Tuesday, April 26, 2005

MUSCLEBOUND WORKERS LEAVING THE FACTORY

ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร มีแต่โรคภัยไข้เจ็บเข้ามาอย่างไม่ว่างเว้นค่ะ ดิฉันหายปวดตาในวันเสาร์ ก็เลยไปดูหนังที่เอ็มโพเรียมวันเสาร์กับวันอาทิตย์ แต่พอวันจันทร์ก็เจ็บคอ ก็เลยต้องงดดูหนังอีก เลยอดดู ROLF DE HEER กับ DAVID WENHAM เลย

วันอาทิตย์ได้ดูหนัง 3 เรื่อง ซึ่งก็คือ

BE COOL (A+)
MALLBOY (A+)
LOVE SERENADE (A-)


โดยรวมแล้วประทับใจกับเทศกาลหนังออสเตรเลียปีนี้อย่างสุดๆเลยค่ะ ชอบหนังแต่ละเรื่องที่เลือกมาฉายในปีนี้อย่างมากๆ หนังอย่าง MALLBOY, WALKING ON WATER และ AUSTRALIAN RULES เป็นหนังที่ดิฉันไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย แต่ก็ได้ A+ จากดิฉันไปทั้งสามเรื่อง

รู้สึกว่าหนังออสเตรเลียหลายเรื่องที่ดิฉันชอบทั้งในอดีตและปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะมีลักษณะอย่างหนึ่งตรงกันค่ะ นั่นก็คือตัวละครในหนังเหล่านี้เหมาะจะไปอยู่ในละครน้ำเน่าประเภท MELROSE PLACE หรือ SANTA BARBARA http://www.imdb.com/title/tt0086793/
อย่างมากๆ หนังเหล่านี้มักจะมีตัวละครที่วนเวียนอยู่กับชีวิตครอบครัว ด่าๆทอๆกับพี่ๆน้องๆพ่อๆแม่ๆผัวๆเมียๆ ในย่านที่อยู่อาศัยที่เหมือนกับอยู่บริเวณชานเมือง เวลาที่ดิฉันดูหนังออสเตรเลียทำนองนี้หลายๆเรื่องติดๆกัน ดิฉันอยากจะจับเอาตัวละครเหล่านี้มาอาศัยอยู่บริเวณเดียวกันซะทั้งหมด และให้ตัวละครเหล่านี้ interact กันไปเรื่อยๆจนกลายเป็น soap opera ขึ้นมา

ว่าไปแล้วก็อยากดูละครโทรทัศน์ชุด NEIGHBOURS ของออสเตรเลียเหมือนกัน รู้สึกว่าจะสร้างมาตั้งแต่ปี 1985 แล้ว จนตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่จบ เห็นสถิติบอกว่าละครชุด NEIGHBOURS ตอนที่ 4,000 ได้แพร่ภาพในปี 2001 แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าแพร่ภาพไปถึงตอนที่เท่าไหร่แล้ว
http://www.imdb.com/title/tt0088580/

ดารานักร้องที่แจ้งเกิดจาก NEIGHBOURS รวมถึง

1.RUSSELL CROWE เขาเล่นละครชุดนี้ในปี 1987
2.GUY PEARCE (MEMENTO)
3.RADHA MITCHELL (FINDING NEVERLAND)
4.JASON DONOVAN
5.JESSE SPENCER (UPTOWN GIRLS)
6.KYLIE MINOGUE
7.HOLLY VALANCE
8.NATALIE IMBRUGLIA
9.DELTA GOODREM


ละครโทรทัศน์ของออสเตรเลียอีกเรื่องที่น่าดูก็คือ HOME AND AWAY (1988-2005) ดิฉันชอบเพลงไตเติลของละครชุดนี้มากเลยค่ะ
http://www.imdb.com/title/tt0094481/


หนังออสเตรเลียที่ดิฉันคิดว่าควรจับเอาตัวละครมาอาศัยอยู่ในย่านเดียวกันเพื่อสร้างเป็นละคร SOAP OPERA รวมถึงเรื่อง

1.MALLBOY (2001, VINCENT GIARRUSSO, A+) ชีวิตครอบครัวเส็งเคร็งราวกับหลุดมาจากหนังไมค์ ลีห์

2.AUSTRALIAN RULES ลูกชายวัยหนุ่มที่มีพ่อเส็งเคร็ง

3.WALKING ON WATER ชีวิตหญิงสาวที่ยังคงอยู่ในช่วงของการแสวงหาผัวที่เหมาะสม และชีวิตหนุ่มๆที่ยังคงอยู่ในช่วงของการแสวงหา “ผัว” ที่เหมาะสมเช่นกัน

4.LOVE SERENADE ชีวิตของสาวๆที่ยังคงอยู่ในช่วงของการแสวงหาผัวที่เหมาะสม

5.DANCE ME TO MY SONG (ROLF DE HEER, A+) การแสวงหาความรักของหญิงพิการ

6.INNOCENCE (PAUL COX, A+) การค้นพบความรักของหญิงวัยชรา

7.MURIEL’S WEDDING (A+/A) การค้นหาตัวเองของหญิงสาว

8.STRICTLY BALLROOM (A) การก้าวไปสู่จุดหมายของชายหนุ่มและหญิงสาว

9.LA SPAGNOLA (2001, STEVE JACBOS, B+) ความสัมพันธ์ของหญิงสาวกับแม่และหนุ่มๆในชีวิต

10.LOOKING FOR ALIBRANDI (2000, KATE WOODS, B) การเรียนรู้ชีวิตของเด็กสาววัยรุ่น

11.LANTANA (2001, RAY LAWRENCE, A+) ความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของตัวละครมากมาย
http://www.imdb.com/title/tt0259393/



เห็นคุณอ้วนพูดถึงหนังเรื่อง WORKERS LEAVING THE LUMIERE FACTORY ก็เลยนึกถึงหนังอีกเรื่องนึงที่อยากดูอย่างสุดๆเลยค่ะ นั่นก็คือเรื่อง WORKERS LEAVING THE FACTORY (1995, HARUN FAROCKI) ที่เป็นการนำฉากคนงานกับโรงงานจากหนังหลายๆเรื่องซึ่งรวมถึงหนังสารคดีมาตัดต่อเข้าด้วยกัน และสำรวจประเด็นอะไรหลายๆอย่างที่น่าสนใจมากๆจากฉากเหล่านี้

WORKERS LEAVING THE FACTORY ประกอบขึ้นจากการใช้ฟุตเตจหนังเหล่านี้

1.WORKERS LEAVING THE LUMIERE FACTORY (1895, LUMIERE BROTHERS)

2.ฟุตเตจบันทึกภาพคนงานโรงงานฟอร์ด มอเตอร์ในเมืองดีทรอยท์ รัฐมิชิแกนในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20



3.METROPOLIS (1927, FRITZ LANG)


4.DESERTER (1933, VSEVOLOD PUDOVKIN) หนังเรื่องนี้ได้รับการผลิตขายในรูปแบบดีวีดีแล้ว
http://www.imdb.com/title/tt0023939/


5.ฟุตเตจบันทึกภาพคนงานที่เดินออกจากโรงงาน SIEMENS ของเยอรมนีเพื่อไปเข้าร่วมการเดินขบวนเชิดชูนาซีในปี 1934

6.ฟุตเตจบันทึกภาพนักโทษในค่ายกักกันชาวยิวช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง


7.CLASH BY NIGHT (1952, FRITZ LANG) หนังเรื่องนี้ได้รับการผลิตเป็นดีวีดีขายแล้ว
http://www.imdb.com/title/tt0044502/

8.RED DESERT (1964, MICHELANGELO ANTONIONI, A) หนังเรื่องนี้มีภาพคนงานและโรงงานเช่นกัน

9.ACCATONE (1961, PIER PAOLO PASOLINI (เกย์), A+) หนังเรื่องนี้นำเสนอภาพชีวิตหนุ่มๆชนชั้นแรงงานที่น่ากินน่ากอดน่าฟัดเป็นอย่างมาก
http://www.imdb.com/title/tt0054599/

10.THE KILLERS (1946, ROBERT SIODMAK)
http://www.imdb.com/name/nm0802563/

11.MODERN TIMES (CHARLES CHAPLIN)

12.MAN OF IRON (1981, ANDRZEJ WAJDA, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0082222/

13.INTOLERANCE (1916, D.W. GRIFFITH)

14.ฟุตเตจบันทึกภาพคนงานโรงงานในเยอรมันตะวันออกปี 1963 ขณะออกไปซ้อมรบ

15.ฟุตเตจบันทึกภาพคนงานโรงงานในเยอรมันตะวันตกปี 1975 ขณะถูกชักชวนให้ร่วมการประท้วง โดยกลุ่มผู้ชักชวนเปิดเพลงของ VLADIMIR MAYAKOVSKYเพื่อปลุกใจคนงาน แต่คนงานส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเพลงนี้คือเพลงที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติในรัสเซีย

อ่านเรื่องราวของ VLADIMIR MAYAKOVSKY ได้ที่
http://www.gavle.to/~t.hallqvist/majaken.html

16.ฟุตเตจบันทึกภาพข่าวการประท้วงในโรงงานอังกฤษปี 1956


http://filmref.com/directors/dirpages/farocki.html


อ่านบทสัมภาษณ์ HARUN FAROCKI เกี่ยวกับหนังเรื่อง WORKERS LEAVING THE FACTORY ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/02/21/farocki_workers.html



ส่วนหนังเกี่ยวกับคนงาน, หนังที่มีฉากโรงงาน, ฉากคนงานประท้วง หรือฉากคนงานที่ไม่ยอมประท้วงที่ดิฉันชอบมากๆ ก็รวมถึงเรื่อง

1.WITTSTOCK, WITTSTOCK (1997, VOLKER KOEPP, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0120527/

หนังสารคดีเกี่ยวกับชีวิตผู้หญิงสามคน พวกเธอเคยทำงานในโรงงานในเยอรมันตะวันออก แต่พอเยอรมันตะวันออกล่มสลาย โรงงานของพวกเธอก็ไม่อาจต้านทานระบบทุนนิยมได้ โรงงานต้องปิดตัวลง ชีวิตของพวกเธอก็เคว้ง ผู้หญิงคนหนึ่งพยายามเข้าคอร์สอบรมต่างๆนานามากมายเพื่อเพิ่มพูนทักษะให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนคอมพิวเตอร์หรืออะไรต่างๆนานา แต่ก็หางานทำไม่ได้สักที


2.PASSION (1982, JEAN-LUC GODARD, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0084481/

3.DANCER IN THE DARK (2000, LARS VON TRIER, A+)

4.STRONGMAN FERDINAND (1976, ALEXANDER KLUGE, A) พระเอกหนังเรื่องนี้เป็นยามโรงงานที่เสียสติมากๆ
http://www.imdb.com/title/tt0075266/

5.BILLY ELLIOT (STEPHEN DALDRY, A) ประทับใจคุณพ่อที่ยอมทนไปทำงานเพื่อลูกชาย

6.A NOUS LA LIBERTE (1931, RENE CLAIR, A)
http://www.imdb.com/title/tt0022599/

7.REQUIEM FOR DOMINIC (1990, ROBERT DORNHELM, A) สร้างจากเรื่องจริงของผู้กำกับหนังเรื่องนี้ โดยผู้กำกับหนังเรื่องนี้มีเพื่อนเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าคนงานตายไป 80 คนในโรงงานเคมีในโรมาเนีย
http://www.austinchronicle.com/gbase/Calendar/Film?Film=oid%3a139607

8.NIGHTSHIFT (2001, PHILIPPE LE GUAY, A-) รู้สึกคุณอ้วนจะชอบหนังเรื่องนี้ ถ้าจำไม่ผิด หนังเรื่องนี้มีฉากคนงานชายอาบน้ำที่ดีมากๆเลยค่ะ
http://www.imdb.com/title/tt0274993/

9.THE RIVER (1984, MARK RYDELL, A-) มีฉากที่เมล กิบสันพยายามเข้าไปทำงานในโรงงาน
http://www.imdb.com/title/tt0088007/

10.HAPPINESS IS IN THE FIELD (1995, ETIENNE CHATILIEZ, B)
http://www.imdb.com/title/tt0112556/

11.SWING SHIFT (1984, JONATHAN DEMME, B)
http://www.imdb.com/title/tt0088213/


ส่วนหนังเกี่ยวกับปัญหาแรงงานที่ดิฉันอยากดูแต่ยังไม่ได้ดู รวมถึงเรื่อง

1.SALT OF THE EARTH ที่คุณ pc แนะนำเอาไว้ที่นี่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3398

ภาพยนตร์เรื่อง Salt of the Earth เป็นเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้ของคนงานเหมืองชาวเม็กซิกัน ที่เรียกร้องให้ทางบริษัทเจ้าของเหมืองเพิ่มสวัสดิการ เมื่ออำนาจรัฐได้ร่วมมือกับทางบริษัทเพื่อสลายการชุมนุมและยังได้เข้าทำร้ายผู้ชุมนุม กลุ่มภรรยาของคนงานเหมืองก็ได้เข้าร่วมการประท้วงเพื่อทำให้การชุมนุมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ หนังเรื่องนี้ใช้นักแสดงอาชีพน้อยมาก ผู้เข้าร่วมแสดงส่วนใหญ่จะมาจากชนชั้นแรงงานและเคยมีประสพการณ์ในการสไตร์คมาแล้ว


2.AN INJURY TO ONE (2002, Travis Wilkerson)
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3016
An Injury to Oneที่กำกับโดยทราวิส วิลเคอร์สัน เป็นภาพยนตร์แนวทดลอง/สารคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสังหารแฟรงค์ ลิตเติล ผู้นำแรงงานในเมืองบัทท์ รัฐมอนตานาในช่วงเปลี่ยนเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยในเรื่องนี้วิลเคอร์สันได้เจาะลึกเข้าสู่ประวัติศาสตร์ของรัฐมอนตานาและลัทธิบริโภคนิยมยุคใหม่ รวมทั้งได้วิเคราะห์บริษัทเหมืองแร่ทองแดงแห่งหนึ่ง, การปฏิบัติต่อแรงงาน และความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลมาถึงยุคปัจจุบัน

An Injury to One แสดงให้เห็นถึงสภาพอันน่าเศร้าของเมืองบัทท์ในปัจจุบันด้วย โดยเมืองบัทท์ขณะนี้มีประชากรราว 32,000 คน และมีแหล่งน้ำปนเปื้อนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ส่วนบริษัทเหมืองแร่แห่งนั้นได้ทิ้งเมืองนี้ไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้วหลังจากขุดเอาทองแดงมูลค่าราว 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปแล้วเรียบร้อย


3.A BIENTOT, J’ESPERE (1968, CHRIS MARKER)
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=2978

ฉากส่วนใหญ่ใน Be Seeing You เป็นการตั้งกล้องนิ่งๆเพื่อถ่ายโคลสอัพใบหน้าของคนงานและผู้จัดการประท้วง ในขณะที่คนเหล่านี้เล่าเรื่องราวของตัวเองซึ่งรวมถึงเรื่องที่พวกเขาหันมาเชื่อถือในลัทธิสังคมนิยม, เรื่องสภาพการทำงานที่เลวร้าย, เรื่องที่พวกเขาต้องการสิทธิในด้านการศึกษาและวัฒนธรรม และต้องการค่าจ้างและสภาพการทำงานที่ดีขึ้น
จุดเด่นของเรื่องนี้คือการที่ผู้กำกับปล่อยให้กล้องบันทึกภาพคนงานแต่ละคนขณะพูดตามลำพังไปเรื่อยๆโดยไม่มีการตัดต่อในฉากนั้นๆ เพราะผู้กำกับคิดว่าการตัดต่อในขณะที่คนงานพูดถือเป็นการก้าวก่ายที่ไม่สมควรกระทำ


4.VALLEY OF TEARS (2003, HART PERRY)
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=3398

5.EIGHT HOURS ARE NOT A DAY (1972, RAINER WERNER FASSBINDER (เกย์))
http://www.haussite.net/haus.0/SCRIPT/txt1999/11/Marthee.HTML

ชอบเพลง LOVE WILL LEAD YOU BACK มากๆเหมือนกันค่ะ

ตอนนี้เพลงเก่าที่กลับมาชอบมากอีกครั้งก็คือเพลง NOBODY’S SUPPOSED TO BE HERE ของ DEBORAH COX ค่ะ เพราะดูหนังเรื่อง HITCH แล้วทำให้นึกถึงเพลงนี้ มันเป็นเพลงของคนที่ไม่ยอมเปิดใจให้กับความรัก แต่ในที่สุดก็อดใจไม่ได้ (จริงๆแล้วอารมณ์ของเพลงน่าจะคล้ายๆกับ I DON’T WANNA GET HURT ของ DONNA SUMMER)


ขอบคุณน้อง VESPERTINE มากค่ะสำหรับภาพจากหนังเรื่อง LEMMING ดูการปะทะกันของชาร์ลอทท์ แกงส์บูร์กกับชาร์ลอทท์ แรมพลิงแล้วก็เลยนึกไปถึงหนังเรื่อง SEE HOW THEY RUN (2002, MICHEL BLANC, A+) เพราะในหนังเรื่องนั้น ชาร์ลอทท์ แรมพลิงก็เคยปะทะกับ LOU DOILLON ซึ่งเป็นน้องสาวของชาร์ลอทท์ แกงส์บูร์กมาแล้ว

ดีใจมากค่ะที่คุณ kit จำฉากนั้นได้ ดิฉันก็จำฉากนั้นได้เหมือนกันค่ะที่พระนางเต้าไป่ฟ่งตีลังกาหลบอาวุธจากหยางพ่านพ่าน

ฉากหนังจีนกำลังภายในที่ฝังใจไม่รู้ลืม (ถ้าเล่าซ้ำก็ขออภัยด้วย)

1.ฉากจากนิยายจีนกำลังภายในที่ฝังใจมากๆอีกฉากนึงก็คือฉากในดาบมังกรหยก ที่องค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงต่อสู้กับกลุ่มของทูตจันทราจากพรรคจรัสเปอร์เซียบนเกาะแห่งหนึ่ง ในขณะที่เตียบ่อกี้ (รู้สึกว่าตอนนั้นได้รับบาดเจ็บ) หลบซ่อนอยู่ องค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงวิทยายุทธสูงมาก แต่ก็สู้กับกลุ่มของทูตจันทราไม่ได้ เพราะพวกของทูตจันทรามีอาวุธเป็นป้ายประกาศิตของพรรคจรัสที่มีอานุภาพสูงมาก

องค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงรักเตียบ่อกี้มาก และกลัวว่าถ้าหากเธอสู้แพ้ เตียบ่อกี้จะถูกทำร้าย เธอก็เลยตัดสินใจใช้ท่าไม้ตายที่เป็น “ไม้ตาย” จริงๆ เพราะตอนนั้นพวกของทูตจันทราคนหนึ่งโอบตัวเธอเอาไว้จากด้านหลัง องค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงก็เลยตัดสินใจจะแทงดาบทะลุตัวเอง เพื่อให้ดาบนั้นทะลุไปแทงคนที่โอบเธอด้านหลังด้วย เรียกได้ว่าถ้าหากเธอใช้ท่า “ไม้ตาย” ท่านี้ ทั้งตัวเธอและศัตรูก็จะถูกแทงตายไปพร้อมๆกัน (ทำไมเขียนถึงฉากนี้แล้วนึกถึงไม้เสียบลูกชิ้นปิ้งก็ไม่รู้)

ฉากนี้เป็นฉากที่ซึ้งมากๆเลยค่ะ มันเป็นฉากที่ตัวละครหญิงยอมตายเพื่อชายที่ตัวเองรักด้วยวิธีการที่ unique มากๆ แต่ถ้าจำไม่ผิด ในฉากนั้นเตียบ่อกี้รู้ทันว่าองค์หญิงเตี๋ยเมี่ยงจะใช้ท่าไม้ตายท่านั้น เขาก็เลยหาวิธีขัดขวางไม่ได้องค์หญิงทำได้สำเร็จ


2.ฉากจากมังกรหยกภาคเอี้ยก้วย (หลิวเต๋อหัว) มีอยู่ฉากนึงที่เอี้ยก้วย, สาวขาเป๋, พี่สาวของสาวขาเป๋, ลี้มกโช้ว กับลูกศิษย์หญิงไปสู้กันในหุบเขาดอกรัก และเจอค่ายกลดอกรักล้อมเอาไว้

เอี้ยก้วยถูกพิษดอกรักเข้าไปแล้วก่อนหน้านี้ เขาก็เลยยอมเอาร่างกายของตัวเองพาดข้ามแถวค่ายกลดอกรักเอาไว้ เพื่อให้สาวขาเป๋กับพี่สาวกระโดดข้ามค่ายกลดอกรักและหนีรอดออกจากค่ายกลมาได้โดยไม่ต้องโดนพิษดอกรัก

แต่ลี้มกโช้วไม่รู้ว่าตัวเองจะหนีออกจากค่ายกลดอกรักได้ยังไง เธอก็เลยฆ่าลูกศิษย์หญิงของตัวเอง และกะจะใช้ศพของลูกศิษย์หญิงพาดข้ามค่ายกลดอกรัก แต่พอเธอจะกระโดดข้ามไป ลูกศิษย์หญิงของเธอที่ยังไม่ตายก็เลยยื้อขาเธอเอาไว้ และเป็นเหตุให้ลี้มกโช้วได้รับพิษดอกรักในที่สุด
หลังจากนั้นอึ้งย้งก็โผล่มา และพูดในทำนองที่ว่า “ลี้มกโช้ว เจ้าช่างโง่เสียจริงๆ เจ้าไม่เห็นต้องฆ่าลูกศิษย์หญิงของเจ้าเองเลย เจ้าเพียงแค่ถอดเสื้อคลุมออกแล้วโกยทรายใส่เข้าในเสื้อคลุม แล้วก็ใช้ห่อผ้าเสื้อคลุมนั้นวางพาดค่ายกลดอกรัก เจ้าก็หนีออกมาได้แล้ว”

No comments: