Saturday, May 19, 2018

CRYING


แอบด่าหนังเรื่องนึงไว้ในใจ ปรากฏว่าเข้าตัวเองค่ะ 555

เมื่อวานนี้ไปดูหนังเรื่อง 102 NOT OUT (2018, Umesh Shukla, India, A+20) ในหนังมันจะมีฉากที่ตัวละครชายวัย 70 กว่าปีชื่อ Baabu ไปที่โบสถ์เพื่อฟังเสียงระฆังโบสถ์ แล้วก็หวนนึกถึงความสุขเมื่อ 30 กว่าปีก่อนตอนที่เขากับลูกชายชอบมาที่โบสถ์แห่งนี้ เพราะลูกชายชอบฟังเสียงระฆัง แล้ว Baabu ก็ร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรง เพราะมันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่หวนคืนมาไม่ได้แล้ว เพราะเขากับลูกชายห่างเหินกันไป 30 กว่าปีแล้ว แล้วหลังจากนั้น Baabu ก็ทำกิจกรรมอื่นๆอีกที่ทำให้หวนนึกถึงความสุขต่างๆในอดีตที่ไม่มีวันหวนคืนมาได้อีกเหมือนกัน

ตอนดู 102 NOT OUT เราจะรู้สึกว่าฉากพวกนี้มันฟูมฟายและทื่อมะลื่อเกินไปน่ะ เหมือนหนังมัน execution ไม่ดี และหลายอย่างดูเป็นความพยายามสร้างความซาบซึ้งแบบทื่อๆ ตรงไปตรงมา และฟูมฟายมากพอสมควร (แต่ก็มีส่วนอื่นๆในหนังที่ดีมากๆนะ)

หลังจากที่เราแอบปรามาสหนังเรื่องนี้และการกระทำของตัวละคร Baabu ไว้ในใจ ปรากฏว่าวันนี้กูโดนเข้ากับตัวเองเลยค่ะ 555

ไม่รู้วันนี้เกิดอะไร หรือเกิดอาการจิตแตก หรือเป็นเพราะ 102 NOT OUT ส่งผลกระทบต่อจิตใต้สำนึกโดยเราไม่รู้ตัว คือพอสายๆวันนี้ ฝนตกหนัก พอเราทำงานบ้านเสร็จ เราก็เลยตัดสินใจนอนต่อ ขณะจะนอนต่อ เราก็หวนคิดถึงอดีตเมื่อ 20 กว่าปีก่อนตอนที่พึ่งเข้าพักในอพาร์ทเมนท์นี้ในปี 1995 นึกถึงความสุขในตอนนั้น ตอนที่เพื่อนๆมัธยมกับเพื่อนๆมหาลัยแวะมาที่อพาร์ทเมนท์นี้เป็นประจำ แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากเราหลับไป แล้วตื่นขึ้นมาเป็นวันฝนตกวันหนึ่งในปี 1995 เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองใหม่อย่างไรบ้าง

พอหลับไปแล้วตื่นนอนขึ้นมา เราก็หยิบเทปเพลงรวมฮิตในทศวรรษ 1990 มาฟัง ยิ่งฟังก็ยิ่งนึกถึงความสุขในทศวรรษ 1990 นึกถึงความสุขสุดๆสมัยเรียนมหาลัย ความสุขสุดๆช่วงที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ แล้วไปเที่ยว DJ STATION ประมาณ 15 คืนต่อเดือน พอฟังไปได้ 7-8 เพลง จนถึงเพลง THE DAY YOU WENT AWAY ของ Wendy Matthews เราก็รู้สึกอยากร้องไห้อย่างรุนแรง แล้วก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้อย่างเต็มที่ไปเลยราว 10-15 นาที

เหมือนเราแทบไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนนะ มันคงเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของคนวัยชราล่ะมั้ง แบบที่ตัวละครวัย 70 กว่าปีใน 102 NOT OUT ทำ ที่เราร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรง ไม่ใช่เพราะเนื้อเพลงของเพลง THE DAY YOU WENT AWAY นะ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน มันเป็นความเศร้าที่หมักหมมบ่มทับอยู่ในใจเราจากไหนก็ไม่รู้ คือเราเศร้ามากๆที่ “ความสุขต่างๆอันมากมายล้นเหลือตอนที่เราอายุ 18-25 ปี” มันไม่มีวันหวนคืนมาอีกแล้ว แต่เราก็นึกไม่ถึงว่ามันจะทำให้เราร้องห่มร้องไห้ได้อย่างรุนแรงขนาดนี้ ประหลาดดีเหมือนกัน

เราก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ไปเรื่อยๆอย่างเต็มที่นะ เพราะวันนี้ไม่ต้องรีบไปไหน ระบายมันออกมาอย่างเต็มที่เลย แต่ก็งงๆว่ากูจะเศร้าไปทำไม ร้องไห้ไป เราก็ย้อนอดีตไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อนไม่ได้อยู่ดี เราก็คงทำได้แค่หวนระลึกถึงความสุขในตอนนั้นเพื่อปลอบประโลมจิตใจไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง

สรุปว่า ในตัวเราเอง ก็มีอะไรบางอย่างลึกๆที่เราไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน อย่างความเศร้ามากมายที่ทำให้เราร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรงในวันนี้ เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันมาจากไหนมากมายนัก มันเหมือนกับเราทำงานไปวันๆ พยายามทำทุกอย่างอย่างมีสติ มีเหตุผล ควบคุมอารมณ์ความคิดความรู้สึกตัวเองไปเรื่อยๆ แต่มันเหมือนในใจเรามันแอบกลั่นสารความเศร้าบางอย่างเอาไว้ แล้วค่อยๆหยดสารความเศร้านั้นทีละหยด ทีละหยดลงบ่อกักเก็บในจิตใต้สำนึกของเราไปเรื่อยๆ แล้วพอวันนึง พอเราได้ดูหนังเรื่อง 102 NOT OUT, พอฝนตกหนัก, พอเรามีเวลาว่าง, พอเราได้ฟังเพลงจากทศวรรษ 1990 บ่อกักเก็บความเศร้าในใจเราก็แตกทะลักออกมา น้ำตามากมายมันหลั่งไหลออกมา โดยที่เราก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนกันแน่ หรือเราไปกักเก็บมันไว้จากเหตุการณ์อะไรบ้างในชีวิต

คิดถึงหนังเรื่อง BUNNY (2000, Mia Trachinger) มากๆ มันเป็นหนึ่งในหนังที่เราชอบมากที่สุดในชีวิต มันเป็นหนังที่เหมือนจะพูดถึงอะไรบางอย่างที่คล้ายๆกับที่เราเขียนมาข้างต้น พูดถึงความเศร้ามากมายในใจมนุษย์ที่บางทีก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนกันแน่

สรุป กูเป็นบ้า จบ

No comments: