Tuesday, February 15, 2005

MELO (A)

ถ้าจำไม่ผิด ซื้อวีซีดี EVERYTHING PUT TOGETHER มาเมื่อราว 2 ปีก่อน จากร้านแมงป่องที่อยู่ตรงปากซอยงามดูพลี ถ.พระราม 4 ค่ะ (สถาบันเกอเธ่อยู่ในซอยนี้) มันจะอยู่ในกระบะที่ลดราคาเหลือแผ่นละ 29บาท แต่เข้าใจว่าที่ร้านนี้อาจไม่มีเหลืออยู่แล้ว เพราะดิฉันซื้อมานานราว 2 ปีแล้ว

ชอบที่คุณเต้เขียนถึง RADHA MITCHELL ในอีกกระทู้นึงด้วยค่ะ ทำให้รู้สึกว่าเธอนี่แหละคือ “สิ่งที่ค้นพบ” ในหนังเรื่องนี้ เพราะเดปป์, วินสเล็ท, จูลี่ คริสตี้ และมาร์ค ฟอร์สเตอร์ เป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว แต่ RADHA ผลุบๆโผล่ๆอยู่ในหนังหลายเรื่องมานานหลายปี แต่ไม่ค่อยจะได้มีโอกาสฉายแสงของตัวเองอย่างจริงๆจังๆสักที

ผลงานของ RADHA MITCHELL ที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบของหนัง (ถึงแม้ดิฉันจะไม่ค่อยชอบหนังบางเรื่องที่เธอเล่น แต่เธอก็เล่นในส่วนของตัวเองได้ดี ถึงแม้ไปอยู่ท่ามกลางองค์ประกอบที่ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่)
http://www.imdb.com/name/nm0593664/

1.TEN TINY LOVE STORIES (2001, RODRIGO GARCIA) A+

2.FINDING NEVERLAND (2004) A

3.CLEOPATRA’S SECOND HUSBAND (1998, JON REISS) A
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่อนุญาตให้หนุ่มหล่อคนนึง (Boyd Kestner) มาเฝ้าบ้านให้เขาขณะที่เขาไปเที่ยวนานหลายวัน แต่เมื่อเขากลับจากไปเที่ยว หนุ่มหล่อคนนี้กลับปฏิเสธที่จะออกจากบ้านไป พระเอกต้องทนอยู่ในบ้านกับหนุ่มหล่อคนนี้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดหนุ่มหล่อคนนี้ก็ข่มขืนพระเอก
http://movie-reviews.colossus.net/movies/c/cleopatras.html

4.PHONE BOOTH (2002, JOEL SCHUMACHER) A-/B+

5.MAN ON FIRE (2004) B-


หนังเรื่องนึงที่นึกถึงขณะที่ดู FINDING NEVERLAND ก็คือ TOPSY-TURVY (1999, MIKE LEIGHT, A+) ค่ะ ซึ่งในแง่ของธีมนั้นหนังสองเรื่องนี้อาจจะไม่เกี่ยวกันเลย แต่เกี่ยวกันแค่ในแง่ของ “ฉากหลัง” เท่านั้นเอง เพราะ TOPSY-TURVY พูดถึงวงการละครเวทีของอังกฤษในช่วงปี 1884 (ก่อนที่จะเกิด PETER PAN ราว 20 ปี) และเริ่มเรื่องด้วยความล้มเหลวของกิลเบิร์ตและซุลลิแวนกับละครเวทีเรื่อง PRINCESS IDA ก่อนที่จะแสดงให้เห็นถึงปัญหาของทั้งสองในการคิดหาละครเวทีเรื่องใหม่, แรงบันดาลใจอันนำไปสู่ละครเวทีเรื่องใหม่, ปัญหาชีวิตของทั้งสอง และจบลงด้วยความสำเร็จของกิลเบิร์ตและซุลลิแวนกับละครเวทีเรื่อง THE MIKADO
http://www.bfi.org.uk/sightandsound/reviews/details.php?id=565&body=synopsis

หนังไตรภาคละครเวทีอังกฤษ 3 ยุคสมัย
1.TOPSY-TURVY ละครเวทีอังกฤษทศวรรษ 1880
2.FINDING NEVERLAND ละครเวทีอังกฤษทศวรรษ 1900
3.BEING JULIA ละครเวทีอังกฤษทศวรรษ 1930

หนังอีกเรื่องนึงที่นึกถึงขณะที่ดู FINDING NEVERLAND ก็คือ KARL MAY (1974, HANS-JURGEN SYBERBERG, A++++++) ที่สร้างจากเรื่องจริงของนักประพันธ์ผู้หนึ่งที่ชอบจินตนาการถึงโลกอินเดียนแดงในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 หนังเรื่องนี้มีส่วนผสมของ “โลกแฟนตาซี” ของนักประพันธ์ในระดับที่น่าสนใจไม่แพ้ FINDING NEVERLAND แต่จุดที่แตกต่างกันก็คือชีวิตของคาร์ล ไม ในหนังเรื่องนี้ถูกแวดล้อมไปด้วยศัตรูผู้ไม่หวังดีและคนที่ไม่เป็นมิตรมากมาย ในขณะที่ชีวิตของแบร์รีใน FINDING NEVERLAND ดูน่าอภิรมย์กว่ามาก
http://www.imdb.com/title/tt0071713/

ดูหนังเรื่อง FINDING NEVERLAND แล้วก็นึกถึงเพลง FANTASY ของวง BLACKBOX ในปี 1990 ด้วยเหมือนกัน (รู้สึกจะมาจากเพลงเก่าของ EARTH, WIND & FIRE)


อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ L’ESQUIVE ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.lff.org.uk/films_details.php?FilmID=450

ขอสารภาพตามตรงว่าไม่ค่อยชอบ BLAME IT ON VOLTAIRE (2000, B-) หนังก่อนหน้านี้ของ ABDELLATIF KECHICHE สักเท่าไหร่ ชอบช่วงครึ่งแรกของหนังในระดับประมาณ A- แต่ชอบช่วงครึ่งหลังของหนัง (ช่วงที่ ELODIE BOUCHEZ เป็นบ้า) ในระดับประมาณ C+ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า L’ESQUIVE จะออกมาคล้ายช่วงครึ่งแรกหรือครึ่งหลังของ BLAME IT ON VOLTAIRE หรืออาจจะไม่เหมือนกันก็ได้


ดีวีดีของ RIVETTE กับ BERGMAN ไม่รู้มีที่จตุจักรหรือเปล่า เรื่องสถานที่ซื้อดีวีดี ดิฉันไม่ค่อยมีความรู้ค่ะ แต่รู้ว่าดีวีดีหนังของเบิร์กแมนมีออกมาเยอะมากๆๆๆๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BERGMAN ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=13192

หนังที่กำกับโดยอิงมาร์ เบิร์กแมนที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบ
1.THE SILENCE (1963, A+)
หนังเรื่องนี้ให้อารมณ์เหงาๆได้อย่างจับจิตจับใจมาก หนังมีประเด็นเลสเบียน และ INCEST สอดแทรกเข้ามาด้วย และน่าจะเป็นแรงบันดาลใจหนึ่งต่อ CHRISTOPHER MUNCH ในการสร้างหนังเกย์เรื่อง THE HOURS AND TIMES (1991, A++++++++) ซึ่งสะท้อนอารมณ์เหงาได้อย่างสุดยอดเช่นกัน

สรุปว่า THE SILENCE และ THE HOURS AND TIMES ติดอันดับทำเนียบ “หนังเหงา” ตลอดกาลในใจดิฉันค่ะ
2.PERSONA (1966, A+)
3.CRIES AND WHISPERS (1972, A+)
ตัวละครผู้หญิงในเรื่องนี้ถ่ายทอดอารมณ์ทุกข์ทรมานออกมาได้อย่างรุนแรงดี และการใช้สีในเรื่องก็น่าติดตามาก

4.THE SEVENTH SEAL (1957, A+) ช่วงที่ติดใจมากในเรื่องนี้คือช่วงที่กลุ่มตัวละครในเรื่องไปเจอกับผู้หญิงที่กำลังจะโดนประหารชีวิต หนังเรื่องนี้ได้รับการพาดพิงถึงใน LAST ACTION HERO (1993, JOHN MACTIERNAN, A-/B+) ด้วย

5.THE VIRGIN SPRING (1960, A+)
ควรดูหนังเรื่องนี้ควบกับ THE LAST HOUSE ON THE LEFT (1972, WES CRAVEN, A) และ TORTURE TRAIN (1975, ALDO LADO) ค่ะ

ดูข้อมูลเกี่ยวกับ TORTURE TRAIN ได้ที่
http://www.imdb.com/title/tt0073836/
ชอบคำโปรยของหนังเรื่อง TORTURE TRAIN มากค่ะ ที่ว่า
Most movies last less than two hours! This is one of everlasting torment!
http://www.imdb.com/title/tt0073836/taglines
6.AUTUMN SONATA (1978, A+)
หนังพูดถึงความสัมพันธ์แบบรักเกลียดทุกข์ทรทานระหว่างแม่กับลูกสาว หนังให้อารมณ์ใกล้เคียง CRIES AND WHISPERS
7.WINTER LIGHT (1963, A+)
หนังเรื่องนี้มีประเด็นทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และมีเนื้อหาบางจุดพาดพิงถึงความกลัวสงครามนิวเคลียร์ล้างโลกด้วยเหมือนกัน อย่างไรก็ดี นี่คือหนังที่ดูง่ายมากๆหากเทียบกับอีกเรื่องนึงที่เกี่ยวข้องกับความหวาดผวาสงครามนิวเคลียร์เหมือนกัน นั่นก็คือเรื่อง THE SACRIFICE (ANDREI TARKOVSKY)
8.THROUGH A GLASS DARKLY (1961, A/A-) 9.AFTER THE REHEARSAL (1984, A-)

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหนังของอิงมาร์ เบิร์กแมนเป็นภาษาอังกฤษได้ที่
http://www.filmref.com/directors/dirpages/bergman.html


JACQUES RIVETTE
หนังของรีแวทท์ที่เคยดู เรียงตามลำดับความชอบ

1.CELINE AND JULIE GO BOATING (1974) A+
หนึ่งในหนังที่ดิฉันชอบมากที่สุดในชีวิต แต่รู้สึกว่ายังไม่มีดีวีดีขาย

2.UP, DOWN, FRAGILE (1995) A+
หนึ่งในหนังเพลงที่ดิฉันชอบมากที่สุดในชีวิต แต่รู้สึกว่ายังไม่มีดีวีดีขายเช่นกัน

3.GANG OF FOUR (1988) A+
เรื่องของสาวๆฝรั่งเศสที่ต้องการเอาดีในทางละครเวที แต่พวกเธอก็เข้าไปพัวพันกับปริศนาลับบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ หนังเรื่องนี้เคยมีวีดีโอขายที่จตุจักร แต่ไม่รู้ว่ามีดีวีดีออกมาแล้วยัง ชอบ BULLE OGIER ในเรื่องนี้

4.LA BELLE NOISEUSE (1991) A+
หนังเรื่องนี้น่าจะหาซื้อได้ง่ายมาก และมีทั้งเวอร์ชัน 2 ชม.กับเวอร์ชัน 4 ชม. ดิฉันเคยดูแต่แบบ 4 ชั่วโมงค่ะ หนังเล่าเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างจิตรกร, ภรรยาจิตรกร, นางแบบ และตัวละครอื่นๆที่รายล้อมคนสามคนนี้ หนังมีฉากการวาดภาพที่นานมาก แต่ดูแล้วเพลินดี ชอบบรรยากาศชนบทฝรั่งเศสในหนังเรื่องนี้มากๆ มันน่าอยู่มากๆ (บรรยากาศชนบทฝรั่งเศสแบบนี้พบได้ในหนังหลายๆเรื่องของ ERIC ROHMER) ชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้มากๆ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LA BELLE NOISEUSE ได้ที่
http://www.filmref.com/directors/dirpages/rivette.html

5.SECRET DEFENSE (1998) A+
หนังของรีแวทท์เรื่องนี้มีบางอย่างที่ดูแล้วนึกถึงหนังของ CLAUDE CHABROL เพราะตัวละครในเรื่องนี้ค่อนข้างจะเครียดเขม็ง, ครุ่นแค้น, หมกมุ่น คล้ายๆกับตัวละครในหนังของ CHABROL ในขณะที่หนังของรีแวทท์เรื่องอื่นๆให้บรรยากาศทางอารมณ์ที่ “ปลอดโปร่งเบาสบาย” หนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติข้อนี้น้อยที่สุด แต่ก็จัดเป็นหนังที่ดูเพลินถ้าหากคุณอินกับตัวละครนางเอกของเรื่องนี้และชอบน้องชายนางเอก (อิอิอิ)

ฉากคลาสสิคฉากหนึ่งในเรื่องนี้คือฉากนางเอกนั่งรถไฟไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในฉากนี้เลย เพราะตลอดทั้งฉากนี้ นางเอกกำลัง “ครุ่นคิดตัดสินใจ” อะไรบางอย่าง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SECRET DEFENSE ได้ในบทความของ JARED RAPFOGEL ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ (JARED RAPFOGEL เป็นนักวิจารณ์ที่ชื่นชอบอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุลเป็นอย่างมาก)
http://www.sensesofcinema.com/contents/00/10/secret.html

6.WUTHERING HEIGHTS (1985) A+
ในขณะที่บทประพันธ์เดิมของ WUTHERING HEIGHTS น่าจะทำให้หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ที่เครียดร้อน แต่สิ่งที่ดิฉันประทับใจอย่างมากๆจากหนังเรื่องนี้กลับเป็น บรรยากาศที่ปลอดโปร่งโล่งสบายในชนบทฝรั่งเศส (อีกแล้ว) และตัวละครที่ดิฉันประทับใจมากที่สุดในเรื่องนี้กลับไม่ใช่พระเอกนางเอก แต่เป็นสาวใช้ของนางเอก

7.VA SAVOIR (2001) A
หนังเรื่องนี้น่าจะหาดีวีดีดูได้ง่ายเช่นกัน แต่ดิฉันไม่ชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้

ดีวีดีของ RIVETTE เรื่อง JEANNE LA PUCELLE เคยมีขายที่จตุจักรค่ะ แต่ดิฉันยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ RIVETTE ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/directors/03/rivette.html

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GUY MADDIN ได้ที่นี่ค่ะ
http://zeitgeistfilms.com/directors/gmaddin/

ฟังบทสัมภาษณ์ GUY MADDIN ที่ยาวกว่า 10 นาทีเกี่ยวกับหนังเรื่อง THE SADDEST MUSIC IN THE WORLD ได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ค่ะ
http://archives.cbc.ca/IDC-1-68-1420-9142/arts_entertainment/Guy_Maddin/clip10

ในลิงค์ข้างบนนี้ ยังมีลิงค์เชื่อมต่อไปยังอะไรๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับ GUY MADDIN อีกด้วย อย่างเช่นเบื้องหลังการถ่ายทำ DRACULA: PAGES FROM A VIRGIN’S DIARY และคลิปบทสัมภาษณ์ Maddin เกี่ยวกับหนังเรื่องอื่นๆ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ KAZUO ISHIGURO เจ้าของบทประพันธ์ที่เป็นที่มาของ THE SADDEST MUSIC IN THE WORLD ได้ในหนังสือ “บุ๊คไวรัส 1”

GUY MADDIN เขียนไดอารี่เบื้องหลังการถ่ายทำ THE SADDEST MUSIC IN THE WORLD ไว้ด้วยค่ะ สามารถอ่านได้ที่

SAD SONGS SAY SO MUCH วันที่ 1-5
http://www.villagevoice.com/film/0319,maddin,43873,20.html
TWILIGHT OF THE ICE NYMPHS วันที่ 6-8
http://www.villagevoice.com/film/0409,maddin,51489,20.html
FEVER DREAMS AND FUNERAL SCENES วันที่ 9-10
http://www.villagevoice.com/film/0412,maddin,52025,20.html
WAIT UNTIL DARK วันที่ 11-12
http://www.villagevoice.com/film/0414,maddin,52414,20.html
วันที่ 20-21
http://www.villagevoice.com/film/0417,maddin,52995,20.html

GUY MADDIN มักจะเขียนบทความเกี่ยวกับหนังเก่าๆที่เขาชื่นชอบลงในนิตยสาร FILM COMMENT ด้วยค่ะ เขาเป็นคนที่ชื่นชอบและรอบรู้ในเรื่องหนังเก่าๆเป็นอย่างมาก ก็เลยไม่น่าประหลาดใจที่เขาจะทำหนังของตัวเองออกมาได้อย่างย้อนยุคยอดเยี่ยมขนาดนั้น

คำแนะนำจาก GUY MADDIN

“จงดูหนังของ CARL THEODOR DREYER และ JOAN CRAWFORD ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าหากคุณยังไม่ได้ดู ORDET (1955, CARL THEODOR DREYER) คุณจะไม่มีวันเข้าใจหนังเรื่อง THE FEMALE ON THE BEACH (1955, JOSEPH PEVNEY) ได้อย่างแท้จริง”

ดูรูปจากหนังเรื่อง THE FEMALE ON THE BEACH ได้ที่
http://www.joancrawfordbest.com/filmsfemale.htm


มีความสุขกับมีตติ้งเมื่อวานนี้มากเลยค่ะ แต่พอกลับถึงบ้านก็ตกใจมากเมื่อพบว่าตัวเองลืมคืนวิดีโอให้คุณอ้วน ทั้งๆที่ตัวเองแบกวิดีโอติดตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ลืมหยิบออกจากกระเป๋าให้คุณอ้วน เรื่องนี้ต้องโทษว่าเป็นความผิดของคุณ Kit ค่ะ เพราะคุณ kit ชวนดูเว็บไซท์รวมหนุ่มหล่อ จิตใจของดิฉันก็เลยกระเจิดกระเจิง เปิดเปิงหมดเลย เลยทำให้ลืมไปเลยว่าควรทำอะไรบ้าง ว่าแล้วก็กลับไปดูเว็บไซท์นั้นต่อดีกว่า


ยังไม่ได้ดู PURPLE NOON เลยค่ะ แต่ชอบอเลน เดอลองตอนหนุ่มๆมาก หนังเรื่องนึงที่ถ้าออกเป็นดีวีดีเมื่อไหร่ ขอแนะนำให้ดู ก็คือเรื่อง LA PISCINE (1969, JACQUES DERAY, A-) เพราะหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับสระว่ายน้ำและอเลน เดอลองขณะเปลือยท่อนบนอยู่รอบๆสระว่ายน้ำ

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ LA PISCINE น่าดูเป็นอย่างยิ่ง ก็คือการที่ MAURICE RONET ดาราชายฝรั่งเศสที่ดิฉันหลงรัก รับบทนำในหนังเรื่องนี้คู่กับอเลน เดอลองด้วยค่ะ ก่อนหน้านี้ MAURICE RONET ก็เคยรับบทเป็น “ฟิลิป กรีนลีฟ” มาแล้วใน PURPLE NOON


ถ้าได้ดู FINDING NEVERLAND แล้วอยากรู้ว่าคนดูบางคนมีความคิดเห็นอย่างไรต่อหนังเรื่องนี้ ก็สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=14692


ดิฉันชอบ AFTER LIFE (A) และ NOBODY KNOWS (A) ค่ะ แต่ก็ชอบความเห็นของ MATTHEW WILDER ใน IMDB.COM เกี่ยวกับ AFTER LIFE มากเช่นกัน มันฮาๆดี
http://www.imdb.com/user/ur0404091/comments

เพลงอกหักเพลงอื่นๆที่ชอบ
1.THE DAY YOU WENT AWAY – WENDY MATTHEWS
ชอบเนื้อเพลงนี้ที่บอกว่า “ฉันนึกว่าวันที่เธอจากฉันไป วันนั้นฝนต้องตก แต่ปรากฏว่าวันที่เธอจากฉันไป วันนั้นท้องฟ้ากลับสดใส”
http://www.geocities.com/cianoy/lyrics/dayyouwent.htm

2.TOO GOOD – BANDERAS เพลงนี้อยู่ในอัลบัมชุด RIPE หนึ่งในอัลบัมที่ชอบที่สุดในชีวิต
เนื้อเพลงนี้เจ็บปวดมาก บอกว่า “คุณไม่มีทางมารักฉันได้หรอก เพราะเรื่องดีๆอย่างนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในชีวิตของฉัน มันเป็นเรื่องที่ดีเกินกว่าจะมาเกิดขึ้นกับฉันได้”

Too good to be
Just couldn’t be
This kind of thing doesn’t happen
Not to me
No, not to me

3.STEEP ของ LAUREN CHRISTY
อันนี้อาจจะไม่ใช่เพลงอกหัก แต่ดูเหมือนจะเป็นเพลงของผู้หญิงที่ไปหักอกคนอื่นมากกว่า ไม่ค่อยแน่ใจในความหมายของเพลงนี้เหมือนกัน แต่ลอเรน คริสตีร้องออกมาได้เศร้ามากๆ
http://www.azlyrics.com/lyrics/laurenchristy/steep.html

ขอบคุณค่ะสำหรับลิงค์รางวัลบาฟตา ดีใจมากๆเลยที่หนังเลสเบียนเรื่อง MY SUMMER OF LOVE ได้รางวัลด้วย

หนังเรื่อง A WAY OF LIFE ที่ได้รับรางวัลบาฟตาก็น่าดูมากๆเลยค่ะ หนังกำกับโดยผู้หญิงชื่อ AMMA ASANTE และนำแสดงโดยเบรนดา เบลธิน จาก SECRETS AND LIES โดยหนังเล่าเรื่องของหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่มีชีวิตบัดซบ
http://www.shadowsonthewall.co.uk/04/wayoflif.htm

รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับ THE LADYKILLERS (B+) เหมือนกันค่ะ เคยดูเวอร์ชันเก่าของหนังเรื่องนี้ ก็รู้สึกชอบในระดับแค่ B+ เหมือนกัน สาเหตุส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะดิฉันชอบหนังที่มีบท “หญิงชราอิทธิฤทธิ์สูง” มากกว่า แต่ในหนังเรื่องนี้ บทหญิงชราดูไม่ค่อยมีอิทธิฤทธิ์สูงเท่าไหร่ ก็เลยรู้สึกเบื่อๆ

หนังแนวหญิงชรามหาประลัยที่ชอบมาก ก็ได้แก่เรื่อง DUPLEX (2003, DANNY DE VITO, A) ค่ะ

พอดีเจอข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่อง MELO (1986, ALAIN RESNAIS, A) ที่เราได้ดูกันเมื่อวันอาทิตย์ค่ะ หนังเรื่องนี้สร้างจากละครเวทีในปี 1929 และพยายามรักษาขนบของละครเวทียุคนั้นเอาไว้จริงๆ

นักวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่าถึงแม้สไตล์ของหนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆของ RESNAIS แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่เรเนส์จะหยิบละครเวทีเรื่องนี้มาสร้างเป็นหนัง เพราะบทละครเวทีเรื่องนี้เกี่ยวกับ “ความทุกข์ทรมานใจของผู้หญิง” และ “ความทรงจำที่มีพลังอำนาจในการกัดกร่อนจิตใจ” ซึ่งสองอย่างนี้พบได้บ่อยมากในหนังของเรเนส์ โดยเฉพาะใน HIROSHIMA MON AMOUR (A+), LAST YEAR AT MARIENBAD (A+) และ MURIEL, OR THE TIME OF RETURN (1963, A+)

นักวิจารณ์ยังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า การดูเอ็ทกันระหว่างเปียโนกับไวโอลินในเพลงของ “บราห์มส์” ในหนังเรื่องนี้ เป็นการดูเอ็ทที่เจ็บปวดอย่างมากๆ
http://www.imdb.com/title/tt0091507/

เห็นคุณ kit บอกว่าได้ดู THE SADDEST MUSIC IN THE WORLD แล้ว ถ้าอยากอ่านความเห็นของคนอื่นๆที่มีต่อหนังเรื่องนี้ และเกร็ดประวัติเกี่ยวกับ GUY MADDIN สามารถอ่านเพิ่มได้ที่นี่ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=14518

ละครเวทีเรื่อง “ตึกแดง” จะเปิดแสดงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ค่ะ ดูรายละเอียดได้ที่http://www.nakedmasks.com/tuekdang/place.html

No comments: