ชอบ ETERNAL SUNSHINE OF A SPOTLESS MIND มากเลยค่ะ แต่ยังไม่ได้ดู BEFORE SUNSET เลย
หนังเกี่ยวกับความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนอีกเรื่องนึงที่ชอบมากๆคือเรื่อง A WINTER’S TALE (1992, ERIC ROHMER, A) ค่ะ ถ้าจำไม่ผิด หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเฟลิเซีย (Charlotte Very) หญิงสาวที่ตกหลุมรักชายหนุ่มคนนึงขณะที่เธอไปเที่ยวชายทะเล ทั้งสองรักกันมาก และพอ vacation สิ้นสุดลง เฟลิเซียก็บอกที่อยู่ของเธอให้ชายหนุ่มคนนั้น เพื่อให้เขาเขียนจม.ติดต่อเธอ
อย่างไรก็ดี หลังจากทั้งสองแยกกัน เฟลิเซียก็เพิ่งตระหนักว่าเธอบอกที่อยู่ให้เขาผิด เธอพูดผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ และเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ชายหนุ่มคนนั้นไม่สามารถติดต่อเฟลิเซียได้อีกเลย เขาอาจจะรักเธอ เขาอาจจะเขียนจดหมายติดต่อเธอ แต่จดหมายเหล่านั้นไม่มีวันส่งมาถึงเธอได้ เพราะเธอบอกที่อยู่ให้เขาผิดโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ
เฟลิเซียใช้ชีวิตต่อมาเรื่อยๆอีกหลายปีพร้อมกับความทรงจำอันแสนหวานที่มีต่อชายคนรักของเธอคนนี้ มีชายหนุ่ม 2 คนเข้ามาจีบเธอ แต่เธอก็ไม่อาจลืมชายที่เธอรักได้ ความรักไม่ใช่เรื่องของเหตุผล เฟลิเซียรู้ดีว่าถ้าหากเธอตกลงปลงใจแต่งงานกับผู้ชายที่มาจีบเธอ มันก็อาจจะส่งผลดีต่อชีวิตเธอ แต่เธอก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ หัวใจของเธอยังคงเป็นของผู้ชายคนนั้น เธอไม่สามารถปลดปล่อยหัวใจของตัวเองออกจากความทรงจำที่มีต่อผู้ชายคนนั้นได้เลย ถึงแม้เธอรู้ตัวว่าตามหลักเหตุผลแล้ว เธอควรจะลืมความรักที่ชายทะเลครั้งนั้นไปก็ตาม
หัวใจของเฟลิเซีย จะอยู่ใน “ฤดูหนาว” ตลอดไป
อ่านคำวิจารณ์ของโรเจอร์ อีเบิร์ตที่มีต่อหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่ค่ะ
http://rogerebert.suntimes.com/apps/pbcs.dll/article?AID=/20011209/REVIEWS08/112090301/1023
มีเพลงนึงที่ให้อารมณ์ใกล้เคียงกับ WINTER’S TALE มากเลยค่ะ นั่นก็คือเพลง ALWAYS SOMETHING THERE TO REMIND ME ซึ่งเคยมีคนเอามาร้องหลายเวอร์ชัน แต่เวอร์ชันที่ดิฉันชอบที่สุดในชีวิต คือเวอร์ชันที่ร้องโดย ESPIRITU เมื่อราว 10 ปีก่อนค่ะ
อ่านประวัติของ ESPIRITU ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.heavenly100.com/archive/biogs/biog_espiritu1.html#
สำหรับเพลงเกี่ยวกับความรักที่ไม่อาจแทนที่ได้ ดิฉันชอบเพลง YOU NEVER LOVE THE SAME WAY TWICE ของ ROZALLA มากๆค่ะ
สำหรับผลกระทบจากความรักที่ไม่อาจลืมเลือนนั้น ดิฉันมักจะนึกถึงตอนจบของหนังเรื่องนึงที่ได้ดูนานแล้วค่ะ (ไม่บอกแล้วกันว่าเรื่องอะไร เดี๋ยว SPOIL และดิฉันก็จำรายละเอียดแน่นอนไม่ได้แล้วด้วย) ในตอนจบของหนังเรื่องนั้น พระเอกพลัดพรากจากนางเอก เขาไม่รู้ว่าชีวิตนางเอกเป็นอย่างไรหลังจากทั้งสองพลัดพรากกัน ไม่รู้ว่านางเอกเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เขารู้แต่เพียงว่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อใดก็ตามที่เขานั่งอยู่ในร้านอาหาร เขาจะไม่นั่งหันหลังให้ประตูเป็นอันขาด เพราะเขากลัวว่าวันใดวันหนึ่ง เธออาจจะบังเอิญเดินผ่านประตูร้านนั้นเข้ามา และเขาจะไม่ทันได้เห็นเธอ
ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานสักเพียงใด เขาก็จะนั่งหันหน้าเข้าหาประตูเสมอ รอคอยว่าวันใดวันหนึ่ง โชคชะตาอาจจะส่งให้เธอเดินผ่านประตูเข้ามาโดยบังเอิญ และเขาก็ยังคงรอคอยอยู่เช่นนั้นตลอดไป
อยากดู THUMBSUCKER ค่ะ เพราะ TILDA SWINTON กับ KEANU REEVES เล่นด้วย (ทั้งสองเคยปะทะกันมาแล้วใน CONSTANTINE)
ส่วน SOPHIE SCHOLL – THE FINAL DAYS นั้น เนื้อหาบางส่วนจะคล้ายๆกับหนังเรื่อง THE WHITE ROSE (1982, MICHAEL VERHOEVEN) ค่ะ โดยในเวอร์ชันของไมเคิล เวอร์โฮเวนนั้น ดาราที่มารับบทเป็น “โซฟี สกอลล์” คือ LENA STOLZE
http://www.imdb.com/title/tt0084897/
แหะ แหะ ถ้าเทียบกับ RAY (A-), FINDING NEVERLAND (A) และ THE AVIATOR (A+) แล้ว ดิฉันก็ชอบ MILLION DOLLAR BABY (A+) มากที่สุดค่ะ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความดีไม่ดีของหนังค่ะ แต่เป็นเพราะรู้สึกอินกับเรื่องนี้มากที่สุด
อย่างไรก็ดี ใน MILLION DOLLAR BABY ก็มีส่วนที่ดิฉันไม่ชอบอย่างรุนแรงอยู่เหมือนกันค่ะ นั่นก็คือส่วนของตัวละครหนุ่มน้อย DANGER BARCH (JAY BARUCHEL) ตัวละครตัวนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกแย่กับหนังเรื่องนี้ ถ้าตัดตัวละครตัวนี้ออกไปจากเรื่องได้ ดิฉันจะชอบหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงมาก (หรือไม่ก็เปลี่ยนบทสรุปของตัวละครตัวนี้ใหม่ให้แตกต่างไปจากเดิมให้มากที่สุด)
ส่วนที่ชอบที่สุดใน MILLION DOLLAR BABY ก็คือส่วนแม่กับน้องสาวของนางเอกค่ะ เพราะมันเหมือนกับคนบางคนที่รู้จักอย่างมากๆ ก็เลยทำให้รู้สึกอินกับจุดนี้อย่างสุดๆ ตัวละครแม่กับน้องสาวนางเอกใน MILLION DOLLAR BABY คือตัวละครที่ทำให้รู้สึกว่า “นี่มันคนจริงๆที่เรารู้จักมักคุ้นนี่นา” ถ้าหากไม่มีตัวละครสองตัวนี้อยู่ในหนัง ความรู้สึกอินของดิฉันที่มีต่อ MILLION DOLLAR BABY จะลดฮวบลงไปอย่างรุนแรง
ละครเวทีที่ได้ดู
ตึกแดง (A+/A)
วันนี้ได้ดูหนังจีนหลายเรื่องที่สมาคมฝรั่งเศสค่ะ และมีอยู่สองเรื่องที่รู้สึกอยากเข้าไปกำกับซะเอง เพราะมันเป็นหนังที่ถ้าพลิกนิดนึง มันจะกลายเป็นหนังโฮโมอีโรติกอย่างรุนแรง
เรื่องแรกคือ A SUNNY DAY (2003, KAN XUAN, B+) ค่ะ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องนี้เป็นชายวัยกลางคนร่างท้วมสองคนเล่นจั๊กกะจี้กันกลางทางเดินท่ามกลางแสงแดดสดใส ทั้งสองคนปล้ำจี้เอวกันไปกันมา หกล้มหกลุก ไม่ทำอะไรกันอีกแล้วนอกจากพยายามจั๊กจี้อีกฝ่ายหนึ่ง หนังเรื่องนี้น่ารักมากๆๆๆ แต่ถ้าเพิ่มความโฮโมอีโรติกเข้าไป ก็คงจะดีไม่น้อย
ส่วนอีกเรื่องคือ HISTORY OF CHEMISTRY (2004, LU CHUNSHENG, A) ค่ะ ซึ่งดิฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าดิฉันเข้าใจเนื้อเรื่องผิดพลาดหรือเปล่า แต่ตามความเข้าใจของดิฉัน หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับกลาสีเรือหนุ่ม 4 คนที่เดินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ ผ่านทุ่งหญ้า, ภูมิประเทศแห้งแล้ง, เมืองร้างๆ, โรงงานอุตสาหกรรม หนังมีประเด็นอะไรบางอย่างแทรกเข้ามา แต่ดิฉันก็ไม่เข้าใจสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อสักเท่าไหร่
กลาสีหนุ่มบางคนก็หน้าตาไม่ดีค่ะ แต่บางคนก็หน้าตาดีและรูปร่างใช้ได้ ดูพวกเขาเดินกันไปเดินกันมา ดูแสงแดดลามเลียผิวหนังของพวกเขา ดูใบไม้ใบหญ้าขีดข่วนตัวพวกเขา ดูแล้วทำให้รู้สึกอยากเข้าไปกำกับดูแลกลาสีหนุ่มๆเหล่านี้มากๆ เฮ้อ เสียดายจังที่หนังไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการ นี่ถ้าเพียงแต่กลาสีหนุ่มๆพวกนี้ถอดเสื้อเดินตลอดทั้งเรื่อง คะแนนของหนังเรื่องนี้จะเพิ่มจาก A ขึ้นมาเป็น A+ ในทันที
ผลรางวัลหมีทองคำออกมาแล้ว ดูได้ที่นี่ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=14917
ในเทศกาลหนังเบอร์ลินปีนี้ มีหนังเรื่อง CHANGING TIMES ของ ANDRE TECHINE ฉายด้วยค่ะ และหนังเรื่องนี้ก็มีตัวละครประกอบเป็นเกย์ (ในหนังเรื่อง LOIN ของอังเดร เตชิเน ก็มีตัวละครประกอบเป็นเกย์เหมือนกัน) โดยตัวละครตัวนั้นคือลูกชายของนางเอก (แคเธอรีน เดอเนิฟ)
CHANGING TIMES มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงวัย 60 กว่าปีที่ใช้ชีวิตอยู่กับสามีและลูก เธอพอใจกับชีวิตของตัวเอง แต่ผู้ชายคนหนึ่งที่เคยรักเธอเมื่อ 40 ปีก่อน (เจอราร์ด เดอปาร์ดิเออ) พยายามตามตื๊อเธอเพื่อให้เธอกลับมารักเขาอีกครั้ง
นักวิจารณ์ใน FILM COMMENT ตั้งข้อสังเกตว่า CHANGING TIMES เหมือนกับเป็นการสรุปส่วนต่างๆจากหนังหลายเรื่องของเตชิเนมารวมไว้ในเรื่องนี้ ซึ่งได้แก่
1.ส่วนของตัวละครเกย์ จากหนังเรื่อง I DON’T KISS (1991)
2.ส่วนของคู่รักจากหนังเรื่อง HOTEL AMERICA (1981)
3.ส่วนของครอบครัว จากหนังเรื่อง MY FAVORITE SEASON (1993) และ THIEVES (1996)
4.ส่วนของแอฟริกาเหนือ จากหนังเรื่อง LOIN (2001, A)
นอกจากนี้ CHANGING TIMES ยังเป็นการนำหนังเมโลดรามาของดักลาส เซิร์คมาดัดแปลงใหม่อีกด้วย
หนังอีกเรื่องที่ฉายในเบอร์ลินปีนี้ และมีตัวละครประกอบเป็นเกย์ ก็คือหนังฝรั่งเศสเรื่อง MARISCOS BEACH ที่กำกับโดยเกย์สองคนที่เคยกำกับหนังดีๆมาแล้วหลายเรื่อง นั่นก็คือ OLIVIER DUCASTEL กับ JACQUES MARTINEAU (THE ADVENTURES OF FELIX + MY LIFE ON ICE) โดยเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่ไปพักผ่อนฤดูร้อน โดยที่ทั้งพ่อ, แม่, ลูกชาย, ลูกสาว ต่างก็มีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับสัมพันธ์รักของตัวเอง โดยลูกชายของครอบครัวนี้มีเพื่อนสนิทเป็นเกย์ และก็เลยทำให้พ่อกับแม่เข้าใจไปว่าลูกชายของตัวเองก็เป็นเกย์ด้วยเหมือนกัน
http://2005.indiewire.com/ipop/archives/000215.html
หนังเกย์อีกเรื่องที่ดารานำน่าดึงดูดอย่างสุดๆ ก็คือ TRANSAMERICA (2005, DUNCAN TUCKER) ค่ะ เพราะดารานำของเรื่องนี้คือ KEVIN ZEGERS ยามหนุ่มสุดหล่อประจำห้างสรรพสินค้าใน Dawn of the Dead
TRANSAMERICA มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งค้นพบความจริงว่า สมัยที่เธอเคยเป็นผู้ชายนั้น เธอได้ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง (Kevin Zegers) และขณะนี้ลูกชายของเธอซึ่งเป็นวัยรุ่นก็หนีออกจากบ้านไปอยู่นิวยอร์ค
http://www.imdb.com/title/tt0407265/
http://www.staroasis.com/gallery/album138
Sunday, February 20, 2005
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment