THIS IS MY COMMENT IN KR MER'S FACEBOOK:
เมื่อเร็วๆนี้ก็ฝันแปลกๆเหมือนกัน ฝันว่ากำลังต่อสู้กับใครอยู่ก็ไม่รู้ แล้วคนที่สู้กับเราเขาก็เอาดาบฟันมาที่เรา ปรากฏว่าเขาฟันโดนแหวนบนนิ้วของเรา แหวนก็เลยแตกออก แล้วก็มีก๊าซพิษพวยพุ่งออกมาจากแหวนของเรา บรรดาหมาที่อยู่ในห้องนั้นพอโดนก๊าซพิษเข้าไปก็ตายทันที แต่ก๊าซพิษนี้มีอานุภาพประหลาดมาก เพราะในห้องที่ต่อสู้กันนั้นมีตุ๊กตาคล้ายๆตุ๊กตาบาร์บี้ตั้งวางอยู่หลายตัว พอตุ๊กตาเหล่านี้โดนก๊าซพิษเข้าไปมันก็เปลี่ยนทรงผมจากผมยาวสลวยเหยียดตรงกลายเป็นผมหยิกในทันที
เออ คิดไปคิดมาแล้วไม่แน่ใจว่าน้องเมอร์มีอาการแบบเดียวกับเราหรือเปล่า นั่นก็คือในบางทีเราจะฝันเห็น "เหตุการณ์ในหนังที่ตัวเองยังไม่ได้ดู" โดยอาการของเราก็คือว่า เราจะฝันเห็นเหตุการณ์บางอย่าง แล้วหลังจากนั้นเราก็จะได้ดูหนังบางเรื่อง ซึ่งทำให้เรารู้สึก deja vu เพราะหนังเรื่องนั้นมันจะมีเหตุการณ์บางอย่างที่มีทั้งส่วนที่เหมือนและที่แตกต่างจากเหตุการณ์ในฝันของเรา
เราตั้งทฤษฎีขึ้นมาเองว่า สาเหตุของปรากฏการณ์แบบนี้ อาจจะเกิดจากการที่สมองของคนเราบางคนทำหน้าที่เป็นเหมือน "เครื่องรับสัญญาณวิทยุ" ขณะนอนหลับ และอาจจะรับ "สัญญาณบ้าๆบอๆ" อะไรบางอย่างเข้ามา อย่างเช่น "เหตุการณ์ในหนังบางเรื่อง ทั้งหนังที่เราอาจจะได้ดูในอนาคต และหนังที่เราอาจจะไม่ได้ดูในอนาคต" แต่เราจะไม่ได้เห็น "ภาพตรงๆ" ของเหตุการณ์ในหนังเรื่องนั้น เพราะคลื่นสัญญาณเหล่านั้นมันจะเข้ามากระทบกับความทรงจำ,จินตนาการ,ความคิดในหัวของเราก่อน แล้วค่อยปรากฏเป็นภาพในความฝันของเรา ฝันที่เราได้เห็นจึงมีทั้งส่วนที่เหมือนกับหนังและส่วนที่แตกต่างจากหนัง โดยส่วนที่แตกต่างจากหนังก็คือว่า เรามักจะไม่เห็นตัว "ดารา" จริงๆในหนังเรื่องนั้น แต่เรามักจะเห็น "เพื่อนๆ" ของเราเข้าไปแทนที่ดาราในหนังเรื่องนั้น ซึ่งมันเกิดจากการผสมปนเประหว่าง "คลื่นสัญญาณ" กับ "ความทรงจำ" ของเรานั่นเอง
นอกจาก "สมองของคนขณะหลับ" แล้ว เราคิดว่าพวก "คนทรงเจ้า" บางคนก็มีความสามารถในการรับคลื่นสัญญาณพวกนี้เหมือนกัน คนทรงเจ้าบางคนจึงพูดภาษาต่างชาติได้อย่างคล่องแคล่วขณะทรงเจ้า หรือเหมือนเหตุการณ์บางอย่างล่วงหน้าได้ โดยที่จริงๆแล้วไม่ได้มี "เจ้า" มาเข้าทรงพวกเขาแต่อย่างใด พวกเขาเพียงแค่สามารถทำให้สมองของตัวเองกลายเป็นเครื่องรับสัญญาณต่างๆได้ดีกว่าปกติเท่านั้นเอง
จริงๆแล้วความคิดเรื่อง "คลื่นสัญญาณ" พวกนี้ เราได้ไอเดียมาจากบทสนทนาบางช่วงในหนังเรื่อง WAKING LIFE (A+) ที่พูดถึงปรากฏการณ์ที่คนบางคนคิดอะไรตรงกันโดยบังเอิญในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้รู้จักกันเลย มันเหมือนกับว่าสมองของคนบางคนมันไปจูนรับคลื่นความคิดของสมองของคนอื่นๆได้โดยบังเอิญ นั่นก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้อยู่ดีๆก็มีเพลงบางเพลงที่มีท่วงทำนองคล้ายกันผลิตออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน หรือหนังบางเรื่องที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันผลิตออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยที่ผู้ผลิตเพลง/หนังพวกนี้ไม่ได้ตั้งใจจะลอกเลียนอีกฝ่ายหนึ่งเลยแม้แต่นิดเดียว
สาเหตุที่เราเดาว่าน้องเมอร์อาจจะมีอาการเหมือนเรา เพราะเรารู้สึกว่าฝันของน้องเมอร์มันมีบางอย่างทำให้นึกถึงเหตุการณ์ช่วงต้นเรื่องของหนังเรื่อง THE A-TEAM (2010, Joe Carnahan, A-) ซึ่งเราเดาว่าน้องเมอร์ยังไม่ได้ดู โดยส่วนที่เหมือนและแตกต่างจากหนังของน้องเมอร์มีดังต่อไปนี้
1.ช่วงต้นของหนังเรื่องนี้มีการจับตัวประกัน และมีการขับรถไล่ล่ากัน
2.มีตัวละครที่ดูคล้ายยักษ์ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็คือตัวละคร B.A. Baracus ที่แสดงโดย Quinton Rampage Jackson แต่ตัวละครตัวนี้ไม่ใช่ฝ่ายผู้ร้าย แต่เป็นฝ่ายดี
3.มีฉากอู่ซ่อมรถในตอนต้นของหนังเรื่องนี้
4.มีฉาก "กลิ้งๆๆๆๆ 18 ตลบ" ในช่วงต้นของหนังเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่รถกลิ้ง แต่เป็นตัวละครที่แสดงโดย Bradley Cooper กลิ้งตกลงมาจากเนินเขา
5.Bradley Cooper กลิ้งตกลงมา โดยมี "ยางรถ" หลายเส้นล้อมรอบตัวของเขาไว้ (คำว่า "ยางรถ" ในฝันของน้องเมอร์นี่แหละ ที่ทำให้เรารู้สึกตะหงิดๆว่าเมื่อเร็วๆนี้เราเพิ่งเห็น "ยางรถ" จากที่ไหนสักแห่ง และก็นึกออกว่าเห็นจาก THE A-TEAM นั่นเอง)
6.Bradley Cooper ในหนังเรื่องนี้มีบุคลิกบางอย่างที่ทำให้นึกถึง Hugh Jackman โดยเฉพาะแผงอกอันล่ำสันของเขา
Sunday, June 20, 2010
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment