Monday, May 15, 2017

BAHUBALI 2 AND THE BIG BOSS

BAHUBALI 2: THE CONCLUSION (2017, S.S. Rajamouli, India, A+30) + THE BIG BOSS (1971, Lo Wei, Hong Kong, A+30)

พอดูหนังสองเรื่องนี้ในวันเดียวกัน ก็เลยทำให้สงสัยว่า ทำไมเราถึงชอบหนังสองเรื่องนี้มากๆ ทั้งๆที่มันมีความเป็น “สูตรสำเร็จ” อยู่ในตัว และมันเป็นหนังแอคชั่นผู้ชาย ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่หนังในแนวทางที่เราโปรดปรานมากสักเท่าไหร่
                                                        
เราก็เลยต้องนำมันมาเปรียบเทียบกับ “หนังแอคชั่น สูตรสำเร็จ” ที่เราไม่ได้ชอบมากนัก ซึ่งก็คือเรื่อง PANIC IN BANGKOK (1964, Andre Hunebelle, France, A+) เราก็เลยพบว่า การที่ PANIC IN BANGKOK ไม่ค่อยประทับใจเราเท่าไหร่นั้น บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องของ subplot ด้วย คือมันไม่มี subplot ที่น่าประทับใจเลย

คือเราว่า สาเหตุที่ทำให้เราชอบ THE BIG BOSS และ BAHUBALI มากนั้น นอกจากจะเป็นเรื่องของ “ความสนุกตื่นเต้น” และ “การคิดฉากแอคชั่นมันส์ๆ” แล้ว เราว่าหนังทั้งสองเรื่องนี้ยังมี subplots หรือมี “ประเด็นเสริม” อะไรบางอย่าง ที่มันทรงพลังหรือสร้างความประทับใจเราได้อย่างมากๆน่ะ เหมือนอย่าง JOHN WICK: CHAPTER 2 (2017, Chad Stahelski) ที่นอกจากตัวหนังจะมีฉากแอคชั่นมันส์ๆแล้ว มันยังมี “การสร้างโลกนักฆ่า” ที่น่าประทับใจด้วย คือหนังแอคชั่นเหล่านี้มันไม่ได้มีดีแค่ฉากแอคชั่นมันส์ๆอย่างเดียว มันยังมีอะไรอย่างอื่นมาเพิ่มคุณค่าให้ตัวหนังด้วย

ในส่วนของ BAHUBALI 2 นั้น เราว่าประเด็นที่ทรงพลังมากๆคือความขัดแย้งระหว่างกษัตริย์ Bhalladeva (Rana Daggubati) ที่ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน กับ Bahubali ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนน่ะ ฉากที่ประชาชนโห่ร้องชื่นชม Bahubali จนบัลลังก์กษัตริย์สั่นสะเทือน และร่มหักลงมานั้น เป็นฉากที่ทำออกมาได้สุดตีนจริงๆ

ส่วนใน THE BIG BOSS หรือ ไอ้หนุ่มซินตึ๊งนั้น เราว่า subplot เกี่ยวกับ “การลุกฮือของกลุ่มคนงาน เพื่อต่อต้านนายจ้าง” ก็ทำออกมาได้ทรงพลังมากๆ และ “ความขัดแย้งในใจ foreman” ว่าจะเลือกเข้าข้างฝ่ายนายจ้าง หรือจะเลือกเข้าข้างฝ่ายกรรมกร ก็น่าสนใจมากๆด้วย คือ THE BIG BOSS มันไม่ได้เป็นหนังที่ทำเพียงแค่ “แต่งเรื่องอะไรก็ได้ เพื่อจะได้ใส่ฉากบู๊เข้าไปเยอะๆ” น่ะ พอมันมีเรื่องความขัดแย้งระหว่างกรรมกรกับนายจ้าง โดยที่มี foreman อยู่ตรงกลาง และนำเสนอประเด็นนี้ออกมาได้ทรงพลังพอสมควร มันก็เลยทำให้หนังมันไม่ดูแห้งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบหนังอย่าง PANIC IN BANGKOK ที่เกือบทุกอย่างดูเป็นสูตรสำเร็จไปหมด


รูปของ Bruce Lee กับ Rana Daggubati

No comments: