FILMS I SAW IN JANUARY 2013
1.THE FOSTER BOY (2011, Markus Imboden, Switzerland, A+30)
2.ARNULF RAINER (1960, Peter Kubelka, A+30)
3.UN VILLAGE FRANÇAIS (2009-2012, TV series, A+30)
4.TWIN SISTERS (1934, Zheng Zheng Qiu, China, A+30)
5.VIPER IN THE FIST (VIPÈRE AU POING) (2004, Philippe de Broca,
A+30)
6.ADRIFT (LA DÉRIVE) (2011, Matthieu Salmon, A+30)
7.GIVE US FREEDOM (ROUGE PARADE) (2012, Elyes Baccar,
Switzerland/Tunisia, documentary, A+30)
8.THE GUAVA HOUSE (2000, Nhat Minh Dang, Vietnam, A+30)
9.ON PROGRESS (อยู่ระหว่างการปรับปรุง) (2013,
Abhichon Ratanabhayon, documentary, A+30)
10.ACHIEVING THE UNACHIEVABLE (2007, Jean Bergeron, Canada, documentary,
A+30)
11.THE LOBSTER'S CRY (2012, Nicolas Guiot, A+30)
12.ITINÉRAIRES (2006, Christophe Otzenberger, A+25)
13.SLEEPING SICKNESS (2011, Ulrich Köhler, Germany, A+20)
14.LITTLE SENEGAL (2001, Rachid Bouchareb, A+20)
15.COLD-BLOODED MURDER (ASSASSINÉE) (2012, Thierry Binisti, A+20)
16.FOR DJAMILA (2011, Caroline Huppert, A+20)
17.CHINESE ZODIAC (2012, Jackie Chan, A+20)
18.KILLING THEM SOFTLY (2012, Andrew Dominik, A+15)
19.SOMEONE ELSE'S PLACE (2012, Naraid Kuapunyakoon, A+15)
20.VERY HAPPY ALEXANDRE (ALEXANDRE LE BIENHEUREUX) (1967, Yves
Robert, A+15)
21.HARAM (2010, Benoît Martin, A+15)
22.BREATH OF A TRUMPET (2007-2011, Ole Ukena, video installation,
A+15)
23.WALK!!! (2013, Nathan Homsup + Dhan Lhaow, documentary, A+10)
24.THE WOMAN KNIGHT OF MIRROR LAKE (2011, Herman Yau, A+10)
25.MATRU KI BIJLEE KA MANDOLA (2013, Vishal Bhardwaj, India, A+5)
26.DUBBA DUB DUB (2013, Yingsiwat Yamolyong + Paradorn Wesurai +
Banpot Wutthipreecha + Pramote Sangsorn, A+)
--DUBBA DUB DUB: BUTCH CASSIDY AND SUNDANCE KID (A)
--DUBBA DUB DUB: THE SEVENTH SEAL (A+)
--THE FOURTH LAND OF HEAVEN (Pramote Sangsorn, A+30)
--THE MIRACULOUS POWER WHICH CAN NEVER BE CONCEALED OF NE WADDAO (กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้ของเน วัดดาว) (A+30)
27.TOUSSAINT LOUVERTURE (2011, Philippe Niang, miniseries, A+)
28.LIFE OF PI (2012, Ang Lee, A+)
29.THE SYSTEM -- TO UNDERSTAND EVERYTHING MEANS TO FORGIVE
EVERYTHING (2011, Marc Bauder, Germany, A+)
30.BIZARRE, BIZARRE (DRÔLE DE DRAME) (1937, Marcel Carné, A+)
31.CALL TO ARMS (1972, Shen Chiang, A+)
32.NAMIBIA, TIMELESS AFRICA (2011, Éric Bacos, documentary, A+)
33.2013 (2013, Apichatpong Weerasethakul, A+)
34.DOUCE MENACE (2011, Ludovic Habas + Yoan Sender + Margaux
Vaxelaire + Mickaël Krebs + Florent Rousseau, animation, A+)
35.LA VÉRITÉ (2011, Patrice Kerbrat, A+)
36.POWER PLAY (LA DÉLOGEUSE) (2008, Julien Rouyet, Switzerland, A+)
37.TEXAS CHAINSAW 3D (2013, John Luessenhop, A+)
38.SWEET MOSQUITO (2012, Audrey Najar + Frédéric Perrot, A+)
39.ECONOMIES OF TOUCH (2013, Sheelah Murthy, video installation,
A+)
40.VIDEO MEMORANDUM NO.11: STAR (2013, Wiwat Lertwiwatwongsa, A+)
41.LET ME IN (FAIS CROQUER) (2011, Yassine Qnia, A+)
42.RAPE (1966, Wim van der Linden, A+)
43.GANGSTER SQUAD (2013, Ruben Fleischer, A+/A)
44.REPERCUSSIONS (2008, Caroline Huppert, A)
45.LES DEUX MONDES (2007, Daniel Cohen, A-)
46.THE HITMAN (มือปืน ดอกไม้ คำสั่งฆ่า) (2007,
Wichanon Somumjarn, A-)
47.JE RETOURNE CHEZ MA MÈRE (2011, Williams Crépin, A-)
48.DEAL (2011, Wilfried Méance, A-)
49.LILI DAVID (2012, Christophe Barraud, A-/B+)
50.IMPASSIVE LÉO (2010, Nicolas Apicella, A-/B+)
51.APRÈS TOI (2012, Wilfried Méance, B+)
52.THE STUNT (2013, Sathanapong Limwongthong,
documentary, B-)
http://thaifilmjournal.blogspot.com/2013/01/review-stunt.html
POWER PLAY เป็นหนังสั้นความยาว 20 นาทีครับ หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับสเตฟานี่
หญิงสาวที่ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดในอาคารสำนักงานและในบ้านของคนรวยคู่หนึ่ง
สเตฟานี่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์กับชายหนุ่มคนนึงที่น่าจะเป็นแฟนเก่าของเธอ
แต่ชายหนุ่มคนนี้ชอบพาเพื่อนผู้ชายเป็นกลุ่มมาสุมหัวกันที่อพาร์ทเมนท์ จนทำให้สเตฟานี่รู้สึกว่า
"space" ของเธอเองในอพาร์ทเมนท์ถูกเบียดบังไปเป็นอย่างมาก
เพราะผู้ชายที่มาสุมหัวกันที่อพาร์ทเมนท์ของเธอก็ดูเป็นพวกนักเลงๆ ที่ไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไหร่
ส่วนที่บ้านของคนรวยคู่นั้น สเตฟานี่มักจะได้พบกับซูซานน์
เจ้าของบ้านซึ่งทำงานเป็นทนายความและมีบุคลิกค่อนข้างเย่อหยิ่ง
โดยก่อนที่ซูซานน์จะออกไปทำงาน เธอก็จะ assign งานต่างๆให้สเตฟานี่ทำ
พอ space ของสเตฟานี่ในอพาร์ทเมนท์ของเธอเองถูกเบียดบังมากขึ้นเรื่อยๆ
สเตฟานี่ก็เริ่มสร้าง space ของเธอเองในคฤหาสน์ของคนรวย
เธอเอาน้ำหอม เอาเครื่องสำอางของเจ้านายมาใช้
เธออาบน้ำในอ่างอาบน้ำหรูหราของเจ้านาย แต่โชคร้ายที่ซูซานน์กลับบ้านเร็วกว่ากำหนด
ซูซานน์กลับมาพบความจริงที่ว่าสเตฟานี่เอาสมบัติส่วนตัวของซูซานน์มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ซูซานน์โกรธมาก แต่สิ่งที่เฮี้ยนมากๆในหนังเรื่องนี้ก็คือ
สเตฟานี่ทำท่าทางไม่ยี่หระอะไรทั้งสิ้น ซูซานน์จะด่าทอยังไง สเตฟานี่ก็ไม่ยี่หระ
ในที่สุดซูซานน์ก็เลยยอมแพ้ เธอตัดสินใจออกเดินทางไปต่างประเทศ
และปล่อยให้สเตฟานี่อยู่ในบ้านของเธอ
สเตฟานี่เอาชุดของซูซานน์มาสวม และนั่งเต๊ะท่าอยู่บนโซฟา
สามีของซูซานน์กลับมาบ้าน เขามีบุคลิกลักษณะเหมือนคนรวยทั่วไป
นั่นคือคงจะเดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ และคงจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับภรรยาสักเท่าไหร่
เขาทักทาย "ซูซานน์" ที่นั่งอยู่บนโซฟา เขาไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่า
ซูซานน์กับสเตฟานี่ต่างกันอย่างไร
หนังเรื่องนี้เหมาะจะฉายควบกับ GUILTY (2008, Laetitia Masson, A+30) อย่างมากๆครับ เพราะ GUILTY มีการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนรวยกับคนใช้ที่น่าสนใจมากๆเหมือนกัน
โดย GUILTY มีเนื้อหาเกี่ยวกับแม่ครัวในบ้านของคนรวยคู่หนึ่ง
เธอแอบหลงรักชายหนุ่มเจ้าของบ้านหลังนี้ และต่อมาเธอก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ฆาตกรรม
อัยการที่มาสืบคดีนี้พบว่าแม่ครัวคนนี้มีอาการโรคจิตวิปลาส
แต่อาการโรคจิตนี่แหละที่ทำให้อัยการคนนี้ตกหลุมรักนางเอกจนทำให้เขากลายเป็นคนโรคจิตตามไปด้วย
ส่วนหนังอีกเรื่องของ Julien Rouyet ที่ชื่อ LAP
OF LUXURY (2011, A+) ก็ดีมากๆครับ
หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงสาววัยรุ่นฐานะดีคนนึงที่ไม่พอใจที่พ่อของเธอได้แฟนใหม่เป็นหญิงสาวสวย
พ่อของเธอเริ่มพาแฟนใหม่มานอนค้างที่บ้านเป็นประจำ และนั่นก็เลยทำให้เกิดอะไรรุนแรงตามมา
ส่วน "กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้ของเน
วัดดาว" เป็นหนังที่ดีมากๆครับ หนังเรื่องนี้เอา found footage หนังไทยเก่าๆเกี่ยวกับการกู้ชาติ
อย่างเช่น ศึกบางระจัน (1966) มาตัดต่อใหม่ ยำเข้าด้วยกัน และมีการเอาคลิปของแอล
โอรสหรือเน วัดดาว ใส่เข้ามาด้วย โดยนอกจากการยำ footage ต่างๆเข้าด้วยกันแล้ว
หนังเรื่องนี้ยังสร้างเนื้อเรื่องใหม่ขึ้นมาผ่านทางการพากย์เสียงตัวละคร
โดยในหนังเรื่องนี้เราจะเห็นภาพที่เรามักจะเห็นกันทั่วไปในหนังกู้ชาติ แต่ตัวละครกลับคุยกันแบบเด็กแว๊นแทน
ผลลัพธ์ที่ได้ก็เลยน่าสนใจมากๆ
หนังเหมือนจะตั้งคำถามได้อย่างแสบสันต์ต่อการปลูกฝังค่านิยมความเชื่อเรื่องชาตินิยมในสังคมไทยได้ดี
"กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้ของเน
วัดดาว" เหมาะจะฉายควบกับ "ฝนห่าไฟ" ของ Taiki Sakpisit มากๆ
เพราะเป็นการนำ found footage หนังไทยยุคเก่ามาใช้ได้น่าสนใจเหมือนกัน
และอาจจะเหมาะฉายควบกับหนัง found footage ของ Viriyaporn
Boonprasert และ Matthias Mueller ด้วย
เสียดายที่ไม่รู้ว่า ผู้กำกับ
"กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้ของเน วัดดาว" คือใคร
No comments:
Post a Comment