Saturday, May 21, 2005

ODYSSEAS PAPASPILIOPOULOS

--ได้อ่านที่คุณ TARENCE เขียนถึงนก ก็เลยนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองค่ะ แต่เป็นเรื่องที่เศร้ามากๆ เพราะอยู่ดีๆก็มีนกสองตัวมาทำรังที่ระเบียงห้องดิฉัน ปกติดิฉันไม่ค่อยได้ออกไปที่ระเบียง แต่มีอยู่วันหนึ่งก็พบรังนกขนาดใหญ่อยู่ที่ระเบียง และมีนกสองตัวที่ดิฉันเดาว่าคงเป็นสามีภรรยากันบินมาที่รังนี้บ่อยๆ

แต่ในที่สุดดิฉันก็ตัดสินใจเก็บรังนกนี้ไปทิ้งค่ะ เพราะไม่อยากให้มันมาทำรังที่ระเบียงนี้ ดิฉันไม่แน่ใจว่าสามีภรรยาคู่นี้เป็นนกพิราบหรือเปล่า แต่ได้ยินมาว่าขี้นกพิราบมีเชื้อราฟุ้งกระจายที่ทำให้เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ดิฉันก็เลยต้องตัดสินใจเก็บรังนกไปทิ้ง เพื่อเป็นการบอกสามีภรรยาคู่นี้ในทางอ้อมว่าได้โปรดไปทำรังที่อื่นเถอะ อย่ามาทำรังที่นี่เลย

รู้สึกแย่เหมือนกันค่ะที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ เพราะดิฉันรู้สึกว่าสามีภรรยาคู่นี้รักกันมากๆ ฝ่ายภรรยาคงท้องแก่ใกล้คลอดลูกแล้ว ฝ่ายสามีก็ช่างดีเสียเหลือเกิน (ผิดกับมนุษย์ผู้ชายบางคนที่ไม่ควรได้ชื่อว่าเป็น “มนุษย์”) อุตส่าห์ทยอยเก็บกิ่งไม้มาทำรัง ไม่รู้พวกมันต้องใช้ความพยายามนานกี่วัน ต้องบินกี่กิโลเมตรกว่าจะเก็บกิ่งไม้มาทำรังได้ใหญ่ขนาดนี้ ดิฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไปเผาบ้านของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ทำงานเก็บหอมรอมริบกันมานานกว่าจะปลูกบ้านได้สักหลัง พอปลูกเสร็จ จะเข้าไปอยู่ในบ้าน ดิฉันก็ไปเผาบ้านของเขาทิ้งเสีย

ไม่รู้เหมือนกันว่าสามีภรรยาคู่นี้จะทำอย่างไรต่อไป พวกเขาสองตัวนี้คงรักกันมากๆจริงๆ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาขอให้พวกเขาได้ที่ทำรังใหม่ที่ดี, ปลอดภัย และทันเวลากำหนดวางไข่ของภรรยา (แต่เดาว่าไม่น่าจะทัน) เฮ้อ ทำไมชีวิตถึงต้องบังคับให้เราทำในสิ่งที่โหดร้ายก็ไม่รู้ ไม่อยากจะทำเลยจริงๆ


--พูดถึงเหวินเซียะเอ๋อ ดิฉันก็นึกถึงดาราหญิงคนหนึ่งในยุคปัจจุบันนี้ที่ดิฉันรู้สึกว่ามีเสน่ห์คล้ายๆกัน นั่นก็คือ KAREN MOK หรือ ม่อเหวินเหว่ย ที่เล่น SO CLOSE (A) กับ FALLEN ANGELS (A+) ดิฉันรู้สึกว่าคาเรน ม็อค ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ดูน่ารักแบบแก่นแก้ว ก็เลยนึกถึงเหวินเซียะเอ๋อ

--อยากดู BILLY ELLIOT THE MUSICAL มากเลยค่ะ เพราะเหมือนจะได้ยินมาว่าละครเพลงเวอร์ชันนี้จะแตกต่างจากหนัง เพราะละครเพลงเวอร์ชันนี้จะเน้นประเด็นเรื่องการเมืองและด่ามาร์กาเร็ต แธทเชอร์อย่างรุนแรง ในขณะที่ในเวอร์ชันหนัง ประเด็นเรื่องการเมืองกลายเป็นเพียงแบคกราวด์เท่านั้น

--เพิ่งได้ดูแดเนียล วูใน HOUSE OF FURY (2005, STEPHEN FUNG, B) ค่ะ ดิฉันยอมลงทุนถ่อไปถึงเดอะมอลล์ งามวงศ์วานเพื่อดูหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก็เป็นหนังที่ขายความเป็นกังฟูแอคชันอย่างรุนแรงมาก แต่เนื่องจากดิฉันไม่ใช่แฟนกังฟู ก็เลยไม่ค่อยสะใจกับหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ ชอบหนังแอคชันที่ขายความแร่ดๆแบบ NAKED WEAPON (2002, เฉินเสี่ยวตง, A-) มากกว่า

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ถูกใจใน HOUSE OF FURY ก็คือหนังมีฉากผู้หญิงบู๊อยู่หลายฉากเหมือนกัน ก็เลยทำให้ชอบหนังเรื่องนี้มากกว่า UNLEASHED (B-) เพราะถึงแม้ UNLEASHED จะเป็นหนังที่จริงจังกว่าและมีประเด็นเรื่องสีผิวที่น่าสนใจดี แต่รู้สึกสนุกกับฉากบู๊ใน HOUSE OF FURY มากกว่า

--เพลงของ ALISON MOYET ที่ชอบมากๆรวมถึงเพลง ONLY YOU, IS THIS LOVE, IT WON’T BE LONG, THIS HOUSE กับ WHISPERING YOUR NAME
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B000002B9A/qid=1116162799/sr=2-2/ref=pd_bbs_b_2_2/104-1379411-8834357

นอกจากนี้ ดิฉันยังชอบนักร้องอีก 2 คนที่ชื่อคล้ายกันด้วยค่ะ นั่นก็คือ ALYSON WILLIAMS กับ ALISON LIMERICK

เพลงของ ALYSON WILLIAMS ที่ชอบมากก็คือ 2 ND X AROUND, I NEED YOUR LOVIN’, SLEEP TALK และ MY LOVE IS SO RAW

เพลงของ ALISON LIMERICK ที่ชอบมากก็คือ WHERE LOVE LIVES, MAKE IT ON MY OWN, HEAR MY CALL, LOVE COME DOWN กับ COME BACK FOR REAL LOVE,

ถ้าหากพูดถึงนักร้องหญิงเสียงดีแล้ว นักร้องคนนึงที่ชอบมากคือ LISA FISCHER ค่ะ เพลงที่ชอบมากของเธอก็คือ HOW CAN I EASE THE PAIN
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B000002H7K/ref=pd_krex_sdu_sims/104-1379411-8834357


--Juliet Stevenson เล่นได้ดีมากๆใน FOOD OF LOVE (A) ค่ะ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์ DRAMATIC แบบหนังฮอลลีวู้ดสักเท่าไหร่ รู้สึกว่า FOOD OF LOVE เป็นหนังที่ “เน้นตัวละคร” มากกว่า “เน้นพล็อต” ค่ะ เพราะฉะนั้นก่อนดูหนังเรื่องนี้อาจจะต้องทำใจไว้ก่อนว่าหนังไม่ได้มีลำดับการสร้างอารมณ์ให้พุ่งขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดไคลแมกซ์แบบหนังฮอลลีวู้ด

หนังอีกเรื่องที่เปิดโอกาสให้จูเลียต สตีเวนสันแสดงฝีมือได้อย่างสุดๆ ก็คือ TRULY, MADLY, DEEPLY (1991, ANTHONY MINGHELLA, B) โดยในเรื่องนี้จูเลียตรับบทเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่กับ “ผัวที่กลายเป็นผี” และหลังจากนั้นผัวผีของเธอก็พาเพื่อนๆผีเข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกับเธอกันหลายตัว

http://rogerebert.suntimes.com/apps/pbcs.dll/article?AID=/19910524/REVIEWS/105240302/1023


--ชอบคุณแม่ใน THE TRIP ที่ขโมยของจากบ้านคนรวย บทคุณแม่ในหนังเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงบทคุณแม่ในหนังฮ่องกงเรื่อง YESTERDAY ONCE MORE (2004, JOHNNY TO, A-) ที่มีนิสัยชอบขโมยเหมือนกัน ใน YESTERDAY ONCE MORE มีฉากที่คุณแม่บุกไปด่าพระเอกกับด่านางเอก แต่ด่าอย่างเดียวยังไม่สะใจ เธอก็เลยขโมยเชิงเทียนกับถ้วยโถโอชามในบ้านพระเอกนางเอกมาด้วย


--ชอบ MY LIFE WITHOUT ME มากๆเลยค่ะ สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้รวมถึง

1.ตอนจบของเรื่องที่ตัดช่วงเวลาใกล้ตายทิ้งไปจากเรื่องหมดเลย จุดนี้ทำให้นึกถึง A HOME AT THE END OF THE WORLD (2004, MICHAEL MAYER, A+) ที่มีตัวละครป่วยใกล้ตายเหมือนกัน

2.ชอบดนตรีประกอบ

3.รู้สึกว่านางเอกมีอะไรประหลาดๆน่าสนใจดี ตอนแรกเธอเรียนภาษาจีนเพราะเธอคงคิดว่า “อาจจะมีประโยชน์กับชีวิตในอนาคต” แต่ตอนหลังเธอรู้ว่า “ชีวิตของเธอไม่มีอนาคต” แล้ว เธอก็ยังคงฟังเทปฝึกภาษาจีนต่อไปอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะฟังไปเพื่ออะไร

4.ชอบตัวละครในเรื่องที่หมกมุ่นกับอะไรต่าง ซึ่งรวมถึง

4.1 LEONOR WATLING ที่หมกมุ่นกับประสบการณ์ทรมานใจเรื่อง “เด็ก”
4.2 MARIA DE MEDEIROS ที่หมกมุ่นกับ MILLI VANILLI
4.3 สาวเสิร์ฟที่หมกมุ่นกับความอยากเป็นแชร์ แล้วตอนหลังมาหมกมุ่นกับบริทนีย์ สเปียร์ส
4.4 DEBORAH HARRY ที่หมกมุ่นกับหนังเรื่อง MILDRED PIERCE (1945)
4.5 AMANDA PLUMMER ที่หมกมุ่นกับความอยากผอม

5.ชอบคนเล่นแก้วที่มักอยู่ข้างถนนและมาปรากฏให้เห็นทางหางตาของตัวละคร

6.ชอบเด็กในหนังเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะฉากที่เด็กด่า AMANDA PLUMMER

7.การที่นางเอกอัดเทปทิ้งไว้ให้ลูกในหนังเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงนางเอก BE WITH YOU (B+) ที่สั่งเค้กวันเกิดล่วงหน้าให้ลูก

8.อันนี้ไม่ต้องบอกก็คงรู้อยู่แล้ว ชอบผู้ชายในหนังเรื่องนี้ค่ะ


--ไม่ได้ดู SIX FEET UNDER มานานแล้ว พอได้ดูตอนวันอังคารที่ผ่านมา ก็งงมากว่าทำไมดารารับเชิญในละครเรื่องนี้ถึงมีแต่ดาราที่น่าสนใจทั้งนั้น

ดารารับเชิญที่ปรากฏตัวใน SIX FEET UNDER ตอนที่แล้วรวมถึง

1.MENA SUVARI จาก AMERICAN BEAUTY (A+)

2.MICHELLE TRACHTENBERG จาก MYSTERIOUS SKIN (A+)
http://www.imdb.com/name/nm0005502/

3.BOBBY CANNAVALE จาก SHALL WE DANCE (A-)
รู้สึกหนุ่มหล่อคนนี้จะถูกโฉลกกับหนัง/ละครเกย์มากเป็นพิเศษ เพราะว่า

3.1 เขารับบทเป็นเกย์ใน SHALL WE DANCE
3.2 เขารับบทเป็นเกย์ใน SIX FEET UNDER
3.3 เขาแสดงหลายตอนใน WILL & GRACE
3.4 เขาเล่นเรื่อง HAPPY ENDINGS ที่มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับเกย์

4.JOSH STAMBERG จาก A LOT LIKE LOVE (A+)


--ชอบที่คุณอ้วนเขียนเกี่ยวกับ THE COLOUR OF LIES มากๆเลยค่ะ จุดต่างๆเหล่านี้เป็นจุดที่ดิฉันไม่ได้สังเกตมาก่อนเหมือนกัน

Spoilers

จุดที่ดิฉันชอบมากใน THE COLOUR OF LIES ก็คือในขณะที่หนังทริลเลอร์หรือหนังฆาตกรรมเรื่องอื่นๆ มักจะสร้างความรู้สึกตื่นเต้นให้ผู้ชมด้วย “การฆาตกรรมบนจอภาพ” หรือ “การฆาตกรรมในเนื้อเรื้อง” แต่สำหรับ THE COLOUR OF LIES นั้น ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นสุดขีดขณะที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ เพราะดิฉันจินตนาการอย่างหวาดกลัวไปต่างๆนานาว่าจะเกิดการฆาตกรรมขึ้นในฉากโน้นหรือในฉากนี้ แต่กลับไม่เกิดการฆาตกรรมขึ้นในฉากที่ดิฉันคาดเดาไว้ หนังเรื่องนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นลุ้นระทึกถึงขีดสุด โดยใช้วิธีกระตุ้นให้ดิฉันจินตนาการถึงการฆาตกรรมขึ้นมาเอง ซึ่งรวมถึงในฉากดังต่อไปนี้

1.ในฉากที่ตัวละครมากินข้าวกัน และเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าติดๆดับๆ ดิฉันใจหายใจคว่ำแทนตัวละครในฉากนั้นมาก เพราะดิฉันเดาว่าพอไฟฟ้าสว่างขึ้นมา ต้องมีตัวละครหนึ่งคนในนั้นถูกฆ่าตาย แต่ในที่สุด พอไฟสว่างขึ้นมา ก็ไม่ได้มีการฆาตกรรมเกิดขึ้นในฉากนั้นแต่อย่างใด

2.ฉากที่ทำให้ดิฉันรู้สึกหวาดกลัวจนหายใจไม่ทั่วท้อง และต้องเกาะขอบเก้าอี้ไว้แน่นมาก ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่า “อย่าฆ่าเธอนะ อย่าฆ่าเธอนะ” ก็คือฉากที่ VALERIA BRUNI TEDESCHI มาสอบปากคำซองดรีน บอนแนร์ขณะที่บอนแนร์รีดผ้า เพราะในฉากนั้นบอนแนร์จะเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ เธอเริ่มทนตำรวจหญิงคนนี้ไม่ได้อีกต่อไป และเธอก็รีดผ้าอยู่ ดิฉันกลัวจนฉี่แทบราดในฉากนั้น เพราะดิฉันกลัวว่าบอนแนร์จะทนไม่ไหวและยกเตารีดขึ้นมานาบที่ใบหน้าของ VALERIA BRUNI TEDESCHI เพราะในฉากนั้น “สีหน้า” ของบอนแนร์เป็นสีหน้าที่หนักมาก เธอเป็นตัวละครที่ทำให้ดิฉันรู้สึกว่ามี POTENTIAL สูงมากๆที่จะเป็นฆาตกร แต่ก็ดีที่ความสามารถในการเป็นฆาตกรของตัวละครตัวนี้ “เป็นเพียงพลังงานศักย์” ตลอดทั้งเรื่อง โดยยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจนกลายเป็น “พลังงานจลน์”

3.ถึงแม้ VALERIA BRUNI TEDESCHI จะรอดชีวิตจากฉากรีดผ้าไปได้ ดิฉันก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี เพราะดิฉันกลัวมากๆว่าตัวละครตัวนี้จะไปรู้ความจริงบางอย่างเข้า ซึ่งจะส่งผลให้ JACQUES GAMBLIN กับ SANDRINE BONNAIRE ต้องร่วมมือกันฆ่าตำรวจหญิงคนนี้ในภายหลัง ดิฉันชอบตัวละครตำรวจหญิงคนนี้มากค่ะ ก็เลยเอาใจช่วยให้เธอมีชีวิตรอดอยู่จนจบหนังเรื่องนี้ และเธอก็มีชีวิตรอดอยู่จนจบจริงๆ ในขณะที่ JACQUES GAMBLIN กับ SANDRINE BONNAIRE ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะร่วมมือกันฆ่าตำรวจหญิงคนนี้อย่างที่ดิฉันหวาดกลัวแต่อย่างใด

สรุปง่ายๆก็คือว่า THE COLOUR OF LIES เป็นหนังเพียงไม่กี่เรื่องที่ดิฉันได้ดู และทำให้ดิฉันรู้สึกลุ้นระทึกตื่นเต้นสุดขีดกับ “การฆาตกรรมที่คาดว่าจะเกิดขึ้น แต่ในที่สุดก็ไม่ได้เกิดขึ้น” ดิฉันรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครที่มี “ศักยภาพ” ที่จะเป็นฆาตกรมาฆ่ากันเอง และการที่หนังเรื่องนี้มีองค์ประกอบอย่างนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ดิฉันจินตนาการถึงการฆาตกรรมขึ้นมาในหัวของตัวเองและหวาดกลัวสุดขีดไปกับจินตนาการนั้น โดยที่ไม่จำเป็นว่าการฆาตกรรมนั้นจะต้องเกิดขึ้นจริงในหนังแต่อย่างใด

--พูดถึง THE DEVIL AND MISS PRYM ก็เลยนึกถึงหนังที่มีชื่อเรื่องคล้ายๆกันนี้ค่ะ ซึ่งก็คือหนังสารคดีเรื่อง THE DEVIL AND DANIEL JOHNSTON (2005, JEFF FEUERZEIG) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักดนตรีที่เป็นบ้า
http://www.imdb.com/title/tt0436231/

--ชอบช่วงท้ายของ DOPPELGANGER มากค่ะ ที่เป็นตัวละครขับรถ และเจอเหตุการณ์บ้าๆบอๆดักตบกันไปดักตบกันมา

รู้สึกว่า DOPPELGANGER ช่วงท้าย เป็นช่วงที่ดูแล้วรู้สึก “เบิกบานสำราญใจ สบายใจ” มากๆ ไม่ตกอยู่ภายใต้บรรยากาศอันตึงเครียดหม่นมัวเหมือนหนังของคิโยชิ คุโรซาวะเรื่องอื่นๆ ฉากที่ชอบสุดๆใน DOPPELGANGER คือฉากที่ตัวละครขับรถออกมาจากศูนย์วิจัยในช่วงท้ายเรื่อง แล้วนางเอกที่นั่งอยู่ในรถก็ระบายความรู้สึกเบิกบานสบายใจสะใจปลอดโปร่งโล่งใจออกมาด้วยการเอามือตีๆแผงหน้ารถ

อีกจุดที่ชอบมากก็คือในที่สุดแล้ว ตัวละครผู้ชายสองคนที่โคจิ ยาคุโชแสดง ก็ไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างใด

ชอบไตเติลเปิดเรื่อง DOPPELGANGER มากๆด้วยค่ะ

หนังเกี่ยวกับ DOPPELGANGER อีกเรื่องนึงที่ชอบมากก็คือ SPIRITS OF THE DEAD (1968) ที่ประกอบด้วยเรื่องสั้นสามตอน โดยตอนที่เกี่ยวกับ DOPPELGANGER มีชื่อว่า WILLIAM WILSON (Louis Malle, A-) และนำแสดงโดยอเลน เดอลองในบทของหนุ่มหล่อสองคนที่หน้าตาเหมือนกัน โดยมีบริจิตต์ บาร์โดต์ร่วมแสดงด้วย
http://www.imdb.com/title/tt0063715/fullcredits#directors


--ชอบ I AM DAVID (2003, Paul Feig) ในระดับ A++++++ ค่ะ ซึ้งใจมากกับช่วงท้ายของหนังเรื่องนี้ ดูแล้วร้องไห้ออกมาเลย

BEN TIBBER แสดงได้อย่างสุดยอดมากกับบทพระเอกของเรื่องนี้ ในขณะที่ MARIA BONNEVIE ก็ไม่เคยทำให้ดิฉันผิดหวัง ก่อนหน้านี้เธอเคยทำให้ดิฉันตกตะลึงกับการแสดงของเธอมาแล้วใน FALLING SKY (2002, GUNNAR VIKENE, A-) และ RECONSTRUCTION (2003, CHRISTOFFER BOE, A+) ส่วนในเรื่องนี้ ถึงแม้เธอไม่ได้โชว์ฝีมือทางการแสดงมากนัก แต่บุคลิกของเธอในเรื่องนี้ ก็ดูแตกต่างจากบุคลิกของเธอใน FALLING SKY กับใน RECONSTRUCTION มากเหมือนกัน

ดู I AM DAVID แล้วทำให้นึกถึงหนังสองกลุ่มค่ะ ซึ่งก็คือกลุ่มหนังการเดินทางของเด็ก และกลุ่มหนังที่สะท้อนชีวิตชาวยุโรปตะวันออกภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์

นอกจาก I AM DAVID แล้ว หนังเกี่ยวกับการเดินทางของเด็กที่ดิฉันชอบสุดๆก็รวมถึง

1.A.I.: ARTIFICIAL INTELLIGENCE (STEVEN SPIELBERG, A+)

2.THE FLIGHT OF THE INNOCENT (1993, CARLO CARLEI, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0104012/

3.LES DIABLES (2002, CHRISTOPHE RUGGIA, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0291131/

หนังกลุ่มข้างต้นเป็นหนังที่เด็กๆมักเดินทางกันโดยไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วย ส่วนหนังเกี่ยวกับเด็ก-ผู้ใหญ่ที่เดินทางด้วยกันก็มีอย่างเช่น

1.PAPER MOON (1973, PETER BOGDANOVICH, A+/A)

2.ALICE IN THE CITIES (1974, WIM WENDERS, A-)

3.THE CHILD AND THE SOLDIER (2000, SEYYED REZA MIR-KARIMI, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0266705/

4.THE STOLEN CHILDREN (1992, GIANNI AMELIO, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0104663/

หนัง 4 เรื่องข้างบนเป็นหนังที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับตัวละครเด็กค่ะ หนังกลุ่มที่ใกล้เคียงกลุ่มนี้ก็คือหนังกลุ่ม “แม่ลูกเดินทางด้วยกัน” แต่หนังกลุ่มนี้มักให้ความสำคัญกับตัวละครแม่มากกว่าตัวละครลูก

ส่วนหนังเกี่ยวกับยุโรปตะวันออกภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ สามารถอ่านได้ที่กระทู้ในลิงค์นี้ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=12364


--ชอบ A TOUCH OF SPICE (2003, TASSOS BOULMETIS) ในระดับ B+ จริงๆแล้วดิฉันชอบบางส่วนของหนังเรื่องนี้ในระดับ A+ อย่างเช่นในจุดที่เกี่ยวกับพ่อแม่ที่ทรมานลูกเพราะนึกว่าลูกเป็นเกย์ แต่ดิฉันรู้สึกไม่ค่อยซึ้งกับตอนจบของเรื่องนี้ ความรู้สึกชอบก็เลยหล่นฮวบลงมา

รู้สึกเช่นนี้กับ “7 ประจัญบาน 2” เหมือนกัน เพราะชอบบางส่วนของหนังมากในระดับ A+ โดยเฉพาะในจุดที่ล้อเลียน “คู่กรรม” แต่รู้สึกไม่ค่อยดีกับตอนจบของเรื่อง ความรู้สึกชอบก็เลยหล่นวูบลงมาอยู่ B-

ดูโครงสร้างของ A TOUCH OF SPICE แล้วรู้สึกว่าถ้าหากหนังเรื่องนี้ได้ GIANNI AMELIO มากำกับ เขาอาจจะทำให้ดิฉันชอบหนังเรื่องนี้มากถึงขั้น A+ ก็เป็นได้ เพราะ A TOUCH OF SPICE เล่าเรื่องราวช่วงชีวิตอันยาวนานของตัวละคร และมีความเป็นเมโลดรามาผสมอยู่ ก็เลยนึกไปถึงหนังเรื่อง THE WAY WE LAUGHED (1998, GIANNI AMELIO, A+) ที่เล่าเรื่องราวชีวิตแบบเมโลดรามาเหมือนกัน แต่ดิฉันรู้สึกว่าจังหวะ, การตัดต่อ และหลายๆอย่างใน THE WAY WE LAUGHED มันลงตัวมากๆจนมันทำให้รู้สึกซึ้งสุดขีดและดูแล้วอยากร้องไห้ แต่ A TOUCH OF SPICE มีความไม่ลงตัวทางอารมณ์ยังไงไม่รู้ ดิฉันไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้ “จงใจไม่ซึ้ง” หรือว่า “หนังพยายามทำซึ้งแต่ทำไม่สำเร็จ” กันแน่


ชอบคำว่า “เคนนี่ เชสนี่ย์ นักร้องคันทรี่หนุ่มที่น่าร่วมรักมากที่สุด” มากเลยค่ะ

นักร้องคันทรี่หนุ่มอีกคนที่น่ารักดีก็คือ BRAD PAISLEY แต่คนนี้ “น่ารัก” มากกว่าจะ “น่าร่วมรัก” แบบเคนนี่ เชสนีย์
http://www.gactv.com/artists/media/paisley.jpg


MOST DESIRABLE ACTOR


1.ODYSSEAS PAPASPILIOPOULOS—A TOUCH OF SPICE

เขาคนนี้แหละค่ะที่ทำให้ดิฉันเข้าใจคำว่า “เทพบุตรกรีก” ดิฉันอยากแต่งงานเป็นภรรยาของเขามากเลยค่ะ คนจะได้เรียกดิฉันว่า “MADAME PAPASPILIOPOULOS” ซึ่งคงจะฟังดูดีกว่าแต่งงานกับฝรั่งบางคน แล้วได้เป็น “Madame Smith” หรือ “Madame Johnson” (แต่ก็กลัวเหมือนกันว่าคนอาจจะเรียกนามสกุลสามีดิฉันผิดจนกลายไปเป็น MADAME POLIO แทน)

ดาราหนุ่มกรีกอีกคนที่ดิฉันขอยกตำแหน่งเทพบุตรกรีกให้ ก็คือ ALEXIS GEORGOULIS ค่ะ
http://www.mrsgiggles.com/hunks/categories.php?cat_id=13

http://storage.msn.com/x1pKFF1-2euTs4hQIgVLfaynvg3Dpt1coVEdsB9Nes52MqZXWO0FsP8IpKl53-WBpS0vQ0ChKaJ6OHWUU-1GZ5lgXEqA4sfAdQwvFzNOhE8RRgaysRlAKzgSbnncB4gaMob1KOFlXha83s5D04GeWILBA


2.CARL NG (คู่หมั้นนางเอก) ใน YESTERDAY ONCE MORE (A-)
http://www.kanbukai.com/blog/hello/119/1925/320/1.jpg
http://www.lovehkfilm.com/people/ng_carl.htm



3.LAM KA TUNG (นักสืบระดับพระกาฬจากบริษัทประกัน) ใน YESTERDAY ONCE MORE
http://www.offoffoff.com/film/2004/images/infernalaffairstwo.jpg

4.TYRONE GIORDANO (พี่ชายพระเอก) ใน A LOT LIKE LOVE (A+)

5.GABRIEL MANN ใน A LOT LIKE LOVE
http://www.imdb.com/name/nm0542759/

เขาเล่นหนังหลายเรื่องที่ดิฉันเคยดู แต่ดิฉันไม่เคยสะดุดตาเขามาก่อนจนกระทั่งเขามาเล่น A LOT LIKE LOVE ดิฉันรู้สึกว่าเขาน่าจะเหมาะรับบทเป็นน้องชายของเจมส์ สเปเดอร์
http://gfx.filmweb.pl/p/4540/po.66523.jpg
http://film.onet.pl/_i/news/duze/g/gabriel_mann_1.jpg

No comments: