Friday, November 11, 2011

WHY I LIKE "FLUSH TANK" (2011, Tossaphon Riantong, A++++++++++)

http://www.youtube.com/watch?v=5w8TmpKw4_g

(ผมขออนุญาตใช้คำว่า "เงี่ยน" ใน comment ข้างล่างนะครับ เพราะผมรู้สึกว่ามันสื่อสิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจออกมาได้ตรงที่สุด)

โดยหลักๆก็คือผมดูแล้วรู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้มากๆน่ะครับ ซึ่งปัจจัยที่มีส่วนทำให้ผมรู้สึกดีมากๆกับหนังเรื่องนี้รวมถึง

1.เส้นเรื่องของหนังเรื่องนี้ ซึ่งเริ่มจากการที่น้าสาวทึนทึกกับหลานชายทะเลาะกัน และจบลงด้วยการที่หลานชายยอมรับตัวน้าสาวได้ในที่สุด (เขาตัดสินใจที่จะอยู่กับน้าต่อไป) ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหลานชายถึงยอมรับตัวน้าสาวได้ในตอนจบ แต่มันก็ทำให้ผมจินตนาการไปว่า บางทีหลานชายอาจจะตระหนักได้ว่า "มนุษย์มันก็แค่นั้นแหละ ต่างก็อยากมีผัวด้วยกันทั้งนั้น", "มนุษย์มันก็เต็มไปด้วยข้อบกพร่องด้วยกันทั้งนั้น", "มนุษย์แต่ละคนมันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ แต่ละคนมันก็มีปัญหาอึดอัดคับข้องใจของตัวเอง", "อยู่กับน้าสาวนี่แหละดี เราจะได้แอบไปมีเซ็กส์ได้ตามสบาย" หรือ "กูเงี่ยน กูยังได้ระบายออก น้าโอมเงี่ยน แต่น้าโอมอาจจะไม่ได้ระบายออก น้าโอมแม่งน่าสงสารว่ะ" สรุปว่าผมไม่แน่ใจหรอกครับว่าอะไรทำให้หลานชายตัดสินใจอยู่กับน้าต่อไปในตอนจบ แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีที่หนังจบแบบนี้

2.ดูหนังเรื่องนี้แล้วผมจะนึกถึงหนังสั้นกลุ่มนึง ประเภทที่เล่าเรื่องที่ว่า "ลูกสาวทะเลาะกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เพราะพวกเขาเข้มงวดมากเกินไป แล้วลูกสาวก็หนีออกจากบ้านไป แล้วก็ถูกข่มขืน ก็เลยตระหนักได้ว่า โอ้ พ่อแม่เรานี้แสนดีหนักหนา แล้วก็กลับบ้านในที่สุด" ซึ่งผมเกลียดหนังสั้นกลุ่มนี้มากๆเลยครับ ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่เวลาผมดูหนังสั้นกลุ่มนี้แล้วผมจะรู้สึกแย่มากๆ

ในทางตรงกันข้าม ผมรู้สึกเหมือนกับว่า "น้าโอมอยากมีผัว" มันเป็นเหมือนภาคกลับของหนังสั้นกลุ่มที่ผมเกลียด เพราะถึงแม้เส้นเรื่องมันจะมีบางอย่างคล้ายกัน ซึ่งก็คือ "เริ่มต้นด้วยการที่ผู้ปกครองกับเด็กมีปัญหากัน และจบลงด้วยการเข้าใจกัน หรือการคืนดีกัน" แต่รายละเอียดปลีกย่อยมันทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นเหมือนขั้วตรงข้ามของหนังกลุ่มที่ผมเกลียด ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ รวมถึง

2.1 ปกติผมจะรำคาญตัวละครผู้ปกครองในหนังประเภทนี้ แต่ผมกลับอินกับตัว "น้าโอม" ในหนังเรื่องนี้ในระดับนึง เพราะเธอเป็นสาวทึนทึก และไม่ใช่สาวทึนทึกในหนัง "พาฝัน" ประเภท 30+ โสด on sale หรือ 30 กำลังแจ๋ว หรือ SEX AND THE CITY ที่มีความสวยเซ็กซี่อยู่ในตัวมากพอสมควร แต่เป็นสาวทึนทึกที่มีลักษณะความเป็นมนุษย์เดินดินอยู่ในตัวสูงมากๆ

2.2 หนังไม่ได้บอกว่าการที่น้าโอมเข้มงวดกับหลานชายเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือสิ่งผิด หรือสิ่งที่ให้อภัยได้หรือไม่ได้ แต่เหมือนจะให้คนดูตัดสินใจเอาเอง ซึ่งแตกต่างจากหนังสั้นกลุ่มที่ผมเกลียด ที่เหมือนจะ "ให้อภัย" กับการกระทำของเหล่าตัวละครพ่อแม่ปู่ย่าตายายในตอนจบ นอกจากนี้ การเข้มงวดของน้าโอม ก็ดูเหมือนจะเป็นการแสดงบทบาทของผู้ปกครองไปอย่างแกนๆ มากกว่าการเข้มงวดอย่างจริงๆจังๆ

2.3 ในหนังสั้นกลุ่มที่ผมเกลียดนั้น เรื่องเซ็กส์จะถูกนำเสนอว่าเป็นเรื่องต้องห้าม สิ่งผิด วัยรุ่นไม่ควรเข้าใกล้ วัยรุ่นหญิงชายไม่ควรมั่วสุมอยู่ด้วยกัน ตัวละครพ่อแม่ในหนังสั้นกลุ่มนี้จะไม่มีความต้องการทางเพศหลงเหลืออยู่อีกแล้ว หรือสรุปได้ว่า ในหนังสั้นกลุ่มที่ผมเกลียดนั้น

"ตัวละครผู้ปกครอง ซึ่งเป็นตัวละครที่หนังมองว่าเป็นฝ่ายถูกต้อง เป็นตัวละครที่ไม่มีความเงี่ยน

ตัวละครวัยรุ่น ซึ่งเป็นตัวละครที่หนังมองว่าเป็นฝ่ายผิด เป็นตัวละครที่มีความเงี่ยน ซึ่งเป็นสิ่งไม่ถูกไม่ควร"

แต่ใน "น้าโอมอยากมีผัว" นั้น

"ตัวละครผู้ปกครอง มีความเงี่ยน และมันเป็นเรื่องธรรมชาติ

ตัวละครวัยรุ่น มีความเงี่ยน และมันเป็นเรื่องธรรมชาติ

ตัวละครอื่นๆในหนัง ทั้งสาวผมยาวและสาวผมสั้นที่คุยโทรศัพท์ ต่างก็ดูเหมือนจะอยากมีผัว และมันเป็นเรื่องธรรมชาติ"

2.4 ในตอนจบของหนังเรื่องนี้ หนังก็ไม่ได้บอกว่าน้ากับหลานเข้าใจกันหรือให้อภัยกันแต่อย่างใด แต่มันทำให้ผมจินตนาการไปว่า ในตอนจบของหนังเรื่องนี้ หลานอาจจะสามารถยอมรับน้าได้ในฐานะมนุษย์ขี้เหม็นคนนึง หรือมนุษย์ที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องและปัญหาชีวิตมากมายคนนึง ซึ่งแตกต่างไปจาก "ภาพนางสาวไทย" หรือภาพ "เจ้าแม่กวนอิม" ที่ปรากฏอยู่ในฉากแรกๆของหนังเรื่องนี้

ตอนจบแบบนี้มันก็เป็นสิ่งนึงที่แตกต่างไปจากหนังสั้นกลุ่มที่ผมเกลียดน่ะครับ เพราะในหนังสั้นกลุ่มที่ผมเกลียดนั้น ตอนจบของหนังประเภทนี้ "ผู้ปกครองจะอยู่ในสถานะสูงกว่าเด็ก" แต่ในตอนจบของน้าโอมอยากมีผัวนั้น ผมรู้สึกว่า "ผู้ปกครองอยู่ในสถานะเท่ากับเด็ก เพราะต่างก็เป็นมนุษย์เงี่ยนๆเหมือนกัน" และผู้ปกครองไม่ได้มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องทางกาย, วาจา, ใจ เหมือนกับภาพเจ้าแม่กวนอิมช่วงเปิดเรื่องแต่อย่างใด

3.ผมชอบความ weird หรือความเซอร์เรียลของหนังด้วยครับ หนังมีการใช้ soundtrack เพื่อเพิ่มความเซอร์เรียล และมีการใส่ฉากจุลินทรีย์อะไรเข้ามา ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจความหมายของฉากพิสดารเหล่านี้ แต่ดูแล้วรู้สึกดีกับมันครับ

4.โดยปกติแล้วผมจะชอบหนังที่นำเสนอความเงี่ยนของผู้หญิงน่ะครับ ซึ่งตัวละครน้าโอมกับสาวผมยาวในเรื่องนี้ตอบโจทย์ของผมตรงนี้ได้ดีมากๆ และหนังก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นสิ่งผิดด้วย

5.ชอบฉากที่น้าโอมพยายามยั่วผู้ชายในออฟฟิศมากๆครับ ผมรู้สึกว่ามันจริงดี น้าโอมเป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึง ที่ไม่มีจริตจะก้าน, มารยาร้อยเล่มเกวียน หรือความสามารถพิเศษในทางด้านนี้แต่อย่างใด เธอทำได้แค่นี้แหละ และเธอแทบจะไม่มีวันสู้เด็กรุ่นใหม่ที่มันซิง มันสดกว่าได้ จุดนี้ของหนังมันทำให้ผมนึกถึงชีวิตจริงของตัวเองด้วยเหมือนกัน

No comments: