990/sr=1-1/ref=sr_1_1/104-5542908-8825525?v=glance&s=dvd

DO YOU REMEMBER DOLLY BELL? เป็นหนังแนว COMING OF AGE ที่ใช้ฉากหลังเป็นยูโกสลาเวียในช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนหลายคนในประเทศรู้สึกตื่นเต้นยินดีมีความสุขกับลัทธิคอมมิวนิสต์ ตัวละครเอกของเรื่องเป็นเด็กหนุ่มและโสเภณีที่เขาหลงรัก

ผู้ชมมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไปต่อหนังเรื่องนี้ โดยขึ้นอยู่กับว่าประสบการณ์ของผู้ชมคนนั้นที่มีต่อลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นอย่างไร

http://www.imdb.com/title/tt0083089/usercomments


มีหนังหลายเรื่องที่สะท้อนภาพชีวิตประชาชนภายใต้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาดูควบกับดีวีดี DO YOU REMEMBER DOLLY BELL? ค่ะ

หนังเหล่านี้รวมถึงเรื่องหนังเกี่ยวกับเชคโกสโลวาเกีย, ฮังการี, แอลเบเนีย, โปแลนด์, เยอรมันตะวันออก, สหภาพโซเวียต, เอสโตเนีย และโรมาเนีย ดังต่อไปนี้ค่ะ

1.THE UNBEARBLE LIGHTNESS OF BEING (1987, PHILIP KAUFMAN, A)

คอมมิวนิสต์ในเชคโกสโลวาเกียปี 1968 กับบทบาทการแสดงที่ลืมไม่ลงของ LENA OLIN และความหล่อเหลาของ DEREK DE LINT

ดูความหล่อเหลาของ DEREK DE LINT ใน THE UNBEARABLE LIGHTNESS OF BEING ได้ที่
http://www.derekdelint.com/being_en.html


2.THE WITNESS (1968, PETER BACSO) สะท้อนภาพลัทธิคอมมิวนิสต์ใน HUNGARY

*****หนังเรื่องนี้ได้รับการผลิตเป็นดีวีดีแล้วค่ะ*****
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0000DIC7E/ref=ase_imdb-adbox/104-5542908-8825525?v=glance&s=dvd

หนังเบาสมองที่ต่อต้านลัทธิเชิดชูสตาลินเรื่องนี้ถูกห้ามฉายในฮังการีนานเป็น 10 ปี หนังเรื่องนี้ตีแผ่ความทุกข์ทรมานของประชาชนในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นยุคที่เต็มไปด้วยการพิพากษากล่าวหาผู้อื่น แต่ตีแผ่ประเด็นที่เจ็บปวดนี้ด้วยกลวิธีแบบหนังตลกเสียสติ ผู้กำกับล้อเลียนเสียดสีความไร้สาระของนโยบายหลายอย่างของรัฐบาลได้อย่างแหลมคมและน่าหัวเราะมาก และบางทีนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าประชาชนในยุคนั้นคงไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าหัวเราะให้กับชีวิตที่น่าเศร้าและไร้ทางออกของตัวเองในยุคนั้น

ตัวละครเอกของเรื่องนี้คือหนุ่มคอมมิวนิสต์นิสัยดีที่ซื่อมากๆ เขาตกเป็นเครื่องมือในคดีฟ้องร้องอดีตสหายคอมมิวนิสต์คนหนึ่ง โดยอัยการต้องการให้เขาขึ้นให้การเป็นพยานปรักปรำสหายคนนี้

ชายหนุ่มที่น่าสงสารคนนี้แทบไม่เข้าใจความยอกย้อนซ่อนกลและเล่ห์เพทุบายมากมายในการเมืองรอบตัวเขา เขาเข้าใจเพียงแค่ความคดเคี้ยวเลี้ยวลดของแม่น้ำดานูบเท่านั้น เขาถูกตำรวจลับเฝ้าติดตามตัว และต้องเผชิญกับการจับกุมคุมขังด้วย

นักวิจารณ์กล่าวว่าฉากที่น่าสนใจในเรื่องนี้รวมถึงฉากการก่อสร้าง SOCIALIST GHOST TRAIN ในสวนสนุก และฉากเฉลิมฉลอง “มะนาว” ในฐานะของ “ส้มชนิดแรกของฮังการี”

http://www.imdb.com/title/tt0065067/


3.SLOGANS (2001, GJERGJ XHUVANI) สะท้อนความน่าขันและโหดร้ายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในแอลเบเนีย
http://www.iofilm.co.uk/films/s/slogans.shtml


4.MAN OF MARBLE (1977, ANDRZEJ WAJDA, A+)

*****DVD หนังเรื่องนี้สามารถหาซื้อได้ง่ายมากๆๆๆเลยค่ะ*****
http://homepage.mac.com/Vanvdo/man-of-marble.htm

หนังเรื่องนี้สะท้อนภาพการปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ในโปแลนด์ในทศวรรษ 1950 และทศวรรษ 1970
http://www.filmref.com/directors/dirpages/wajda.html

ที่หนังเรื่องนี้ได้ A+ เป็นเพราะว่า JERZY RADZIWILOWICZ พระเอกหนังเรื่องนี้หล่อดีค่ะ

JERZY RADZIWILOWICZ ได้รับบทเป็น JULIEN ใน THE STORY OF MARIE AND JULIEN (2003, JACQUES RIVETTE) ด้วย แต่ตอนนี้เขาแก่เสียแล้ว
http://homepage.mac.com/Vanvdo/m/marie-et-julien.htm

ดูภาพความแก่ของ JERZY RADZIWILOWICZ ได้ที่
http://www.allocine.fr/personne/galerievignette_gen_cpersonne=948&filtre=&page=1.html


5.THE FAREWELL: BRECHT’S LAST SUMMER (2000, JAN SCHUTTE, A+)

*****ดีวีดีหนังเรื่องนี้หาซื้อได้ง่ายมากๆๆๆเลยค่ะ*****
http://homepage.mac.com/Vanvdo/the-farewell.htm

หนังเรื่องนี้สะท้อนภาพชีวิตของครอบครัวและมิตรสหายของแบร์โทลท์ เบรคท์ในช่วงก่อนที่เขาจะสิ้นชีวิต ท่ามกลางความปั่นป่วนวุ่นวายของการเมืองเยอรมันตะวันออกภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์

อ่านบทวิจารณ์หนังเรื่องนี้ได้ที่
http://www.wsws.org/articles/2000/sep2000/brec-s20.shtml


6.THE SWIMMER (1981, IRAKLI KVIRIKADZE, A+)

หนังสหภาพโซเวียตเรื่องนี้นำเสนอชีวิตของผู้ชายสามยุคสมัย ซึ่งได้แก่ยุคก่อนคอมมิวนิสต์, ยุคสตาลิน และยุคใกล้กับที่มีการสร้างหนังเรื่องนี้ ตอนแรกชอบหนังเรื่องนี้ในระดับประมาณ A เท่านั้น เพราะหนังไม่ทำให้รู้สึกจี๊ดอย่างรุนแรงในขณะที่ดูจบ แต่พอเวลาผ่านไป 1-2 ปี กลับพบว่าความรู้สึกที่มีต่อหนังเรื่องนี้ฝังใจอย่างรุนแรงมาก

ฉากสำคัญในช่วงต้นเรื่องของ THE SWIMMER เป็นฉากที่บาดใจมาก เพราะฉากนั้นคือฉากที่ผู้ชายคนหนึ่งทำสถิติในการว่ายน้ำเป็นระยะทางอันยาวไกล แต่สถิติของเขากลับไม่ได้รับการบันทึกไว้ เพราะเขาไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป เขารู้ว่าเขาชนะนักว่ายน้ำคนอื่นๆทุกคน เขาประสบความสำเร็จเหนือนักว่ายน้ำทุกๆคน แต่เขา “รู้” เรื่องนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น และเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถ “ภาคภูมิใจในตัวเอง” โดยที่เขาไม่ได้รับการชื่นชมยกย่องหรือเชื่อถือจากสังคมเลย


7.EAST/WEST (1999, REGIS WARGNIER, A)

ชีวิตอันน่ารันทดในสหภาพโซเวียต นำแสดงโดยซองดรีน บอนแนร์และสองหนุ่มหล่อ SERGEI BODROV, JR. (ที่ตายไปแล้ว) และ OLEG MENSHIKOV
http://www.imdb.com/name/nm0579823/



8.LETTERS FROM THE EAST (1995, ANDREW GRIEVE)

หนังเรื่องนี้นำเสนอชีวิตประชาชนในเอสโตเนียในยุคที่ประเทศนี้อยู่ภายใต้การยึดครองของสหภาพโซเวียตเป็นเวลาราว 45 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

ในปี 1989 แอนนา (Ewa Froling) ซึ่งเป็นนักเล่นเชลโลในลอนดอนค้นพบว่าพ่อของเธอเก็บภาพถ่ายและจดหมายที่มาจากเอสโตเนียเอาไว้ และนั่นทำให้เธออยากจะรู้ชะตากรรมที่แท้จริงของแม่ของเธอ โดยก่อนหน้านี้เธอเข้าใจว่าแม่ของเธอตกเป็นเหยื่อของกองทัพแดงของสหภาพโซเวียตตอนที่ครอบครัวของเธออพยพหนีกองทัพแดงออกมาจากเอสโตเนียในปี 1944 ซึ่งเธอมีอายุ 8 ขวบในตอนนั้น

ถึงแม้ผู้คนจะห้ามปรามแอนนาอย่างไร แอนนาก็ไม่ฟัง เธอตัดสินใจเดินทางกลับไปค้นหาความจริงที่เอสโตเนีย โดยมีไรน์ (Mark Womack) ซึ่งเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ติดตามเธอไปด้วย อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเธอจะสอบถามประชาชนเอสโตเนียมากขนาดไหน การสืบหาความจริงของเธอในครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะไม่คืบหน้าและทำท่าว่าจะคว้าน้ำเหลว


9.THE AFTERNOON OF A TORTURER (2000, LUCIAN PINTILIE)

หนังเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่เคยทำหน้าที่ทรมานคนให้รับสารภาพในยุคที่โรมาเนียอยู่ภายใต้การปกครองอันโหดร้ายของคอมมิวนิสต์ โดยในปัจจุบันนี้ ชายคนที่เคยบีบบังคับให้คนอื่นๆรับสารภาพนี้ ต้องมาสารภาพต่อหน้าเหยื่อของตนเองแทน
http://www.cinemafoundation.com/free02/fff02_after.html

LUCIAN PINTILIE เป็นผู้กำกับหนังชั้นนำของโรมาเนีย อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่อง THE OAK (1992, A) ของ LUCIAN PINTILIE ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=1593


พูดถึงคิม คาร์นส์ ก็เลยนึกถึงนักร้องดังต่อไปนี้ด้วย

1.LAURA BRANIGAN กับเพลง THE POWER OF LOVE
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B000002J4M/ref=m_art_li_1/104-5542908-8825525?v=glance&s=music

2.BONNIE TYLER กับเพลง TOTAL ECLIPSE OF THE HEART
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B00000IQMA/qid=1112869458/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/104-5542908-8825525

3.MELISSA MANCHESTER กับเพลง THROUGH THE EYES OF LOVE
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B000002VT5/qid=1112868939/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/104-5542908-8825525

ส่วนเพลงที่เหมาะเอาเทียบกับ BETTE DAVIS EYES อาจจะเป็นเพลง ROBERT DE NIRO’S WAITING ของ BANANARAMA
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B000001FGS/qid=1112869531/sr=2-2/ref=pd_bbs_b_2_2/104-5542908-8825525