Monday, October 10, 2022

WILDTYPE 2022

 


บันทึกความอนาถชีวิต

ช่วงนี้พบว่ามีหนังเข้าโรงในกรุงเทพหลายเรื่องมาก ที่เราอยากดู แต่ไม่สามารถหาเวลาไปดูได้เลย เพราะปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะปัจจัยด้านสุขภาพ ก็เลยคิดว่านับแต่นี้จะเริ่มจดบันทึกดีกว่า ว่ามีหนังเรื่องไหนบ้างที่เราอยากดู แต่ไม่สามารถหาเวลาว่างไปดูได้

1. HAKEN AMINE (2022, Kohei Yoshino, Japan)

และคิดว่าหลังจากนี้จะมีตามมาอีกหลายเรื่อง เศร้าใจ

หนังที่อยากดู แต่ไม่สามารถหาเวลาไปดูได้

2. ฮักเจ้าอีหลี (2022, วรฤทธิ์ นิลกลม)

หนังออกเร็วมาก ฮือ ๆ ๆ

พอควีน elizabeth 2 สวรรคต เราก็เลยเพิ่งนึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องฮา ๆ ที่เคยคุยกับเพื่อนเมื่อหลายปีก่อน คือตอนนั้นเรามีเพื่อนคนนึง สมมุติว่าชื่อ "แคชฟียา" เธอเล่าว่าเพื่อนคนนึงของเธอ สมมุติว่าชื่อ "มอยเชอรา" เคยเห็นควีนเอลิซาเบธตอนมาเมืองไทยในปี 1996  โดยมอยเชอราเห็นขณะที่พระองค์นั่งรถผ่าน แล้วมอยเชอราก็บอกว่าเธอตกตะลึงมาก เพราะพระพักตร์ของพระองค์เปล่งประกาย มีแสงสว่างเรืองรอง มี aura ออกมา แสดงว่าพระองค์ไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ

พอแคชฟียาเล่าเรื่องนี้ให้พวกเราฟัง พวกเราก็เลยได้ข้อสรุปว่า มีสิทธิพระองค์ถือไฟฉายไว้บนตักขณะประทับอยู่ในรถ แล้วส่องขึ้นมาที่พระพักตร์ของพระองค์ ก็เลยเกิด effect แบบนั้น จบ

(แต่จริง ๆ แล้วมอยเชอราก็คงตาฝาดไปหรือจิตหลอนไปเองนั่นแหละ 555)


FAR FROM OWN ในบ้าน (2021, Piyanat Lamor, 28min, second viewing, A+30)

1.ชอบทั้งเนื้อเรื่องและโครงสร้างของหนัง ตัวเนื้อเรื่องอาจจะคล้ายกับหนังสั้นไทยหลาย ๆ เรื่อง ที่พูดถึงความขัดแย้งระหว่างพ่อแม่ กับลูก แต่เรื่องนี้ทำออกมาได้อารมณ์รุนแรงดีมาก ดูแล้วเข้าใจและเห็นใจตัวละครทั้งสองฝ่ายมาก ๆ

2.โครงสร้างของหนังก็เก๋มาก ที่เป็นหนังซ้อนกัน 3 ชั้น

3.เห็นคุณณัฐญา นาคะเวช ในหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึง MOTHER (2012, Vorakorn Ruetaivanichkul)  มาก ๆ เพราะในหนังเรื่องนั้นคุณณัฐญาก็รับบทเป็น "คุณแม่แรง ๆ" ที่มีตัวตนจริงเหมือนกัน และเป็นคุณแม่ในหนังที่มีโครงสร้างการเล่าเรื่องซับซ้อนเหมือนกัน 555

----
ปีนี้ได้ดูหนังกางจอไปแค่ 18 เรื่อง ปรากฏว่าเจอ "หนังรักโรแมนติก ชาย-หญิง" เพียงแค่เรื่องเดียวใน 18 เรื่องนี้ 55555 ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า กางจอปีอื่น ๆ เป็นแบบนี้หรือเปล่า :-)

---
MEMORISE KINGDOM (2020, กรณัฐ วิบูลย์ปิ่น, 15min, A+30)

เหมือนหนังเรื่องนี้เป็น sub-genre หลักอันนึงของหนังสั้นไทย นั่นก็คือหนังเกี่ยวกับพ่อแม่/ครอบครัวของผู้กำกับที่อาจจะทำออกมาเป็นสารคดี, essay หรือ fiction ก็ได้

เรื่องราวของพ่อในหนังเรื่องนี้ก็น่าสนใจดี โดยเฉพาะเรื่องของแฟนเก่าที่พลัดพรากกันไป ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีกันอย่างไรมานานเกือบ 30 ปีแล้ว

ชอบ location ที่เป็นโรงงานมาก ๆ

SIMULACRUM OF AEROSOL (2020, Phasitpol Kerdpool, 10min, A+30)

หนังถ่ายเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ภาพและเสียงในหนังมันส่งผลกระทบต่อเราอย่างรุนแรงสุด ๆ ไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้เรียกว่า sublime หรือเปล่า ทำไมแค่การดูเครื่องจักรทำงาน มันถึงก่อให้เกิดความรู้สึกเปี่ยมสุขได้อย่างล้นเหลือ ถะถั่งหลั่งล้นแบบนี้

ห้องสมุด โรงเรียน แห่งอนาคต (2022, ศิวกร บุญสร้าง, 13min, A+30)

SLEEP IN SILENCE (2022, วรรณวัฒน์ สุวรรณรัตน์, 12min, A+30)

ใช่หนังเรื่องนี้หรือเปล่าที่มีฉากผู้หญิงคนนึงนั่งพับผ้าไปเรื่อย ๆ ชอบฉากนี้อย่างสุด ๆ โดยที่เราไม่รู้หรอกว่ามันมีความหมายว่าอะไร

ผีปูแกง (2021, ธนกฤต ดวงมณีพร, 4min, second viewing, A+30)

ไม่รู้ว่าเป็นหนังการเมืองหรือเปล่า แต่หนังพิศวงดี 555

คุณธนกฤตเคยกำกับ "ทุกคนที่บ้านสบายดี" (2017, A+30)

เหมาะฉายควบกับ "เซือคำซา" (2018, เดชธนา อาสาธนาคูณ, A+30)  มาก ๆ เพราะ เซือคำซา เล่าเรื่องของหมู่บ้านแห่งนึงในไทยที่คนในหมู่บ้านมีอาการแปลก ๆ เหมือนกัน และอาจจะเป็นหนังการเมืองเหมือนกัน แต่ เซือคำซา เป็นหนัง sci-fi thriller ไม่ใช่หนังผี


รายงานผลประกอบการประจำวันศุกร์ที่ 7 ต.ค. 2022

1.THE SPINE OF NIGHT (2021, Philip Gelatt, Morgan Galen King, USA, animation, A+30)

ดูที่ HOUSE  รอบ 10.30

2.SHIN ULTRAMAN (2022, Shinji Higuchi, Japan, A+30)

ดูที่ HOUSE รอบ 12.15

3.VESPER (2022, Kristina Buozyte, Bruno Samper, France/Lithuania/Belgium, A+30)

ดูที่ EmQuartier รอบ 15.00

4. 7 DAYS WAR (2019, Yuta Murano, Japan, animation, A+30)

ดูที่ Japan Foundation รอบ 18.30

5. SMILE (2022, Parker Finn, A+30)

ดูที่ Paragon รอบ 20.30

อหังการลูกผู้ชายปิดไฟ (2019, สุริยกานต์ สุริยะโชติกุล, 6min, A+25)

1.ถือเป็นหนัง cult classic อีกเรื่องนึง เหมือนจริง ๆ หนังมีแค่ไอเดียเก๋ ๆ หลัก ๆ อันเดียวซึ่งก็เหมาะแล้วที่ทำออกมาเป็นหนังสั้น ๆ แบบนี้

2.คิดว่าไอเดียของหนังใช้ได้ทีเดียว มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าผู้สร้างหนังอยากทำหนังบู๊ แต่รู้ว่ามันยากที่จะทำแบบสมจริง เพราะฉะนั้นก็ทำแบบไม่สมจริงไปเลย แต่อย่างน้อยก็ได้ทำฉากบู๊ในแบบที่ตัวเองอยากทำ

3.ซึ่งถ้าหากหนังเรื่องนี้พยายามสร้างออกมาให้เป็นแบบสมจริง แบบเป็นเรื่องแก๊งนักเลง หรือมีพล็อตเรื่องแบบสมเหตุสมผล  แล้วมีฉากบู๊ หนังก็จะไม่น่าจดจำแบบนี้ มันก็จะกลายเป็นหนังบู๊ธรรมดา ๆ เรื่องนึง 555 แต่พอมันออกมาแบบประสาทแดกแบบนี้ มันก็เลยน่าจดจำมาก ๆ

4. ชอบวิธีการเล่าเรื่องในช่วงท้ายสุด ๆ ที่เล่าเรื่องด้วยภาพมืด + เสียง + การตัดต่อ คือมันสามารถเล่าเรื่องได้ครบ โดยที่ไม่ต้องส่งนักแสดงหญิงไปฝึก martial arts ให้ช่ำชองก่อนเข้าฉาก เหมือนมันสามารถเล่าเรื่องได้โดยคำนึงถึงข้อจำกัดของนักแสดงด้วย 555

MELANCHOLIA (2021, ปรินทร์ สุขวาทยานนท์, 22min A+25)

จำได้ว่าตอนดูรู้สึกชอบมาก ๆ นึกถึงหนังอย่าง RABBIT HOLE (2010, John Cameron Mitchell) ที่มันจมดิ่งไปในอารมณ์เศร้าอย่างรุนแรง แต่พอตอนนี้เรากลับจำไม่ค่อยได้ว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างใน MELANCHOLIA 555

HE IS A REAL GHOST, PLEASE TRUST US (2022, Metas Usaha, 21min, A+30)

1.หนังผีตลก ที่เหมือนได้รับแรงบันดาลใจจากทั้ง ร่างทรง และ THE BLAIR WITCH PROJECT

2.ชอบที่ประเด็นเรื่องภาษาอีสาน กลายเป็นประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งในหนัง

3.ชอบที่ผีปอบก็มีหัวใจ และไม่ยอมทำตามคำสั่งของเจ้านายเสมอไป

X LEGEND ตำนานรัก 520 (2020, ศุภณัฐ คนงาม, A+30)

Cult classic

RT, CALL (2021, แพรศรีทอง ดีเกษม, 11min, second viewing, A+30)

เป็นหนังเลสเบียนที่ถ่ายทอดอารมณ์ต่าง ๆ ออกมาได้ดีมาก ๆ ชอบที่ตัวละครตัวนึงไม่ได้ให้คำตอบที่แน่นอนว่า ตกลงแล้วควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อพ่อแม่ เพราะเราก็คิดว่า เรื่องแบบนี้มันไม่มีคำตอบตายตัวด้วยแหละ เพราะชีวิตแต่ละคนก็มีเงื่อนไขและปัจจัยต่าง ๆ ในชีวิตที่แตกต่างกันไป

แต่งง ๆ กับฉากช่วงท้ายเรื่อง 555

SELFIE OF MY RUN TO MY RETURN FROM RUNAWAY (2021,พสธร วัชรพาณิชย์, 7min,  second viewing, A+30)

หนึ่งในหนังสั้นที่ชอบที่สุดในปีที่แล้ว นึกว่าพลังของ mise en scene

OUR MISSING YOUTH (2021, กิตติภัฏ สกุลบริรักษ์, documentary, A+30)

1.สารคดีสัมภาษณ์หนุ่มสาว 3 คนในช่วงโควิดระบาดหนัก คนนึงเป็นนักเรียนมัยมปลายที่มีที่พักอยู่ใกล้โรงเรียนมาก แต่ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ เพราะโรงเรียนปิดช่วงโควิด เธอก็เลยไม่ได้เจอเพื่อน ๆ เลย และเธอก็คาดว่าพอเธอเข้ามหาลัย โอกาสจะได้เจอเพื่อน ๆ มัธยมก็คงน้อยลงไปอีก

สงสารเธอมาก ๆ เพราะถ้าหากวัดจากประสบการณ์ของเราเอง ช่วงม.4-ม.5 ของเรา ซึ่งตรงกับปี 1988-1989 นี่ถือเป็นหนึ่งในช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตน่ะ การได้ไปโรงเรียนแล้วร้องกรี๊ด ๆ ๆ, เต้นระบำทิชชู, ใส่กระโปรงเดินไปมาในห้องเรียน, ไปเดินมาบุญครองกับเพื่อน ๆ , etc. ในตอนนั้น ยังคงเป็นความทรงจำที่เราหวนนึกถึงอยู่เสมอแม้เวลาผ่านมานาน 30 กว่าปีแล้ว เพราะฉะนั้นการที่เด็กบางคนพลาดโอกาสเหล่านี้ไปก็เลยเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมาก ๆ

2. Subject อีกคนเป็นนักศึกษามหาลัยที่ได้มีโอกาสประชุมกับวุฒิสมาชิกท่านหนึ่ง และก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับการประชุม เพราะเธอคงเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ ความทุกข์ใจที่อยากให้คนรับฟัง เข้าใจ และคิดที่จะหางแก้ไขปัญหา แต่เหมือนกับว่าอีกฝ่ายนึงต้องการให้ประชาชนพยายามมองโลกในแง่บวก

รู้สึกเห็นใจ subject  คนนี้มาก ๆ เหมือนกัน เราก็เคยเจอประสบการณ์ทำนองนี้เหมือนกัน เหมือนบางครั้งเราก็เจอความเห็นทำนองนี้จากคนบางคน เราก็เลย unfriend เขาไปแล้ว 5555

3.subject  อีกคนเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบมหาลัย แต่ยังหางานทำไม่ได้ท่ามกลางวิกฤติโควิด เขาก็เลยหาของในเกมออนไลน์มาขาย หรืออะไรทำนองนี้ เขาแสดงความเห็นในบางประเด็นได้ดีมาก ๆ


SECRETS AMONG WINGS (2022,Warat Bureephakdee, 30min, A+30)
ความลับในฝูงนก (วรัตต์ บุรีภักดี)

1.แอบคิดว่า ไอเดียของหนังเรื่องนี้เหมาะนำไปดัดแปลงสร้างเป็นละครเพื่อตบกับ "บุพเพสันนิวาส" มาก ๆ 555 เพราะถ้าเราเข้าใจไม่ผิด หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของชายหนุ่มสองคนคุยกัน คนหนึ่งเดินทางย้อนเวลามาจากโลกอนาคต  ส่วนอีกคนเป็นวิญญาณที่เคยเกิดเป็นเพื่อนสนิทของชายหนุ่มคนนี้มาแล้วหลายภพหลายชาติ และจากเรื่องที่วิญญาณเล่า เราก็พบว่าทั้งสองเคยเกิดในแผ่นดินสยามมาแล้วหลายครั้งหลายหน อาจจะตั้งแต่ก่อนยุคสุโขทัย และอาจจะเคยเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์หรือเป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์เลวร้ายในสยามมาแล้วหลายครั้งในแต่ละชาติภพ

2.เหมือนเรื่องที่ทั้งสองคุยกันมีเยอะมาก ซึ่งส่วนที่น่าจดจำมาก ๆ ก็คือการที่ทั้งสองเคยมีส่วนร่วมในการปราบกบฏบวรเดชในชาติก่อน ๆ แต่ตอนนี้อนุสาวรีย์ปราบกบฏหายสาบสูญไปแล้ว

3.มีอยู่ชาตินึงที่ทั้งสองเคยไปดู TROPICAL MALADY ที่โรงหนังสยามด้วย

4.และทั้งสองก็เป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์สังหารหมู่เสื้อแดงในปี 2010

5.สิ่งที่ชอบสุด ๆ ในหนังคือความประหลาด ๆ ที่เราหาคำอธิบายไม่ได้ อย่างเช่น การเปลี่ยนสีเขียวในบางฉากของหนังให้กลายเป็นสีม่วง เราชอบอะไรแบบนี้มาก ๆ 555

NOSTALGIA (2022, Weerapat Sakolvaree, 14min, A+30)

1.ชอบสุดขีด รู้สึกว่าการกำกับของคุณ Weerapat เข้าทางเราอย่างสุด ๆ ในหนังเรื่องนี้ เหมือนเราได้เห็นอะไรไม่มากนัก แต่มันกินความได้ใหญ่มาก และให้ความรู้สึกที่ทรงพลังมาก ๆ

2. เหมือนหนังเกือบทั้งเรื่องเป็นภาพนิ่งมั้ง คล้าย ๆ LA JETEE ก็เลยรู้สึกว่า งานหนัง wildtype ปีนี้งดงามมาก มีทั้งหนังที่สามารถปะทะกับหนังของ Jean-Luc Godard (วรัตต์ บุรีภักดี), Chris Marker (Weerapat Sakolvaree), Robert Bresson (พงษ์กวิน มั่นคง), Harun Farocki ( ศิวกร บุญสร้าง) และ James Benning (สวิตต์ นาคสกุล) 555

3.ดูตอนแรกเราไม่ทันคิดอะไร แต่พอหนังผ่านไปครึ่งเรื่องแล้ว เราถึงเพิ่งเริ่มรู้สึกว่า ตัวละครมันย้อนอดีตเข้าไปเรื่อย ๆ หรือเปล่า เหมือนย้อนเข้าไปในประวัติศาสตร์บาดแผลทางการเมืองของไทยลึกเข้าไปเรื่อย ๆ

4.เหมือนเป็นหนังที่ทรงพลังทั้งประเด็นและวิธีการถ่ายทอด มีทั้งความหลอน ๆ และความสะท้านสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน

5.ตอนจบของหนังนึกว่าต้องปะทะ กับ "ผีมะขาม ไพร่ฟ้า ประชาธิปไตย ในคืนที่ลมพัดหวน"  (2007, Chai Chaiyachit, Chisanucha Kongwailap)

WE LIVE IN A BEAUTIFUL WORLD (2022, วรัตต์ บุรีภักดี, 34min, A+30)
เราอยู่ในโลกที่สุดแสนสวยงดงาม

1.ชอบสุด ๆ ชอบความซับซ้อนและลูกเล่นมากมายของหนัง จริง ๆ ตอนดูนึกถึงหนังของ Jean-Luc Godard ในแง่ความเป็นการเมือง และความ narrative ที่พิศวงงงงวยมาก ๆ (หรือมันเรียกว่า anti-narrative เราก็ไม่แน่ใจ 5555) แต่เข้าใจว่าผู้กำกับคงไม่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Godard หรอก แต่ผู้กำกับอาจจะสนใจวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ตรงตามขนบสักเท่าไหร่ หนังที่ออกมาเลยมีความพิศดารพันลึกในแบบที่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้

2.ช่วงแรกของหนังดูเป็นหนังวัยรุ่นหนุ่มสาวการเมืองที่เน้นการโพสท่าเก๋ ๆ นิ่ง ๆ มีหนุ่มสาวใช้โทรจิตคุยกัน

3.ช่วง 2 ของหนังนึกว่ามาเพื่อปะทะกับ "คาธ" ของปราปต์ 555 เพราะเป็นเรื่อง dilemma ในกลุ่มสารวัตรนักเรียนในโรงเรียน มีเรื่องเด็กไฮโซทะเลาะกับเด็กคนอื่น (ไม่แน่ใจว่าเป็นน้องชายสารวัตรนักเรียนคนนึงหรือเปล่า) แต่จริง ๆ แล้วเด็กคนอื่นเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ฝ่ายเด็กผู้มีอิทธิพลในโรงเรียนหาว่าเด็กไฮโซเป็นฝ่ายเริ่มก่อน  สารวัตรนักเรียนคนนึงตั้งใจจะเปิดโปงความจริงในเรื่องนี้ แต่เขาถูกผู้มีอิทธิพลขู่ว่า จะเปิดโปงเรื่องที่เขาเคยปล่อยข้อสอบรั่วไหล

ชอบที่หนังเหมือนใส่อะไรพิศวงเข้ามาเป็นระยะ ๆ อย่างเช่นฉากเด็กสาวคนนึงเดินถอยหลังในโรงเรียนไปเรื่อย ๆ

4.ช่วงสุดท้ายของหนังเป็นช่วงที่เราชอบที่สุด หนังถ่ายสองสาวนั่งคุยกันริมสระอะไรสักอย่างในยามสนธยา โดยเป็นการถ่ายแค่ด้านหลัง สาวทั้งสองเป็นคนเดียวกันแต่มาจากโลกคู่ขนานกัน คนนึงมาจากโลกที่กลุ่มสารวัตรนักเรียนเป็นกลุ่มฉ้อฉลมั้ง ถ้าจำไม่ผิด เหมือนทั้งสองโลกเป็นโลกที่สิ้นหวังทางการเมืองพอ ๆ กัน

สิ่งที่ทำให้ชอบฉากนี้อย่างสุด ๆ ไม่ใช่บทสนทนาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเลือก location และมุมกล้องแบบนี้ในการถ่าย เพราะถึงแม้บทสนทนาของสองสาวจะเป็นเรื่องเหนือจริง แต่ภาพในฉากนี้เหมือนเก็บบรรยากาศของโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างงดงามสุด ๆ และเราว่าสองสิ่งนี้มัน  balance กันได้ดีมากสำหรับเรา เพราะตัวบทสนทนาของสองสาวมันเหมือนเป็น "ประเด็นทางการเมือง" ที่อาจจะถ่ายทอดในรูปแบบของ text  ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพ แต่ภาพของฉากนี้มันถ่ายทอดความงดงามอันซับซ้อนของโลกแห่งความเป็นจริงได้ดี โดยเฉพาะระลอกคลื่นบนผิวน้ำเมื่อลมพัดผ่าน และการเห็นรถต่าง ๆ แล่นไปแล่นมานอกรั้วในระยะไกล มันเหมือนฉากนี้ไม่ได้ถูกลดรูปจนเหลือเพียงแค่ "ประเด็นทางการเมือง" เพราะภาพของฉากนี้มันทำให้เรารู้สึกว่า ชีวิตของคนอื่น ๆ ก็ดำเนินต่อไป และโลกก็เต็มไปด้วยอะไรอื่น ๆ อีกมากมายนอกจากประเด็นทางการเมืองด้วย เราก็เลยรักฉากนี้อย่างสุด ๆ

5.ถ้าจำไม่ผืด ช่วงต้นเรื่องหนังมีเสียงพูดถึงสงครามยูเครน ส่วนช่วงท้ายหนังมีเสียงรายงานข่าวว่า จีนเริ่มทำสงครามกับไต้หวันแล้ว และมันอาจจะนำไปสู่ WWIII ซึ่งก็ถือเป็นการปิดเรื่องได้อย่างสิ้นหวังมาก ๆ 555

No comments: