ประสบการณ์ WORLD FILM FESTIVAL OF
BANGKOK ประจำวันที่ 14 NOV 2024 = พระมาลัย
ท่องแดนนรกและสวรรค์
วันนี้ดูหนัง 4 เรื่อง ซึ่งได้แก่ SANTOSH (2024, Sandhya Suri, India, 120min, A+30),
PEPE (2024, Nelson Carlo de Los Santos Arias, Dominican Republic, 122min, A+30),
BY THE STREAM (2024, Hong Sang-soo, South Korea, 111min, A+30) และ
LOVE (2024, Dag Johan Haugerud, Norway, 119min, A+30)
พอดู 4 เรื่องเรียงตามลำดับข้างต้น แล้วรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นลูกทัวร์ของพระมาลัย
มีพระมาลัยเป็นไกด์ทัวร์ พาไปดู “อเวจีชั้นต่ำสุด” ก่อน ซึ่งได้แก่
อินเดียที่เต็มไปด้วยปัญหาสังคมอย่างร้ายแรงมาก ๆ ดูแล้วนึกถึงหนังสารคดีของ Anand
Patwardhan หลายๆ เรื่องที่เคยมาฉายในกรุงเทพมาก ๆ
แล้วหลังจากนั้นพระมาลัยก็พาลูกทัวร์ขึ้นจากอเวจีชั้นต่ำสุด มาเยือนประเทศโคลอมเบียในหนังเรื่อง
PEPE ที่สภาพบ้านเมืองอาจจะอยู่ในระดับเท่ากับหรือแย่กว่าไทยนิดหน่อย
โดยหนังเรื่อง PEPE อาจจะไม่ได้พูดถึงปัญหาสังคมการเมืองโดยตรงเท่ากับ
SANTOSH ยกเว้นในฉาก “ประกวดนางงาม” แต่หนังก็สะท้อนสภาพสังคมออกมาโดยอ้อมอยู่ดี
แล้วหลังจากนั้นพระมาลัยก็พาลูกทัวร์ มาเยือนเกาหลีใต้ในหนังเรื่อง
BY THE STREAM ที่สภาพบ้านเมืองในหนังดูดีกว่า SANTOSH
และ PEPE มาก ๆ แต่ก็ใช่ว่าประเทศของเขาจะไม่มีปัญหาการเมือง
เพราะตัวละครใน BY THE STREAM ก็มีสถานะเป็น “เหยื่อทางการเมือง”
อย่างเห็นได้ชัดมาก ๆ เช่นกัน เพียงแต่ว่าสภาพความเป็นอยู่อย่างอื่น ๆ
ของตัวละครดูดีกว่าในอินเดีย, โคลอมเบีย และไทยมากๆ
แล้วหลังจากนั้นพระมาลัยก็พาลูกทัวร์ไปเยือน “สวรรค์ชั้นเจ็ด”
ใน LOVE เพราะมันเป็นหนังนอร์เวย์ที่นำเสนอประเทศของตัวเองราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์จริง
ๆ โดยเฉพาะจากมุมมองของคนไทยจนๆ อย่างเรา 55555
ดู LOVE แล้วชอบมากกว่า SEX
(2024, Dag Johan Haugerud, Norway, A+30) นะ เพราะ SEX เหมือนมันเล่าผ่านมุมมองของผู้ชายสองคนที่มีความเป็น straight สูงมาก หรืออาจจะมีความ bisexual อยู่บ้าง
แต่มันก็ไม่ใช่มุมมองที่จูนเข้ากับเรามากนัก แต่พอ LOVE มันเล่าผ่านมุมมองของตัวละครที่เป็นผู้หญิงกับเกย์
เราก็เลยจูนติดได้ง่ายกว่าเยอะเลย คล้าย ๆ กับความรุ้สึกของเราที่มีต่อหนังชุด SIX
MORAL TALES ของ Eric Rohmer กับหนังชุด COMEDIES
AND PROVERBS ของ Eric Rohmer เพราะหนังชุด SIX
MORAL TALES มันเป็น “ผู้ชายมองผู้หญิง” แต่หนังชุด COMEDIES
AND PROVERBS มันเป็น “ผู้หญิงมองผู้ชาย”
เราก็เลยจะจูนติดกับหนังชุด COMEDIES AND PROVERBS มากกว่าหนังชุด
SIX MORAL TALES
อีกจุดที่ทำให้นึกถึงหนัง Rohmer มาก ๆ ก็คือการที่เนื้อหาใน LOVE มันเกิดใน “เดือนสิงหาคม”
เพราะเนื้อเรื่องในหนังของ Rohmer หลาย ๆ
เรื่องก็มักจะเกิดในฤดูร้อนเหมือนกัน โดยเฉพาะ THE GREEN RAY (1986)
พอดู LOVE แล้วก็จะนึกถึงหนังเรื่อง
WHAT I LOVE THE MOST (2010, Delfina Castagnino, Argentina, A+30) ด้วย เราได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนมันมาฉายใน WORLD FILM FESTIVAL OF
BANGKOK ในวันที่ 9 พ.ย. 2010 และถ้าเราจำไม่ผิด ตอนนั้นหนังเรื่อง WHAT
I LOVE THE MOST ฉายควบกับหนังไทยเรื่อง “ตู้เย็นบิน” (2010,
Nathan Homsup, A+30)
รู้สึกราวกับว่า เทศกาล WORLD FILM
FESTIVAL OF BANGKOK มีความสัมพันธ์อันดีกับ “ตระกูล DIOP” เพราะว่า เราได้ดูหนัง 3 เรื่องของตระกูลนี้ในเทศกาลนี้ 555555 ซึ่งหนัง
3 เรื่องนี้ประกอบด้วย
1.เราได้ดู HYENAS (1992, Djibril Diop
Mambety, Senegal, A+30) ที่โรงภาพยนตร์ในห้างบิ๊กซี ราชดำริ
ในวันที่ 23 ต.ค. 2004 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน
2. เราได้ดู ATLANTIQUES (2010, Mati Diop,
Senegal/France, 16min, A+30) ที่โรงภาพยนตร์ สยาม พารากอน ในวันที่
9 พ.ย. 2010 หรือเมื่อ 14 ปีก่อน
3. เราได้ดู DAHOMEY (2024, Mati Diop,
France/Senegal/Benin, documentary, 68min, A+30) ที่
Central World ในวันเสาร์ที่ 9 พ.ย. 2024
Mati Diop เป็น niece ของ Djibril
Diop Mambety
No comments:
Post a Comment