Saturday, February 26, 2005

MIRAMATT

ลืมไปว่าเคยดูหนังอีกเรื่องนึงของ GINA ROWLANDS ตอนที่ตัวเองอยู่ชั้นมัธยม นั่นก็คือเรื่อง LIGHT OF DAY (1987, PAUL SCHRADER, B+) ที่นำแสดงโดยโจน เจทท์กับไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ โดยมีจีน่า โรว์แลนด์สรับบทเป็นคุณแม่ผู้สร้างความลำบากใจให้กับลูกๆ ตอนที่ดูในตอนนั้นไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นไม่ค่อยชอบโจน เจทท์ และยังไม่รู้สึกอินกับหนังของพอล ชเรเดอร์ หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปีต่อมา ก็ได้ดูหนังเรื่อง LIGHT SLEEPER (1992, PAUL SCHRADER, A-) แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยอินกับหนังของพอล ชเรเดอร์เช่นกัน

อย่างไรก็ดี ถ้าหากได้ดู LIGHT OF DAY กับ LIGHT SLEEPER อีกทีในตอนนี้ ก็คาดว่าตัวเองน่าจะชอบหนังสองเรื่องนี้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะตอนนี้รู้สึกอินกับหนังของพอล ชเรเดอร์อย่างมากๆ โดยเฉพาะเรื่อง THE COMFORT OF STRANGERS (1990, A+) และ MISHIMA: A LIFE IN FOUR CHAPTERS (1985, A)

หนังของพอล ชเรเดอร์ที่คาดว่าน่าจะหาดูได้ในกรุงเทพ
AUTO FOCUS, FOREVER MINE, AFFLICTION, PATTY HEARST (เคยมีขายที่ร้านนึงในจตุจักร), CAT PEOPLE (1982), AMERICAN GIGOLO (1980, A-)

โรเจอร์ อีเบิร์ตให้ดาว LIGHT OF DAY ถึง 3 ดาวครึ่ง
http://rogerebert.suntimes.com/apps/pbcs.dll/article?AID=/19870204/REVIEWS/702040301/1023

เพื่อนของดิฉันตั้งข้อสังเกตว่าจีน่า โรว์แลนด์สมักจะได้รับบทผู้หญิงที่มีสภาพจิตไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะในหนังที่ไม่ได้กำกับโดยสามีของเธอ ซึ่งดิฉันก็รู้สึกว่าคำกล่าวนี้อาจจะมีส่วนจริง เพราะบทของจีน่า โรว์แลนด์สในหนังต่อไปนี้ เป็นบทของผู้หญิงที่มีสภาพจิตไม่ธรรมดา—LIGHT OF DAY, ANOTHER WOMAN, THE NEON BIBLE, TAKING LIVES, THE NOTEBOOK

อ่านคำวิจารณ์หนังเรื่อง THE NEON BIBLE (1995, Terence Davies, A+) ที่ดีมากๆของ JONATHAN ROSENBAUM ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.chireader.com/movies/archives/0496/04056a.html


ส่วนหนังที่นำแสดงโดย PETER FALK นั้น ที่ดิฉันชอบมากๆก็คือเรื่อง MIKEY AND NICKY (1976, ELAINE MAY, A/A-) ดิฉันเคยดูหนังเรื่องนี้ที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ แต่ตอนนี้หนังเรื่องนี้ได้รับการผลิตขายเป็นดีวีดีแล้ว (แต่ไม่แน่ใจว่าจะหาซื้อได้ที่ไหนในเมืองไทย)

ในเรื่องนี้ PETER FALK นำแสดงคู่กับ JOHN CASSAVETES ค่ะ ส่วน ELAINE MAY ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นผู้หญิงที่ดิฉันชอบมาก เธอเคยรับบทที่ฮามากๆในหนังเรื่อง SMALL TIME CROOKS (2000, WOODY ALLEN, A+) และเคยกำกับหนังเรื่อง THE HEARTBREAK KID (1972, A), ISHTAR (1987) และ A NEW LEAF (1971) ซึ่งได้รับสี่ดาวจากโรเจอร์ อีเบิร์ต

อ่านบทวิจารณ์ A NEW LEAF ได้ที่
http://rogerebert.suntimes.com/apps/pbcs.dll/article?AID=/19710406/REVIEWS/104060301/1023


เมื่อ 2-3 ปีก่อน เคยเห็นร้านเอเชียบุ๊คส์ในสยามดิสคัฟเวอรี มีหนังสือรวมบทสัมภาษณ์ผู้กำกับหนังสารคดี และรวมถึงบทสัมภาษณ์ JORGEN LETH ด้วย แต่ดิฉันก็ไม่ได้ซื้อเก็บไว้ เพราะราคาเล่มละประมาณ 1,500 บาท และหนังของ JORGEN LETH ตอนนี้ก็หาดูได้แค่ THE FIVE OBSTRUCTIONS เท่านั้น แต่หนังอีก 39 เรื่องที่เขากำกับ ยังไม่รู้ว่าจะหาดูได้จากไหน

ดูรายชื่อหนัง 40 เรื่องที่กำกับโดย JORGEN LETH ได้ที่
http://www.imdb.com/name/nm0504654/

หนังของ JORGEN LETH ที่อยากดูมากๆคือเรื่อง OPHELIA’S FLOWERS (1968)

และเรื่อง LOOK FORWARD TO A TIME OF SECURITY (1964) ซึ่งเป็นการเล่นกับองค์ประกอบของหนัง อย่างเช่นในฉากที่ผู้ชมเห็นภาพนักดนตรีเล่นไวบราโฟน ผู้ชมจะได้ยินเสียงเปียโนในฉากนั้น แทนที่จะได้ยินเสียงไวบราโฟน

ชอบ TIM CURRY ใน THE ROCKY HORROR PICTURE SHOW มากๆเลยค่ะ

นักวิจารณ์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าพล็อตหนัง THE ROCKY HORROR PICTURE SHOW มีบางจุดคล้ายคลึงพล็อตหนังเรื่อง LAUREL CANYON (LISA CHOLODENKO, A) ด้วย เพราะ LAUREL CANYON ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายหนุ่มหญิงสาวที่ทำตัวอยู่ในกรอบ และได้เข้าไปเผชิญกับสภาพแวดล้อมแบบใหม่ที่ทำให้พวกเขาหลุดออกจากกรอบเหมือนกัน

เพิ่มเติมรายชื่อหนังเพลงที่ชอบมาก

24.MONRAK TRANSISTOR (A, 2001)

25.EVERYONE SAYS I LOVE YOU (1996, WOODY ALLEN, A-/B+) ชอบฉากโกลดี้ ฮอว์นเหาะเหินเดินอากาศมากที่สุดในเรื่องนี้

26.PENNIES FROM HEAVEN (1981, HERBERT ROSS, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0082894/
จุดนึงที่น่าสนใจมากในหนังเรื่องนี้คือการที่นักวิจารณ์บอกว่าหนังเรื่องนี้ทำให้นึกถึงผลงานจิตรกรรมของ EDWARD HOPPER (หนังบางเรื่องของวิม เวนเดอร์ส ก็ได้รับอิทธิพลจากภาพจิตรกรรมของ EDWARD HOPPER เช่นกัน)

ดูตัวอย่างภาพของ EDWARD HOPPER ได้ที่
http://www.ibiblio.org/wm/paint/auth/hopper/



ข้อความข้างล่างนี้ดิฉันเขียนขึ้นมาเล่นๆค่ะ อย่าไปซีเรียสกับมัน

รายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท STUDIO MIRAMATT ครั้งที่ 2/2005 ส่วนที่ 1

ผู้เข้าร่วมการประชุม
1.บรรดาคณะกรรมการบริหาร MIRAMATT
2.สามีของผู้บริหารสตูดิโอ ซึ่งรวมถึง
2.1 GAEL GARCIA BERNAL สามีของประธานสตูดิโอ MIRAMATT
2.2 DIEGO LUNA สามีของประธานสตูดิโอ MIRAMATT TELEVISION PROGRAMS AND REALITY SHOWS
http://www.iballer.com/malecelebs/pretty_celebs/luna/index2.htm

รายละเอียดการประชุมส่วนที่ 1

MDS หัวหน้าแผนกจัดหากางเกงในชายให้กับนักแสดง ได้ยื่นเสนอรายงานต่อที่ประชุมดังนี้ว่า

1.ทางสตูดิโอมีมติในการประชุมครั้งที่ 1/2005 ว่าจะนำกำไรที่ได้จากบริษัทขายแกงกะหรี่ที่อยู่ในเครือ มาสร้างภาพยนตร์เพลงเรื่อง SEVEN BRIDEGROOMS FOR SEVEN BROTHERS ซึ่งดัดแปลงมาจากหนังเพลงเรื่อง SEVEN BRIDES FOR SEVEN BROTHERS (1954, STANLEY DONEN)
http://www.imdb.com/title/tt0047472/

2.หนังเรื่อง SEVEN BRIDEGROOMS FOR SEVEN BROTHERS จะใช้ทุนสร้างราว 69 ล้านดอลลาร์ โดยจะผลิตออกฉายตามโรงภาพยนตร์เป็นสองเวอร์ชัน ซึ่งได้แก่เวอร์ชันเรท R ที่มีความยาวราว 2 ชั่วโมง และเวอร์ชันเรท NC-17 ที่มีความยาว 4 ชั่วโมง โดยมี ARI GOLD มาร่วมทำเพลงซาวด์แทรคในหนังด้วย

3.ทางสตูดิโอได้ติดต่อให้ COLIN FIRTH (BRIDGET JONES) กับ MARK RUFFALO (13 GOING ON 30) ผู้มีดวงตาอบอุ่นอ่อนโยน มารับบทเป็นคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งในหนังเรื่องนี้ แต่ทั้งสองติดภารกิจถ่ายหนังหลายเรื่อง จึงไม่สามารถมาแสดงเป็นสามีภรรยากันในหนังเรื่องนี้ได้

4.ดาราที่ตกลงจะมารับบทเป็นคู่สามีภรรยา 7 คู่ในหนังเรื่องนี้มีดังต่อไปนี้

4.1 ERIC BANA จาก TROY (B) รับบทเป็นสามี/ภรรยาของ THOMAS JANE จาก THE PUNISHER (A)
http://www.gaywired.com/scene/images/ACF2AB3.jpg
http://www.gaywired.com/scene/images/ACF2AA4.jpg
ดูรูปของ ERIC BANA ได้ที่
http://parangaricutirimicuaro.blogspot.com/usatoday01.jpg


4.2 EDUARDO VERASTEGUI จาก CHASING PAPI (2003, LINDA MENDOZA)
รับบทเป็นสามี/ภรรยาของ NIKOLAJ COSTER-WALDAU จาก BENT (A+) และ WIMBLEDON (B+)

ดูรูปของ COSTER-WALDAU ได้ที่
http://www.livejournal.com/community/nikolaj_fans/

EDUARDO VERASTEGUI เป็นดาราชาวเม็กซิโกที่เกิดปี 1974 ค่ะ

ดูรูปของ VERASTEGUI ได้ที่
http://www.iballer.com/malecelebs/butch_celebs/verastegui/index2.htm


4.3 EDUARDO NORIEGA จาก BURNT MONEY รับบทเป็นสามี/ภรรยาของ DAVID WENHAM จากหนังชุด THE LORD OF THE RINGS

ดูรูปของ DAVID WENHAM ได้ที่
http://www.ohsugar.sugarlands.de/main.php?seite=privatpix

รูปของ EDUARDO NORIEGA พระเอก OPEN YOUR EYES (ALEJANDRO AMENABAR, A+)
http://www.eduardonoriega.com/fotos/films/elespinazodeldiablo/g03/3f.jpg
เว็บไซท์นี้มีรูปของเขาให้เลือกดูเป็นร้อยๆรูปเลย
http://www.eduardonoriega.com/fotos/
http://www.eduardonoriega.com/fotos/films/guerreros/g01/1i.html


4.4 VICTOR WEBSTER ดาราชาวแคนาดาที่เกิดปี 1973 และเคยเล่นหนังเรื่อง THE CHIPPENDALES MURDER (2000) รับบทเป็นสามี/ภรรยาของ WILL KEMP จาก VAN HELSING (B+)

ดูรูปของ WILL KEMP ได้ที่
http://www.willkemp.org/

รูปของ VICTOR WEBSTER
http://www.galleryofcelebrities.com/webster.htm
http://www.imdb.com/name/nm0005543/photogallery


4.5 GABRIEL SOTO ดาราชาวเม็กซิโกที่เกิดปี 1975 และเคยเล่นละครโทรทัศน์หลายเรื่อง รับบทเป็นสามี/ภรรยาของ CHRIS EVANS จาก CELLULAR (A)

รูปของ GABRIEL SOTO
http://www.elsiglodetorreon.com.mx/images/news/espectaculos/2004/04/130c4e407fbe232d62075d31705ec847.jpg
http://gabrielsoto.starsideas.com/
http://perso.wanadoo.fr/brazilianfever/Gabriel%20Soto/Gabriel%20Soto.htm
http://www.imdb.com/name/nm0815529/

รูปของ CHRIS EVANS
http://www.gaywired.com/scene/images/16.jpg


4.6 RODRIGO SANTORO ดาราหนุ่มชาวบราซิลจาก LOVE ACTUALLY (C+) รับบทเป็นสามี/ภรรยาของ RYAN KWANTEN ดาราชาวออสเตรเลียที่เกิดปี 1976 และเคยเล่นละครโทรทัศน์ชุด HOME AND AWAY

ดูรูปของ RODRIGO SANTORO ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=4745

รูปของ RYAN KWANTEN
http://www.imdb.com/name/nm0477127/


4.7 CHANNING TATUM จาก COACH CARTER (2005, THOMAS CARTER) รับบทเป็นสามี/ภรรยาของ SIMON REX จากละครชุด JACK & JILL และ FELICITY (A)

รูปของ CHANNING TATUM
http://www.iballer.com/malecelebs/pretty_celebs/tatum/index2.htm
บทสัมภาษณ์
http://www.modellaunch.com/face/article.php?id=1000070

รูปของ SIMON REX (รู้สึกเหมือนเขาจะเคยเล่นหนังโป๊เกย์มาก่อน แล้วค่อยมาดังทางโทรทัศน์ตอนหลัง)
http://www.iballer.com/malecelebs/pretty_celebs/rex/index2.htm



5.นอกจากนี้ ทางสตูดิโอยังได้มอบหมายให้คุณ ZM นำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปดัดแปลงเป็นละคร soap operaสำหรับฉายทางโทรทัศน์ด้วย โดยดาราที่จะมาเล่นในเวอร์ชันละครโทรทัศน์ได้กำหนดไว้แล้ว และเนื้อหาในละครโทรทัศน์จะกินความยาวกว่าในภาพยนตร์ เพราะในภาพยนตร์นั้นเรื่องจะจบลงอย่าง HAPPY ENDING เมื่อทุกคนได้แต่งงานกันอย่างถูกกฎหมายและมีความสุข แต่เนื้อหาในละครโทรทัศน์จะแสดงให้เห็นว่าเมื่อทั้ง 7 คู่แต่งงานกันแล้ว สามีภรรยาเหล่านี้กลับสลับสับเปลี่ยนผัวเมียกันเองจนวุ่นวายไปหมด และชีวิตของสามีภรรยา 7 คู่นี้ยังพลิกผันอย่างรุนแรงเกือบทุกๆสัปดาห์ โดยบางสัปดาห์สามีภรรยากลุ่มนี้ก็ต้องพบกับปัญหาชีวิตดราม่าจัดๆ, บางสัปดาห์พวกเขาก็ต้องต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย, บางสัปดาห์พวกเขาก็ต้องเผชิญกับภูติผี, บางสัปดาห์พวกเขาก็หลุดไปในอดีตกาล, บางสัปดาห์พวกเขาก็จะไม่พูดกันเลย และบางสัปดาห์ผู้ชมก็จะได้เห็นแต่ชีวิตประจำวันของพวกเขาโดยไม่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น

ดาราที่ร่วมแสดงใน SEVEN BRIDEGROOMS FOR SEVEN BROTHERS เวอร์ชันละครทีวี ประกอบด้วย

5.1 AKI AVNI จาก THE RETURN FROM INDIA (C-) แต่งงานกับ VLADIMIR MASHKOV จาก DANCING AT THE BLUE IGUANA (B+)

เว็บไซท์ของ MASHKOV
http://www.vladimirmashkov.webcentral.com.au/default.html#

รูปของ AVNI
http://www.akiavni.com/photos.htm


5.2 ODED FEHR จาก RESIDENT EVIL: APOCALYPSE (B) แต่งงานกับ GREGOIRE COLIN จาก BEAU TRAVAIL (A+)


5.3 JAMES FRANCO จาก SPIDER-MAN (A-) แต่งงานกับ IOAN GRUFFUDD จาก KING ARTHUR (B+)

รูปของ IOAN GRUFFUDD
http://www.iballer.com/malecelebs/pretty_celebs/gruffudd/index2.htm

รูปของ JAMES FRANCO
http://www.iballer.com/malecelebs/pretty_celebs/franco/index2.htm


5.4 PAUL WALKER จาก JOY RIDE (2001, A-) แต่งงานกับ JOSH DUHAMEL จาก WIN A DATE WITH TAD HAMILTON

รูปของพอล วอล์คเกอร์
http://www.clamack.hpg.ig.com.br/ATORES/PaulWalker/PaulWalker021.jpg
http://www.biscottiland.com/b_updates/29_pix/Paul_Walker.jpg
http://www.clamack.hpg.ig.com.br/ATORES/PaulWalker/PaulWalker036.jpg
http://www.clamack.hpg.ig.com.br/ATORES/PaulWalker/Galeria2.htm

รูปของ JOSH DUHAMEL
http://www.gaywired.com/scene/images/3.jpg


5.5 JAY HERNANDEZ จาก CRAZY/BEAUTIFUL (A-) แต่งงานกับ TOPHER GRACE จาก WIN A DATE WITH TAD HAMILTON และ IN GOOD COMPANY


เว็บไซท์ของ TOPHER GRACE อยู่ที่นี่ค่ะ
http://www.geocities.com/TelevisionCity/Stage/8874/


5.6 AURELIEN WIIK จาก CHAOS (A/A-) แต่งงานกับ JASON BEHR จากหนังเกย์เรื่อง RITES OF PASSAGE (A+)

รูปของ JASON BEHR
http://www.jason-behr.com/gallery/thumbnails.php?album=5

รูปของ AURELIEN WIIK
http://wiikaurelien.free.fr/wiikaurelien/img/kitchendales1.jpg
http://wiikaurelien.free.fr/wiikaurelien/photos.htm


5.7 TOM STURRIDGE จาก BEING JULIA (A) แต่งงานกับ GASPARD ULLIEL จาก A VERY LONG ENGAGEMENT (ท่าทางจะเฮี้ยวจัดทั้งคู่)

ภาพของ GASPARD ULLIEL
http://ysild7.free.fr/gaspard/v2/Villalobos3.jpg
http://img5.allocine.fr/acmedia/medias/nmedia/18/35/08/85/p4.jpg


6.อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงแผนการขั้นต้นเท่านั้น ผู้บริหารทุกคนในสตูดิโอมิราแมทท์ ซึ่งเป็นกิจการในเครือบริษัท SCREENOUT สามารถออกความเห็นเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงการนี้ได้อย่างเต็มที่ โดยผู้บริหารทุกคนควรเข้าไปศึกษาข้อมูลในเว็บไซท์ข้างล่างนี้เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบการตัดสินใจ
http://216.171.173.39/scene/index.cfm?listID=73


จบรายงานการประชุม

FRANKY G จาก MANITO (B+)
http://www.iballer.com/malecelebs/butch_celebs/g_franky/index2.htm
http://centerstage.net/stumped/interviews/franky-g.html

IVAN SERGEI จาก THE OPPOSITE OF SEX (1998, DON ROOS, A)
http://www.geocities.com/chriskleinpix/sergei/sergei.html

SEVEN BRIDEGROOMS FOR SEVEN BROTHERS

ชอบ JOHN CASSAVETES กับ GENA ROWLANDS มาก ถึงแม้ไม่ค่อยชอบ NICK CASSAVETES ลูกชายของสองคนนี้สักเท่าไหร่

หนังของ GENA ROWLANDS ที่เคยดู

1.ANOTHER WOMAN (1988, WOODY ALLEN, A+)
2.FACES (1968, JOHN CASSAVETES, A+)
3.GLORIA (1980, JOHN CASSAVETES, A+)
4.THE NEON BIBLE (1995, TERENCE DAVIES, A+) ดูจากวิดีโอลิขสิทธิ์
5.LOVE STREAMS (1984, JOHN CASSAVETES, A+)
6.SOMETHING TO TALK ABOUT (1995, LASSE HALSTROM, A+)
ชอบ BRETT CULLEN ในหนังเรื่องนี้มาก แต่ตอนนี้เขาแก่เสียแล้ว
7.MINNIE AND MOSKOWITZ (1971, JOHN CASSAVETES, B+)
8.TAKING LIVES (2004, B+)
9.ONCE AROUND (1991, LASSE HALSTROM, B+/B)
10.THE NOTEBOOK (2004, B-)

อยากให้จีน่า โรว์แลนด์สจาก GLORIA มาปะทะกับไดแอน แลดด์ จาก WILD AT HEART เพราะทั้งสองคนนี้ดูเจ้าแม่มาก


เคยดูหนังฝรั่งเรื่องนึง น่าเสียดายที่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร จำได้แต่ว่าชอบฉากนึงในหนังมาก เป็นฉากที่กลุ่มตัวละครเอกในเรื่องไปร้านอาหาร แล้วในร้านจะมีผู้หญิงร้องเพลงอยู่บนเวทีเล็กๆ เธอร้องเพลงแนวคร่ำครวญหวนไห้ว่าจะฆ่าตัวตาย แต่ไม่มีใครในร้านสนใจเธอ เธอร้องเพลงคร่ำครวญๆเสร็จ เธอก็ลงจากเวที เดินออกจากจอไป แล้วก็มีเสียงเธอยิงตัวตาย แต่ทุกคนในร้านก็ไม่สนใจเธอ ทุกคนยังคงกินอาหาร พูดคุยกันต่อไปตามปกติ ฉากนี้เป็นฉากที่ฮาสุดๆ แต่ไม่แน่ใจว่ามันมาจากหนังเรื่องอะไรกันแน่

เพิ่งเห็นข่าวเก่าว่าคลินท์ อีสต์วูดประกาศจะฆ่าไมเคิล มัวร์ค่ะ
http://www.nydailynews.com/news/gossip/story/270757p-231851c.html

อยากดู THE MOTHER มากๆเลยค่ะ

ชอบ CEDRIC KAHN มากจากหนังเรื่อง RAILWAY BAR (1991, A) แต่ยังไม่ได้ดูเรื่องอื่นๆของเขาสักที

HIAM ABBASS นางเอก THE SYRIAN BRIDE ท่าทางจะดังไม่หยุดแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ได้ข่าวว่าเธอได้เล่นหนังปะทะกับ NATALIE PORTMAN ชื่อเรื่อง FREE ZONE ซึ่งกำกับโดย AMOS GITAI (KIPPUR, KEDMA, KADOSH)


หนังของ ALAN PARKER ที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบ (จริงๆแล้วไม่ค่อยชอบตัวเขาเท่าไหร่ แต่รับหนังของเขาได้)
1.ANGEL HEART (1987, A+++++)
2.MIDNIGHT EXPRESS (1978, A+) พระเอกหล่อ
3.BIRDY (1984, A)
4.THE COMMITMENTS (1991, A)
5.EVITA (1996, A)
6.MISSISSIPPI BURNING (1988, A-)
7.BUGSY MALONE (1976, A-)
8.ANGELA’S ASHES (1999, B+)


ได้ดูหนังเพลงน้อยมากเลยค่ะ เท่าที่เคยดูแล้วชอบมากก็มีเรื่อง:-
(บางเรื่องอาจไม่ใช่ “หนังเพลง” จริงๆ แต่เป็น “หนังเต้นรำ” หรือ “หนังโอเปรา” แต่ดิฉันขอเอามารวมๆไว้ในที่นี้ด้วยก็แล้วกัน ขี้เกียจแยกประเภทย่อยๆลงไปอีก)

1.THE DEATH OF MARIA MALIBRAN (1972, WERNER SCHROETER, A+)

2.ALL THAT JAZZ (A+)

3.HAUT BAS FRAGILE (1995, JACQUES RIVETTE, A+)

4.JEANNE AND THE PERFECT GUY (1998, OLIVIER DUCASTEL + JACQUES MARTINEAU, A+)

5.THE ROCKY HORROR PICTURE SHOW (A+)

6.THE SOUND OF MUSIC (A+)

7.LITTLE SHOP OF HORRORS (1986, FRANK OZ, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0091419/

8.YOUNG GIRLS OF ROCHEFORT (1967, JACQUES DEMY, A+)

9.PARSIFAL (1982, HANS-JURGEN SYBERBERG, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0084476/

10.WEST SIDE STORY (1961, ROBERT WISE + JEROME ROBBINS, A+)

11.SAME OLD SONG (1997, ALAIN RESNAIS, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0119828/

12.THE ADVENTURES OF IRON PUSSY (A+)

13.THE UMBRELLAS OF CHERBOURG (1964, JACQUES DEMY, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0058450/

14.DANCER IN THE DARK (2000, LARS VON TRIER, A+)

15.LINE 1 (1988, REINHARD HAUFF)
http://www.imdb.com/title/tt0095527/

16.CABARET (A)

17.EVITA (A)

18.A CHORUS LINE (1985, RICHARD ATTENBOROUGH, A)
http://www.imdb.com/title/tt0088915/

19.CHICAGO (A-)

20.GIGI (1958, VINCENTE MINNELLI, A-)
ชอบ LOUIS JOURDAN พระเอกหนังเรื่องนี้มากค่ะ

21.FLAMENCO (1995, CARLOS SAURA, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0113077/

22.GOLDEN EIGHTIES (1986, CHANTAL AKERMAN, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0092219/

23.AMY (1998, NADIA TASS, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0118614/


หนังเพลงที่อยากสร้าง, กำกับ, คัดเลือกตัวนักแสดงด้วยตัวเอง
SEVEN BRIDEGROOMS FOR SEVEN BROTHERS

รูปของ LOUIS JOURDAN พระเอกหนังเพลงเรื่อง GIGI ค่ะ
http://www.geocities.com/Paris/Metro/9384/gorguys/images/jourdan.jpg

หนังที่ได้ดูในวันนี้
TALES OF TERROR (2004, A)
RAISE YOUR VOICE (2004, SEAN MCNAMARA, B+/B)

Thursday, February 24, 2005

GOLDEN LUKAS JAN 2005

เห็นคุณ merveillesxx จัดรางวัล MER AWARDS ในกระทู้ข้างล่างนี้
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=14078

ดิฉันก็เลยขอเลียนแบบด้วยการจัดรางวัล GOLDEN LUKAS สำหรับหนังที่ได้ดูในเดือนม.ค.บ้างค่ะ โดยชื่อรางวัลนี้ตั้งตามชื่อของ LUKAS RIDGESTON หนึ่งในดาราชายที่ดิฉันชอบที่สุดในชีวิต

ผลรางวัล “ลูคัสทองคำ” ประจำเดือนม.ค.มีดังต่อไปนี้

หนังที่ชอบที่สุดในเดือนม.ค.
1.THE CASTLE (1995, MICHAEL HANEKE) A+

ลำดับความชอบของหนังเรื่องอื่นๆที่ได้ดูในเดือนม.ค.
2.MALINA (1991, WERNER SCHROETER) A+

3.RIGHT NOW (2004, BENOIT JACQUOT) A+
4.DUCK SEASON (2004, FERNANDO EIMBCKE) A+
5.RECONSTRUCTION (2003, CHRISTOFFER BOE) A+
6.LA FEMME DE GILLES (2004, FREDERIC FONTEYNE) A+

7.THIRST (2004, TAWFIK ABU WAEL) A+
8.CACHIMBA (2004, SILVIO CAIOZZI) A+
9.PRIVATE (2004, SAVERIO COSTANZO) A+
10.MOVING (1993, SHINJI SOOMAI) A+

11.TARNATION (2004, JONATHAN CAOUETTE) A+

12.TOUCH THE SOUND (2004, THOMAS RIEDELSHEIMER) A+
13.THE SYRIAN BRIDE (2004, ERAN RIKLIS) A+
14.MY STEP-BROTHER FRANKENSTEIN (2004, VALERY TODOROVSKY) A+
15.MYSTERIOUS SKIN (2004, GREGG ARAKI) A+

16.THE POWER OF EMOTION (1983, ALEXANDER KLUGE) A+

17.BENNY’S VIDEO (1992, MICHAEL HANEKE) A+
18.AFTER MIDNIGHT (2004, DAVIDE FERRARIO) A+
19.ENCHANTED (2003, PUPI AVATI) A+
20.ANATOMY OF HELL (2004, CATHERINE BREILLAT) A+
21.BEAUTIFUL CITY (2004, ASGHAR FARHADI) A+
22.TO TAKE A WIFE (2004, RONIT ELKABETZ + SHLOMI ELKABETZ) A+

23.BIRTH (2004, JONATHAN GLAZER) A+
24.BAD EDUCATION (2004, PEDRO ALMODOVAR) A+
25.VERA DRAKE (2004, MIKE LEIGH) A+

26.THE AVIATOR (2004, MARTIN SCORSESE) A+
27.THE COMANCHE (1979, HERBERT ACHTERNBUSCH) A

28.CLOSER (2004, MIKE NICHOLS) A

29.MONDOVINO (2004, JONATHAN NOSSITER) A
30.YASMIN (2004,KENNY GLENAAN) A
31.FORGIVENESS (2004, IAN GABRIEL) A
32.IMELDA (2003, RAMONA DIAZ) A
33.SCHIZO (2004, GUKA OMAROVA) A
34.HOLY LOLA (2004, BERTRAND TAVERNIER) A
35.ANTARES (2004, GOTZ SPIELMANN) A

36.THE LADY FROM SHANGHAI (1947, ORSON WELLES) A
37.CLEAN (2004, OLIVIER ASSAYAS) A
38.IN MY FATHER’S DEN (2004, BRAD MCGANN) A
39.BEING JULIA (2004, ISTVAN SZABO) A
40.HEAD IN THE CLOUDS (2004, JOHN DUIGAN) A

41.ELEKTRA (2005, ROB BOWMAN) A

42.THE FORGOTTEN (2004, JOSEPH RUBEN) A
43.HANA-BI (1997, TAKESHI KITANO) A
44.UNCONSCIOUS (2004, JOAQUIN ORISTRELL) A-

45.SEED OF CHUCKY (2004, DON MANCINI) A-
46.TIGERWOMEN GROW WINGS (2005, MONIKA TREUT) A-

47.INVESTIGATING SEX (2001, ALAN RUDOLPH) A-
48.BONJOUR MONSIEUR SHLOMI (2003, SHEMI ZARHIN) A-
49.CHILDSTAR (2004, DON MCKELLAR) A-
50.HARI OM (2004, BHARATBALA) A-
51.THE MAGICIAN (2004, JAIME APARICIO) A-
52.THE HUNGARIAN SERVANT (2004, MASSIMO PIESCO, GIORGIO MOLTENI) A-

53.MY BROTHER (2004, AHN KWON-TAE) A-

54.WISHING STAIRS (2003, YUN JAE-YEON) A-

55.ABSOLUT (2004, ROMED WYDER) B+
56.THE BEAUTIFUL WASHING MACHINE (2004, JAMES LEE) B+
57.DOGORA (2004, PATRICE LECONTE) B+

58.TWILIGHT SAMURAI (2002, YOJI YAMADA) B+

59.MEET THE FOCKERS (2004, JAY ROACH) B+

60.ATOMIK CIRCUS: LE RETOUR DE JAMES BATAILLE (2004, DIDIER POIRAUD + THIERRY POIRAUD) B+

61.THE PHANTOM OF THE OPERA (2004, JOEL SCHUMACHER) B+

62.I LOVE VIENNA (1991, HOUCHANG ALLAHYARI) B

63.THE NEIGHBOUR (1993, GOTZ SPIELMANN) B
64.BAD SANTA (2003, TERRY ZWIGOFF) B
65.MODIGLIANI (2004, MICK DAVIS) B
66.MY FATHER IS AN ENGINEER (2004, ROBERT GUEDIGUIAN) B-
67.FOREVER (2003, ALESSANDRO DE ROBILANT) B-

68.FACE (2004, YOO SANG-GON) B-
69.EXTREME DATING (2004, LORENA DAVID) C+
70.เอ๋อ เหรอ C

ผลรางวัล “ลูคัสทองคำ” ในสาขาอื่นๆ

MOST DESIRABLE ACTOR

1.NICOLAS DUVAUCHELLE—RIGHT NOW
2.MATTHEW MACFADYEN—IN MY FATHER’S DEN
3.DOMINIC WEST—THE FORGOTTEN
4.CLOVIS CORNILLAC—LA FEMME DE GILLES
5.JONATHAN CAOUETTE—TARNATION


FAVORITE ACTRESS

1.ISILD LE BESCO—RIGHT NOW
2.HIAM ABBASS—THE SYRIAN’S BRIDE
3.EMMANUELLE DEVOS—LA FEMME DE GILLES
4.RONIT ELKABETZ—TO TAKE A WIFE
5.IMELDA STAUNTON—VERA DRAKE
6.NICOLE KIDMAN—BIRTH
7.MARIA BONNEVIE—RECONSTRUCTION
8.TARANEH ALIDOOSTI—BEAUTIFUL CITY
9.EMILY BARCLAY—IN MY FATHER’S DEN
10.LEONOR WATLING—UNCONSCIOUS

FAVORITE ACTOR

1.ULRICH MUHE—THE CASTLE
2.DANIIL SPIVAKOVSKII—MY STEP-BROTHER FRANKENSTEIN
3.ARNOLD VOSLOO—FORGIVENESS
4.PABLO SCHWARZ--CACHIMBA
5.ARNO FRISCH—BENNY’S VIDEO


FAVORITE SUPPORTING ACTRESS

1.BIRGIT LINAUER—THE CASTLE
2.HANNELORE HOGER—THE POWER OF EMOTION
3.ANNE HECHE--BIRTH
4.ANGELA WINKLER—BENNY’S VIDEO
5.ZOE CALDWELL—BIRTH
6.HELEN COKER—VERA DRAKE
7.KIRSTEN PROUT—ELEKTRA
8.LUCY PUNCH—BEING JULIA
9.CATE BLANCHETTE—THE AVIATOR
10.MARY LYNN RAJSKUB—MYSTERIOUS SKIN


FAVORITE SUPPORTING ACTOR

1.เพื่อนพระเอกที่หน้าเละใน ATOMIK CIRCUS: LE RETOUR DE JAMES BATAILLE (ไม่รู้ชื่อนักแสดง)
2.JAVIER CAMARA (PACA)—BAD EDUCATION
3.LLUIS HOMAR (MR. BERENGUER)—BAD EDUCATION
4.EDDIE MARSAN (VERA’S SON-IN-LAW)—VERA DRAKE
5.BRUCE GREENWOOD—BEING JULIA


FAVORITE ENSEMBLE ACTING

1.BIRTH
2.THE CASTLE
3.HOLY LOLA
4.BAD EDUCATION
5.THE COMANCHE


FAVORITE MUSIC
TOUCH THE SOUND


FAVORITE CINEMATOGRAPHY

1.AFTER MIDNIGHT
2.MIGUEL ABAL--CACHIMBA
3.MANUEL ALBERTO CLARO--RECONSTRUCTION
4.CAROLINE CHAMPETIER--RIGHT NOW
5.YORGOS ARVANITIS + GUILLAUME SCHIFFMAN--ANATOMY OF HELL


FAVORITE EDITING
LUC BARNIER—RIGHT NOW


FAVORITE OPENING
TO TAKE A WIFE


FAVORITE ENDING

1.THE SYRIAN BRIDE
2.LA FEMME DE GILLES
3.A HEART ELSEWHERE
4.THE LADY FROM SHANGHAI
5.THIRST
6.TARNATION
7.BEAUTIFUL CITY
8.THE AVIATOR
9.BIRTH
10.THE COMANCHE


FAVORITE SCENE
1.MOVING—ฉากที่พ่อกับแม่นางเอกเดินลงทะเลจนจมหายไป และนางเอกตะโกนว่า “ยินดีด้วย ทำสำเร็จแล้ว”
2.THE CASTLE--ฉากที่พระเอกวิจารณ์เปปี้จนเธอร้องไห้
3.BIRTH--ฉากที่นิโคล คิดแมนดูโอเปรา
4.TARNATION—ฉากคุณแม่สนุกกับฟักทอง
5.IMELDA—ฉากอิเมลดา มาร์กอสเขียนรูปสัญลักษณ์ 10 แบบ


บทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ LADIES IN LAVENDER
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9480000027120

BENNO FUERMANN IS HANDSOME

เมื่อวานนี้ได้ดูหนังเรื่อง TRAUMA (2004, MARC EVANS, B+) ที่อีจีวีเมโทรโปลิสค่ะ กับดูหนังเรื่อง ANNALUISE AND ANTON (1999, CAROLINE LINK, A+) ที่สถาบันเกอเธ่

เคยชอบหนังเรื่อง MY LITTLE EYE (A) ของ MARC EVANS มากๆเลยค่ะ เป็นหนังที่รู้สึกอินไปกับบรรยากาศในหนังอย่างมากๆ แต่รู้สึกค่อนข้างผิดหวังกับ TRAUMA หน่อยๆ เพราะรู้สึกหนังไม่ค่อยทำให้อารมณ์พุ่งสูงเท่าไหร่ ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้มีการใช้สัญลักษณ์หรือการแฝงซ่อนความหมายอะไรในหนังหรือเปล่า แต่ดิฉันไม่เข้าใจมันเลยค่ะ ในแง่ความสนุกตื่นเต้นแล้ว ดิฉันรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ไม่สนุกตื่นเต้นสักเท่าไหร่ ในแง่สาระที่มีอยู่ในหนัง ดิฉันก็ไม่เข้าใจมัน สิ่งที่ชอบที่สุดในเรื่องนี้คงจะเป็นความน่ารักของ COLIN FIRTH ซึ่งดิฉันรู้สึกว่าในเรื่องนี้เขาดูมีเสน่ห์น่าค้นหามากกว่าใน BRIDGET JONES หน่อยนึงค่ะ เพราะใน BRIDGET JONES และใน LOVE ACTUALLY นั้น เขาเล่นเป็นผู้ชายที่สะอาดใสมากๆ แต่ใน TRAUMA เขารับบทเป็นผู้ชายที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเคยเป็นฆาตกรโรคจิตหรือเปล่า เพราะฉะนั้นบทของเขาในTRAUMA จึงเป็นบทของผู้ชายที่น่าเข้าไปล้วง (ความจริง) อย่างมากๆ

ส่วน ANNALUISE AND ANTON นั้นเป็นหนึ่งในหนังที่ใสสะอาดที่สุดเท่าที่เคยดูมาในชีวิต เป็นหนังที่พาฝันอย่างมากๆ เนื้อหาของหนังเกี่ยวกับเด็กหญิงที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ไม่มีความสุขเพราะพ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ ส่วนเพื่อนสนิทของเธอเป็นเด็กชายที่มีฐานะยากจน

ดูหนังเรื่องนี้แล้วมีความสุขมากๆ เพราะหนังเรื่องนี้ตอบสนองความใฝ่ฝันของตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆที่อยากเกิดมารวยกับเขาบ้าง การได้ดูหนังเรื่องนี้ก็เหมือนกับการได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกจินตนาการเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงว่าถ้าตัวเองเกิดมารวย ชีวิตในวัยเด็กของตัวเองจะเป็นยังไง

ความสัมพันธ์ที่น่ารักสุดขีดระหว่างเด็กหญิงกับเด็กชายในหนังเรื่องนี้ ทำให้รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้สามารถตั้งชื่อภาษาไทยว่า “แฟนฉัน เยอรมันสไตล์” ได้เลย

ซิลวี เตสตูด นางเอกหนังฝรั่งเศสมารับบทเป็นพี่เลี้ยงเด็กใน ANNALUISE AND ANTON ด้วย

CAROLINE LINK ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ เคยกำกับ BEYOND SILENCE (1996, B+/B) และ NOWHERE IN AFRICA (2001, A) และสิ่งที่ดิฉันรู้สึกแปลกก็คือ เนื้อหาใน NOWHERE IN AFRICA กับเนื้อหาใน ANNALUISE AND ANTON มันมีบางส่วนที่ดูเน่ามากๆ มันเน่าจริงๆ มัน SUPER FEEL GOOD สุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหญิงกับชาวแอฟริกัน หรือเรื่องราวความเห็นอกเห็นใจระหว่างเด็กหญิงกับคนจน มันง่ายมากที่จะทำให้รู้สึกว่าหนังมัน FAKE และพยายามทำตัวมีมนุษยธรรมจนน่าหมั่นไส้ แต่ก็น่าแปลกที่เวลาดิฉันดูหนังสองเรื่องนี้ ดิฉันกลับไม่รู้สึกต่อต้านมันเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่า CAROLINE LINK ทำได้ยังไง ถึงทำให้ดิฉันรู้สึก FEEL VERY GOOD กับหนัง SUPER FEEL GOOD ของเธอได้

พระเอกของ ANNALUISE AND ANTON ชื่อ MAX FELDER ค่ะ ดูรูปของเขาได้ที่ (มีรูปของเขาให้ดูเป็นร้อยรูปเลย)
http://www.teenidols4you.com/pictures.html?g=Actors&pe=max_felder

สิ่งที่ดีที่สุดใน ANNALUISE AND ANTON ก็คือ การทำให้ดิฉันตกหลุมรักดาราหนุ่มชื่อ BENNO FUERMANN ค่ะ เขารับบทเป็นหนุ่มขายไอติมในเรื่องนี้ และเขาเคยเล่นหนังเรื่อง ANATOMY, THE PRINCESS AND THE WARRIOR, WOLFSBURG และ GHOST แต่หนังของเขาที่น่าดูมากๆ คือเรื่อง THE BUBI SCHOLZ STORY เพราะในเรื่องนี้เขาเล่นเป็นนักมวยค่ะ (เขาเกิดปี 1972 ค่ะ)

ดูรูปของ BENNO FEURMANN ได้ที่
http://www.bennofuermann.de/
พอเข้าไปในเว็บไซท์ของเขาแล้ว ให้คลิกที่ medien และเลือก FOTOS ค่ะ มีรูปของเขาตอนถ่ายแบบให้นิตยสารต่างๆหลายรูปด้วย

Tuesday, February 22, 2005

MARIO LOPEZ

แหะ แหะ ตอนแรกนึกว่าไม่มีเรื่องอะไรจะโพสท์แล้ว พอดีไปเจอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FOREST GROVE ค่ะ ก็เลยเอามาโพสท์นิดนึง

ยังไม่ได้ดู FAME, TOKYO STORY, THE LAST WALTZ กับ BEFORE SUNSET เลยค่ะ

ส่วน GOODBYE DRAGON INN, THE ROCKY HORROR PICTURE SHOW (1975, JIM SHARMAN) และ THE BUENA VISTA SOCIAL CLUB ชอบในระดับ A+ ทั้งสามเรื่อง อยากให้คุณแฟรงเกนสไตน์มีความสามารถเหมือนดร.แฟรงเกนสไตน์ในนิยายมากเลยค่ะ จะได้ขอให้ช่วยชุบชีวิตมนุษย์หนุ่มหุ่นดีแบบในหนังเรื่อง THE ROCKY HORROR PICTURE SHOW ขึ้นมาบ้าง รับรองว่าถ้าทำได้จริงๆ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอนค่ะ

ชอบ PETER HINWOOD ใน THE ROCKY HORROR PICTURE SHOW มากเลยค่ะ ดูรูปของเขาได้ที่
http://www.imdb.com/gallery/mptv/1077/Mptv/1077/5376_0065.jpg?path=pgallery&path_key=Hinwood,%20Peter

http://www.imdb.com/gallery/ss/0073629/Ss/0073629/8?path=pgallery&path_key=Hinwood,%20Peter

http://www.imdb.com/gallery/mptv/1078/Mptv/1078/5376_0008.jpg?path=pgallery&path_key=Hinwood,%20Peter

รู้สึกบทของซูซาน ซารันดอนใน THE ROCKY HORROR PICTURE SHOW กับใน SHALL WE DANCE จะดูแตกต่างกันดีจัง

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FOREST GROVE

FOREST GROVE ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น THE SWIMMER ของ JOHN CHEEVER ค่ะ ดิฉันก็ยังไม่เคยอ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องเดิมเป็นยังไง

ก่อนหน้านี้เคยมีการนำเรื่องสั้นเรื่องนี้มาสร้างเป็นหนังแล้วค่ะ ชื่อเรื่อง THE SWIMMER (1968, FRANK PERRY) ซึ่งน่าดูมากและมีขายแล้วในรูปแบบดีวีดีที่เมืองนอก
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B00005JKQ6/qid=1109067435/sr=1-1/ref=sr_1_1/102-6325601-9202517?v=glance&s=dvd

แต่ใน THE SWIMMER (1968) นี้ เนื้อเรื่องจะแตกต่างจากใน FOREST GROVE มาก เพราะเนื้อหาของ THE SWIMMER จะเกี่ยวกับชายวัยกลางคน (BURT LANCASTER) ที่ใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวตลอดทั้งเรื่อง และเขาก็เข้าไปว่ายน้ำตามสระในบ้านของเหล่าคนฐานะดีไปเรื่อยๆขณะเดินทางกลับบ้านในรัฐคอนเนคติกัต โดยเมื่อเขาไปว่ายน้ำในสระของใคร ความทรงจำของเขาก็จะค่อยๆฟื้นกลับมาทีละน้อย (จุดนี้อาจจะคล้ายกับ FOREST GROVE เหมือนกัน)

(ดิฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับลักษณะเด่นของรัฐต่างๆในสหรัฐเลยค่ะ ก็เลยสงสัยว่าทำไมทั้ง THE SWIMMER และ THE STEPFORD WIVES (A) ถึงจงใจใช้ฉากหลังเป็นรัฐ CONNECTICUT ด้วย เดาว่ารัฐนี้คงมีจุดเด่นอะไรบางอย่าง หนังสองเรื่องนี้ถึงจงใจอย่างมากที่จะใช้ฉากหลังเป็นรัฐนี้ ดูเหมือนหมู่บ้านจัดสรรในรัฐนี้จะสวยงามเป็นพิเศษ)

จุดเด่นของ THE SWIMMER (1968) คือการเสียดสีเหล่าคนรวยที่เกียจคร้าน และการนำเสนอประเด็นเรื่อง DISILLUSION

เว็บไซท์นี้มีบทภาพยนตร์ของ THE SWIMMER พร้อมรูปประกอบค่ะ
http://mitglied.lycos.de/paolcelan/swimmer/the_swimmer.php

เว็บไซท์นี้มีภาพนิ่งจาก THE SWIMMER ค่ะ พอเข้าไปในเว็บนี้แล้ว ให้คลิกที่ LOBBY CARDS เพื่อดูภาพนิ่งจากในหนัง
http://othyrworld.com/swimmer/

quote from khun aun
"ส่วน CHARLIE'S STORY (A-) นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นหนังที่มีคนเล่นจริงๆได้คงจะดีมากๆเลย เพราะหนังคงจะน่าดูมากๆที่มีหนูน้อยชาร์ลีใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวแล้วเที่ยวเดินเล่นไปบ้านโน้นทีบ้านนี้ที แล้วก็ว่ายผลุบว่ายโผล่ไปมาในสระว่ายน้ำ ว้าวๆๆๆๆๆๆ แค่คิดก็สนุกแล้ว"

เห็นด้วยกับคุณอ้วนอย่างมากๆค่ะ โดยอาจจะดัดแปลงเนื้อเรื่องให้ชาร์ลีแก่ขึ้นกว่าเดิมสักเล็กน้อย โดยอาจจะให้เขาอายุราวๆ 20 ปี และให้ ALEXANDRE DESPATIE มารับบทนี้ เพราะเขาคงชินกับการใส่ชุดว่ายน้ำเดินไปเดินมา และคงจะแสดงฉากว่ายน้ำได้โดยไม่เหนื่อยมากนัก

ลองดูตัวอย่างรูปของ ALEXANDRE DESPATIE ในชุดว่ายน้ำก็แล้วกันค่ะ และช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าอยากให้เขามารับบทเป็นชาร์ลีหรือไม่
http://www.alexandre-despatie.org/gallery/displayimage.php?album=toprated&cat=0&pos=0

ถ้าไม่อยากได้ ALEXANDRE DESPATIE ตัวเลือกอันดับสองของดิฉันก็อาจจะเป็น JESSE SPENCER (UPTOWN GIRLS, SWIMMING UPSTREAM) ค่ะ เพราะเขาคงชินกับฉากว่ายน้ำเหมือนกัน ไม่รู้คนอื่นๆเห็นเป็นอย่างไรบ้าง

ลองดูตัวอย่างรูปของ JESSE SPENCER เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
http://www.astabgay.com/celebrities/JesseSpencer.jpg


พูดถึงเรื่องนักว่ายน้ำ ก็เลยนึกถึงนักกระโดดน้ำเกย์ GREG LOUGANIS ที่เคยโด่งดังมากตอนดิฉันเรียนมัธยม อยากดูหนังเกี่ยวกับชีวิตเขามากเลยค่ะ ได้ข่าวว่าหนังเรื่องนี้มีดีวีดีขายแล้วที่เมืองนอก ชื่อเรื่องว่า
BREAKING THE SURFACE: THE GREG LOUGANIS STORY (1997, STEVEN HILLIARD STERN) โดยมี MARIO LOPEZ รับบทเป็นเกร็ก ลูกานิส
http://www.imdb.com/title/tt0115750/

นี่คือรูปของ MARIO LOPEZ ดาราหนุ่มที่รับบทเป็นนักกระโดดน้ำเกย์ในหนังเรื่องนี้ค่ะhttp://www.mariolopez.net/gallery_archive.php

Monday, February 21, 2005

GEORGES MARCHAL IS GORGEOUS

แหะ แหะ ขอโทษทีค่ะที่ช่วงนี้โพสท์บ่อย พอดีช่วงนี้ได้อ่านข่าวหนังเกย์หลายเรื่องในช่วงเทศกาลเบอร์ลิน ก็เลยมีเรื่องเอามาเล่าต่อเยอะค่ะ ตอนนี้เทศกาลเบอร์ลินจบแล้ว ก็คงไม่มีเรื่องอะไรจะมาโพสท์อีกระยะนึง

รางวัลเท็ดดี้หรือรางวัลหนังเกย์ยอดเยี่ยมของเบอร์ลินปีนี้ออกมาแล้วค่ะ เป็นของหนังอาร์เจนตินาเรื่อง A YEAR WITHOUT LOVE ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้กับโรคเอดส์และความเปล่าเปลี่ยว หนังได้รับคำชมว่า UNCOMPROMISING และ CHALLENGING
http://www.berlinale.de/en/das_festival/auszeichnungen_/uebersicht_auszeichnungen/Auf_einen_Blick_1.html

ส่วนรางวัลหนังเท็ดดี้สารคดีเกย์ยอดเยี่ยมเป็นของหนังเลสเบียนเรื่อง FELINE MASQUERADE ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เลสเบียนสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ โดยมีการนำเอาฟิล์มเก่าๆที่บันทึกภาพในประวัติศาสตร์มาผสมกับการถ่ายทอดชีวิตของเลสเบียนยุคปัจจุบัน

รางวัลเท็ดดี้หนังเกย์สั้นยอดเยี่ยมเป็นของเรื่อง THE INTERVENTION (JAYDUPLASS, USA) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายที่ได้รับแรงกดดันจากเพื่อนๆให้เปิดเผยตัวเองว่าเป็นเกย์ หนังมีความยาว 15 นาที

หนังที่น่าสนใจเรื่องอื่นๆในเบอร์ลิน

2.ULTRANOVA (BOULI LANNERS)
http://www.berlinale.de/en/programm/programm_2005/datenblatt.php?film_id=20053520

3.BEFORE THE FLOOD (LI YIFAN + YAN YU)
http://www.berlinale.de/external/de/filmarchiv/doku_pdf/20053397.pdf

4.GAMBLERS (FREDERIC BALEKDJIAN)
http://www.berlinale.de/en/programm/programm_2005/datenblatt.php?film_id=20053452

5.ON THE OBJECTION FRONT (SHIRI TSUR)
หนังสารคดีกำกับโดยผู้หญิง เนื้อหาเกี่ยวกับทหารอิสราเอล 6 คนที่ยินดีติดคุกดีกว่าทำตามคำสั่งอีกต่อไป
http://www.berlinale.de/external/de/filmarchiv/doku_pdf/20050834.pdf

6.MASSACRE (MONIKA BORGMANN, LOKMAN SLIM, HERMANN THEISSEN)
http://www.berlinale.de/en/programm/programm_2005/datenblatt.php?film_id=20050162

7.ODESSA ODESSA… (MICHALE BONAGRIM) ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นผู้หญิงที่เกิดปี 1972 อ่านเรื่องย่อหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึง VOYAGES (EMMANUEL FINKIEL, A+) อย่างมากๆ
http://www.berlinale.de/external/de/filmarchiv/doku_pdf/20050007.pdf

8.OXHIDE (LIU JIAYIN) ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นผู้หญิงที่เกิดปี 1981
http://www.berlinale.de/external/de/filmarchiv/doku_pdf/20050028.pdf

9.THIS CHARMING GIRL (LEE YOON-KI)
http://www.berlinale.de/external/de/filmarchiv/doku_pdf/20050321.pdf

10.THE IRRATIONAL REMAINS (THORSTEN TRIMPOP)
http://www.berlinale.de/en/programm/programm_2005/datenblatt.php?film_id=20051351

อยากดู INSIDE DEEP THROAT เหมือนกันค่ะ เพราะชอบ FENTON BAILEY + RANDY BARBATO สองผู้กำกับเกย์คู่ขวัญของหนังเรื่องนี้พอสมควร ตอนนี้ได้ดูหนังของผู้กำกับเกย์คู่นี้ไปแค่ 2 เรื่อง ซึ่งก็คือ PARTY MONSTER (2003) กับ 101 RENT BOYS (2000, A)
http://www.imdb.com/name/nm0047259/

ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเกย์คู่ไหนที่กำกับหนังด้วยกันบ่อยๆแบบ FENTON BAILEY + RANDY BARBATO บ้าง ตอนนี้เท่าที่นึกออกก็มีอยู่แค่ 2 คู่

1.OLIVIER DUCASTEL + JACQUES MARTINEAU
2.TOM HUNSINGER + NEIL HUNTER
ผลงานหนังของสองคนนี้คือ BOYFRIENDS และ THE LAWLESS HEART http://www.gaycitynews.com/gcn208/gayenough.html

และก็มีคู่เกย์ ผู้กำกับ-ผู้อำนวยการสร้าง นั่นก็คือ JAMES IVORY + ISMAIL MERCHANT
http://www.glbtq.com/arts/ivory_merchant.html

ถ้าใครนึกออกว่ามีเกย์คู่ไหนที่กำกับหนังด้วยกันบ่อยๆ ก็ช่วยบอกมาด้วยนะคะ



TUMBLEWEEDS (A-) เป็นหนังที่ชอบพอสมควรค่ะ รู้สึกสงสารผู้ชายที่มาชอบนางเอกเหมือนกัน แต่ถ้าเราเป็นนางเอก เราก็คงไม่เอาผู้ชายคนนั้นอยู่ดี

ยังไม่ได้ดู THE STATION AGENT เลยค่ะ แต่อยากดูหนังเรื่องใหม่ของ PATRICIA CLARKSON มากๆ (แพทริเซีย คลาร์กสันรับบทเป็นตัวละครชื่อโอลิเวีย แฮร์ริสใน THE STATION AGENT)

หนังเรื่องใหม่เรื่องนั้นคือหนังเกย์เรื่อง THE DYING GAUL (2005, CRAIG LUCAS) ค่ะ เพราะหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักเขียนบทภาพยนตร์เกย์ (PETER SARSGAARD จาก SHATTERED GLASS) หน้าใหม่ที่ได้รับข้อเสนอเป็นเงินหนึ่งล้านดอลลาร์เพื่อแลกกับบทภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องส่วนตัวของเขา นั่นก็คือเรื่องของคนรักหนุ่มของเขาที่ตายจากโรคเอดส์ แต่มีข้อแม้ว่าเขาจะได้เงินก็ต่อเมื่อเขาเปลี่ยนตัวละครในเรื่องจากผู้ชายให้กลายเป็นผู้หญิง

นักเขียนบทภาพยนตร์เกย์ไม่เพียงแต่จะถูกล่อลวงด้วยเงินเท่านั้น แต่เขายังถูกล่อลวงโดยผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ไบเซ็กชวลที่รับบทโดย CAMPBELL SCOTT ด้วย อย่างไรก็ดี เมียของผู้สร้างภาพยนตร์ (รับบทโดยแพทริเซีย คลาร์กสัน) ก็กำลังจะทำให้เรื่องยุ่งยากมากยิ่งขึ้น (แพทริเซีย คลาร์กสันเคยรับบทกึ่งๆนางตัวร้ายมาแล้วใน FAR FROM HEAVEN)
http://festival.sundance.org/2005/filmguide/popup.aspx?film=6369

เคร็ก ลูคัส ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เคยเขียนบทสุดยอดหนังเกย์เรื่อง LONGTIME COMPANTION (1990, NORMAN RENE, A+) และบทหนังเรื่อง PRELUDE TO A KISS (1992, NORMAN RENE, B+/B) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเม็ก ไรอันและอเล็ก บอลด์วิน สองหนุ่มสาวที่กำลังจะแต่งงานกัน แต่อยู่ดีๆวิญญาณของเม็ก ไรอันก็เกิดสลับร่างกับวิญญาณชายแก่คนหนึ่ง และวิญญาณชายแก่คนนั้นก็เลยเข้าไปสิงอยู่ในร่างเม็ก ไรอัน และได้แต่งงานเสพสุขกับอเล็ก บอลด์วินแทนเธอ (อะไรกันเนี่ย ทำไมวิญญาณฉันไม่สลับร่างกับวิคตอเรีย เบคแฮมบ้างล่ะ เอาไว้ตอนจะคลอดลูกค่อยให้วิญญาณยัยวิคตอเรียกลับเข้าร่างตามเดิม)
http://www.imdb.com/title/tt0100049/
http://www.imdb.com/title/tt0105165/

(ชื่อหนัง THE DYING GAUL คงมาจากชื่อรูปปั้นดังอันนึง)

ชอบ ANNETTE BENING พอสมควรค่ะ โดยเฉพาะในเรื่อง AMERICAN BEAUTY และ THE GRIFTERS ส่วน OPEN RANGE ชอบในระดับประมาณ A-/B+ ค่ะ เมื่อเร็วๆนี้ได้ยินมาว่าเควิน คอสท์เนอร์หันมาเอาดีทางเล่นหนังอินดี้ในเทศกาลซันแดนซ์แล้ว คงเพราะรู้ตัวดีว่าอายุขนาดนี้ ยากที่จะได้รับบทดีๆในหนังสตูดิโอใหญ่อีก (หนังที่ชอบที่สุดของคอสท์เนอร์ยังคงเป็น FIELD OF DREAMS ค่ะ)

ส่วน DIEGO LUNA ชอบเขามากที่สุดใน THE TERMINAL ค่ะ

ดู SISSY BOY SLAP PARTY แล้วก็อยากเข้าไปร่วมวงไพบูลย์ในหนังด้วยเหมือนกันค่ะ แต่ไม่อยากเข้าไปร่วมวงตบ อยากเข้าไปร่วมวงตะปบมากกว่า

หนังที่ได้ดูในวันอาทิตย์

1.OPEN WATER (2003, CHRIS KENTIS) A+
สาเหตุที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้มากเป็นเพราะชอบ DANIEL TRAVIS พระเอกของเรื่องค่ะ เขาไม่หล่อ แต่ดูน่ารักอบอุ่นดี

อีกจุดที่ประทับใจมากก็คือความคิดของตัวละครที่ออกมาในเชิงที่ว่า “ถ้าตอนนี้เรายังอยู่ในออฟฟิศและต้องทำงานหนักจนโงหัวไม่ขึ้น นั่นก็ยังถือเป็นสวรรค์ถ้าเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้”

อีกจุดที่ชอบมากก็คือการที่เหตุเลวร้ายในเรื่องนี้เกิดเพราะความผิดพลาด, ความสะเพร่า, ความไม่รู้จักประสานงานกัน ไม่รู้จักสื่อสารกันให้เคลียร์ระหว่างพนักงานในเรือ เพราะรู้สึกว่าในชีวิตจริง เราก็มักเจออะไรซวยๆเพราะเรื่องทำนองนี้อยู่บ่อยๆ

รู้สึกว่าจะมีหลายคนที่ชอบ DANIEL TRAVIS เหมือนกับดิฉันค่ะ
http://www.imdb.com/name/nm1047403/board/nest/11092542

อ่านบทสัมภาษณ์ DANIEL TRAVIS ได้ที่
http://actionadventure.about.com/od/celebrityinterviews/a/aa080504.htm

2.LUMIERE D’ETE (1943, JEAN GREMILLON) A-
http://www.imdb.com/title/tt0035001/

3.THE SKY IS YOURS หรือ THE WOMAN WHO DARED (1944, JEAN GREMILLON) A-

MOST DESIRABLE ACTOR
GEORGES MARCHAL—LUMIERE D’ETE
http://film.spettacolo.virgilio.it/cinema/photogallery.php?persona=4876http://www.hollywoodcultmovies.com/html/georges_marchal.html

Sunday, February 20, 2005

KEVIN ZEGERS IS AWESOME!!!!

ชอบ ETERNAL SUNSHINE OF A SPOTLESS MIND มากเลยค่ะ แต่ยังไม่ได้ดู BEFORE SUNSET เลย

หนังเกี่ยวกับความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนอีกเรื่องนึงที่ชอบมากๆคือเรื่อง A WINTER’S TALE (1992, ERIC ROHMER, A) ค่ะ ถ้าจำไม่ผิด หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเฟลิเซีย (Charlotte Very) หญิงสาวที่ตกหลุมรักชายหนุ่มคนนึงขณะที่เธอไปเที่ยวชายทะเล ทั้งสองรักกันมาก และพอ vacation สิ้นสุดลง เฟลิเซียก็บอกที่อยู่ของเธอให้ชายหนุ่มคนนั้น เพื่อให้เขาเขียนจม.ติดต่อเธอ

อย่างไรก็ดี หลังจากทั้งสองแยกกัน เฟลิเซียก็เพิ่งตระหนักว่าเธอบอกที่อยู่ให้เขาผิด เธอพูดผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ และเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ชายหนุ่มคนนั้นไม่สามารถติดต่อเฟลิเซียได้อีกเลย เขาอาจจะรักเธอ เขาอาจจะเขียนจดหมายติดต่อเธอ แต่จดหมายเหล่านั้นไม่มีวันส่งมาถึงเธอได้ เพราะเธอบอกที่อยู่ให้เขาผิดโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ

เฟลิเซียใช้ชีวิตต่อมาเรื่อยๆอีกหลายปีพร้อมกับความทรงจำอันแสนหวานที่มีต่อชายคนรักของเธอคนนี้ มีชายหนุ่ม 2 คนเข้ามาจีบเธอ แต่เธอก็ไม่อาจลืมชายที่เธอรักได้ ความรักไม่ใช่เรื่องของเหตุผล เฟลิเซียรู้ดีว่าถ้าหากเธอตกลงปลงใจแต่งงานกับผู้ชายที่มาจีบเธอ มันก็อาจจะส่งผลดีต่อชีวิตเธอ แต่เธอก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ หัวใจของเธอยังคงเป็นของผู้ชายคนนั้น เธอไม่สามารถปลดปล่อยหัวใจของตัวเองออกจากความทรงจำที่มีต่อผู้ชายคนนั้นได้เลย ถึงแม้เธอรู้ตัวว่าตามหลักเหตุผลแล้ว เธอควรจะลืมความรักที่ชายทะเลครั้งนั้นไปก็ตาม

หัวใจของเฟลิเซีย จะอยู่ใน “ฤดูหนาว” ตลอดไป

อ่านคำวิจารณ์ของโรเจอร์ อีเบิร์ตที่มีต่อหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่ค่ะ
http://rogerebert.suntimes.com/apps/pbcs.dll/article?AID=/20011209/REVIEWS08/112090301/1023

มีเพลงนึงที่ให้อารมณ์ใกล้เคียงกับ WINTER’S TALE มากเลยค่ะ นั่นก็คือเพลง ALWAYS SOMETHING THERE TO REMIND ME ซึ่งเคยมีคนเอามาร้องหลายเวอร์ชัน แต่เวอร์ชันที่ดิฉันชอบที่สุดในชีวิต คือเวอร์ชันที่ร้องโดย ESPIRITU เมื่อราว 10 ปีก่อนค่ะ

อ่านประวัติของ ESPIRITU ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.heavenly100.com/archive/biogs/biog_espiritu1.html#

สำหรับเพลงเกี่ยวกับความรักที่ไม่อาจแทนที่ได้ ดิฉันชอบเพลง YOU NEVER LOVE THE SAME WAY TWICE ของ ROZALLA มากๆค่ะ

สำหรับผลกระทบจากความรักที่ไม่อาจลืมเลือนนั้น ดิฉันมักจะนึกถึงตอนจบของหนังเรื่องนึงที่ได้ดูนานแล้วค่ะ (ไม่บอกแล้วกันว่าเรื่องอะไร เดี๋ยว SPOIL และดิฉันก็จำรายละเอียดแน่นอนไม่ได้แล้วด้วย) ในตอนจบของหนังเรื่องนั้น พระเอกพลัดพรากจากนางเอก เขาไม่รู้ว่าชีวิตนางเอกเป็นอย่างไรหลังจากทั้งสองพลัดพรากกัน ไม่รู้ว่านางเอกเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เขารู้แต่เพียงว่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อใดก็ตามที่เขานั่งอยู่ในร้านอาหาร เขาจะไม่นั่งหันหลังให้ประตูเป็นอันขาด เพราะเขากลัวว่าวันใดวันหนึ่ง เธออาจจะบังเอิญเดินผ่านประตูร้านนั้นเข้ามา และเขาจะไม่ทันได้เห็นเธอ

ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานสักเพียงใด เขาก็จะนั่งหันหน้าเข้าหาประตูเสมอ รอคอยว่าวันใดวันหนึ่ง โชคชะตาอาจจะส่งให้เธอเดินผ่านประตูเข้ามาโดยบังเอิญ และเขาก็ยังคงรอคอยอยู่เช่นนั้นตลอดไป


อยากดู THUMBSUCKER ค่ะ เพราะ TILDA SWINTON กับ KEANU REEVES เล่นด้วย (ทั้งสองเคยปะทะกันมาแล้วใน CONSTANTINE)

ส่วน SOPHIE SCHOLL – THE FINAL DAYS นั้น เนื้อหาบางส่วนจะคล้ายๆกับหนังเรื่อง THE WHITE ROSE (1982, MICHAEL VERHOEVEN) ค่ะ โดยในเวอร์ชันของไมเคิล เวอร์โฮเวนนั้น ดาราที่มารับบทเป็น “โซฟี สกอลล์” คือ LENA STOLZE
http://www.imdb.com/title/tt0084897/


แหะ แหะ ถ้าเทียบกับ RAY (A-), FINDING NEVERLAND (A) และ THE AVIATOR (A+) แล้ว ดิฉันก็ชอบ MILLION DOLLAR BABY (A+) มากที่สุดค่ะ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความดีไม่ดีของหนังค่ะ แต่เป็นเพราะรู้สึกอินกับเรื่องนี้มากที่สุด

อย่างไรก็ดี ใน MILLION DOLLAR BABY ก็มีส่วนที่ดิฉันไม่ชอบอย่างรุนแรงอยู่เหมือนกันค่ะ นั่นก็คือส่วนของตัวละครหนุ่มน้อย DANGER BARCH (JAY BARUCHEL) ตัวละครตัวนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกแย่กับหนังเรื่องนี้ ถ้าตัดตัวละครตัวนี้ออกไปจากเรื่องได้ ดิฉันจะชอบหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงมาก (หรือไม่ก็เปลี่ยนบทสรุปของตัวละครตัวนี้ใหม่ให้แตกต่างไปจากเดิมให้มากที่สุด)

ส่วนที่ชอบที่สุดใน MILLION DOLLAR BABY ก็คือส่วนแม่กับน้องสาวของนางเอกค่ะ เพราะมันเหมือนกับคนบางคนที่รู้จักอย่างมากๆ ก็เลยทำให้รู้สึกอินกับจุดนี้อย่างสุดๆ ตัวละครแม่กับน้องสาวนางเอกใน MILLION DOLLAR BABY คือตัวละครที่ทำให้รู้สึกว่า “นี่มันคนจริงๆที่เรารู้จักมักคุ้นนี่นา” ถ้าหากไม่มีตัวละครสองตัวนี้อยู่ในหนัง ความรู้สึกอินของดิฉันที่มีต่อ MILLION DOLLAR BABY จะลดฮวบลงไปอย่างรุนแรง

ละครเวทีที่ได้ดู
ตึกแดง (A+/A)

วันนี้ได้ดูหนังจีนหลายเรื่องที่สมาคมฝรั่งเศสค่ะ และมีอยู่สองเรื่องที่รู้สึกอยากเข้าไปกำกับซะเอง เพราะมันเป็นหนังที่ถ้าพลิกนิดนึง มันจะกลายเป็นหนังโฮโมอีโรติกอย่างรุนแรง

เรื่องแรกคือ A SUNNY DAY (2003, KAN XUAN, B+) ค่ะ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องนี้เป็นชายวัยกลางคนร่างท้วมสองคนเล่นจั๊กกะจี้กันกลางทางเดินท่ามกลางแสงแดดสดใส ทั้งสองคนปล้ำจี้เอวกันไปกันมา หกล้มหกลุก ไม่ทำอะไรกันอีกแล้วนอกจากพยายามจั๊กจี้อีกฝ่ายหนึ่ง หนังเรื่องนี้น่ารักมากๆๆๆ แต่ถ้าเพิ่มความโฮโมอีโรติกเข้าไป ก็คงจะดีไม่น้อย

ส่วนอีกเรื่องคือ HISTORY OF CHEMISTRY (2004, LU CHUNSHENG, A) ค่ะ ซึ่งดิฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าดิฉันเข้าใจเนื้อเรื่องผิดพลาดหรือเปล่า แต่ตามความเข้าใจของดิฉัน หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับกลาสีเรือหนุ่ม 4 คนที่เดินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ ผ่านทุ่งหญ้า, ภูมิประเทศแห้งแล้ง, เมืองร้างๆ, โรงงานอุตสาหกรรม หนังมีประเด็นอะไรบางอย่างแทรกเข้ามา แต่ดิฉันก็ไม่เข้าใจสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อสักเท่าไหร่

กลาสีหนุ่มบางคนก็หน้าตาไม่ดีค่ะ แต่บางคนก็หน้าตาดีและรูปร่างใช้ได้ ดูพวกเขาเดินกันไปเดินกันมา ดูแสงแดดลามเลียผิวหนังของพวกเขา ดูใบไม้ใบหญ้าขีดข่วนตัวพวกเขา ดูแล้วทำให้รู้สึกอยากเข้าไปกำกับดูแลกลาสีหนุ่มๆเหล่านี้มากๆ เฮ้อ เสียดายจังที่หนังไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการ นี่ถ้าเพียงแต่กลาสีหนุ่มๆพวกนี้ถอดเสื้อเดินตลอดทั้งเรื่อง คะแนนของหนังเรื่องนี้จะเพิ่มจาก A ขึ้นมาเป็น A+ ในทันที

ผลรางวัลหมีทองคำออกมาแล้ว ดูได้ที่นี่ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=14917

ในเทศกาลหนังเบอร์ลินปีนี้ มีหนังเรื่อง CHANGING TIMES ของ ANDRE TECHINE ฉายด้วยค่ะ และหนังเรื่องนี้ก็มีตัวละครประกอบเป็นเกย์ (ในหนังเรื่อง LOIN ของอังเดร เตชิเน ก็มีตัวละครประกอบเป็นเกย์เหมือนกัน) โดยตัวละครตัวนั้นคือลูกชายของนางเอก (แคเธอรีน เดอเนิฟ)

CHANGING TIMES มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงวัย 60 กว่าปีที่ใช้ชีวิตอยู่กับสามีและลูก เธอพอใจกับชีวิตของตัวเอง แต่ผู้ชายคนหนึ่งที่เคยรักเธอเมื่อ 40 ปีก่อน (เจอราร์ด เดอปาร์ดิเออ) พยายามตามตื๊อเธอเพื่อให้เธอกลับมารักเขาอีกครั้ง

นักวิจารณ์ใน FILM COMMENT ตั้งข้อสังเกตว่า CHANGING TIMES เหมือนกับเป็นการสรุปส่วนต่างๆจากหนังหลายเรื่องของเตชิเนมารวมไว้ในเรื่องนี้ ซึ่งได้แก่

1.ส่วนของตัวละครเกย์ จากหนังเรื่อง I DON’T KISS (1991)
2.ส่วนของคู่รักจากหนังเรื่อง HOTEL AMERICA (1981)
3.ส่วนของครอบครัว จากหนังเรื่อง MY FAVORITE SEASON (1993) และ THIEVES (1996)
4.ส่วนของแอฟริกาเหนือ จากหนังเรื่อง LOIN (2001, A)

นอกจากนี้ CHANGING TIMES ยังเป็นการนำหนังเมโลดรามาของดักลาส เซิร์คมาดัดแปลงใหม่อีกด้วย

หนังอีกเรื่องที่ฉายในเบอร์ลินปีนี้ และมีตัวละครประกอบเป็นเกย์ ก็คือหนังฝรั่งเศสเรื่อง MARISCOS BEACH ที่กำกับโดยเกย์สองคนที่เคยกำกับหนังดีๆมาแล้วหลายเรื่อง นั่นก็คือ OLIVIER DUCASTEL กับ JACQUES MARTINEAU (THE ADVENTURES OF FELIX + MY LIFE ON ICE) โดยเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่ไปพักผ่อนฤดูร้อน โดยที่ทั้งพ่อ, แม่, ลูกชาย, ลูกสาว ต่างก็มีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับสัมพันธ์รักของตัวเอง โดยลูกชายของครอบครัวนี้มีเพื่อนสนิทเป็นเกย์ และก็เลยทำให้พ่อกับแม่เข้าใจไปว่าลูกชายของตัวเองก็เป็นเกย์ด้วยเหมือนกัน
http://2005.indiewire.com/ipop/archives/000215.html

หนังเกย์อีกเรื่องที่ดารานำน่าดึงดูดอย่างสุดๆ ก็คือ TRANSAMERICA (2005, DUNCAN TUCKER) ค่ะ เพราะดารานำของเรื่องนี้คือ KEVIN ZEGERS ยามหนุ่มสุดหล่อประจำห้างสรรพสินค้าใน Dawn of the Dead

TRANSAMERICA มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งค้นพบความจริงว่า สมัยที่เธอเคยเป็นผู้ชายนั้น เธอได้ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง (Kevin Zegers) และขณะนี้ลูกชายของเธอซึ่งเป็นวัยรุ่นก็หนีออกจากบ้านไปอยู่นิวยอร์ค
http://www.imdb.com/title/tt0407265/
http://www.staroasis.com/gallery/album138

Saturday, February 19, 2005

PAMELA, POUR TOUJOURS (A+++++++)

ชอบเว็บไซท์หนัง Forest Grove (A) มากค่ะ

ไม่รู้มีคนชอบเว็บไซท์ http://www.forestgroveestates.com/ บ้างหรือเปล่า เป็นเว็บไซท์แนะนำหมู่บ้านจัดสรร Forest Grove ค่ะ แต่หมู่บ้านจัดสรรนี้ไม่มีอยู่จริง เพราะจุดประสงค์ของเว็บไซท์นี้ คือการพาเราไปดูหนังสั้น CHARLIE’S STORY ค่ะ

พอเราคลิกเข้าไปในเว็บไซท์นี้แล้ว เขาจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับอะไรต่างๆนานาในหมู่บ้านให้เราอ่าน ซึ่งเราไม่ต้องอ่านก็ได้ และเขาจะมีหนังเรื่อง CHARLIE’S STORY ให้เราดู โดยเราจะต้องเสียเวลาในการดาวน์โหลดเป็นตอนๆ ตอนนึงใช้เวลาดาวน์โหลดประมาณ 1 นาที เป็นหนังสั้นที่น่ารักมากค่ะ

หนังสั้นเรื่องนี้เป็นเหมือนสไลด์ภาพนิ่งของตุ๊กตามาเรียงต่อๆกัน โดยมีเสียงบรรยายและเสียงสนทนาให้เราฟังไปด้วย เนื้อหาของเรื่องนี้เกี่ยวกับเด็กหนุ่มชื่อชาร์ลีที่แวะไปว่ายน้ำตามบ้านต่างๆของคนในหมู่บ้าน

หนังสั้นเรื่องนี้กำกับโดย MAYA CHURI ค่ะ

ขอให้เพลิดเพลินกับหนุ่มน้อยชาร์ลีและหมู่บ้านจัดสรร FOREST GROVE นะคะ

กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด

เพิ่งรู้ค่ะว่ามีหนังเกย์ของ GUY MADDIN ให้ดูฟรีทางเน็ทด้วย เป็นหนังสั้นเรื่อง SISSY BOY SLAP PARTY ค่ะ ดูได้ที่

http://pv.ifcfilms.com/?CAT0=3127&CAT1=5326&SHID=21403&VID=3903&CLR=red&BCLR=


ในช่อง SELECT FORMAT/CONNECTION ดิฉันเลือก Windows Media/Dial-Up ค่ะ แล้วก็คลิกที่ PLAY VIDEO แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ของคนอื่นอาจต้องเลือกระบบอื่น

ดีวีดีหนังเกย์ฆาตกรโรคจิตเรื่อง SWOON มีขายที่จตุจักรแล้วค่ะ หนังเรื่องนี้สร้างจากคดีฉาวที่เคยเกิดขึ้นจริง และคดีนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้ฮิทช์ค็อกสร้างหนังเรื่อง ROPE และบาร์เบท ชโรเดอร์สร้างหนังเรื่อง MURDER BY NUMBERS (A-/B+) ในเวลาต่อมา

ถ้าเข้าใจไม่ผิด HIAM ABBASS ที่รับบทเป็นแม่เจ้าสาวใน THE SYRIAN BRIDE มีผลงานใหม่ออกมาแล้วค่ะ นั่นก็คือหนังเรื่อง PARADISE NOW ที่กำกับโดย HANY ABU-ASSAD และเข้าชิงรางวัลหมีทองคำในเทศกาลเบอร์ลินปีนี้

PARADISE NOW มีเนื้อหาเกี่ยวกับหนุ่มปาเลสไตน์สองคนที่ทำงานเป็นมือระเบิดพลีชีพค่ะ โดย HIAM ABBASS รับบทเป็นแม่ของหนึ่งในสองคนนี้ นอกจากนี้ LUBNA AZABAL นางเอกหนังเรื่อง EXILS (A+) กับ LOIN (A) ก็มาเล่นหนังเรื่องนี้ด้วย
http://www.hollywoodreporter.com/thr/reviews/review_display.jsp?vnu_content_id=1000799842

อยากดู PARADISE NOW มากๆค่ะ เพราะชอบทั้ง HIAM ABBASS, LUBNA AZABAL และ HANY ABU-ASSAD (เขาเคยกำกับหนังสารคดีเรื่อง FORD TRANSIT)

ส่วนความเห็นของดิฉันที่มีต่อ ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU สามารถอ่านได้ที่นี่ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=14486

ยังไม่ได้ดู MANDRAGORA กับ HAPPINESS เลยค่ะ อยากรู้จังว่าถ้าหาก TODD SOLONDZ เป็นคนกำกับหนังเรื่อง FINDING NEVERLAND หนังจะออกมาเป็นยังไง

พูดถึงวงการหนังโป๊เกย์ ตอนนี้มีหนังเรื่องนึงที่น่าดูมากค่ะ นั่นก็คือหนังสารคดีเรื่อง CYCLES OF PORN: SEX/LIFE IN L.A., PART 2 ที่กำกับโดย JOCHEN HICK และเปิดฉายในเทศกาลเบอร์ลินปีนี้ หนังสารคดีเรื่องนี้ติดตามถ่ายทำชีวิตของดาราหนังโป๊เกย์รุ่นใหม่กับรุ่นเก่าค่ะ โดยแสดงให้เห็นว่าดาราหนังโป๊เกย์รุ่นใหม่หลายคน หันมาเล่นหนังโป๊เพื่อความสนุกและความมันส์ ไม่ใช่เพราะเงิน เพราะพวกเขาได้รับค่าตอบแทนน้อยมาก ส่วนดาราหนังโป๊เกย์รุ่นเก่าที่แขวนอวัยวะเพศไปแล้ว ก็หันไปประกอบอาชีพอื่นๆ บางคนก็ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ และบางคนก็ทำงานเป็นพนักงานร้านเช่าวิดีโอ

รู้สึกว่าวิดีโอหนังบางเรื่องของ JOCHEN HICK เคยมีเข้ามาขายในกรุงเทพด้วยค่ะ ดีวีดีหนังหลายเรื่องของผู้กำกับคนนี้มีขายที่สหรัฐด้วย ผู้กำกับคนนี้คงถือเป็นผู้กำกับชั้นแนวหน้าคนหนึ่งในวงการหนังเกย์

เทศกาลหนังเบอร์ลินคงเป็นเทศกาลที่ให้ความสำคัญกับหนังเกย์อย่างรุนแรง ถึงได้มีการแจกรางวัลเท็ดดี้ให้กับหนังเกย์กันทุกปี อยากรู้จังเลยว่าปีนี้รางวัลเท็ดดี้จะตกเป็นของหนังเรื่องใด

หนังเกย์บางเรื่องที่ฉายในเบอร์ลินปีนี้

1.GEORGE MICHAEL: A DIFFERENT LIFE หนังสัมภาษณ์จอร์จ ไมเคิล โดยมีฉากเอลตัน จอห์นเหน็บแนมจอร์จ ไมเคิลในหนังด้วย

2.BASED ON A TRUE STORY หนังสารคดีเกี่ยวกับชีวิตของเกย์คนหนึ่งที่เคยปล้นธนาคารเพื่อเอาเงินไปให้แฟนของเขาผ่าตัดแปลงเพศ โดยชีวิตของชายผู้นี้เคยเป็นแรงบันดาลใจให้มีการสร้างหนังเกย์เรื่อง DOG DAY AFTERNOON (1975) มาแล้ว (โดยมีอัล ปาชิโนรับบทเป็นเกย์ในเรื่อง)

3.HEROES AND GAY NAZIS กำกับโดย ROSA VON PRAUNHEIM ที่เคยมีหนัง 3 เรื่องมาฉายในกรุงเทพในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา (EINSTEIN OF SEX, QUEENS DON’T CRY, A VIRUS KNOWS NO MORALS) หนังเรื่องนี้พูดถึงเกย์ที่เป็นนีโอ-นาซี (พวกนี้เสียชาติเกิดจริงๆ เกิดมาเป็นเกย์ทั้งที แทนที่จะทำตัวดีๆ กลับทำตัวเลวๆ นาซีเคยฆ่าเกย์ตายไปตั้งมากมายในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง พวกนี้กลับไม่สำนึก)

4.A LIFE IN VAIN – WALTER SCHWARZE กำกับโดย ROSA VON PRAUNHEIM อีกเช่นกัน (ตอนหนุ่มๆ โรซ่านี่หน้าตาดีเหมือนกันนะ) แต่หนังสั้นเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกย์ที่เคยถูกนาซีจับกคุมขังในช่วงสงครามโลก

เห็นตัวละครใน MILLION DOLLAR BABY (A+) ชอบกลอน THE LAKE ISLE OF INNISFREE ของ WILLIAM BUTLER YEATS (1865-1939)

อ่านประวัติของยีทส์ได้ที่
http://www.gale.com/free_resources/poets/bio/yeats_w.htm
อ่านกลอนบทอื่นๆของยีทส์ได้ที่
http://www.online-literature.com/yeats/


หนังที่ได้ดูในช่วง 6 วันที่ผ่านมา
1.PAMELA, POUR TOUJOURS (ALAIN BOURGES) A+
2.LOVE STREAMS (JOHN CASSAVETES) A+
3.MILLION DOLLAR BABY (CLINT EASTWOOD) A+
4.WATERPROOF (1986, JEAN-LOUIS LE TACON) A+
5.MIROIRS (JEAN-BAPTISTE MATTHIEU) A
6.MELO (ALAIN RESNAIS) A
7.ORIGEN DESCONOCIDO (NOEMI SJOBERG) A
8.CAPTIVE 2 (NORBERT CORSINO + NICOLE CORSINO) A/A-
http://hk.bcmagazine.net/cgi-bin/output.cgi?issue=160&&id=29
9.AL QUAHIRA (2003, NOEMI SJOBERG) A-
10.TOKYO (2004, NOEMI SJOBERG) A-
11.MINNIE AND MOSKOWITZ (JOHN CASSAVETES) A-/B+
12.THE DOLL MASTER (KI JEONG-YONG) B
http://www.hancinema.net/korean_movie_Doll_Master.php
13.ARABESQUE (MOUNIR FATMI) B
14.LA TRINITE (JEAN-PAUL FARGIER) B

เมื่อวานนี้ไปร้านคิโนะคุนิยะสาขาเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เห็น FILM COMMENT เล่มเดือนม.ค.-ก.พ.ปี 2005 กับ FILMMAKER เล่มไตรมาสแรกปี 2005 วางขายอยู่ด้วยค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่า FILM COMMENT จะหมดไปแล้วหรือยัง

ดูสารบัญของนิตยสาร FILMMAKER ได้ที่ข้างล่างนี้ค่ะ มีหลายคอลัมน์ที่เราสามารถคลิกอ่านฟรีๆได้เลย ซึ่งรวมถึงบทสัมภาษณ์หวานใจของดิฉัน JONATHAN NOSSITER ด้วย
http://www.filmmakermagazine.com/winter2005/index.php

ส่วน FILMCOMMENT เล่มใหม่ มีบทความเกี่ยวกับ OTAR IOSSELLIANI ด้วยค่ะ (กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด) และมีบทความยาว 5 หน้าเกี่ยวกับหนังเรื่อง THE WHITE ROSE (1967, BRUCE CONNER, A-) ที่เพิ่งมาฉายที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อราวหนึ่งปีที่แล้วด้วย
http://filmlinc.com/fcm/fcm.htm

ที่สมาคมฝรั่งเศส ถ.สาทรใต้ จะมีฉายหนังสั้นของไทยราวๆ 14.00 น.ในวันเสาร์ที่ 19 ก.พ.ค่ะ และจะมีฉายหนังสั้นของจีนราวๆ 17.00 น. ในวันเดียวกัน

Wednesday, February 16, 2005

PLEASE LOOK NOW, I'M GONNA JUMP

--เรื่อง LORD OF THE FLIES ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่ามีใครแปลเป็นภาษาไทยบ้างแล้วยัง แต่รู้สึกว่าภาษาอังกฤษของเรื่องนี้อ่านไม่ยากค่ะ เพราะไม่ได้เน้นการใช้คำสละสลวยแต่อย่างใด จะเน้นการเล่าเรื่องตรงๆมากกว่า ไม่ค่อยมีพรรณนาโวหารแบบที่ต้องเปิดดิคชันนารีกันมือหงิก

--นักวิจารณ์คนนึงบอกว่า ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU คือหนังที่มอบ “จิตวิญญาณ” ให้กับ “เด็กรุ่น MTV” พอดิฉันอ่านตรงนี้แล้วมาดูปฏิกิริยาของคุณ merveillesxx ก็รู้สึกว่านักวิจารณ์เขาคงพูดถูกจริงๆ หนังเรื่องอื่นๆก่อนหน้านี้อาจจะถ่ายทอดหัวใจของเด็กรุ่น MTV ได้ไม่ถึงขั้นนี้

หลังจากนั้นดิฉันก็มานั่งคิดว่าตัวเองเป็นคนรุ่นอะไร เพราะกว่าที่ดิฉันจะได้ดูเคเบิลทีวีเป็นครั้งแรกในชีวิต (ประมาณปี 1992) ดิฉันก็เข้ามหาลัยไปนานแล้ว แล้วก็เลยได้ข้อสรุปว่าดิฉันคงเป็น “เด็กรุ่นศุกร์ 13” เพราะกิจกรรมที่มักทำกับเพื่อนๆในวัยเด็ก คือการเล่นเกมฆาตกรโรคจิต ซึ่งจริงๆก็คือเกมวิ่งไล่จับกันนี่แหละ แต่มักจะสมมุติว่าคนไล่จับคือฆาตกรโรคจิต รู้สึกมีความสุขมากที่ได้วิ่งกรี๊ดๆไล่จับกันไปตามโรงเรียนและในห้างมาบุญครองในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 1980

พอโตขึ้นมา หนังที่ทำให้รู้สึกว่าอินอย่างสุดขีด ก็คือ SCREAM (A+) ก็เลยสรุปได้ว่าตัวเองคงเป็น “เด็กรุ่นศุกร์ 13” จริงๆน่ะแหละ

ส่วนเพื่อนดิฉันที่มีอายุอ่อนกว่าดิฉันประมาณ 3 ปี เรียกตัวเองว่าเป็น “เด็กรุ่นสโมสรผึ้งน้อย”

--ยังไม่เคยอ่านวินทร์กับมูราคามิเลยค่ะ


--บุคคลที่มีอิทธิพลกับชีวิตอย่างรุนแรง

อลิศรา ศิริชุมแสง กับดีเจป๊อป ที่เคยจัดรายการวิทยุเพลงแดนซ์ทางช่อง 88FM ในปี 1988-1989 หลังจากฟังรายการนั้นไปแล้ว ก็เลยหลงใหลในเพลงแดนซ์ และจนถึงบัดนี้ก็ยังเอาเทปที่อัดไว้ในปี 1989 มานั่งฟังอยู่เสมอๆ (แต่เลิกติดตามเพลงใหม่ๆไปประมาณ 10 ปีแล้ว)

--ไม่ได้ฟังเพลงญี่ปุ่นมานานประมาณ 10 ปีแล้วค่ะ แล้วก็ไม่ได้เป็นแฟนเพลงแนว X JAPAN ด้วย เคยฟังแต่เพลงแนวโง่ๆไร้สติคิกขุน่ารักอยู่พักนึงในช่วงปี 1989

--พูดถึงการฆ่าตัวตาย ดิฉันมักจะนึกถึงรุ่นน้องผู้หญิงบางคนที่โรงเรียนอยู่เสมอ ในบางครั้งพวกเธอชอบทำทีว่าจะฆ่าตัวตาย แต่จริงๆแล้วพวกเธอไม่ได้จะฆ่าตัวตายจริงๆ พวกเธอทำเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้น

มีอยู่คนนึงตอนม.1 เอาคัตเตอร์มาแล้วทำประกาศกับเพื่อนๆว่าจะกรีดข้อมือ เพื่อนๆก็ฮือฮาฮือฮามามุงดูกันใหญ่ เธอก็ไม่กรีดข้อมือสักที แต่ทำเรียกร้องความสนใจให้คนมามุงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งครูสอนภาษาอังกฤษคนนึงโผล่เข้ามาห้ามปราม บอกว่า “อย่าค่ะ อย่าค่ะ” เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เลยชูคัตเตอร์ใส่หน้าคุณครู แล้วบอกว่า “เดี๋ยว ku จะกรีด meung” คุณครูคนนั้นก็เลย fade away ไปในทันที (เหตุการณ์นั้นก็จบลงโดยไม่มีการกรีดอะไรทั้งสิ้น แต่รู้สึกฮากับคุณครูคนนี้มาก เธอทำเป็นว่าจะไปห้ามคนอื่นกรีดข้อมือ แต่กลายเป็นว่าเธอจะโดนกรีดซะเอง)

เด็กผู้หญิงอีกคนนึง จำไม่ได้ว่าเหตุการณ์ตอนนั้นเกิดขึ้นตอนที่เธออยู่ม.2 หรือม.3 แต่จำได้ว่าเธอจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึก แต่เธอจงใจกระโดดจากชั้นสอง (แล้วเธอจะตายมั้ยเนี่ย) มาที่สนามฟุตบอลที่มีรุ่นพี่ผู้ชายชั้นม.3 เล่นฟุตบอลกันอยู่ สิ่งที่ดิฉันประทับใจมากๆกับพฤติกรรมของเธอ ก็คือ เมื่อเธอกระโดดจากชั้นสองลงมาแล้ว ปรากฏว่ารุ่นพี่หนุ่มๆชั้นม. 3 ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าเธอกระโดดตึกลงมา พวกเขายังคงเล่นฟุตบอลกันต่อไป ยัยเด็กผู้หญิงคนนี้ ก็เลยวิ่งกลับขึ้นไปชั้นสอง ไปกระโดดตึกลงมาอีกรอบจนกว่ารุ่นพี่หนุ่มๆจะเห็นว่าเธอกระโดดตึก

เหตุการณ์สองเหตุการณ์ข้างต้นเป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมาในโรงเรียนค่ะ ดิฉันก็ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่เป็น school legend ที่ประทับใจไม่รู้ลืม


--ชอบหนังเรื่อง GUMMO เหมือนกันค่ะ เคยดูรอบนึงที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ แต่จำรายละเอียดในหนังไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าชอบสามสาวที่ตามหาแมวอย่างบ้าคลั่ง, ชอบสาวอ้วนที่อยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์ และก็ชอบฉากนึงที่ตัวละครมาทุบทำลายข้าวของกัน

--ชอบปกเทปของซูซานน์ เวก้ามากค่ะ รู้สึกว่าเธอพิถีพิถันมากๆในเรื่องการออกแบบปกเทปของตัวเอง

--เพลงที่ชอบมากๆของซูซานน์ เวก้า รวมถึงเพลง

1.TIRED OF SLEEPING
2.IN LIVERPOOL
3.WHEN HEROES GO DOWN
4.THOSE WHOLE GIRLS (RUN IN GRACE)
5.BOOK OF DREAMS
6.BAD WISDOM


หนังของจูลี่ คริสตี้ที่เคยดู ไม่รวม FINDING NEVERLAND

1.DON’T LOOK NOW (1973, NICOLAS ROEG, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0069995/
2.HAMLET (1996, KENNETH BRANAGH, A)
3.DOCTOR ZHIVAGO (1965, DAVID LEAN, A-) ดูตอนเด็กๆ จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว
http://www.imdb.com/title/tt0059113/
4.HARRY POTTER AND THE PRISONER OF AZKABAN (B+)
5.DADAH IS DEATH (1988, JERRY LONDON, B+)
6.TROY (B)
7.SHAMPOO (1975, HAL ASHBY, B) ดูเป็นวิดีโอลิขสิทธิ์เมื่อนานมาแล้ว จำอะไรไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่
http://www.imdb.com/title/tt0073692/
8.DRAGONHEART (1996, ROB COHEN, B-)

ถ้าใครอยากดูรูป JULIE NEWMAR ดูได้ที่ข้างล่างนี้ค่ะ
http://www.briansdriveintheater.com/julienewmar.html

Tuesday, February 15, 2005

MELO (A)

ถ้าจำไม่ผิด ซื้อวีซีดี EVERYTHING PUT TOGETHER มาเมื่อราว 2 ปีก่อน จากร้านแมงป่องที่อยู่ตรงปากซอยงามดูพลี ถ.พระราม 4 ค่ะ (สถาบันเกอเธ่อยู่ในซอยนี้) มันจะอยู่ในกระบะที่ลดราคาเหลือแผ่นละ 29บาท แต่เข้าใจว่าที่ร้านนี้อาจไม่มีเหลืออยู่แล้ว เพราะดิฉันซื้อมานานราว 2 ปีแล้ว

ชอบที่คุณเต้เขียนถึง RADHA MITCHELL ในอีกกระทู้นึงด้วยค่ะ ทำให้รู้สึกว่าเธอนี่แหละคือ “สิ่งที่ค้นพบ” ในหนังเรื่องนี้ เพราะเดปป์, วินสเล็ท, จูลี่ คริสตี้ และมาร์ค ฟอร์สเตอร์ เป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว แต่ RADHA ผลุบๆโผล่ๆอยู่ในหนังหลายเรื่องมานานหลายปี แต่ไม่ค่อยจะได้มีโอกาสฉายแสงของตัวเองอย่างจริงๆจังๆสักที

ผลงานของ RADHA MITCHELL ที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบของหนัง (ถึงแม้ดิฉันจะไม่ค่อยชอบหนังบางเรื่องที่เธอเล่น แต่เธอก็เล่นในส่วนของตัวเองได้ดี ถึงแม้ไปอยู่ท่ามกลางองค์ประกอบที่ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่)
http://www.imdb.com/name/nm0593664/

1.TEN TINY LOVE STORIES (2001, RODRIGO GARCIA) A+

2.FINDING NEVERLAND (2004) A

3.CLEOPATRA’S SECOND HUSBAND (1998, JON REISS) A
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่อนุญาตให้หนุ่มหล่อคนนึง (Boyd Kestner) มาเฝ้าบ้านให้เขาขณะที่เขาไปเที่ยวนานหลายวัน แต่เมื่อเขากลับจากไปเที่ยว หนุ่มหล่อคนนี้กลับปฏิเสธที่จะออกจากบ้านไป พระเอกต้องทนอยู่ในบ้านกับหนุ่มหล่อคนนี้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดหนุ่มหล่อคนนี้ก็ข่มขืนพระเอก
http://movie-reviews.colossus.net/movies/c/cleopatras.html

4.PHONE BOOTH (2002, JOEL SCHUMACHER) A-/B+

5.MAN ON FIRE (2004) B-


หนังเรื่องนึงที่นึกถึงขณะที่ดู FINDING NEVERLAND ก็คือ TOPSY-TURVY (1999, MIKE LEIGHT, A+) ค่ะ ซึ่งในแง่ของธีมนั้นหนังสองเรื่องนี้อาจจะไม่เกี่ยวกันเลย แต่เกี่ยวกันแค่ในแง่ของ “ฉากหลัง” เท่านั้นเอง เพราะ TOPSY-TURVY พูดถึงวงการละครเวทีของอังกฤษในช่วงปี 1884 (ก่อนที่จะเกิด PETER PAN ราว 20 ปี) และเริ่มเรื่องด้วยความล้มเหลวของกิลเบิร์ตและซุลลิแวนกับละครเวทีเรื่อง PRINCESS IDA ก่อนที่จะแสดงให้เห็นถึงปัญหาของทั้งสองในการคิดหาละครเวทีเรื่องใหม่, แรงบันดาลใจอันนำไปสู่ละครเวทีเรื่องใหม่, ปัญหาชีวิตของทั้งสอง และจบลงด้วยความสำเร็จของกิลเบิร์ตและซุลลิแวนกับละครเวทีเรื่อง THE MIKADO
http://www.bfi.org.uk/sightandsound/reviews/details.php?id=565&body=synopsis

หนังไตรภาคละครเวทีอังกฤษ 3 ยุคสมัย
1.TOPSY-TURVY ละครเวทีอังกฤษทศวรรษ 1880
2.FINDING NEVERLAND ละครเวทีอังกฤษทศวรรษ 1900
3.BEING JULIA ละครเวทีอังกฤษทศวรรษ 1930

หนังอีกเรื่องนึงที่นึกถึงขณะที่ดู FINDING NEVERLAND ก็คือ KARL MAY (1974, HANS-JURGEN SYBERBERG, A++++++) ที่สร้างจากเรื่องจริงของนักประพันธ์ผู้หนึ่งที่ชอบจินตนาการถึงโลกอินเดียนแดงในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 หนังเรื่องนี้มีส่วนผสมของ “โลกแฟนตาซี” ของนักประพันธ์ในระดับที่น่าสนใจไม่แพ้ FINDING NEVERLAND แต่จุดที่แตกต่างกันก็คือชีวิตของคาร์ล ไม ในหนังเรื่องนี้ถูกแวดล้อมไปด้วยศัตรูผู้ไม่หวังดีและคนที่ไม่เป็นมิตรมากมาย ในขณะที่ชีวิตของแบร์รีใน FINDING NEVERLAND ดูน่าอภิรมย์กว่ามาก
http://www.imdb.com/title/tt0071713/

ดูหนังเรื่อง FINDING NEVERLAND แล้วก็นึกถึงเพลง FANTASY ของวง BLACKBOX ในปี 1990 ด้วยเหมือนกัน (รู้สึกจะมาจากเพลงเก่าของ EARTH, WIND & FIRE)


อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ L’ESQUIVE ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.lff.org.uk/films_details.php?FilmID=450

ขอสารภาพตามตรงว่าไม่ค่อยชอบ BLAME IT ON VOLTAIRE (2000, B-) หนังก่อนหน้านี้ของ ABDELLATIF KECHICHE สักเท่าไหร่ ชอบช่วงครึ่งแรกของหนังในระดับประมาณ A- แต่ชอบช่วงครึ่งหลังของหนัง (ช่วงที่ ELODIE BOUCHEZ เป็นบ้า) ในระดับประมาณ C+ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า L’ESQUIVE จะออกมาคล้ายช่วงครึ่งแรกหรือครึ่งหลังของ BLAME IT ON VOLTAIRE หรืออาจจะไม่เหมือนกันก็ได้


ดีวีดีของ RIVETTE กับ BERGMAN ไม่รู้มีที่จตุจักรหรือเปล่า เรื่องสถานที่ซื้อดีวีดี ดิฉันไม่ค่อยมีความรู้ค่ะ แต่รู้ว่าดีวีดีหนังของเบิร์กแมนมีออกมาเยอะมากๆๆๆๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BERGMAN ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=13192

หนังที่กำกับโดยอิงมาร์ เบิร์กแมนที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบ
1.THE SILENCE (1963, A+)
หนังเรื่องนี้ให้อารมณ์เหงาๆได้อย่างจับจิตจับใจมาก หนังมีประเด็นเลสเบียน และ INCEST สอดแทรกเข้ามาด้วย และน่าจะเป็นแรงบันดาลใจหนึ่งต่อ CHRISTOPHER MUNCH ในการสร้างหนังเกย์เรื่อง THE HOURS AND TIMES (1991, A++++++++) ซึ่งสะท้อนอารมณ์เหงาได้อย่างสุดยอดเช่นกัน

สรุปว่า THE SILENCE และ THE HOURS AND TIMES ติดอันดับทำเนียบ “หนังเหงา” ตลอดกาลในใจดิฉันค่ะ
2.PERSONA (1966, A+)
3.CRIES AND WHISPERS (1972, A+)
ตัวละครผู้หญิงในเรื่องนี้ถ่ายทอดอารมณ์ทุกข์ทรมานออกมาได้อย่างรุนแรงดี และการใช้สีในเรื่องก็น่าติดตามาก

4.THE SEVENTH SEAL (1957, A+) ช่วงที่ติดใจมากในเรื่องนี้คือช่วงที่กลุ่มตัวละครในเรื่องไปเจอกับผู้หญิงที่กำลังจะโดนประหารชีวิต หนังเรื่องนี้ได้รับการพาดพิงถึงใน LAST ACTION HERO (1993, JOHN MACTIERNAN, A-/B+) ด้วย

5.THE VIRGIN SPRING (1960, A+)
ควรดูหนังเรื่องนี้ควบกับ THE LAST HOUSE ON THE LEFT (1972, WES CRAVEN, A) และ TORTURE TRAIN (1975, ALDO LADO) ค่ะ

ดูข้อมูลเกี่ยวกับ TORTURE TRAIN ได้ที่
http://www.imdb.com/title/tt0073836/
ชอบคำโปรยของหนังเรื่อง TORTURE TRAIN มากค่ะ ที่ว่า
Most movies last less than two hours! This is one of everlasting torment!
http://www.imdb.com/title/tt0073836/taglines
6.AUTUMN SONATA (1978, A+)
หนังพูดถึงความสัมพันธ์แบบรักเกลียดทุกข์ทรทานระหว่างแม่กับลูกสาว หนังให้อารมณ์ใกล้เคียง CRIES AND WHISPERS
7.WINTER LIGHT (1963, A+)
หนังเรื่องนี้มีประเด็นทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และมีเนื้อหาบางจุดพาดพิงถึงความกลัวสงครามนิวเคลียร์ล้างโลกด้วยเหมือนกัน อย่างไรก็ดี นี่คือหนังที่ดูง่ายมากๆหากเทียบกับอีกเรื่องนึงที่เกี่ยวข้องกับความหวาดผวาสงครามนิวเคลียร์เหมือนกัน นั่นก็คือเรื่อง THE SACRIFICE (ANDREI TARKOVSKY)
8.THROUGH A GLASS DARKLY (1961, A/A-) 9.AFTER THE REHEARSAL (1984, A-)

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหนังของอิงมาร์ เบิร์กแมนเป็นภาษาอังกฤษได้ที่
http://www.filmref.com/directors/dirpages/bergman.html


JACQUES RIVETTE
หนังของรีแวทท์ที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบ

1.CELINE AND JULIE GO BOATING (1974) A+
หนึ่งในหนังที่ดิฉันชอบมากที่สุดในชีวิต แต่รู้สึกว่ายังไม่มีดีวีดีขาย

2.UP, DOWN, FRAGILE (1995) A+
หนึ่งในหนังเพลงที่ดิฉันชอบมากที่สุดในชีวิต แต่รู้สึกว่ายังไม่มีดีวีดีขายเช่นกัน

3.GANG OF FOUR (1988) A+
เรื่องของสาวๆฝรั่งเศสที่ต้องการเอาดีในทางละครเวที แต่พวกเธอก็เข้าไปพัวพันกับปริศนาลับบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ หนังเรื่องนี้เคยมีวีดีโอขายที่จตุจักร แต่ไม่รู้ว่ามีดีวีดีออกมาแล้วยัง ชอบ BULLE OGIER ในเรื่องนี้

4.LA BELLE NOISEUSE (1991) A+
หนังเรื่องนี้น่าจะหาซื้อได้ง่ายมาก และมีทั้งเวอร์ชัน 2 ชม.กับเวอร์ชัน 4 ชม. ดิฉันเคยดูแต่แบบ 4 ชั่วโมงค่ะ หนังเล่าเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างจิตรกร, ภรรยาจิตรกร, นางแบบ และตัวละครอื่นๆที่รายล้อมคนสามคนนี้ หนังมีฉากการวาดภาพที่นานมาก แต่ดูแล้วเพลินดี ชอบบรรยากาศชนบทฝรั่งเศสในหนังเรื่องนี้มากๆ มันน่าอยู่มากๆ (บรรยากาศชนบทฝรั่งเศสแบบนี้พบได้ในหนังหลายๆเรื่องของ ERIC ROHMER) ชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้มากๆ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LA BELLE NOISEUSE ได้ที่
http://www.filmref.com/directors/dirpages/rivette.html

5.SECRET DEFENSE (1998) A+
หนังของรีแวทท์เรื่องนี้มีบางอย่างที่ดูแล้วนึกถึงหนังของ CLAUDE CHABROL เพราะตัวละครในเรื่องนี้ค่อนข้างจะเครียดเขม็ง, ครุ่นแค้น, หมกมุ่น คล้ายๆกับตัวละครในหนังของ CHABROL ในขณะที่หนังของรีแวทท์เรื่องอื่นๆให้บรรยากาศทางอารมณ์ที่ “ปลอดโปร่งเบาสบาย” หนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติข้อนี้น้อยที่สุด แต่ก็จัดเป็นหนังที่ดูเพลินถ้าหากคุณอินกับตัวละครนางเอกของเรื่องนี้และชอบน้องชายนางเอก (อิอิอิ)

ฉากคลาสสิคฉากหนึ่งในเรื่องนี้คือฉากนางเอกนั่งรถไฟไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในฉากนี้เลย เพราะตลอดทั้งฉากนี้ นางเอกกำลัง “ครุ่นคิดตัดสินใจ” อะไรบางอย่าง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SECRET DEFENSE ได้ในบทความของ JARED RAPFOGEL ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ (JARED RAPFOGEL เป็นนักวิจารณ์ที่ชื่นชอบอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุลเป็นอย่างมาก)
http://www.sensesofcinema.com/contents/00/10/secret.html

6.WUTHERING HEIGHTS (1985) A+
ในขณะที่บทประพันธ์เดิมของ WUTHERING HEIGHTS น่าจะทำให้หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ที่เครียดร้อน แต่สิ่งที่ดิฉันประทับใจอย่างมากๆจากหนังเรื่องนี้กลับเป็น บรรยากาศที่ปลอดโปร่งโล่งสบายในชนบทฝรั่งเศส (อีกแล้ว) และตัวละครที่ดิฉันประทับใจมากที่สุดในเรื่องนี้กลับไม่ใช่พระเอกนางเอก แต่เป็นสาวใช้ของนางเอก

7.VA SAVOIR (2001) A
หนังเรื่องนี้น่าจะหาดีวีดีดูได้ง่ายเช่นกัน แต่ดิฉันไม่ชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้

ดีวีดีของ RIVETTE เรื่อง JEANNE LA PUCELLE เคยมีขายที่จตุจักรค่ะ แต่ดิฉันยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ RIVETTE ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/directors/03/rivette.html

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GUY MADDIN ได้ที่นี่ค่ะ
http://zeitgeistfilms.com/directors/gmaddin/

ฟังบทสัมภาษณ์ GUY MADDIN ที่ยาวกว่า 10 นาทีเกี่ยวกับหนังเรื่อง THE SADDEST MUSIC IN THE WORLD ได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ค่ะ
http://archives.cbc.ca/IDC-1-68-1420-9142/arts_entertainment/Guy_Maddin/clip10

ในลิงค์ข้างบนนี้ ยังมีลิงค์เชื่อมต่อไปยังอะไรๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับ GUY MADDIN อีกด้วย อย่างเช่นเบื้องหลังการถ่ายทำ DRACULA: PAGES FROM A VIRGIN’S DIARY และคลิปบทสัมภาษณ์ Maddin เกี่ยวกับหนังเรื่องอื่นๆ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ KAZUO ISHIGURO เจ้าของบทประพันธ์ที่เป็นที่มาของ THE SADDEST MUSIC IN THE WORLD ได้ในหนังสือ “บุ๊คไวรัส 1”

GUY MADDIN เขียนไดอารี่เบื้องหลังการถ่ายทำ THE SADDEST MUSIC IN THE WORLD ไว้ด้วยค่ะ สามารถอ่านได้ที่

SAD SONGS SAY SO MUCH วันที่ 1-5
http://www.villagevoice.com/film/0319,maddin,43873,20.html
TWILIGHT OF THE ICE NYMPHS วันที่ 6-8
http://www.villagevoice.com/film/0409,maddin,51489,20.html
FEVER DREAMS AND FUNERAL SCENES วันที่ 9-10
http://www.villagevoice.com/film/0412,maddin,52025,20.html
WAIT UNTIL DARK วันที่ 11-12
http://www.villagevoice.com/film/0414,maddin,52414,20.html
วันที่ 20-21
http://www.villagevoice.com/film/0417,maddin,52995,20.html

GUY MADDIN มักจะเขียนบทความเกี่ยวกับหนังเก่าๆที่เขาชื่นชอบลงในนิตยสาร FILM COMMENT ด้วยค่ะ เขาเป็นคนที่ชื่นชอบและรอบรู้ในเรื่องหนังเก่าๆเป็นอย่างมาก ก็เลยไม่น่าประหลาดใจที่เขาจะทำหนังของตัวเองออกมาได้อย่างย้อนยุคยอดเยี่ยมขนาดนั้น

คำแนะนำจาก GUY MADDIN

“จงดูหนังของ CARL THEODOR DREYER และ JOAN CRAWFORD ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าหากคุณยังไม่ได้ดู ORDET (1955, CARL THEODOR DREYER) คุณจะไม่มีวันเข้าใจหนังเรื่อง THE FEMALE ON THE BEACH (1955, JOSEPH PEVNEY) ได้อย่างแท้จริง”

ดูรูปจากหนังเรื่อง THE FEMALE ON THE BEACH ได้ที่
http://www.joancrawfordbest.com/filmsfemale.htm


มีความสุขกับมีตติ้งเมื่อวานนี้มากเลยค่ะ แต่พอกลับถึงบ้านก็ตกใจมากเมื่อพบว่าตัวเองลืมคืนวิดีโอให้คุณอ้วน ทั้งๆที่ตัวเองแบกวิดีโอติดตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ลืมหยิบออกจากกระเป๋าให้คุณอ้วน เรื่องนี้ต้องโทษว่าเป็นความผิดของคุณ Kit ค่ะ เพราะคุณ kit ชวนดูเว็บไซท์รวมหนุ่มหล่อ จิตใจของดิฉันก็เลยกระเจิดกระเจิง เปิดเปิงหมดเลย เลยทำให้ลืมไปเลยว่าควรทำอะไรบ้าง ว่าแล้วก็กลับไปดูเว็บไซท์นั้นต่อดีกว่า


ยังไม่ได้ดู PURPLE NOON เลยค่ะ แต่ชอบอเลน เดอลองตอนหนุ่มๆมาก หนังเรื่องนึงที่ถ้าออกเป็นดีวีดีเมื่อไหร่ ขอแนะนำให้ดู ก็คือเรื่อง LA PISCINE (1969, JACQUES DERAY, A-) เพราะหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับสระว่ายน้ำและอเลน เดอลองขณะเปลือยท่อนบนอยู่รอบๆสระว่ายน้ำ

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ LA PISCINE น่าดูเป็นอย่างยิ่ง ก็คือการที่ MAURICE RONET ดาราชายฝรั่งเศสที่ดิฉันหลงรัก รับบทนำในหนังเรื่องนี้คู่กับอเลน เดอลองด้วยค่ะ ก่อนหน้านี้ MAURICE RONET ก็เคยรับบทเป็น “ฟิลิป กรีนลีฟ” มาแล้วใน PURPLE NOON


ถ้าได้ดู FINDING NEVERLAND แล้วอยากรู้ว่าคนดูบางคนมีความคิดเห็นอย่างไรต่อหนังเรื่องนี้ ก็สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=14692


ดิฉันชอบ AFTER LIFE (A) และ NOBODY KNOWS (A) ค่ะ แต่ก็ชอบความเห็นของ MATTHEW WILDER ใน IMDB.COM เกี่ยวกับ AFTER LIFE มากเช่นกัน มันฮาๆดี
http://www.imdb.com/user/ur0404091/comments

เพลงอกหักเพลงอื่นๆที่ชอบ
1.THE DAY YOU WENT AWAY – WENDY MATTHEWS
ชอบเนื้อเพลงนี้ที่บอกว่า “ฉันนึกว่าวันที่เธอจากฉันไป วันนั้นฝนต้องตก แต่ปรากฏว่าวันที่เธอจากฉันไป วันนั้นท้องฟ้ากลับสดใส”
http://www.geocities.com/cianoy/lyrics/dayyouwent.htm

2.TOO GOOD – BANDERAS เพลงนี้อยู่ในอัลบัมชุด RIPE หนึ่งในอัลบัมที่ชอบที่สุดในชีวิต
เนื้อเพลงนี้เจ็บปวดมาก บอกว่า “คุณไม่มีทางมารักฉันได้หรอก เพราะเรื่องดีๆอย่างนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในชีวิตของฉัน มันเป็นเรื่องที่ดีเกินกว่าจะมาเกิดขึ้นกับฉันได้”

Too good to be
Just couldn’t be
This kind of thing doesn’t happen
Not to me
No, not to me

3.STEEP ของ LAUREN CHRISTY
อันนี้อาจจะไม่ใช่เพลงอกหัก แต่ดูเหมือนจะเป็นเพลงของผู้หญิงที่ไปหักอกคนอื่นมากกว่า ไม่ค่อยแน่ใจในความหมายของเพลงนี้เหมือนกัน แต่ลอเรน คริสตีร้องออกมาได้เศร้ามากๆ
http://www.azlyrics.com/lyrics/laurenchristy/steep.html

ขอบคุณค่ะสำหรับลิงค์รางวัลบาฟตา ดีใจมากๆเลยที่หนังเลสเบียนเรื่อง MY SUMMER OF LOVE ได้รางวัลด้วย

หนังเรื่อง A WAY OF LIFE ที่ได้รับรางวัลบาฟตาก็น่าดูมากๆเลยค่ะ หนังกำกับโดยผู้หญิงชื่อ AMMA ASANTE และนำแสดงโดยเบรนดา เบลธิน จาก SECRETS AND LIES โดยหนังเล่าเรื่องของหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่มีชีวิตบัดซบ
http://www.shadowsonthewall.co.uk/04/wayoflif.htm

รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับ THE LADYKILLERS (B+) เหมือนกันค่ะ เคยดูเวอร์ชันเก่าของหนังเรื่องนี้ ก็รู้สึกชอบในระดับแค่ B+ เหมือนกัน สาเหตุส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะดิฉันชอบหนังที่มีบท “หญิงชราอิทธิฤทธิ์สูง” มากกว่า แต่ในหนังเรื่องนี้ บทหญิงชราดูไม่ค่อยมีอิทธิฤทธิ์สูงเท่าไหร่ ก็เลยรู้สึกเบื่อๆ

หนังแนวหญิงชรามหาประลัยที่ชอบมาก ก็ได้แก่เรื่อง DUPLEX (2003, DANNY DE VITO, A) ค่ะ

พอดีเจอข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่อง MELO (1986, ALAIN RESNAIS, A) ที่เราได้ดูกันเมื่อวันอาทิตย์ค่ะ หนังเรื่องนี้สร้างจากละครเวทีในปี 1929 และพยายามรักษาขนบของละครเวทียุคนั้นเอาไว้จริงๆ

นักวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่าถึงแม้สไตล์ของหนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆของ RESNAIS แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่เรเนส์จะหยิบละครเวทีเรื่องนี้มาสร้างเป็นหนัง เพราะบทละครเวทีเรื่องนี้เกี่ยวกับ “ความทุกข์ทรมานใจของผู้หญิง” และ “ความทรงจำที่มีพลังอำนาจในการกัดกร่อนจิตใจ” ซึ่งสองอย่างนี้พบได้บ่อยมากในหนังของเรเนส์ โดยเฉพาะใน HIROSHIMA MON AMOUR (A+), LAST YEAR AT MARIENBAD (A+) และ MURIEL, OR THE TIME OF RETURN (1963, A+)

นักวิจารณ์ยังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า การดูเอ็ทกันระหว่างเปียโนกับไวโอลินในเพลงของ “บราห์มส์” ในหนังเรื่องนี้ เป็นการดูเอ็ทที่เจ็บปวดอย่างมากๆ
http://www.imdb.com/title/tt0091507/

เห็นคุณ kit บอกว่าได้ดู THE SADDEST MUSIC IN THE WORLD แล้ว ถ้าอยากอ่านความเห็นของคนอื่นๆที่มีต่อหนังเรื่องนี้ และเกร็ดประวัติเกี่ยวกับ GUY MADDIN สามารถอ่านเพิ่มได้ที่นี่ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=14518

ละครเวทีเรื่อง “ตึกแดง” จะเปิดแสดงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ค่ะ ดูรายละเอียดได้ที่http://www.nakedmasks.com/tuekdang/place.html

LLORANDO

ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่า เพื่อนดิฉันคนนึงชอบมิวสิควิดีโอ SO IN LOVE ของเค.ดี. แลงมากค่ะ

PERCY ADLON กำกับหนังมาเยอะมาก แต่ตอนนี้ดิฉันได้ดูไปแค่เรื่อง ROSALIE GOES SHOPPING (1989, B+) เรื่องเดียวเองค่ะ
http://www.imdb.com/name/nm0000727/

หนังเรื่อง YOUNGER AND YOUNGER ของ PERCY ADLON มีขายเป็นวีซีดีลิขสิทธิ์ในไทยด้วย

ส่วน k.d. lang นั้น ดิฉันแทบไม่เคยฟังเพลงของเธอเลยค่ะ เพลงของเธอที่ชอบมากก็ได้แก่

1.CRYING ที่เธอร้องคู่กับ ROY ORBISON เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่เพราะที่สุดในชีวิต แต่ไม่รู้จะหาซื้อได้ที่ไหน เคยได้ยินว่ามันอยู่ใน SOUNDTRACK หนังเรื่อง HIDING OUT

2.CALLING ALL ANGELS

เพลงนี้เค.ดี. แลงร้องร่วมกับ JANE SIBERRY หนึ่งในนักร้องหญิงที่ดิฉันชอบที่สุดในชีวิต เพลงนี้บรรจุอยู่ในอัลบัมชุด WHEN I WAS A BOY (A+++++++++) ของ JANE SIBERRY ค่ะ
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B000002LSF/102-8825682-6253743?v=glance


3.MISS CHATELAINE
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B000002LSP/qid=1108400485/sr=2-3/ref=pd_ka_b_2_3/102-8825682-6253743

4.CONSTANT CRAVING


อย่างไรก็ดี ถึงแม้ดิฉันจะชอบ CRYING เวอร์ชันของเค.ดี. แลง + ROY ORBISON มาก ดิฉันก็ชอบอีกเวอร์ชันนึงมากกว่าค่ะ นั่นก็คือเวอร์ชันภาษาสเปน “LLORANDO” ที่ขับร้องโดย REBEKAH DEL RIO ในภาพยนตร์เรื่อง MULHOLLAND DRIVE (DAVID LYNCH, A+)

เพลง LLORANDO ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ดิฉันชอบมากที่สุดในชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในเพลงที่ดิฉันชอบที่สุดในชีวิตด้วย

ฉากที่ REBEKAH DEL RIO ออกมาลิปซิงค์เพลง LLORANDO จนล้มหงายหลังตึงกลางเวทีคลับ SILENCIO ใน MULHOLLAND DRIVE เป็นหนึ่งในฉากแสดงดนตรีในภาพยนตร์ที่ดิฉันชอบมากที่สุดในชีวิต และเป็นหนึ่งในฉากภาพยนตร์ที่ให้อารมณ์งดงามที่สุดในชีวิตสำหรับดิฉันอีกด้วย

ฟังเพลง LLORANDO ของ REBEKAH DEL RIO ได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ค่ะ
http://www.rebekahdelrio.com/music.html

ในลิงค์นี้ มีเพลง LLORANDO ให้เลือกฟัง 3 เวอร์ชันด้วยกัน ดิฉันชอบเวอร์ชันที่อยู่ในอัลบัมชุด ALL MY LIFE มากที่สุดค่ะ ถึงแม้มันจะไม่จบเพลงก็ตาม ฟังเวอร์ชันนี้ทีไร ร้องไห้ทีนั้น ส่วนอีกสองเวอร์ชันที่อยู่ในอัลบัมชุด NOBODY’S ANGEL มีให้ฟังจนจบเพลงค่ะ แต่ดิฉันชอบไม่มากเท่าไหร่

--อ่านที่คุณ MERVEILLESXX รู้สึกอินกับ ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU แล้วก็นึกถึงตัวเองเมื่อสมัย 13 ปีก่อน (จริงๆแล้วดิฉันก็แก่กว่าคุณ MERVEILLESXX ประมาณ 12 ปีถ้าเข้าใจไม่ผิด) ดิฉันก็เคยอินกับนิยายเรื่อง LORD OF THE FLIES มากค่ะ และก็อินกับตัวละครที่มีอะไรบางจุดคล้ายๆยูอิจิด้วย

สาเหตุนึงที่ทำให้ชอบ LORD OF THE FLIES มาก เพราะอ่านนิยายเรื่องนี้แล้วทำให้ดิฉันได้เห็นข้อบกพร่องของตัวเองค่ะ อ่านแล้วก็จะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับตัวละครตัวนึงในเรื่อง เป็นตัวละครที่เหมือนกับจะทำตัวเป็นคนดี และเขาเองก็คิดว่าตัวเองเป็นคนดี คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรร้ายแรง พอคนส่วนใหญ่ในสังคมทำความชั่วช้าเลวทรามอย่างรุนแรง เขาก็ทำความชั่วช้าเลวทรามอย่างรุนแรงตามคนส่วนใหญ่ในสังคมไปด้วย เขานึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด เขาก็แค่ทำตามๆคนส่วนใหญ่ไปเท่านั้นเอง เขาเลือกที่จะไม่มองโลกตามความเป็นจริงว่าถ้าหากเขาเป็นคนดีจริงๆ เขาจะต้องลุกขึ้นต่อต้านคนส่วนใหญ่ในสังคม เขาจะต้องยอมตายเพื่อปกป้องคนดีๆ ไม่ใช่ไปช่วยคนเลวๆ (ซึ่งเป็นคนหมู่มากในสังคม) ฆ่าคนดีๆ (ซึ่งทำตัวแตกต่างจากสังคม) เช่นนั้น

ก่อนหน้าที่ดิฉันจะได้อ่านนิยายเรื่องนี้ ดิฉันเข้าใจตัวเองผิดมาโดยตลอด เข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นคนดีคนนึง ดิฉันนึกว่าตัวเองไม่ได้ทำบาปอะไรร้ายแรง เมื่อเพื่อนๆของดิฉันแกล้งเพื่อนบางคน ดิฉันก็แกล้งเพื่อนคนนั้นตามไปด้วย ดิฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเพื่อนคนนั้นเหมือนกับที่เพื่อนคนอื่นๆทำกัน

แต่พอได้อ่าน LORD OF THE FLIES ดิฉันก็พบว่าที่จริงแล้วภายในตัวเอง ยังมีความชั่วช้าเลวทรามอย่างมากซ่อนอยู่ จากที่เคยมองว่าตัวเองเป็นคนดี ดิฉันก็ตากระจ่างขึ้นมาในทันทีว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นคนที่ต่ำช้าสารเลวขนาดไหน และนิยายเรื่องนี้ก็ช่วยให้ดิฉันหัดเลิกที่จะทำตามเพื่อนๆในทางที่ผิดค่ะ จะว่านิยายเรื่องนี้ช่วยเปลี่ยนชีวิตดิฉันก็ได้เหมือนกัน

เรื่องย่อ LORD OF THE FLIES ตั้งแต่ต้นจนจบ อ่านได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้
http://www.bellmore-merrick.k12.ny.us/lord.html


--พูดถึงเรื่อง “แสง” แล้ว ฉากหนึ่งใน LOVE LETTER (A+) ที่ชอบมาก ก็คือฉากในห้องสมุดที่มีแสงแดดส่องผ่านผ้าม่านที่พัดพลิ้วตามแรงลม ทั้งแสงและลมในฉากนั้นงดงามมากๆค่ะ

--ถ้าหาก ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU พูดถึงด้านมืดของคนที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต หนังที่อยู่ตรงข้ามก็คือ (HARU) (1996, YOSHIMITSU MORITA, A+) ค่ะ เพราะหนังสุดแสนจะโรแมนติกเรื่องนี้ เล่าเรื่องของหนุ่มสาวที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต โดยที่ราวๆครึ่งหนึ่งของเรื่อง ผู้ชมจะเห็นเพียงแค่ตัวอักษรที่ทั้งสองเขียนโต้ตอบกันไปมา โดยจะมีภาพชีวิตของตัวละครแทรกแว้บๆเข้ามาเป็นระยะๆ
http://www.imdb.com/title/tt0115431/

--รู้สึกดีอย่างมากๆค่ะที่คุณ merveillesxx รู้สึกว่าตัวละครในหนังมันยังคงมีชีวิตของมันเรื่อยๆต่อไปหลังจากที่หนังจบไปแล้ว เพราะดิฉันก็รู้สึกอย่างนั้นกับหนังบางเรื่องเหมือนกัน โดยเฉพาะกับ LE BLEU DES VILLES (1999, STEPHANE BRIZE, A+) และกับ FREE RADICALS (2003, BARBARA ALBERT, A+) ที่ดิฉันเคยเขียนไว้ในเว็บบอร์ดนี้ในเดือนม.ค.ปี 2004 ว่า บางวันตื่นเช้าขึ้นมา ดิฉันก็กังวลว่าตัวละครในหนัง FREE RADICALS มันยังมีความสุขดีอยู่หรือเปล่า ชีวิตของตัวละครหลังจากที่หนังมันจบไปแล้ว จะพบกับความสุขความเศร้า จะต้องร้องไห้กันอีกสักกี่มากน้อยนะ

--ตอนแรกคิดเล่นๆว่า ถ้าหากคุณ merveillesxx จะไปดูหนังเรื่องนี้เป็นครั้งที่ 5 น่าจะถือแอปเปิลเขียวไปด้วย คนที่อ่านเว็บบอร์ดแล้วไปดูหนังเรื่องนี้ จะได้รู้ว่าใครคือคุณ merveillesxx แต่คิดจริงๆแล้ว อย่าได้ถือแอปเปิลเขียวไปจะดีกว่า เดี๋ยวมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นแบบในหนัง ซวยกันตายเลย

--รู้สึกประทับใจกับหนังชิงออสการ์ปีนี้หลายเรื่องค่ะ ทั้ง THE AVIATOR (A+), VERA DRAKE (A+), ETERNAL SUNSHINE OF THE SPOTLESS MIND (A+), CLOSER (A), BORN INTO BROTHELS (A), BEING JULIA (A), FINDING NEVERLAND (A), COLLATERAL (A), RAY (A-) แต่ก็ไม่ลุ้นกับออสการ์ปีนี้เท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าใครชนะ ก็น่าดีใจทั้งนั้น เกือบทุกเรื่องใช้ได้ดีหมดเลย

--นักแสดงทุกคนใน FINDING NEVERLAND เล่นได้ดีมากค่ะ เด็กที่เล่นเป็น PETER เล่นได้เก่งมากๆ เห็นดวงตาของเขาแล้ว รู้เลยว่าตัวละครตัวนี้ไม่ธรรมดา แววตาของเขามีความเจ็บปวดขมขื่นเกินกว่าจะเป็นแววตาของเด็กธรรมดาได้ นักแสดงเด็กคนนี้เล่นได้เก่งมากๆ ถึงสามารถถ่ายทอดความทุกข์ของตัวละครออกมาได้โดยไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป

--นักแสดงอีกคนนึงที่ดิฉันชอบสุดๆคือ EILEEN ESSEL ที่รับบทเป็น MRS. SNOW ในช่วงแรกของเรื่อง เธอกับสามีวัยชราเป็นคนเพียงสองคนที่เข้ามาชื่นชมละครเวทีของพระเอก และเธอก็ปรากฏตัวอีกครั้งในช่วงท้ายเรื่องเพื่อมาบอกพระเอกว่าเธอชื่นชอบ PETER PAN มากแค่ไหน ดิฉันชอบตัวละครตัวนี้มากๆๆๆค่ะ และก็ชอบ EILEEN ESSEL มากๆ ก่อนหน้านี้เธอเคยฝากฝีมือการแสดงที่ตราตรึงความทรงจำมาแล้วจากบท “คุณยายจากนรกโลกันตร์” ใน DUPLEX (2003, DANNY DE VITO, A)

--ชอบ KELLY MACDONALD ในบท PETER PAN ด้วยเหมือนกัน KELLY ไม่ได้รับบทที่เปิดโอกาสให้เธอได้โชว์ฝีมือด้านการแสดงที่แท้จริงสักเท่าไหร่ แต่ดิฉันรู้สึกถูกโฉลกกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอเคยเล่น GOSFORD PARK แต่บทของเธอกลับมีสีสันน้อยมาก
http://www.imdb.com/name/nm0531808/

--เห็น EVERYTHING PUT TOGETHER ของ MARC FORSTER มีขายในรูปแบบวีซีดีลิขสิทธิ์ด้วยค่ะ แต่ดิฉันยังไม่ได้หยิบมาดูเสียที

Sunday, February 13, 2005

APPARENTLY LILY CHOU-CHOU

สิ่งที่ดิฉันติดใจมากๆจากหนังเรื่อง ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU ก็คือการที่หนังเรื่องนี้เหมือนเป็นสะพานทางอารมณ์เชื่อมต่อไปยังหนัง FEEL-BAD มากมายหลายเรื่องในโลกนี้ เพราะหนัง FEEL-BAD หลายเรื่อง จะไม่มีการบอกเล่าอดีตของตัวละคร, มีแต่เหตุการณ์เลวร้าย และมีแต่โทนมืดมนตลอดทั้งเรื่อง

แต่ ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU เหมือนจะช่วยปูแบ็คกราวด์ของตัวละครทำนองนี้ให้ และสิ่งที่น่าสนใจมากก็คือ “แสงอาทิตย์” และ “สีเขียวสด” ที่มีอยู่มากมายในหนังเรื่องนี้ ประทับใจกับแสงอาทิตย์ในหนังเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะแสงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามาตามอาคารต่างๆ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะทำให้แสงอาทิตย์ในหนังดูมลังเมลืองเป็นพิเศษเวลามันลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในอาคารห้องเรียนและอาคารอื่นๆ

ในขณะที่เหตุการณ์เลวร้ายในหนังเรื่องอื่นๆ ความเลวร้ายอาจจะถูกนำเสนออย่างตรงไปตรงมา ด้วยโทนอารมณ์ที่มืดมนเพียงอย่างเดียว หนังเรื่องนี้กลับชอบตัดสลับเหตุการณ์เลวร้ายกับเหตุการณ์สดใส ซึ่งทำให้อารมณ์ตรงจุดนั้นมันน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็นฉากคุโนะที่ถูกตัดสลับกับฉากทซึดะรอคำสารภาพรักจากชายหนุ่มอยู่ที่อาคารดาดฟ้า หรือฉากทซึดะเล่นว่าวเริงร่าก่อนที่ตัวเธอเองจะถลาลงสู่พื้นดิน

รู้สึกว่าการให้ “เหตุการณ์เลวร้าย” เกิดท่ามกลาง “บรรยากาศที่สดใสเริงร่า” เป็นกลวิธีที่ให้ผลทางอารมณ์ในแบบที่ดิฉันชอบมากๆค่ะ อาจจะน่าสนใจกว่าการให้ “เหตุการณ์เลวร้ายเกิดท่ามกลางบรรยากาศมืดมนหดหู่” ซะอีก

เหตุการณ์ทำนองนี้เท่าที่พอนึกออกในตอนนี้ ก็มีแค่

1.ในนิยายเรื่อง LORD OF THE FLIES ของ WILLIAM GOLDING

นิยายเรื่องนี้เคยสร้างเป็นหนังแล้วราว 2 ครั้ง แต่ไม่รู้มีฉากที่เหมือนกับในหนังสือหรือเปล่า ฉากที่ว่าก็คือฉากที่ตัวละครรุมฆ่าหมูอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม มีผีเสื้อบินเริงร่าไปมา ฉากนี้ทำให้รู้สึกว่าธรรมชาติไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยกับการกระทำทารุณกรรมหมูอย่างโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้น


2.ในบทกวี APPARENTLY WITH NO SURPRISE ของ EMILY DICKINSON

บทกวีนี้จะเล่าถึงดอกไม้ที่สดใสเริงร่าก่อนที่จะถูกน้ำค้างแข็งตัดคอขาดตาย ในขณะที่ธรรมชาติรอบข้างไม่ใส่ใจใยดีแม้แต่น้อย พระอาทิตย์ก็ยังคงไต่ขึ้นท้องฟ้าไปเรื่อยๆ และอำนาจศักดิ์สิทธิ์ก็ดูเหมือนจะเห็นชอบกับการฆาตกรรมดอกไม้ที่สดใสเริงร่านั้น

ดิฉันชอบ LORD OF THE FLIES (A+) กับ APPARENTLY WITH NO SURPRISE (A+) มากค่ะ แต่ก็นึกไม่ออกว่ามีหนังเรื่องไหนที่ “นำเสนอเหตุการณ์เลวร้ายท่ามกลางบรรยากาศที่สดใสเริงร่า” บ้าง เพราะแม้แต่ SALO (A+) หนังก็มีบรรยากาศหดหู่ตลอดทั้งเรื่อง รู้สึกว่ามี ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU นี่แหละ ที่น่าจะเป็นเรื่องนึงที่เข้าใกล้จุดนี้ได้มากที่สุด

http://www.geocities.com/sir_john_eh/nosurprise.html

Saturday, February 12, 2005

BLUES IN THE NIGHT

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีเลีย คาซานได้ที่นี่ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3398

หนังเกี่ยวกับการกีดกันยิวในสหรัฐยังรวมถึง
1.SCHOOL TIES (1992, ROBERT MANDEL, A-) แสดงโดยเบรนดัน เฟรเซอร์, คริส โอ’ดอนเนล, แมทท์ เดมอน และเบน แอฟเฟลค
http://www.imdb.com/title/tt0105327/

2.FOCUS (2001, NEAL SLAVIN) สร้างจากนิยายของอาร์เธอร์ มิลเลอร์ ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไป หนังนำแสดงโดยวิลเลียม เอช. เมซี, ลอรา เดิร์น, เดวิด เพย์เมอร์ และมีท โลฟ
http://www.imdb.com/title/tt0246628/

3.ในหนังเรื่อง FAR FROM HEAVEN (TODD HAYNES, A+) ถ้าจำไม่ผิด จะมีบทสนทนาช่วงนึงที่มีคนนินทานางเอก (จูลีแอนน์ มัวร์) ว่า “สมัยที่ยัยนี่เรียนมหาลัย เธอเคยเล่นละครเวทีประกบกับ “หนุ่มยิว” ด้วย คนก็เลยเรียกยัยนี่ว่าเป็น “คอมมิวนิสต์”” ซึ่งบทสนทนานี้น่าสนใจมาก เพราะมันแสดงให้เห็นว่าในขณะที่หนังเรื่อง FAR FROM HEAVEN สะท้อนอคติเหยียดผิว, เหยียดเกย์, เหยียดผู้หญิงในยุคนั้นแล้ว หนังเรื่องนี้ยังพูดถึงกระแสเหยียดยิวและเหยียดคอมมิวนิสต์ในยุคนั้นด้วย

4.THE MURDER OF MARY PHAGAN (1988, WILLIAM HALE, A+++++)
http://www.imdb.com/title/tt0095678/

สร้างจากเรื่องจริงของหนุ่มยิวคนนึงที่ถูกใส่ความว่าเป็นฆาตกรเมื่อเกือบ 100 ปีก่อนในภาคใต้ของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ผู้ว่าการรัฐจอร์เจียในตอนนั้นพยายามสืบสวนหาความจริง และเขาก็พบว่าหนุ่มยิวคนนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างไรก็ดี ชาวบ้านไม่เชื่อผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย แต่เชื่อนักการเมืองเลวๆคนอื่นๆ และชาวบ้านก็เลยบุกเข้าไปในเรือนจำและฆ่าหนุ่มยิวผู้บริสุทธิ์คนนี้ตายอย่างน่าเวทนา

เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ได้ดูสารคดีเกี่ยวกับชีวิตชาวยิวในเยอรมนีในยุคปัจจุบัน (หนังฉายที่สถาบันเกอเธ่) หนังแสดงให้เห็นว่าชีวิตชาวยิวแต่ละคนก็แตกต่างกันไป แต่ส่วนที่ดิฉันจำได้ดี ก็คือส่วนของหนุ่มยิวหน้าตาหล่อเหลาคนนึง (รู้สึกหัวสมองของดิฉันจะบกพร่อง บันทึกข้อมูลได้แต่เพียงเรื่องของคนหน้าตาหล่อๆ) เขาก็บอกว่าเขาแทบไม่มีปัญหาอะไรในการเรียนที่มหาลัยในเยอรมนีในตอนนี้ เพราะหน้าตาของเขาดูเหมือนคนทั่วๆไป ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นยิว เขาดูกลมกลืนเหมือนคนทั่วไป แต่เขาบอกว่าคนที่โชคร้ายกว่ายิวคือเพื่อนๆผิวดำในเยอรมนี คนกลุ่มนี้จะตกเป็นเหยื่อนีโอนาซีได้ง่ายมาก เพราะสีผิวมันฟ้อง คนผิวดำไม่สามารถทำตัวเนียนๆกลมกลืนไปกับคนเยอรมันเหมือนกับหนุ่มยิวหล่อคนนั้นได้

หนังอีกเรื่องที่มีตัวละคร “ปลอมตัวเป็นยิว เพื่อจะได้รับรู้ความเจ็บปวดของชาวยิว” คือเรื่อง AMEN (2002, COSTA-GAVRAS, A-) ค่ะ ในหนังเรื่องนี้ สุดหล่อ MATHIEU KASSOVITZ รับบทเป็นนักบวชนิกายเยซูอิต เขาพบว่าชาวยิวทั่วยุโรปกำลังถูกนาซีกวาดต้อนไปเข้าค่ายกักกัน เขาร้องเรียนเรื่องนี้ต่อนักบวชระดับสูง แต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครจะลงมือทำอะไรจริงๆจังๆเพื่อต่อต้านนาซี แม้แต่พ่อของเขาเองก็ดูเหมือนจะไม่ลุกขึ้นมาต่อต้านซึ่งๆหน้า นักบวชหนุ่มหล่อรายนี้รู้สึกสลดใจมากที่ผู้คนรอบข้างเขาทำเหมือนยืนอยู่เฉยๆและปล่อยให้ชาวยิวถูกจับไป เขามองใบหน้าของเหล่านักบวชระดับสูง เขามองใบหน้าของผู้คนรอบข้าง และเขาก็เอาสัญลักษณ์ดาวดาวิดของชาวยิวมาแปะลงบนชุดนักบวชของตัวเองและเดินขึ้นรถไฟมรณะไปพร้อมกับชาวยิวด้วย
http://www.imdb.com/title/tt0280653/

ถ้าเข้าใจไม่ผิด MATHIEU KASSOVITZ เคยรับบทเป็นชาวยิวในค่ายกักกันมาแล้วใน JAKOB THE LIAR (1999, PETER KASSOVITZ, B+/B)

เกร็ดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีเลีย คาซาน

Guy Maddin เพิ่งแสดงความเห็นไว้ในนิตยสาร FILM COMMENT ว่า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีเลีย คาซานถึงได้เล่นหนังแค่ไม่กี่เรื่อง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าแมดดินคงประทับใจกับฝีมือด้านการแสดงของคาซานเป็นอย่างมาก
http://www.imdb.com/name/nm0001415/

แมดดินชื่นชอบหนังเรื่อง BLUES IN THE NIGHT (1941, ANATOLE LITVAK) เป็นอย่างมาก และหนังเรื่องนี้ก็มีอีเลีย คาซานร่วมแสดงด้วย
http://www.imdb.com/title/tt0033409/


ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU

--รู้สึกว่าในฉากที่น่าจะเศร้าหลายฉาก หนังก็ใส่อารมณ์ขันเข้ามาได้อย่างน่าประหลาดใจเหมือนกัน อย่างเช่น

1.ฉากที่มีผู้ชายตายที่โอกินาวา แล้วหนังก็ชอบถ่ายให้เห็นผู้หญิงอ้วนคนนึงที่พร่ำพูดอยู่แต่ว่า “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด” พอกล้องตัดกลับมาที่ใบหน้าเธอทีไร เธอก็จะพูดอยู่แต่ “ฉันไม่ผิด” (ไม่รู้ผู้กำกับจงใจให้รู้สึกฮาหรือเปล่า แต่เรารู้สึกฮา ทั้งๆที่จริงๆเราน่าจะเศร้าที่ตัวละครตาย)

2.ฉากที่กล้องถ่ายให้เห็นเหมือนกับว่าตัวละครตัวนึงผูกคอตายในช่วงท้ายเรื่อง แต่จริงๆแล้วไม่ใช่

--ชอบ YU AOI ที่เล่นเป็น TSUDA มาก รู้สึกว่าหน้าเธอคุ้นๆ ตอนหลังเพิ่งรู้ว่าเธอเคยเล่นเป็นตัวประกอบใน HARMFUL INSECT (2001, AKIHIKO SHIOTA, A+) ที่นำเสนอชีวิตวัยรุ่นได้อย่างน่าประทับใจมากเช่นกัน

--SHUGO OSHINARI ดูหล่อมากๆใน ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU แต่ที่รู้สึกประหลาดใจก็คือดิฉันไม่เคยสะดุดตาเขาใน BLUE SPRING (2001, TOSHIAKI TOYODA, B) กับใน BATTLE ROYALE 2 (KENTA FUKASAKU, 2003, C) เลยค่ะ ดูหนังสองเรื่องหลังนี้ผ่านไปโดยไม่สะดุดตากับความหล่อของใครเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ SHUGO OGINARI หล่อน้อยลง หรือเป็นเพราะผู้กำกับสองคนหลังนี้ถ่ายทอดความหล่อของผู้ชายได้ไม่เก่งเท่าชุนจิ อิวาอิ อิอิอิ
http://www.imdb.com/name/nm1099171/
http://www.imdb.com/name/nm1099171/board/nest/11739382

--ชอบประโยคพูดของนักท่องเที่ยวหนุ่มในโอกินาวาเกี่ยวกับความโหดร้ายของธรรมชาติ ประโยคพูดนี้ทำให้นึกไปถึงหนังเรื่อง CHARISMA (1999, KIYOSHI KUROSAWA, A+) ในขณะที่บางฉากบางอารมณ์ใน ALL ABOUT LILY-CHOU CHOU ก็เข้ากับ KAIRO (2001, KIYOSHI KUROSAWA, A) ได้เหมือนกัน นักวิจารณ์บางคนยังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า บทพูดบางบทเกี่ยวกับอีเธอร์ใน ALL ABOUT LILY-CHOU CHOU ทำให้นึกไปถึงฉากที่ตัวละครแต่ละตัวใน KAIROสลายตัวกลายเป็นฝุ่นผงสีดำลอยไปในอากาศ

--KUNO คือหนึ่งในตัวละครที่น่าประทับใจที่สุด ถ้าหากดิฉันเจออย่าง KUNO ดิฉันคงกลายสภาพไปเป็นเหมือน “มานู” นางเอกเรื่อง BAISE-MOI (VIRGINIE DESPENTES + CORALIE TRINH THI, A+) หรือไม่ก็อาจทำแบบเด็กๆในโคลัมไบน์ ขอจัดการกับตัวเลวๆทุกตัวในโรงเรียนก่อนฆ่าตัวตาย คงไม่เลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป รู้สึกว่าคุโนะเข้มแข็งกว่าดิฉันอย่างไม่อาจจะประมาณได้

SUPPOSING HE LOVES ME

เคยฟังเพลง NIGHT AND DAY เวอร์ชันของ U2 เมื่อราว 14-15 ปีก่อน ชอบสุดๆเลย เวอร์ชันนั้นจะช้าๆเหมือนมีเวทมนตร์บางอย่างปกคลุมอยู่ ได้ฟังเวอร์ชันของ U2 จากวิดีโอเทป RED HOT & BLUE ที่รวมผลงานของโคล พอร์เทอร์ค่ะ มิวสิควิดีโอเพลงนี้ได้วิม เวนเดอร์สมากำกับให้ ลองฟังตัวอย่างเพลงในอัลบัมชุด RED HOT & BLUE ได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ค่ะ http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B000008JUM/qid=1108141548/sr=2-1/ref=pd_ka_b_2_1/103-1123839-6899821

มิวสิควิดีโอของอัลบัมชุดนี้สุดยอดมากๆค่ะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้จะหาซื้อได้ที่ไหน ดิฉันเคยซื้อจากร้านลูกแมวเมื่อราว 14 ปีก่อน

Released on: BMG
Video Date of release: 1990

Approximate Running Time: 90 Minutes.
1. David Byrne - Don't Fence Me In - (directed by David Byrne)
2. Neneh Cherry - I've Got You Under My Skin - (directed by Jean Baptiste Mondino)
3. Jimmy Somerville - From This Moment On - (directed by Steve Mclean) สตีฟ แมคลีนเคยกำกับหนังเกย์เรื่อง POSTCARDS FROM AMERICA
4. Jody Watley - After You, Who? - (directed by Matthew Rolston) A-
5. Salif Keita - Begin The Beguine - (directed by Zak Ove)
6. Erasure - Too Darn Hot - (directed by Adelle Lutz & Sandy McLeod)
7. Sinead O'Connor - You Do Something To Me - (directed by John Maybury) A+++++
ชีนเนดใส่วิกผมยาวแล้วสวยมากในมิวสิควิดีโอนี้ เธออยู่ในเมืองแฟนซีอะไรสักอย่าง ส่วนจอห์น เมย์บิวรีเคยกำกับหนังเกย์เรื่อง LOVE IS THE DEVIL (B+) http://www.imdb.com/name/nm0562266/
8. The Jungle Brothers - I Get A Kick Out Of You - (directed by Mark Pellington) มาร์ค เพลลิงตันเคยกำกับ ARLINGTON ROAD กับ THE MOTHMAN PROPHECIES (B+/B)
9. The Neville Brothers - In The Still Of The Night - (directed by Jonathan Demme) ดิฉันเฉยๆกับ mv ของเขาค่ะ คิดว่าเขาอาจจะเหมาะกำกับหนังมากกว่า
10. k. d. lang - So In Love - (directed by Percy Adlon) เค.ดี.แลงเคยเล่นหนังเรื่อง SALMONBERRIES ที่กำกับโดยเพอร์ซี แอดลอนด้วย
11. Les Negresses Vertes - I Love Paris - (directed by Roger Pomphrey)
12. Aztec Camera - Do I Love You - (directed by John Scarlett-Davies) ชอบแอซเทค คาเมรา เขาน่ารักมากๆ เพลงของเขาก็เพราะดี
13. Deborah Harry & Iggy Pop - Well, Did You Evah! - (directed by Alex Cox) A+++++++ นี่คือหนึ่งในมิวสิควิดีโอที่ชอบที่สุดในชีวิตค่ะ อเล็กซ์ ค็อกซ์ก็ชอบกำกับหนังแปลกๆเพี้ยนๆไม่แพ้มิวสิควีดีโอของเขาเช่นกัน
14. Lisa Stansfield - Down In The Depths - (directed by Philippe Gautier) A++++++
15. Kirsty MacColl & The Pogues - Miss Otis Regrets/Just One Of Those Things - (directed by Neil Jordan) ดิฉันเฉยๆกับ MV นี้เช่นกัน ถึงแม้จะชอบหนังของนีล จอร์แดนมากพอสมควร
16. Tom Waits - It's Alright With Me - (directed by Jim Jarmusch) A+++++++ mv เพลงนี้หลอนสุดฤทธิ์ ดูแล้วชอบทอม เวทส์ไปเลย ดิฉันชอบหนังของจิม จาร์มุชค่ะ แต่ชอบ MV เพลงนี้มากกว่าหนังของเขา
17. U2 - Night And Day - (directed by Wim Wenders)
18. Annie Lennox - Ev'ry Time We Say Goodbye - (directed by Ed Lachman) เพลงนี้เพราะสุดฤทธิ์
19. Bill Irwin Comedy Sketch - (directed by Adelle Lutz & Sandy McLeod)

KUNG FU HUSTLE
ใช่แล้วค่ะ ชอบตัวประกอบ 3 คนในตรอกเล้าหมูมากๆ จริงๆแล้วอยากให้ตัวละครที่เป็นเกย์ (หรือเปล่า) ได้กับหนุ่มกรรมกรมากเลยค่ะ หนุ่มกรรมกรในเรื่องนี้หน้าตาไม่ดี แต่รูปร่างกับเสน่ห์แบบแมนๆของเขาดูดีมาก ถ้าหากกรรมกรกับช่างตัดเสื้อได้เสียกัน หนังเรื่องนี้คงคลาสสิคขึ้นอีกเยอะ

หลังจากได้ดู “เดชคัมภีร์เทวดาภาค 2” เมื่อ 13 ปีก่อน ก็แทบไม่ค่อยได้ดู “หนังจีนกำลังภายในเกย์” อีก รู้สึกดีมากๆที่ KUNG FU HUSTLE มีตัวประกอบเป็นเกย์ยอดฝีมือ หวังว่าในอนาคตจะมี “หนังจีนกำลังภายในเกย์” แบบ “เดชคัมภีร์เทวดาภาค 2” ออกมาอีก แต่คราวนี้ขอให้เปลี่ยนจากความสัมพันธ์ระหว่าง “จอมยุทธหนุ่มกับจอมยุทธสาวแปลงเพศ” มาเป็น “จอมยุทธหนุ่มกับจอมยุทธหนุ่ม” ไปเลย คงจะ “เซ็กซี่” ไม่ใช่น้อย จะจับเอา “กั๊วะฟู่เฉิง” กับ “กู่เทียนเล่อ” มาประกบกันอีกครั้งแบบ THROWDOWN (JOHNNY TO, A-) ก็คงจะดีมาก แต่สองคนนี้คงไม่ยอมมารับบทเกย์ง่ายๆ ไม่เป็นไร เอาดาราหนุ่มหน้าใสๆหน้าใหม่ๆมาเล่นก็ได้ค่ะ

ความฝันเล่นๆของดิฉัน

1.ถ้าหากมีการสร้างหนังจีนกำลังภายในเกย์ออกมาอีก อยากให้มีฉากนึงในเรื่องที่ดัดแปลงมาจาก “ดาบมังกรหยก” ค่ะ เพราะใน “ดาบมังกรหยก” มีอยู่ฉากนึงที่ดิฉันรู้สึกว่าคลาสสิคมากๆ (จริงๆแล้วรู้สึกว่าดาบมังกรหยกมีฉากคลาสสิคราวๆ 30 ฉาก) นั่นก็คือฉากที่เตียบ่อกี้กำลังจะแต่งงานกับเจ้าสำนักง้อไบ๊ จิวจี้เยียก แต่ในพิธีแต่งงานที่มีแขกเหรื่อจากทั่วยุทธภพมาร่วมงานนั้นเอง องค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงก็ปรากฏกายขึ้นเพื่อขัดขวางงานแต่งงานของทั้งสอง เธอทวงคำสัญญาที่เตียบ่อกี้ให้ไว้ และใช้วิธีบีบบังคับให้เตียบ่อกี้ตามเธอออกจากงานแต่งงาน แต่สิ่งที่ทำให้ฉากนี้คลาสสิคมากๆในความเห็นของดิฉันก็คือ การที่จิวจี้เยียกเข้าต่อสู้กับองค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงอย่างรุนแรงในงานแต่งงานเพื่อแย่งผัวของเธอกลับคืนมา เธอบู๊สะบั้นหั่นแหลกในชุดเจ้าสาว และใช้วิชากรงเล็บกระดูกขาวอันโหดเหี้ยมอำมหิตจากคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งทำร้ายองค์หญิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ดิฉันชอบฉากนี้มากค่ะเพราะแทบไม่เคยเจอฉากงานแต่งงานฉากไหนที่มันจะลุ้นระทึกสุดมันขนาดนี้มาก่อน งานแต่งงานทั่วไป ถ้ามีคนเข้ามาขัดขวาง ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นนี้ ในหนังฮ่องกงเรื่อง BLACK CAT (หรือ “หัวใจเธอมันน่ากราบ”) และใน KILL BILL มีฉากตัวละครบุกเข้าไปในงานแต่งงานเพื่อฆ่าเจ้าสาว แต่เจ้าสาวก็แทบไม่ได้ต่อสู้อะไรในฉากนั้น ดิฉันอยากให้มีฉากผู้หญิงที่อยู่ในชุดเจ้าสาวบู๊อย่างสุดฤทธิ์แบบใน “ดาบมังกรหยก” ค่ะ อยากให้หนังเรื่องใดเรื่องนึงมีฉากพระเอกกำลังจะแต่งงานกับนังตัวร้าย แต่ “พระเอกคนที่สอง” ก็โผล่เข้ามาเพื่อขัดขวางงานแต่งงาน เขาไม่ได้ต้องการจะแย่งเจ้าสาว แต่เขามาเพื่อแย่งเจ้าบ่าว และเขาต้องใช้วิทยายุทธต่อสู้กับเจ้าสาวและบรรดาเพื่อนเจ้าสาวให้ได้เสียก่อนถึงจะชิงตัวเจ้าบ่าวออกไปได้

2.อยากให้นำพล็อตจาก “มังกรหยก” หรืออะไรทำนองนี้มาดัดแปลงเป็นหนังจอมยุทธเกย์ค่ะ ถ้าจำไม่ผิด ในพล็อตของ “มังกรหยก”นั้น พ่อของก๊วยเจ๋ง (ไม่แน่ใจว่าชื่อ “ก๊วยเซียวเทียน” หรือเปล่า) กับพ่อของเอี้ยคัง (ไม่แน่ใจว่าชื่อ “เอี้ยทิซิม” หรือเปล่า) เคยตกลงกันว่าถ้าหากลูกของทั้งสองออกมาเป็นชายหญิง ก็จะจับให้หมั้นหมายกันตั้งแต่เกิด แต่พอดีลูกของทั้งสองดันออกมาเป็นผู้ชายทั้งคู่ ก็เลยแค่ให้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน รู้สึกว่าพล็อตเดิมของมังกรหยกมันไม่ยุติธรรมค่ะ อยากให้ในหนังเรื่องใหม่ มีตัวละครที่สาบานกันว่าถ้าหากแต่ละคนมีลูก ก็จะให้ลูกของทั้งสองมาแต่งงานกัน แต่เนื่องจากทั้งสองมีลูกชายทั้งคู่ ลูกชายของทั้งสองก็เลยถูกจับให้หมั้นกันตั้งแต่ยังเล็กๆ โฮะโฮะโฮะโฮะโฮะ ในหนังกำลังภายในเรื่องนี้ ตัวละครถูก “คลุมถุงชน” และ “คลุมถุงยาง” ไปด้วยพร้อมๆกันค่ะ

เคยดู LOVE IS THE DEVIL (1998, JOHN MAYBURY, B+) ที่ศาลาเฉลิมกรุงแบบไม่มีซับไตเติล ก็เลยดูไม่รู้เรื่องเลยค่ะ ถ้าได้ดูแบบมีซับไตเติลอาจจะชอบมากยิ่งขึ้น ชอบ DANIEL CRAIG ที่รับบทเป็นโจรหนุ่มใน LOVE IS THE DEVIL มากๆค่ะ เขาไม่หล่อ หน้าตาเขาไม่ค่อยดี แต่ชอบเขามากๆในเรื่อง SYLVIA (A+) และก็เลยทำให้ชอบเขาไปเลยค่ะ
http://www.imdb.com/name/nm0185819/

เคยดู COAL MINER’S DAUGHTER ทางช่อง 3 เมื่อหลายปีก่อน ส่วน SWEET DREAMS เคยดูทางช่อง 7 ค่ะ น่าเสียดายที่ไม่ได้อัดเก็บไว้ทั้งสองเรื่อง

พูดถึงนิยายไทย ดิฉันได้อ่านแค่ไม่กี่เรื่องเองค่ะ หนึ่งในเรื่องที่ชอบมากที่สุดในชีวิตคือเรื่อง “สมมุติว่า...เขารักฉัน” ของกฤษณา อโศกสินค่ะ นางเอกของเรื่องนี้ไปรักผู้ชายที่มีสามีแล้ว แต่ถึงแม้เขาทิ้งเธอไป เธอก็ยังคง “สมมุติ” ว่าเขายังอยู่กับเธอ ร่วมรักกับเธอ รักเธออยู่

ฉากที่ชอบมากในนิยายเรื่องนี้รวมถึง

1.ฉากที่นางเอกตบเพื่อนๆในที่ทำงานอย่างรุนแรง นางเอกเผชิญกับความเครียดในที่ทำงานมานาน พอช่วงหลังของเรื่อง เธอเริ่มจิตแตก พอเพื่อนที่ทำงานจะมาเอารัดเอาเปรียบเธอ เธอก็กลายเป็นเขื่อนทำนบแตก ตบแบบไม่ยั้งมือยั้งตีนอีกต่อไป

2.ฉากที่หญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนนางเอกในโรงพยาบาลบ้า แสดงอาการยินดีอย่างมากเมื่อรู้ว่า ความพยายามของ “คุณหมอสาวผู้แสนดี” ในการรักษาคนไข้บางคนไม่ประสบความสำเร็จ โดยหญิงสาวคนนั้นพูดในทำนองที่ว่า “ชีวิตของคุณหมอน่ะมีความสุขมามากพอแล้ว เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นก็ดีแล้วล่ะ คุณหมอจะได้หัดรู้จักลิ้มรสชาติของความผิดหวังเหมือนอย่างคนอื่นซะบ้าง”

อีกจุดนึงที่น่าคิดมากในนิยายเรื่องนี้ ก็คือครอบครัวของนางเอกทำอาชีพ “ขายพระเครื่องปลอม” ค่ะ โดยครอบครัวของนางเอกทำพระเครื่องขึ้นมาใหม่ แต่เอาของผลิตใหม่เหล่านี้ไปทำกรรมวิธีบางอย่างให้มันดูเหมือนของเก่าแก่ตกทอดมานาน และเอาไปขายในฐานะของแท้ โขกราคาแพงๆจากลูกค้าที่โดนหลอก ที่บอกว่าจุดนี้น่าติดใจ เพราะประเด็นนี้มันทำให้นึกถึงเรื่องของ “การติดยึดในสิ่งสมมุติ” ค่ะ อาชีพของครอบครัวของนางเอกอาจไม่เกี่ยวข้องกับอาการหลอนของนางเอกโดยตรง แต่หากคิดถึงความหมายเชิงสัญลักษณ์แล้ว บางทีนิยายเรื่องนี้อาจจะสะท้อน “การติดยึดกับสิ่งสมมุติ สิ่งที่ไม่มีคุณค่าอันแท้จริง ค่านิยมจอมปลอม” มากมายหลายรูปแบบในสังคมก็เป็นได้ เพราะตัวละครหญิงสาวที่ “ยินดีเมื่อเห็นคุณหมอสาวเป็นทุกข์” ในข้อสองนั้น ถ้าจำไม่ผิด เธอกลายเป็นบ้าเพราะเอ็นท์ไม่ติด เธอเองก็ตกเป็นเหยื่อค่านิยมปลอมๆด้วยเหมือนกัน

ถ้าดิฉันเข้าใจไม่ผิด “สมมุติว่า...เขารักฉัน” เป็นนิยายที่ออกมานานราว 30 ปีแล้ว แต่ไม่เห็นเคยได้ดูหนังหรือดูละครที่สร้างจากนิยายเรื่องนี้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร หรืออาจจะเป็นเพราะเนื้อเรื่องในส่วนของอาชีพของครอบครัวนางเอกที่มันเป็นการวิพากษ์สถาบันศาสนาอย่างรุนแรงมาก ก็เลยไม่มีใครกล้าเสี่ยงนำนิยายเรื่องนี้มาสร้างเป็นหนังหรือละครเสียที

เพิ่งมารู้ทีหลังว่า FORMULA 17 อาจจะไม่ใช่หนังที่ออกมาเพื่อเน้นจับตลาดผู้ชมที่เป็นเกย์ในไต้หวันเป็นกลุ่มหลัก แต่เป็นหนังที่ออกมาเพื่อจับตลาดผู้ชม “กลุ่มเด็กสาว” เสียมากกว่า หนังก็เลยออกมาดูหน่อมแน้มอย่างรุนแรงเหมาะกับเด็กสาวๆวัยมัธยมเป็นอย่างมาก ถ้าหากเปลี่ยนบทพระเอกผู้ไร้เดียงสาให้กลายเป็นบทนางเอกซะ เนื้อหาของหนังเรื่องนี้ก็คงจะแทบไม่ต่างไปจากเรื่องสั้นที่มักลงในนิตยสาร “เธอกับฉัน”

หนังที่ได้ดูในช่วงนี้
ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU (A+)
FINDING NEVERLAND (A)
SHALL WE DANCE (A-)