Monday, April 29, 2013

DUST (2012, Manasak Khlongchainan, 20min, A+30)


DUST (2012, Manasak Khlongchainan, 20min, A+30)

 

You can view this film with English subtitles here:


 

Favorite Music Videos 55: SPLASH OUT – 3 2 1 featuring Bai Toey RSiam


Favorite Music Videos 55: SPLASH OUT – 3 2 1 featuring Bai Toey RSiam

Saturday, April 27, 2013

Desirable Actor: Lu Ting Wei – WHEN A WOLF FALLS IN LOVE WITH A SHEEP (2012, Hou Chi-jan, Taiwan, A)


Favorite Actress: Seema Biswas – MIDNIGHT’S CHILDREN (2012, Deepa Mehta, A+25)


Favorite Actor: Sami Bouajila – OMAR KILLED ME (2010, Roschdy Zem, A+15)


THIS FILM, IN LOVE (2013, Jirapat Thaweechuen, A+)


THIS FILM, IN LOVE (2013, Jirapat Thaweechuen, A+)


 

ชอบการขัดกันของ text กับเสียงในช่วงนึงของเรื่อง ที่เสียง voiceover พูดบูชาความรัก แต่ text กลับพูดในทางตรงกันข้าม

 

ดูแล้วเราเอาไปจินตนาการใหม่เป็นหนังเกย์ อยากให้เด็กหนุ่มสองคนขี่มอเตอร์ไซค์มาป้วนเปี้ยนที่สนามบาส เพราะชอบเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่

(MIS)CONSTRUCTION (2012, Aaron Richmond-Havel, A+)


(MIS)CONSTRUCTION (2012, Aaron Richmond-Havel, A+)


 

The comment below is from a conversation with Theeraphat in Facebook:

 

หนังพิสดารมากครับ ฮ่าๆ พี่ก็ฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยออกเหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงแรกของหนัง

 

1.พี่คิดว่าหนังนำเสนอ “เศษเสี้ยว” หรือ “เศษซาก” ของความทรงจำได้น่าสนใจดีครับ ตัวละครทั้ง 3 ช่วงของหนังต่างก็พูดถึงเศษเสี้ยวในความทรงจำของตัวเอง และหนังก็มีการแบ่งหน้าจอออกเป็นเศษเสี้ยวต่างๆที่น่าสนใจในทั้ง 3 ช่วงด้วย นอกจากนี้ หนังก็นำเสนอภาพเศษซากของอาคารด้วยเช่นกัน และมันทำให้นึกถึงว่าซากของสิ่งต่างๆในอาคารนี้ มันก็มีอดีตของมันเอง เหมือนกับตัวละครในเรื่อง

 

2.หนังนำเสนอ “การแสดง” ได้น่าสนใจดีครับ ทั้งการที่ผู้ชายแต่งกายเป็นผู้หญิงในช่วงแรก, การเต้นรำในสถานที่ที่นึกไม่ถึงในช่วงสอง และการเลียนเสียงเครื่องซักผ้า,แมวในช่วงสอง

 

3.หนังนำเสนอความ queer ได้ดีด้วยครับ ผ่านทางตัวละครที่เป็นกะเทยในสองช่วงแรก และตัวละครเลสเบียนในช่วงสาม

 

สรุปว่าผู้กำกับหนังเรื่องนี้มี sense ที่น่าสนใจอย่างที่น้องว่าจริงๆครับ เขาน่าจะพัฒนาต่อไปได้อีกไกล

Saturday, April 20, 2013

DITES LUI QUE JE NE VEUX PAS ETRE SOUS-TITRE (2011, Ratchapoom Boonbunchachoke, A+30)


DITES LUI QUE JE NE VEUX PAS ETRE SOUS-TITRE (2011, Ratchapoom Boonbunchachoke, A+30)

Desirable Actor: Yannick Renier – PAULINE AND FRANÇOIS (2010, Renaud Fély, A+25)


Favorite Actress: Zohra Mouffok – DANS LA VIE (2008, Philppe Faucon, A+30)


Favorite Actor: Vincent Lindon – ANYTHING FOR HER (2008, Fred Cavayé, A+)


Film Wish List: WHERE I GO (2012, Kavich Neang, Cambodia, 55min)

 
Film Wish List: WHERE I GO (2012, Kavich Neang, Cambodia, 55min)
 
San Pattica is a mixed Cambodian-Cameroonian son whose father came to work in Cambodia in 1992-1993, during a period that saw the first election in Cambodia after the Khmer Rouge regime collapsed. Since his parents left home for many years, Pattica was raised by his grandmother. However, she was forced to bring Pattica to study and live in an orphanage in Phnom Penh and he was inspired to learn about his own identity by the discrimination he faced from day-to-day
 
 

Film Wish List: RED WEDDING (2012, Lida Chan + Guillaume Soun, Cambodia, 58 min)

Film Wish List: RED WEDDING (2012, Lida Chan + Guillaume Soun, Cambodia, 58 min)
 
The winner of the Best Mid-Length Documentary award at last year’s prestigious International Documentaries Film Festival Amsterdam, Red Wedding is the story of Sochan Pen, who has kept a terrible secret for over 30 years: that she was forced to marry a much older man, a soldier, by the Khmer Rouge at the age of 16 and then raped and beaten on her wedding night before she escaped. Four decades later, Sochan, who now grows rice in a former killing field (where decomposed bodies are still unearthed), brings her complaint to the UN-sanctioned Khmer Rouge Tribunal. In so doing, she speaks up for the 4000+ women who suffered similar fates during the regime and lived their lives in shame and terror. Produced by Rithy Panh.
 
 
 

Tuesday, April 16, 2013

IDENTIFICATION OF A TEDDY BEAR LOVER



อันนี้เป็นความเห็นของเราที่แปะไว้ในวอลล์ของเพื่อนจ้ะ

เราไม่มีความรู้เรื่องหนัง 16 จ้า และไม่รู้ด้วยว่าทำไมพี่มาก พระโขนงถึงประสบความสำเร็จมากอย่างนี้ แต่ไหนๆโดน tag มาแล้วก็เลยขอถือโอกาสนี้เขียนถึงความเห็นส่วนตัวของเราด้วยแล้วกัน

เราดูพี่มาก พระโขนงแล้วชอบมากในระดับ A+15 (แต่น้อยกว่าแม่นาค ของพิมพกา โตวิระ ที่เราชอบในระดับ A+30) เพราะหนังมันตอบสนอง fantasy เรื่องสามีในอุดมคติของเรา สำหรับเราแล้วหนังเรื่องนี้มัน fulfill my romantic fantasy เหมือน “โอม สู้แล้วอย่าห้าม” (1988, O Sing-Pui) หรือมิวสิควิดีโอ NO ORDINARY LOVE ของ Sade ที่เป็นความรักระหว่างกลาสีกับเงือก

มันตอบสนองเราในแง่ที่ว่ามันเป็นความรักระหว่างผู้ชายกับ “สิ่งที่มีความเป็นผู้หญิงแค่ครึ่งเดียว” มันเป็นความรักระหว่างผู้ชายกับสิ่งที่สังคมรอบข้างมองว่า “ผิดธรรมชาติ” มันก็เลยทำให้เรานึกถึงจินตนาการในวัยเด็กของเราที่อยากผ่าตัดแปลงเพศ แต่ก็หวั่นใจว่าถ้าหากสามีมารู้ภายหลังว่าเราแปลงเพศมาแล้วเขาจะว่ายังไง ถ้าหากเขาทำแบบพี่มากในเรื่องนี้ เราก็คงจะดีใจ

เพราะฉะนั้นโดยส่วนตัวแล้ว เราจึงซึ้งมากๆกับช่วงท้ายที่พี่มากรู้ความจริง แต่ก็ไม่ว่าอะไร มันพีคเหมือนกับตอนเด็กๆที่เราดูหนังเรื่อง SPLASH (1984, Ron Howard) ที่มีช่วงนึงที่ Tom Hanks พูดกับ Daryl Hannah ว่า ถึงคุณจะเป็นกะเทยแปลงเพศมา เขาก็ไม่ว่าอะไร เขาก็จะยังรัก Daryl เหมือนเดิม คือความชอบของเราที่มีต่อพี่มาก พระโขนง มันเป็นสาเหตุเดียวกับที่เราพีคสุดๆกับประโยคนั้นในหนังเรื่อง SPLASH ในตอนเด็กนั่นแหละ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามีใครบนโลกนี้ที่พีคกับประโยคนั้นใน SPLASH เหมือนเราหรือเปล่า

หนังเรื่อง “พี่มาก พระโขนง” ในแง่นึงมันก็เลยคล้ายกับหนังในฝันของเรา ซึ่งหนังในฝันของเราก็คือหนังที่หนุ่มหล่อคนนึงค้นพบความจริงว่าจริงๆแล้วภรรยาของเขาเป็น “ตุ๊กตาหมี” ที่แปลงร่างมาเป็นคน แต่ถึงพระเอกรู้ความจริงแล้ว เขาก็ยังคงรักภรรยาที่เป็นตุ๊กตาหมีจำแลงมาต่อไป อะไรทำนองนี้ ฮ่าๆๆ

ส่วนคู่กรรมนั้นเราชอบในระดับ A+/A จ้ะ ด้วยสาเหตุที่คล้ายๆกับ HOLY MOTORS นั่นก็คือเราชอบความแปลกแตกต่าง ความเป็นตัวของตัวเองของมันมากๆ แต่เราไม่มีอารมณ์ร่วมกับมันสักเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีนะ เราว่ามันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่หนังดีๆหลายๆเรื่องไม่มีตัวละครที่เรา identify อะไรด้วยได้ แต่ในแง่นึงเราก็ไม่มีอารมณ์ร่วมกับคู่กรรมเวอร์ชั่นอื่นๆด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถ้าหากเทียบกับผลงานของทมยันตีด้วยกันแล้ว มันต้อง “ล่า” นี่แหละที่ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมด้วย

สรุปว่าเราดูหนังบนพื้นฐานของการ identify ตัวเองกับตัวละครเป็นหลัก เราไม่สามารถ identify ตัวเองกับตัวละครในคู่กรรมเวอร์ชั่นนี้และเวอร์ชั่นอื่นๆได้ เราก็เลยชอบมันแค่ A+/A, เรา identify fantasy ของตัวเองกับพี่มาก พระโขนงได้บางส่วน เราก็เลยชอบมันในระดับ A+15 และเรา identify ตัวเองกับตัวละครหญิงตัวนึงใน BACK TO 1942 (2012, Feng Xiaogang) ได้อย่างเต็มที่ เราก็เลยชอบมันในระดับ A+30 จ้ะ จบ

ส่วนประเด็นเรื่อง aesthetics และ spectatorship ของพี่มาก พระโขนงและคู่กรรมนั้น เราขอเป็นฝ่าย “อ่าน” สิ่งที่คนอื่นๆเขียนแล้วกันนะจ๊ะ




Saturday, April 13, 2013

Favorite quotes from STARPICS magazine


Favorite quotes from STARPICS magazine:

 

“DAYS OF BEING WILD เรื่องราวของผู้คนที่พบเจอกันช่วงเวลาสั้นๆ ผู้คนที่ไม่มีใครรู้ว่าคนที่พบเจอขณะนี้จะไปจากชีวิตเมื่อไร และคนที่พบเจอกันชั่วครู่เดียวอาจจะอยู่ในความคิดคำนึงตลอดไป ตัวละครที่พบเห็นในหนังเรื่องนี้ล้วนแต่เป็นบรรดาผู้คนที่พยายามแสวงหาคำตอบว่าชีวิตนี้จะรักใครและจะอยู่กับใคร”




I'M GONNA BE A NAIVE is available in Youtube.


My most favorite documentary of the year 2012, I’M GONNA BE A NAÏVE (2012, Viriyaporn Boonprasert), is now available in Youtube without English subtitles. This film is also one of my most favorite found footage films of all time.

Tuesday, April 09, 2013

Favorite quote from Ken Loach

Favorite quote from Ken Loach:

"Margaret Thatcher was the most divisive and destructive Prime Minister of modern times.

Mass Unemployment, factory closures, communities destroyed – this is her legacy. She was a fighter and her enemy was the British working class. Her victories were aided by the politically corrupt leaders of the Labour Party and of many Trades Unions. It is because of policies begun by
her that we are in this mess today.

“Other prime ministers have followed her path, notably Tony Blair. She was the organ grinder, he was the monkey.

“Remember she called Mandela a terrorist and took tea with the torturer and murderer Pinochet.
How should we honour her? Let’s privatise her funeral. Put it out to competitive tender and accept the cheapest bid. It’s what she would have wanted.”
 
 
 

Monday, April 08, 2013

CENTURY OF BIRTHING (2011, Lav Diaz, A+30)

 
CENTURY OF BIRTHING (2011, Lav Diaz, A+30)
 
My most favorite scene in the film is the scene of the Poet of the Rain. At first she seems to come out of nowhere. We didn’t know who she is. She just walks past the hero’s house and says something very long. What she says is poetic and seems like a stream of consciousness. After that, the film tells us that she is not a mad woman, but she is a friend of the hero, and she seems to be a well-to-do poet, because the hero wants to borrow money from her.
 
I can’t remember the details of what she says in that scene, and I’m not sure how long that scene is, but it is surely one of my most favorite scenes of all time. I want to screen this scene together with the mad monologue scene in THE ANDECHS FEELING (1974, Herbert Achternbusch, A+30), in which a woman also says something very long in a stream-of-consciousness style.
 
FLORENTINA HUBALDO, CTE (2012, Lav Diaz, A+30) also has a long monologue scene by the heroine near the end, but it is not “mad” like the monologue scenes in CENTURY OF BIRTHING and THE ANDECHS FEELING.
 
In CENTURY OF BIRTHING, I also like the idea that the cult leader may view his cult as a kind of theatre. When he decides to commit suicide, he says something like “the theatre has ended”. It unintentionally reminds me of the ending of the novel VANITY FAIR (1848) by William Makepeace Thackeray, in which every character is revealed as a puppet controlled by a puppetmaster or something like that.
 

DEVELOP BLESSING GIANT DHAMMA IN 3 WORLDS: GHOST OF CENTRALWORLD (2012, Viriyaporn Boonprasert, A+30)


DEVELOP BLESSING GIANT DHAMMA IN 3 WORLDS: GHOST OF CENTRALWORLD (2012, Viriyaporn Boonprasert, A+30)

Sunday, April 07, 2013

DVD WISH LIST: ROOTS (1977, 600 min)

 
DVD WISH LIST: ROOTS (1977, 600 min)
 
I like DJANGO UNCHAINED (A+30) very much. It helps me understand how severe the problems of slavery were. It unintentionally helps me understand the situation portrayed in LINCOLN (2012, Steven Spielberg, A+10). I haven’t seen many films about slavery. I remember that the TV series ROOTS (1977) was very famous when I was young, but I was too young at that time and couldn’t remember anything about this TV series, though I might have seen some parts of it.
 

Desirable Actor: Bryan Shu-hao Chang – ONE DAY (2010, Hou Chi-jan, Taiwan, A+10)


Favorite Actor: Zhang Mo – BACK TO 1942 (2012, Feng Xiaogang, A+30)


Favorite Actress: Hazel Orencio – FLORENTINA HUBALDO, CTE (2012, Lav Diaz, Philippines, A+30)


SARAH PINK

 
เพิ่งได้ยินชื่อของ Sarah Pink จากงานสัมมนาใน Salaya Doc Fest เมื่อวาน ท่าทางจะเป็นคนที่น่าสนใจมากๆ
 
ชอบสิ่งที่วิทยากรพูดมากๆ โดยเฉพาะเรื่องของการทำสารคดีโดยเน้นไปที่ intimate portrait และการเน้นเจาะไปที่บุคคลเพียง 1-2 คนในหนัง เพื่อเน้นความลึก และ ความเป็นมนุษย์ มากกว่า “ความเป็นภาพแทนที่แช่แข็ง”
 
 

Friday, April 05, 2013

THE THIRD PART OF "MYSTERIOUS OBJECTS FROM THAILAND" HAS BEEN PUBLISHED.



The third part of our article on Thai alternative cinema has been published in the website EXPERIMENTAL CONVERSATIONS. Please note that the article was written in February-March 2012, so some information is not updated. You can read the article here:


 

The first part of the article:


 

The second part of the article:


 

The fourth part of the article will be published in the next issue.

 

Tuesday, April 02, 2013

NOSTALGIA (2013, Ninart Boonpothong, A+30)



NOSTALGIA (2013, Ninart Boonpothong, A+30)

 

The story in this play is quite astounding. It spans many centuries. I think it begins with the time of Ptolemy, and also covers the pre-Soviet Russia, our contemporary time, and the future. Its ambitions and structure remind me a little bit of CLOUD ATLAS (2012, Tom Tykwer + Andy Wachowski + Lana Wachowski, A+), which also deals with many stories in many centuries. But I think NOSTALGIA is much better than CLOUD ATLAS, partly because the stories in NOSTALGIA cohere better than CLOUD ATLAS, and maybe partly because there are more poetic touches in NOSTALGIA than in CLOUD ATLAS.

 

What I like in NOSTALGIA includes:

 

1.The tangentially connected stories, which somehow cohere. When all these stories are combined together, they create a very touching feeling. The many centuries covered in this play somehow make me realize that we are just a tiny spot in the history of mankind. Many people suffered before us, and the struggles with tyranny and dictatorship will continue in the future. (Maybe like in 20TH CENTURY BOYS)

 

2.Personally, I seem to like many films/plays which present many stories which are tangentially connected to one another. NOSTALGIA is one of these. Many films/plays which have a structure like this make me feel as if they also create “gaps” between stories. And these gaps are very inviting for me. These gaps make me feel as if they are “spaces” which allow me to move a little bit freely inside. Some of these gaps make my imagination run wild. Some of these gaps give me indescribable feelings. Examples of this kind of gaps can be found in:

 

2.1  Many films directed by Alexander Kluge, especially THE POWER OF EMOTION (1983, A+30)

 

2.2 DREAMS (2012, Chertsak Pratumseesakhon, stage play, A+15)

 

2.3 GRINDHOUSE FOR UTOPIA (2013, Tani Thitiprawat, A+30)

 

2.4 HUNGARY MAN BOO (2012, Viriyaporn Boonprasert, A+30)

 

2.5 Films/plays in this list:


 

3.The structure of many plays within a play. In NOSTALGIA, we hear Macedonian characters talking about the play OEDIPUS. We see a play which seems to be adapted from Boris Savinkov’s novel (which was onced adapted into a film called THE RIDER NAMED DEATH (2004, Karen Shakhnazarov, A+)), and we see a play about a plot to overthrow a ruler in a graduation ceremony in the futuristic world.

 

4.The story about Jit (Tatchaky Ky), a son who has serious conflicts with his father, is the most impressive story for me in this play.  The anger, resentment, and frustration that Jit feels remind me of my anger, resentment, and frustration that I felt when I was about 10-20 years old. My problems at that time do not resemble Jit’s problems in this play, but the feelings are roughly the same. Jit’s story in this play makes me remember how many times I wanted to run away from home, wanted to scream out loud, felt as if I was gonna explode, felt as if some feelings inside were going to explode. I think Jit’s character in NOSTALGIA should meet the hero of HIMIZU (2011, Sion Sono, A+30), the hero of BLACK BREAD (2010, Agustí Villaronga, A+30), and the hero of BANG-KERD-KLOAW (2011, Kamontorn Eakwattanakij, A+30), because all of these four boys remind me of something I felt when I was young.

 

5.I like that the play deals with both the “big” and “small” things. For the big things I mean the history, the politics, the dilemma about whether we should kill the children of a dictator or not, the political conflicts between characters, etc. For the small things I mean the WHEN HARRY MET SALLY scene, the background love story of the father and mother of Jit, the talk about whether a girl should feign silly to attract more guys or not, and the ending scene.

 

This is one of the things that make me like NOSTALGIA a bit more than LADY MINA: VAMPIRE HUNTER (2011, Ninart Boonpothong, A), the story of which also spans many centuries. I think the story in LADY MINA: VAMPIRE HUNTER is a little bit too heavy or too serious to be digested in one viewing. NOSTALGIA is much lighter.

 

I also think that the combination of big things and small things in NOSTALGIA helps me see more aspects of life than when these big things and small things are separated from each other. Who can imagine that such a serious political film like THE RIDER NAMED DEATH and such a romantic comedy film like WHEN HARRY MET SALLY can be presented together in one story like this?




Favorite quote from Zach Campbell



Favorite quote from Zach Campbell:


 

I need experiences like Kentucker Audley's or Giuseppe Andrew's, like the Raoul Walsh pre-Codes, like the less-loved work of Zulawski, like the material of John or James Whitney, like Travis Wilkerson's An Injury to One, like Carmelo Bene's, like Jarman's, like Nina Menkes', like late Godard, like Kluge, like Andy Sidaris' goofily violent and sexist T&A-fests, like the Cinema of Transgression (even though I truthfully don't like it), like Chytilova's, like Zazie dans le metro (and so much Malle) but also A Thousand Clowns (a film I would have dismissed haughtily, aged 20), things that cause me to reconsider things and in the process make something new, deep, or simple ... I need all these things and more still that I don't even know because I want the cinema to match, reflect, expand, and condense the whole wide world.

 
The photo is from OUR LADY OF THE TURKS (1968, Carmelo Bene, A+30).




Favorite advertisement: KRUNG THAI BANK


Favorite advertisement: KRUNG THAI BANK