SOUTHERN FOLKTALE (2018, Supawit Buaket, A+25)
1.รู้สึกชอบเจตนาของหนังหรือความตั้งใจของผู้สร้างหนังมากกว่าตัวผลลัพธ์ที่ออกมา
555 คือถ้าเทียบกับหนังนักศึกษาด้วยกันเองแล้ว เราว่านี่เป็นหนังที่น่าสนใจในแง่ ambition น่ะ ทั้งการจับประเด็นเรื่องถังแดงที่ดูเหมือนไม่มีหนังนักศึกษาเรื่องไหนเคยทำมาก่อน
และการใช้ setting เป็นป่าแบบนี้ คือเราว่าหนังมี ambition
ที่ดีมาก แต่ตัวผลลัพธ์ที่ออกมามันดูเหมือนขาดอะไรสักอย่าง
เราก็เลยไม่ได้ชอบมันแบบสุดๆ
2.นอกจากชอบ ambition แล้ว
เรายังชอบความ cinematic หรือ visual ในบางฉากด้วยนะ
อย่างฉากตอนพระเอกขี่มอเตอร์ไซค์เข้าป่าตอนกลางคืน
หรือฉากพระจันทร์เต็มดวงช่วงท้ายๆเรื่อง เราว่ามันเป็น visual ที่สวยติดตามากๆ คือพอดูหนังเรื่องนี้และ DIASPORA UTOPIA (2017,
Supawit Buaket) แล้ว เราก็รู้สึกว่าชัตเตอร์คิดซีนในหนังออกมาได้ cinematic
หรือน่าจดจำในแง่ “ภาพ” ได้ดีกว่านักศึกษาอีกหลายๆคน
คือคิดออกมาเป็น “ภาพ” ได้น่าประทับใจในหลายฉากแล้วล่ะ แต่อาจจะยังมีปัญหาเรื่องอื่นๆอยู่บ้าง
3.เราเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าหนังขาดอะไรไป บางทีอาจจะเป็นมิติทางจิตวิญญาณ,
ความหลอน, ความ smooth ทางอารมณ์ในการเล่าเรื่อง หรือการเลือก genre
หนังให้ชัดเจนกว่านี้แล้วจับอารมณ์ตาม genre นั้นออกมาให้ได้
คือตอนดูเราจะนึกเปรียบเทียบกับหนังอีกเรื่องและละครเวทีอีกเรื่องที่พูดถึง
“ถังแดง” นั่นก็คือละครเวทีของคุณคาเงะในปี 2014 และหนังเรื่อง “ปราสาทเสือ”
(2016, Patana
Chirawong) คือเราว่าละครเวที RED TANK
มันนำเสนอเหตุการณ์นี้ในแบบที่ ART มากๆ ส่วนหนังสั้นเรื่อง “ปราสาทเสือ”
ก็พูดถึงเหตุการณ์ถังแดงในแบบที่จริงจังและหลอนมาก
เพราะฉะนั้นการจะทำหนังที่พูดถึงประเด็นเดียวกัน แล้วออกมาดูไม่ซ้ำซากกับหนังที่ออกมาก่อนหน้านี้
มันก็ทำได้ด้วยการฉีกออกไปอีกสไตล์นึง นั่นก็คือทำเป็นหนัง horror suspense
แบบ mainstream ไปเลย ซึ่งก็ดูเหมือน SOUTHERN
FOLKTALE จะออกมาเป็นแบบนั้นในช่วงแรก
แต่พอดูๆไปแล้ว เราว่าหนังมันก็ไม่สามารถสร้างอารมณ์สนุกตื่นเต้นแบบ horror suspense แต่อย่างใด
ตัวประหลาดในหนังก็ดูเป็น “สัญลักษณ์” จริงๆ มากกว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว
และเราก็เลยรู้สึกว่าหนังมันไปไม่สุดในสักทางน่ะ คือจะว่ามันอาร์ต
มันก็ไม่ได้อาร์ตสุดๆ จะว่ามันสนุกตื่นเต้น มันก็ไม่สนุก จะว่ามันจริงจัง
มันก็สู้ปราสาทเสือไม่ได้ หรือจะให้มันจริงจังกว่านี้ มันก็ทำได้ยาก
เพราะมันเสี่ยงภัยเกินไป 555 จะว่ามันหลอน เราก็ว่ามันหลอนแค่ “ปานกลาง” เท่านั้น
เราอยากให้มันหลอนกว่านี้อีก
เราก็เลยแอบรู้สึกว่า มันเหมือน SOUTHERN FOLKTALE ยังหา
genre ที่ลงตัวกับตัวเองไม่ได้น่ะ
หรือเหมือนกับว่ามันยังจับไม่ถูกว่ามันจะนำเสนออารมณ์อะไรเป็นแกนหลักกันแน่
หรือเหมือนมันยัง “ขาดๆเกินๆ”ด้านอารมณ์ยังไงไม่รู้ คือมันต้องการนำเสนอ “ประเด็น”
ที่ดีมากแล้วล่ะ และผู้กำกับก็มีความสามารถด้าน visual ในระดับนึง
แต่เหมือนมันยังแปลงประเด็นนั้นออกมาเป็นเนื้อเรื่องที่ทรงพลังสุดๆไม่ได้
4.แอบผิดหวังที่หนังไม่หลอนมากนัก หรือเป็นเพราะเราดูจอเล็กก็ไม่รู้
ถ้าได้ดูทางจอใหญ่+ระบบเสียงที่ดี หนังอาจจะหลอนมากขึ้น
แต่ก็อาจจะเป็นความตั้งใจของผู้กำกับก็ได้นะ
ที่ป่าในหนังเรื่องนี้ดูไม่หลอนมากนัก เพราะตัวร้ายของหนังน่าจะเป็น “คน”
มากกว่าภูตผีลี้ลับในป่าน่ะ เพราะฉะนั้นป่าก็เลยไม่จำเป็นต้องหลอนมากนักก็ได้
ที่เราคิดว่าป่าไม่ค่อยหลอน อาจจะเป็นเพราะมันจัดแสงสวยเกินไป,
เห็นชัดเกินไป หรือส่วนใหญ่เป็นถ่ายระยะ medium shot ด้วยมั้ง
ถ้าหากมันมีถ่ายฉากป่ามืดๆแบบ long shot มากกว่านี้
ป่ามันอาจจะดูหลอนกว่านี้ ถ้าเทียบง่ายๆก็คือป่าแบบใน TWIN PEAKS ของ David Lynch และ SLEEP HAS HER HOUSE
(2017, Scott Barley) น่ะ ที่เราคิดว่าหลอนเต็มที่
หรือพวกหนังไทยอย่าง TROPICAL MALADAY, MALILA หรือหนังสั้นบางเรื่องของเอกลักษณ์
มาลีทิพย์วรรณ ก็ดึงศักยภาพความหลอนของป่าออกมาได้เต็มที่เช่นกัน แต่ในส่วนของ SOUTHERN
FOLKTALE นั้น เรารู้สึกว่า ป่าในหนังจัดแสงสวยจังเลย
จัดหมอกควันสวยจังเลย มันต้องมีทีมงานกองถ่ายอยู่แถวนั้นหลายคนตอนถ่ายฉากนี้แน่ๆ
เพราะฉะนั้นอารมณ์หลอนมันก็เลยหายไป 555
5.ชอบการใช้ภาษาใต้ในหนังแล้วต้องขึ้น subtitle ภาษาไทยเอาไว้ด้วยมากๆ
เพราะเราฟังภาษาใต้ไม่ออก แต่เราก็ต้องการให้มีการอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่นต่างๆหรือการนำเสนอภาษาท้องถิ่นต่างๆในหนัง
6.มีจุดนึงที่น่าสนใจดี ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาดหรือความตั้งใจ
555 เพราะมันมีฉากที่พระเอกใส่เสื้อยืดสีเหลือง+เสื้อเชิ้ตสีแดงออกไปสืบความจริงในป่า
แต่พอเขากลับเข้าบ้านมา เขาใส่เสื้อยืดสีแดง
เราก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นเหตุการณ์คนละวันกัน, พระเอกเปลี่ยนเสื้อระหว่างทาง,
หรือเกิดความไม่ continue หรือเป็นความจงใจใช้สัญลักษณ์ทางเสื้อยืด
เพราะในฉากนั้นคุณลุงก็ใส่เสื้อยืดคำว่า THAILAND ด้วย
คือมันเหมือนกับว่าเสื้อยืดที่คุณลุงใส่นี่เป็น symbol แน่ๆ
แต่การที่สีเสื้อยืดตัวละครเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันนี่เราไม่รู้ว่าใช่ symbol
หรือเปล่า 555
7.สรุปว่าชอบ ประเด็น ที่หนังต้องการนำเสนอมากๆ
แต่เหมือนหนังยังขาดๆเกินๆในทางอารมณ์ยังไงไม่รู้
No comments:
Post a Comment