Thursday, March 15, 2018

WHEN WE FIRST MET (2018, Prakarn Rattanachamnong, 5min, A+20)


WHEN WE FIRST MET (2018, Prakarn Rattanachamnong, 5min, A+20)

ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่

1.ดูแล้วงงๆเล็กน้อยว่าหนังต้องการจะสื่ออะไร 555 ก็เลยอาจจะทำให้ไม่ได้ชอบแบบสุดๆ

ไม่แน่ใจว่าหนังต้องการจะพูดเรื่อง “อย่าตัดสินคนจากภายนอก” หรืออย่าตัดสินคนเพียงผิวเผินจากการพบกันแค่ครั้งแรก อะไรแบบนั้นหรือเปล่า แต่ก็รู้สึกว่าประเด็นนี้มันไม่ชัด หรือมันไม่โดนมากนัก

2.แต่ถ้าหากหนังเรื่องนี้เป็นแค่ฉากเปิดของหนังเรื่องนึง หรือเป็นแค่ส่วนประกอบของหนังเรื่องนึง มันก็จะดีมากๆ คือถ้าหากเรามองว่านี่เป็นเพียงแค่ฉากๆหนึ่งในหนังที่ยาวกว่านี้ เราก็จะชอบฉากนี้มากๆ เพราะว่า

2.1 การแสดงมันดูเป็นธรรมชาติดี ใช้ได้ เหมือนเป็นคนมาออดิชั่นจริงๆ

2.2 การคิดเฟรมภาพก็ดี เป็นภาพเล็กซ้อนในภาพใหญ่ มันดูมีเสน่ห์มากๆ

2.3 การคิดเฟรมภาพมันสอดคล้องกับโครงสร้างของเรื่องด้วย เพราะมันเป็น “เรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่า” คือเราได้ดูเรื่องราวสองเรื่องซ้อนกัน นั่นก็คือเรื่องของพนักงานต้อนรับ+คนมาสมัครงาน+สาวต่างชาติ และเรื่องนี้ซ้อนอยู่ในเรื่องของการทดสอบนักแสดงต่อหน้ากล้อง โดยที่สถานะของตัวละครในหนังสองเรื่องนี้มันก็ส่องสะท้อนกันด้วย เพราะใน “เรื่องเล็ก” นั้น “หญิงสาว” กับ “ชายผู้มาสมัครงาน” ต่างก็เจอกันครั้งแรก โดยหญิงสาวเหมือนอยู่ในสถานะของ “คนใน” ส่วนชายผู้มาสมัครงานอยู่ในสถานะของ “คนนอก ผู้จะต้องถูกประเมินความสามารถ” ส่วนใน “เรื่องใหญ่” นั้น หญิงสาวกับคนแคสติ้งก็น่าจะเจอกันครั้งแรกเหมือนกัน แต่ในเรื่องใหญ่นี้ “หญิงสาว” กลายเป็น “ผู้มาสมัครงาน” หรือหญิงสาวมีสถานะเหมือนเป็น “คนนอก ผู้จะต้องถูกประเมินความสามารถ” ซะเอง

เรื่องสองเรื่องนี้มันถูกเชื่อมโยงกันด้วยประเด็นเรื่อง การตัดสินคนอย่างผิวเผินด้วย โดยใน “เรื่องเล็ก” นั้น ชายผู้มาสมัครงานสร้างความประหลาดใจให้พนักงานต้อนรับ เพราะเขาพูดภาษาต่างประเทศได้ ส่วนใน “เรื่องใหญ่” นั้น หญิงผู้มาทดสอบบท ก็ได้รับการสอบถามเรื่องความเห็นเกี่ยวกับประเด็นอะไรแบบนี้ และคนที่อยู่หลังกล้อง ก็กำลัง “ตัดสิน” เธอจากการได้พบกันเพียงแค่ไม่กี่นาที

แต่เราก็ไม่คิดว่าหนังต้องการจะพูดถึงประเด็นนี้เป็นหลักน่ะ เพราะมันดูเบาๆลอยๆ ไม่น่าประทับใจมากนัก เราก็เลยงงๆว่าจริงๆแล้วหนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่ออะไร 555

สรุปว่า ชอบการแสดง, การคิดเฟรมภาพ, โครงสร้างการเล่าเรื่อง แต่งงว่าจบแค่นี้จริงๆน่ะเหรอ

No comments: