Sunday, November 18, 2012

VOICE OF MY FATHER (2012, Orhan Eskikoy + Zeynel Dogan, Turkey, A+20)

Films seen on Saturday, November 17, 2012

1.VOICE OF MY FATHER (2012, Orhan Eskikoy + Zeynel Dogan, Turkey, A+20)

This film unintentionally reminds me of BLIND PIG WHO WANTS TO FLY (2008, Edwin, Indonesia), because both are political films dealing with massacre and come in the form of "contemplative, arthouse films."

I'm not sure which massacre VOICE OF MY FATHER is dealing about. I just knew that it is about the massacre of Alevis. I think it might be about this one:

It is interesting to see the name Özcan Alper in the ending credit of VOICE OF MY FATHER. Özcan Alper directed AUTUMN (2008, A+), which uses the rural landscape as powerfully as VOICE OF MY FATHER.

The use of voiceovers, the tracking shots, and the memory of brutality in VOICE OF MY FATHER remind me of HIROSHIMA MON AMOUR (1959, Alain Resnais).

The ending of VOICE OF MY FATHER is extremely powerful. It is a miraculous panning shot.

The use of subtitles in VOICE OF MY FATHER is also very interesting. The subtitles in this film come in two colours--white and yellow. I guess the white ones are translated from Kurdish. The yellow ones are translated from Turkish. But I'm not sure. This technique reminds me of the film DISSOLUTION (Nina Menkes).

2.COLOURS IN THE DARK (2010, Sophie Heldman, Switzerland, A+15)
One of my most favorite scenes in this film is the scene of Senta Berger walking alone in town after she had her ring cut. This scene seems to be a simple scene, but it makes me feel very lonely. I think it has to do with the frame of the scene and the fact that it is in long shot.

I also like how the film deals with various things about human nature, such as the fact that sometimes one needs a private space.

In fact, sometimes I like films which make me feel that my miserable life is not too miserable. The films which make me feel that my life is not too bad usually come in two groups: films about very poor people who struggle hard to survive, and films about people who are richer than me but they are still unhappy.

COLOURS IN THE DARK and ALL WE EVER WANTED (2010, Sarah Mathilde Domogala, A+) belong to the second group. I have lived my life in a very small apartment during the past 17 years. My dream is to live in a house like the one in COLOURS IN THE DARK. So when I see that the characters who live in a house like that are unhappy partly because the house becomes too big a burden for them, it makes me feel better. Hahaha.

I think this film should be screened together with the advertisment for the Thai Life Insurance company, because this advertisement also deals with an old couple. The advertisement is too sweet for me, so I think it should be blended with the bitterness of COLOURS IN THE DARK.

3.HOLY MOTORS (2012, Leos Carax, France, A+)

4.GAAMER (2011, Oleg Sentsov, Ukraine, A+)
To be successful, and to accept the fact that your success can be considered "nothing" in other people's eyes--this is what I think about after seeing GAAMER.

I like the feeling of emptiness near the end of the film very much. Sometimes I feel bad when I see the ending of such films like STUDENT OF THE YEAR (2012, Karan Johar, A+25), in which the characters become materialistically successful. The ending of GAAMER is like an antidote for such endings.



2 comments:

celinejulie said...

เราให้ HOLY MOTORS A+ ก็เท่ากับว่าเราชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆแล้วนะ ฮ่าๆๆ

แต่การที่เรายังไม่ได้ใส่ตัวเลขอะไรไปหลัง A+ สำหรับ HOLY MOTORS เป็นเพราะว่า HOLY MOTORS เป็นหนังที่แปลกประหลาดพิสดารมากสำหรับเรา จนเราจูนคลื่นของตัวเองให้เข้ากับหนังไม่ได้ในขณะที่ดูหนังเรื่องนี้ เราก็เลยไม่ได้มีอาการ "อารมณ์แตก ความรู้สึกชอบพุ่งปรี๊ด" ขณะที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ แต่มีหลายครั้งที่เราจะรู้สึกชอบหนังประเภทนี้มากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไประยะนึง และเราคิดถึงหนังเรื่องนั้นบ่อยๆ ความคิดความรู้สึกของเราที่มีต่อหนังเรื่องนั้นค่อยๆตกตะกอน เราเริ่มรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆจากหนังเรื่องนั้น หรือเราเริ่มรู้สึกปะติดปะต่ออะไรบางอย่างในหนังเรื่องนั้นได้ สำหรับเราแล้ว HOLY MOTORS เป็นหนังที่มีศักยภาพที่อาจจะทำให้เราชอบในระดับ A+30 ได้ในอนาคต แต่ต้องรอให้เวลาผ่านไประยะนึงก่อน เพื่อดูว่าเราจะยังคงหวนคิดถึงหนังเรื่องนี้บ่อยเพียงใด และดูว่าความรู้สึกของเราที่มีต่อหนังเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

ตัวอย่างหนังที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้ก็มีเช่น CALM PREVAILS OVER THE COUNTRY (1976, Peter Lilienthal) และ ESSENCE DE FEMME (Chama Lekpla) เพราะมันเป็นหนังที่พอเวลาผ่านไประยะนึง แล้วเราจะรู้สึกชอบมันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันไม่ได้เป็นหนังที่ทำให้เรามีอาการอารมณ์แตกขณะที่ได้ดู โดยเฉพาะกรณีของ CALM PREVAILS OVER THE COUNTRY นั้น ตอนที่เราดู เราเกลียดหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะมันเป็นอะไรที่เราไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน มันเล่าเรื่องอะไรของมันก็ไม่รู้ เราตามอะไรในเรื่องแทบไม่ทันเลย คือความรู้สึกของเราขณะที่ได้ดูอาจจะประมาณ C แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เรากลับหวนคิดถึงหนังเรื่องนี้บ่อยๆ และรู้สึกว่าการเล่าเรื่องในหนังเรื่องนี้มันน่าสนใจมากๆ เราก็เลยชอบหนังเรื่องนี้ในระดับ A+30 ในที่สุด ตอนนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า HOLY MOTORS จะส่งผลทำนองนี้กับเราในอนาคตหรือไม่

แต่หนังอย่าง VOICE OF MY FATHER กับ COLOURS IN THE DARK นั้น เป็นหนังประเภทที่เราคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นเราจะจูนคลื่นของเราให้ตรงกับหนังได้ในทันทีตั้งแต่ 5 วินาทีแรกของหนัง เราก็เลยรู้สึกมีความสุขสุดๆกับหนังสองเรื่องนี้ขณะที่ได้ดู แต่ในขณะเดียวกัน หนังสองเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความแปลกใหม่สำหรับเราในแง่ของ form แต่อย่างใด

celinejulie said...

มีอีกหลายอย่างที่ชอบใน COLOURS IN THE DARK นะ อย่างเช่น

--ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจของนางเอก ที่พระเอกแอบไปมี "บ้านใหม่" ซึ่งเป็น "บ้านใหม่" จริงๆ ที่ไม่ได้หมายถึงเมียน้อย และความรู้สึกน้อยอกน้อยใจของเธอมันก็รุนแรงพอสมควร เราว่ามันคงทำให้เธอเสีย self หรือทำให้เธอไม่มั่นใจในตัวเองน่ะ คือเธออาจจะรู้สึกว่าคุณค่าของชีวิตเธอขึ้นอยู่กับ "ความรักที่สามีมีให้เธอ" แต่พอเธอพบว่าสามีต้องการ "ความเป็นส่วนตัว" ที่ไม่มีเธอเข้ามาเกี่ยวข้อง และพบว่าสามี "ไม่ไว้วางใจ" เธอจนถึงขั้นไม่ยอมบอกเธอเรื่อง "ความต้องการพื้นที่ส่วนตัว" นี้ ตัวตนของเธอก็เลยล่มสลาย

เราว่ามันเป็นความซับซ้อนของชีวิตคู่และของมนุษย์ที่น่าสนใจดีนะ เวลาที่เราดูหนังเรื่องนี้ เราก็จะจินตนาการนะว่าถ้าหากเราเป็นนางเอกหนังเรื่องนี้เราจะทำอย่างไร คือถ้าสามีเราต้องการ "พื้นที่ส่วนตัว" แบบในหนังเรื่องนี้ เราก็ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้นนะ เพราะเราเองก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเหมือนกัน การมี "บ้านใหม่" ไม่เป็นปัญหาอะไรสำหรับเรา แต่การ "แอบ" ไปมีบ้านใหม่อาจจะมีปัญหาสำหรับเรา เพราะมันจะทำให้เราเริ่มรู้สึกว่าสามีไม่ไว้วางใจเราอย่างเต็มที่อย่างที่เราอยากจะให้เป็น คือถ้าคุณจะไปมีบ้านใหม่ก็บอกกันตรงๆเลยดีกว่า เราไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น แต่การ "แอบ" ไปมีบ้านใหม่ มันทำให้เกิดความรู้สึกหวาดระแวงกันขึ้นมา

--ชอบครอบครัวนางเอกด้วย ที่ลูกสาวของเธอซึ่งน่าจะอยู่ในวัยกลางคนแล้ว แต่งงานกับสามีใหม่ที่น่าจะอายุน้อยกว่า คือปกติแล้วหนังทั่วๆไปตัวละครลูกสาวน่าจะเป็นนางเอกของหนังมากกว่า เพราะมีหนังหลายๆเรื่องที่พูดถึงหญิงสาววัย 40 ที่พบรักใหม่และแต่งงานใหม่ แต่ในหนังเรื่อง COLOURS IN THE DARK ตัวละครที่เหมาะจะเป็นนางเอกในหนังเรื่องอื่นๆ กลับกลายเป็นเพียงแค่ตัวละครประกอบเท่านั้น

--ชอบความผันผวนทางความสัมพันธ์ของพระเอกกับนางเอกด้วย ที่ดูเหมือนจะเกลียดกันเพราะเรื่องที่พระเอกแอบไปมีบ้านใหม่ แต่ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เริ่มรู้สึกโหยหาซึ่งกันและกัน และเริ่มรู้สึกอยากกลับมาอยู่ใกล้ๆกันอีกครั้ง ซึ่งสิ่งนี้อาจจะไม่ได้เกิดจาก "ความรักอย่างดูดดื่มลึกซึ้ง" แต่อาจจะเกิดจากการตระหนักว่าบางทีการอยู่ด้วยกันอาจจะดีกว่าการอยู่อย่างอ้างว้างโดดเดี่ยวและตายไปอย่างเหงาๆตามลำพัง

--ชอบการที่พระเอกไม่เอากับเลขานุการิณีด้วย ดูเหมือนจะมีฉากนึงที่พระเอกน่าจะเอากับเลขานุการได้ เพราะดูเหมือนเลขานุการก็เต็มใจเสนอตัว แต่พระเอกก็ไม่เอา