Friday, October 09, 2020

THE HONEYMOON

 

THE HONEYMOON น้ำผึ้งพระจันทร์  (1972, Charin Nantanakorn, A+15)

นึกว่าต้องฉายปะทะกับ DON'T FORGET YOU ARE GOING TO DIE (1995, Xavier Beauvois, France, A+30) 55555

 คือเราชอบ DON'T FORGET YOU ARE GOING TO DIE อย่างสุดๆ เพราะหนังเรื่องนี้นำเสนอชีวิตของพระเอก ในรูปแบบของหนัง 3 genres ผสมกัน ถ้าจำไม่ผิด คือในองก์แรกเป็นหนังชีวิตดราม่าเข้มข้น แล้วอยู่ดีๆชีวิตพระเอกก็พลิกผันกลายเป็นหนังโรแมนติกในองก์ที่สอง แล้วอยู่ดีๆชัวิตพระเอกก็พลิกผันกลายเป็นหนังสงครามในองก์ที่สาม

ตอนที่เราดูหนังฝรั่งเศสเรื่องนี้เมื่อราว 20 ปีก่อน เราก็เลยร้องวี้ดมากๆ เพราะเราแทบไม่เคยเจอหนังเรื่องไหนที่ทำแบบนี้มาก่อน แล้วหนังเรื่องนี้มันก็เข้ากับความเชื่อของเราที่ว่า หนังหลายๆเรื่องที่อยู่ใน genre เดียวและทำตามสูตรสำเร็จของ genre นั้นๆ มันมักจะตัดทอนแง่มุมอันหลากหลายของชีวิตมนุษย์ทิ้งไป เพื่อบีบให้ชีวิตของตัวละครเหลือแง่มุมเพียงไม่กี่ด้านที่สอดรับกับสูตรสำเร็จของ genre นั้นๆ เพราะฉะนั้นเราก็เลยมักจะถูกโฉลกกับหนังที่ปล่อยให้ชีวิตของตัวละครเป็นอิสระ เต็มไปด้วยแง่มุมอันหลากหลาย และไม่เน้นการเร้าอารมณ์ผู้ชมตามสูตรสำเร็จของ genre มากกว่า ซึ่ง DON'T FORGET YOU ARE GOING TO DIE ก็ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของหนังกลุ่มที่เราชอบสุดๆนี้

พอเราได้ดู THE HONEYMOON เราก็เลยขำมาก เพราะมันเหมือนเป็นด้านกลับของ DON'T FORGET YOU ARE...  เพราะช่วงองก์แรกของหนังไทยเรื่องนี้ เหมือนเป็นหนัง thriller ผจญภัยในอียิปต์ แล้วหลังจากนั้นหนังเรื่องนี้ก็พลิกจาก thriller มาเป็นหนังโรแมนติกพ่อแง่แม่งอนในยุโรปและไทย ก่อนจะพลิกไปเป็นหนังสงครามในองก์สุดท้าย

แต่ถึงแม้ DON'T FORGET YOU ARE... กับ THE HONEYMOON  จะมีอะไรบางอย่างคล้ายกัน แต่มันก็เหมือนตรงข้ามกัน เพราะ THE HONEYMOON คงไม่ได้มีจุดประสงค์หลักเพื่อสะท้อนแง่มุมอันหลากหลายของชีวิตมนุษย์ และคงไม่ได้มีจุดประสงค์หลักเพื่อ "ต่อต้านสูตรสำเร็จ" แต่หนังเรื่องนี้น่าจะมีจุดประสงค์เพื่อ "เร้าอารมณ์ผู้ชมตามสูตรสำเร็จของหนังไทยในยุคนั้น" มากกว่า 555

เราก็เลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจดี บางที "หนังไทยแบบครบทุกรส" ที่นิยมสร้างกันในอดีต มันก็มีบางอย่างที่สอดคล้องกับกลุ่มหนังที่เราชอบสุดๆ เพียงแต่ว่าพอหนังไทยกลุ่มนี้มันเน้นสร้างเพื่อเร้าอารมณ์ผู้ชม ผลลัพธ์ที่ได้มันก็เลยไม่ได้ออกมาเข้าทางเรามากนัก ทั้งๆที่ไอเดียบางอย่างในหนังกลุ่มนี้สามารถนำมาปรับให้เข้าทางเราได้ดีมากๆ

THE LONG WALK (2019, Mattie Do, Laos, A+30)

 1.ชอบที่มันเป็น "หนังผี" ที่ใช้ setting เป็นโลกอนาคต เพราะปกติแล้วโลกอนาคตมักจะถูกนำมาใช้เป็นฉากหลังในหนังไซไฟ ไม่ใช่หนังผี

2.ชอบที่มันเป็นหนังย้อนเวลาที่เกี่ยวข้องกับฆาตกรโรคจิต

BALLOON (2019, Pema Tseden, China, A+30)

1. ชอบการ cast ตัวละคร "พ่อ" มากๆ เขาดูเป็น sex machine มากๆ 555

2. เป็นหนังเรื่องที่ 3 ของ Pema Tseden ที่ได้ดู ต่อจาก THE SEARCH (2009) และ OLD DOG (2011) ชอบสุดๆทั้ง 3 เรื่องเลย



No comments: