HOUSEMAID (Prach Rojanasinwilai, short, A+15)
รู้สึกคล้ายๆกับ LANNY ในแง่ที่ว่า มันเป็นหนังที่ดีแต่เราไม่อินทั้งสองเรื่อง โดย LANNY เป็นความผูกพันระหว่างเด็กกับยาย ส่วน HOUSEMAID เป็นความผูกพันระหว่างเด็กกับสาวใช้ และในที่สุดเด็กในทั้งสองเรื่องก็ต้องจากลาบุคคลอันเป็นที่รัก
แต่พอหนังพูดถึงสาวใช้ เราก็เลยหวนนึกถึงตอนเด็กๆ เราจำได้ว่าเราเคยไปเที่ยวบ้านเพื่อน ซึ่งที่บ้านเพื่อนมีสาวใช้ชื่อ วี แล้ววีจะสนิทสนมกับสาวใช้บ้านข้างๆ ซึ่งชื่อ "ขี" โดยขีมีดวงตาแค่ข้างเดียว เพราะเธอเคยเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์มาก่อน แล้วสูญเสียดวงตาข้างนึงไปในการสู้รบ (ถ้าจำไม่ผิดนะ เพราะมันผ่านมานานราว 30 ปีแล้ว)
ตอนเด็กๆเราก็ไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้ แต่พอผ่านมาถึงปัจจุบัน เราก็รู้สึกว่าเรื่องของขีน่าสนใจสุดๆ เธอเป็นคนที่น่าสัมภาษณ์มากๆ และประวัติชีวิตเธอเหมาะจะนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์หรือละครทีวีที่เข้าทางเราอย่างมากๆ
อยากให้มีคนสร้างหนังหรือละครไทยแนวนี้มากๆ นั่นก็คือเรื่องของสาวใช้ที่เคยเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์มาก่อน เธอเชี่ยวชาญการต่อสู้ทั้งมือเปล่า, ปืนกล, วางกับดักในป่า , การวางยาพิษ, etc. แต่ความบาดเจ็บจากการสู้รบ และการสลายตัวของคอมมิวนิสต์ในไทยในปี 1980 ทำให้เธอหันมาทำงานเป็นสาวใช้ในคฤหาสน์ใหญ่ในกรุงเทพแทน
ถ้ามีหนังไทยแบบนี้ออกมา มันต้องเข้าทางเราแน่นอน เป็น LA CEREMONIE + LA FEMME NIKITA ผสมกัน
A NOMENT OF ROMANCE (1990, Benny Chan, Hong Kong, A+25)
ผู้หญิงข้า ใครอย่าแตะ
ยกให้ติดอันดับหนังที่ทำให้เราหัวเราะหนักที่สุดในปีนี้ไปเลย 55555 แต่ก็ชอบในระดับ A+25 นะ ขำการทำตัว "ตอบสนองแฟนตาซีของผู้ชม" ตลอดทุกเสี้ยววินาทีของพระเอกกับนางเอกในหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดอะไร เพียงแต่พอเราไม่ใช่ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนัง หนังมันก็เลยไม่ได้ตอบสนองแฟนตาซีเรา แต่ทำให้เราหัวเราะจนหยุดไม่ได้กับการเก๊กหน้าเข้ม วางมาดเท่ๆของพระเอก และการทำตัวใสซื่อแอ๊บแบ๊วของนางเอก
ตอนดูก็คิดว่า หนังที่ตอบสนอง romantic fantasy ของเราได้ตรงที่สุด คือหนังเรื่องอะไร ปรากฏว่าเป็นหนังในปีใกล้เคียงกัน ซึ่งก็คือ ALWAYS (1989, Steven Spielberg) เพราะ Brad Johnson ในหนังเรื่องนี้ เป็นผู้ชายที่ตรงสเปคเรามากที่สุด และ Holly Hunter ในหนังเรื่องนี้ ก็เป็นหนึ่งในนางเอกที่เราอินด้วยมากที่สุด
สรุปว่า A MOMENT OF ROMANCE เป็นหนังที่ effective สุดๆสำหรับผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังนั่นแหละ เพียงแต่เราไม่ใช่ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนัง จบ
A FALLEN FRUIT (2020, Amit Dubey, Cambodia, short, A+25)
1.ชอบการถ่ายแมลงกับแสงไฟมากๆ
2.เหมาะฉายควบกับ STORIES FROM THE NORTH (2006, Uruphong Raksasad) เพราะมันเป็นหนังแนว slice of life ที่ถ่ายทอดชีวิตในชนบทออกมาอย่างสงบงามเหมือนกัน
TO CALM THE PIG INSIDE (2020, Joanna Vasquez Arong, Philippines, short, A+30)
1. หนังทรงพลังมากๆ ดูแล้วรู้สึกว่าวาตภัยในหนังมันน่ากลัวมากๆ นึกถึงทั้งสึนามิในไทยและ fukushima
2.รู้สึกว่าเราน่าจะได้ดูหนังดีๆเกี่ยวกับวาตภัยจากฟิลิปปินส์มากที่สุดมั้ง ทั้งหนังเรื่องนี้, STORM CHILDREN: BOOK ONE (2014, Lav Diaz, documentary), TRAP (2015, Brillante Mendoza), THE SOIL OF DREAMS (2016, Jeffrie Po)
ดูแล้วก็เลยสงสัยว่า จริงๆแล้วสหรัฐ (ภาคใต้), ญี่ปุ่น, ฮ่องกง,ไต้หวัน ก็น่าจะประสบกับวาตภัยเยอะเหมือนกัน แต่ทำไมเราถึงไม่ค่อยได้ดูหนังเกี่ยวกับประเด็นนี้จากประเทศเหล่านี้ หรือเป็นเพราะว่าสภาพบ้านเรือนและโครงสร้างสังคมของฟิลิปปินส์มันอ่อนแอที่สุด ความเสียหายก็เลยเกิดกับฟิลิปปินส์มากที่สุด แล้วก็เลยทำให้ฟิลิปปินส์ผลิตหนังเกี่ยวกับวาตภัยออกมาเยอะกว่าประเทศอื่นๆ
LANNY (2019, Chuah Jie Xie, Malaysia/Taiwan, short, A+10)
ครองตำแหน่งหนังที่เราชอบน้อยที่สุดในเทศกาลอาเซียนปีนี้ ซึ่งจริงๆหนังก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่เราไม่อินกับเนื้อเรื่องทำนองนี้เลย
ตอนแรกนึกว่านางเอกจะกินศพคุณยาย 55555
No comments:
Post a Comment