Sunday, February 19, 2006

OUT OF PLACE; MEMORIES OF EDWARD SAID (A+)

--ปีนี้คงไม่ได้เขียนอะไรเยอะๆแบบปีที่แล้วอีกแล้วค่ะ เพราะปีนี้กะว่าจะเอาเวลามานอนให้เยอะๆ เพราะกลัวเดี๋ยวไม่สบายเหมือนช่วงต้นปีอีก

--รู้สึกว่าผิดหวังกับระบบการขายตั๋วของโรงหนังสยามพารากอนอย่างรุนแรงที่สุด และรู้สึกรักระบบการขายตั๋วของ THAITICKETMASTER อย่างมากๆ

--เข้าไปเช็คดูโปรแกรมหนังในเว็บไซท์ พบว่ามีการเปลี่ยนโปรแกรมเยอะมากๆ (แต่ดีที่เขาทำตัวแดงให้เห็นชัดว่าโปรแกรมไหนเปลี่ยนแปลง) ใครที่ซื้อตั๋วไปแล้วก็ต้องไปรีฟันด์กันอีก ดิฉันก็ต้องไปรีฟันด์เหมือนกัน เพราะซื้อตั๋วเรื่อง ODETE ในวันพฤหัสบดีที่ 23 ไปแล้ว ปรากฏว่าหนังเปลี่ยนจากรอบ 12.00 เป็น 14.30 เฉยเลย

--ในเว็บไซท์ของเทศกาล มีบอกไว้ด้วยว่าเรื่องไหน SOLD OUT แล้ว ซึ่งก็ปรากฏว่ามีหลายเรื่องมาก

สรุปอันดับหนังที่ได้ดูในเทศกาลนี้ (รวมหนังแอนิเมชั่น 15 เรื่องที่เกอเธ่ฉายให้ชมฟรีในวันพุธด้วย เพราะหนังแอนิเมชั่น 15 เรื่องนี้ก็ฉายในเทศกาลด้วยเหมือนกัน)

1.CHERCHEZ LA FEMME (2002, DANIEL HOPFNER, A+) 2.THE PATCHWORK QUEEN (2001, LARS HENKEL, A+) 3.ESCAPE (2002, KIRSTEN WINTER, A+) 4.RECENTLY 2 (2000, JOCHEN KUHN, A+)
5.OUT OF PLACE: MEMORIES OF EDWARD SAID (2005, MAKOTO SATO, A+)

หนังสารคดีที่ดูแล้วร้องไห้ เหมาะดูควบกับ MUNICH อย่างมากๆ

สิ่งหนึ่งที่ชอบมากในหนังสารคดีเรื่องนี้ คือการถ่ายทอดให้เห็น “ความคับแคบ” ของค่ายผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ และ “ความกว้างใหญ่ไพศาล” ของภูมิประเทศที่พวกเขาถูกขับไล่ออกมา

ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะเกี่ยวกับชาวยิวและชาวปาเลสไตน์ แต่ก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มี “ความนิ่ง” แบบชาวญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งนั่นคงเป็นเพราะลักษณะแบบนี้คงเป็นธรรมชาติของชาวญี่ปุ่นและของผู้กำกับหนังเรื่องนี้

หนังอีกเรื่องที่ทำให้รู้สึกถึงความนิ่งของชาวญี่ปุ่นคือหนังความยาว 170 นาทีเรื่อง YEAR ONE IN THE NORTH ที่ฉายที่อีจีวี เมโทรโพลิสในขณะนี้ เพราะหนังเรื่องนี้มีบางฉากที่ตัวละครประกอบหลายๆตัวจะยืนนิ่งๆ ทื่อๆ ซึ่งถ้าหากเป็นหนังเกี่ยวกับคนชาติอื่น การที่ตัวละครประกอบยืนนิ่งๆทื่อๆกันทั้งฉาก คงดูเป็นอะไรที่ตลกหรือดูแปลกหูแปลกตาเป็นอย่างมาก แต่รู้สึกว่าการยืนนิ่งๆทื่อๆแบบนี้เป็นสิ่งที่เห็นบ่อยมากในหนังญี่ปุ่น

หนังสารคดีของผู้กำกับภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่นอีก 2 เรื่องที่รู้สึกว่ามีธรรมชาติแห่งความสงบนิ่งภายในไม่แพ้ OUT OF PLACE ก็คือเรื่อง HOMEMADE SAKE (2001, SATOSHI ONO, A) ที่ถ่ายทอดการทำเหล้าสาเกและความผูกพันของสมาชิกในครอบครัวในแบบที่ “ไม่มีความเร่งรีบแม้แต่นิดเดียว” และเรื่อง ALEXEI AND THE SPRING (2002, MOTOHASHI SEIICHI, A+++++) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคนในอดีตสหภาพโซเวียต

http://www.midnighteye.com/reviews/homasake.shtml



6.RUBICON (1997, GIL ALKABETZ, A+)
7.HOSTAGE (2005, CONSTANTINE GIANNARIS, A+)

ชอบการกำกับการแสดงของเรื่องนี้อย่างมากๆ รู้สึกว่าตัวละครประกอบหลายๆตัว ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านดวงตาได้อย่างดีมากๆ ดาราประกอบหญิงแต่ละคนในเรื่องนี้เล่นกันได้สุดยอดมากๆ ดนตรีประกอบก็ดีมาก

รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้จะมีตัวละครเป็นเลสเบียนด้วย
8.GHOST TRAIN (2000, TINE KLUTH, A+) 9.THE RAVEN (1999, HANNES RALL, A+) 10.THE MESSAGE (2000, RAIMUND KRUMME, A+) 11.THE MOMENT (2000, THOMAS VOIGT, A+/A) 12.HOBO (2000, JOCHEN EHMANN, A+/A)
13.3 NEEDLES (2005, THOM FITZGERALD, A)
หนังเรื่องนี้ไม่ได้ฉายด้วยฟิล์ม และภาพที่ออกมาก็มืดมากๆ จนดูไม่รู้เรื่องในบางฉาก (หนังสารคดีเรื่อง OUT OF PLACE ก็ไม่ได้ฉายด้วยฟิล์มเหมือนกัน แต่ภาพที่ออกมาดูชัดเจนดี ไม่มีปัญหาอะไร)

หนังเล่าถึงผลกระทบจากโรคเอดส์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ซึ่งได้แก่

13.1 THE BUDDHISTS
เล่าถึงผลกระทบจากโรคร้ายที่มีต่อชาวเขาบริเวณพรมแดนจีน-พม่า LUCY LIU นำแสดงในส่วนนี้ คาดว่าส่วนนี้ถ่ายทำในประเทศไทย

13.2 THE CHRISTIANS
เล่าถึงผลกระทบจากโรคร้ายที่มีต่อดาราหนังโป๊ชาย (SHAWN ASHMORE จาก X-MEN) และแม่ของเขา (STOCKARD CHANNING)

13.3 THE PAGANS
เล่าถึงแม่ชีในแอฟริกาใต้ (CHLOE SEVIGNY + SANDRA OH จาก SIDEWAYS)

รู้สึกทึ่งกับการกระทำของตัวละครในเรื่องนี้อย่างมากๆ ตัวละครในเรื่องนี้จะพบกับ “วิกฤติศรัทธา” หรือพยายามหาทางออกจากปัญหาด้วยวิธีการที่คิดไม่ถึง

14.ROCKS (2001, CHRIS STENNER + HEIDI WITTLINGER, A)
15.HESSI JAMES (2000, JOHANNES WEILAND, A) 16.TERMINAL: PARADISE (2000, JAN THURING, A)
17.TSOTSI (2005, GAVIN HOOD, A)
รู้สึกว่าหนังพยายามทำซึ้งมากไปหน่อย แต่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะคิดว่าผู้กำกับหนังเรื่องนี้ตั้งใจสร้างหนังเพื่อ “ยกระดับจิตใจ” หรือจรรโลงใจ จรรโลงสังคม มากกว่าจะสร้างหนังเพื่อศิลปะ

ชอบกลุ่ม “เด็กเดน” (เด็กที่อาศัยอยู่ในท่อ) ในหนังเรื่องนี้มากๆ เด็กเหล่านี้อายุประมาณ 8-9 ขวบ แต่รู้จักรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน สร้างอาณาเขตของตัวเอง และมีระบบการคุ้มกันอาณาเขตของตัวเองอย่างแน่นหนา เห็นเด็กกลุ่มนี้แล้วรู้สึกสงสารมากๆ พวกเขาใช้ชีวิตอย่างปากกัดตีนถีบทั้งๆที่อายุน้อยมาก และคงต้องพยายาม “เอาชีวิตให้รอด” ในทุกๆวัน ทั้งในการหาอาหารกิน และในการเอาชีวิตให้รอดจากคนชั่วร้าย

กลุ่ม “เด็กเดน” ในหนังเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงกลุ่มเด็กเดนใน CITY OF GOD (A+) และในหนังโมร็อกโกเรื่อง ALI ZAOUA:PRINCE OF THE STREETS (2000, NABIL AYOUCH, A)
http://www.imdb.com/title/tt0260688/

ส่วนหนังเกี่ยวกับเด็กเดนอีก 2 เรื่องที่อยากดูมากๆก็คือเรื่อง

17.1 STREETWISE (1984, MARTIN BELL)
http://www.imdb.com/title/tt0088196/
http://images.amazon.com/images/P/6303321046.01.LZZZZZZZ.jpg

17.2 A GUIDE TO RECOGNIZING YOUR SAINTS (2006, DITO MONTIEL)
นำแสดงโดยสุดหล่อ CHANNING TATUM
http://www.imdb.com/title/tt0473488/


18.THE MODERN CYCLOPS (2002, DANIEL NOCKE, A-) 19.HARARA (1999, ANDY KAISER, A-)
FAVORITE OPENING
HOSTAGE
เปิดเรื่องด้วยฉากพระเอกหนุ่มหล่อวิดพื้นและเปลือยกายอาบน้ำ
FAVORITE ENDING
OUT OF PLACE: MEMORIES OF EDWARD SAID

FAVORITE SCENE
ฉาก SHAWN ASHMORE วิดพื้นใน 3 NEEDLES โฮะๆๆๆๆ

No comments: