Tuesday, August 30, 2022

THE TREND OF MOVIES IN 2022

 

ภาพยนตร์ที่เราได้ดูในโรงในปีนี้ ที่มีเนื้อหาต่อเนื่องมาจากละครโทรทัศน์

 

เรารู้สึกว่ามันเหมือนเป็น trend สำคัญอันหนึ่งในปีนี้ นั่นก็คือหนังที่เราได้ดูในโรงภาพยนตร์หลายเรื่องในปีนี้เป็นหนังที่มีเนื้อหาต่อเนื่องมาจากละครโทรทัศน์ ซึ่งเราเป็นคนที่ไม่มีเวลาดูละครโทรทัศน์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหนังหลาย ๆ เรื่องที่เราได้ดูในปีนี้ก็เลยเหมือนเป็นการเข้าไปดูหนังภาค 6 โดยที่เราไม่เคยดูภาค 1-5 มาก่อน 555555

 

ซึ่งจริง ๆ แล้วหนังแบบนี้มันก็มีเข้าโรงมาบ้างเป็นครั้งคราวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาพยนตร์ animation หลาย ๆ เรื่องจากญี่ปุ่น, หนังอย่าง SEX AND THE CITY 2 (2010, Michael Patrick King) และ นาคี 2 (2018, Pongpat Wachirabunjong) แต่เรารู้สึกเหมือนกับว่าปีนี้มันมีมาเข้าโรงในไทยเยอะเป็นพิเศษ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดจากอะไร

 

หนังกลุ่มนี้เท่าที่เราได้ดูในโรงในปี 2022 ก็มีเรื่อง

 

1.MY HERO ACADEMIA: WORLD HEROES MISSION (2021, Kenji Nagasaki, Japan, animation, A+30)

 

2.FATE/ GRAND ORDER FINAL SINGULARITY -- THE GRAND TEMPLE OF TIME: SOLOMON (2021, Toshifumi Akai, Japan, animation, A+30)

 

3.GINTAMA: THE FINAL (2021, Chizuru, Miyawaki, Japan, animation)

 

4.FATE/KALEID LINER PRISMA ILYA -- LICHT NAMELESS GIRL (2021, Shin Oonuma, Japan, Animation, A+15)

 

5.DOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS (2022, Sam Raimi, A+30) ที่มีเนื้อหาต่อเนื่องมาจาก WANDAVISION (2021) ที่เราไม่ได้ดู

 

6.DETECTIVE CONAN THE MOVIE 25: THE BRIDE OF HALLOWEEN (2022, Susumu Mitsunaka, Japan, animation, A+30)

 

7.JUJUTSU KAISEN 0: THE MOVIE (2021, Park Seong-Hu, Japan, animation, A+30)

 

8.CHERRY MAGIC! THIRTY YEARS OF VIRGINITY CAN MAKE YOU A WIZARD ?!: THE MOVIE (2022, Hiroki Kazama, Japan, A+30)

 

9.WHAT DID YOU EAT YESTERDAY? (2021, Kazuhito Nakae, Japan, A+30)

 

10.LOVE DESTINY THE MOVIE บุพเพสันนิวาส 2 (2022, Adisorn Tresirikasem, A+15)

 

11.FRUITS BASKET: PRELUDE (2022, Yoshihide Ibata, Japan, animation, A+15)

 

12.DOWNTON ABBEY: A NEW ERA (2022, Simon Curtis, UK, A+25)

 

13.ONE PIECE FILM: RED (2022, Goro Taniguchi, Japan, animation, A+30)

 

ความรู้สึกส่วนตัวของเราต่อกระแสนี้

 

1.คงจะเห็นจากเกรด หรือระดับความชอบของเราแล้วว่า การที่เราไม่ได้ดูละครมาก่อน เหมือนไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางเราจากการ enjoy หนังส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้แต่อย่างใด 555 จะมียกเว้นแค่ 2 เรื่องเท่านั้นแหละที่การขาดความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเนื้อเรื่องมาก่อนถือเป็นอุปสรรคหนักมาก นั่นก็คือ GINTAMA: THE FINAL ที่เราไม่รู้เรื่องอะไรอีกต่อไป เราก็เลยหลับไปเลย 55555 และ FRUITS BASKET: THE PRELUDE ที่ถึงแม้เพื่อนของเรามา brief ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวซีรีส์ให้เราฟังก่อนดูหนัง แต่พอเราเข้าไปดู เราก็จูนไม่ติดอยู่ดีในช่วงครึ่งเรื่องแรก แต่ช่วงครึ่งเรื่องหลังที่เน้นเรื่องของแม่นางเอกนั้นถือว่าจูนได้อยู่

 

นอกจาก 2 เรื่องข้างต้นแล้ว เราคิดว่าหนังส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ก็ดูแล้วไม่ค่อยงงนะ เพราะเขาคงตั้งใจทำมาเพื่อคนดูที่ไม่เคยชมละครมาก่อนด้วยมั้ง จะมียกเว้นก็หนังชุด FATE ต่าง ๆ นี่แหละที่เหมือนไม่แคร์คนดูที่ไม่รู้เนื้อเรื่องพื้นฐานมาก่อนเลย แต่เราก็ enjoy หนังชุด FATE มากในระดับนึงอยู่ดี แม้จะไม่เข้าใจเหี้ยอะไรหลาย ๆ อย่างในหนังก็ตาม 55555 โชคดีที่มีเพื่อนคนนึงใน Facebook ที่เคยเขียนอธิบายพื้นฐานจักรวาลของ FATE เอาไว้ ก็เลยพอช่วยเราได้นิดหน่อย

 

2.เหมือนหนังเหล่านี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับผู้ชมอย่างเรานะ ข้อเสียก็คือถึงแม้เราจะ enjoy หนังหลาย ๆ เรื่องในกลุ่มนี้อย่างสุด ๆ แต่การที่เราไม่เคยดูละครมาก่อนก็อาจจะทำให้เราไม่ได้อินกับทุกสิ่งทุกอย่างในหนังในระดับที่รุนแรงมากเท่ากับหนังบางเรื่องที่มัน stand alone ในตัวมันเองไปเลย ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ DOWNTON ABBEY: A NEW ERA ที่เราก็ enjoy หนังมากพอสมควร และแน่นอนว่าชอบมันมากกว่าหนังอย่าง CRAZY RICH ASIANS หลายเท่า แต่ถ้าถามเราว่าเราชอบมันมากเท่ากับ GOSFORD PARK (2001, Robert Altman) หรือ THE RULES OF THE GAME (1939, Jean Renoir) ไหม เราก็ต้องตอบว่าไม่ ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็อาจจะไม่ได้เกิดจากความผิดของตัวหนังเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะเราไม่เคยดูละครมาก่อนต่างหาก

 

3.แต่เราคิดว่าหนังหลายเรื่องในกลุ่มนี้มีข้อดีในแบบของมันด้วยนะ ข้อดีอันแรกก็คือว่า เรามักจะชอบหนังที่ “ตัวละครมีชีวิตมาก่อนที่หนังจะเริ่ม” อยู่แล้ว  และหนังกลุ่มนี้นี่คือใช่เลย 55555 ตัวละครในหนังกลุ่มนี้มีชีวิตมาก่อนที่หนังจะเริ่มจริง ๆ เพราะพวกเขาใช้ชีวิตในละครโทรทัศน์มานานแล้ว และละครโทรทัศน์มันมีข้อดีตรงความยาวหลายตอนจบของมันด้วยแหละ ตัวละครหลาย ๆ ตัวเลยเหมือนได้ใช้ชีวิตมานานมาก มีรายละเอียดปลีกย่อยในชีวิตเยอะมาก ผ่านอะไรต่าง ๆ ในชีวิตมามากมาย และมีความซับซ้อนต่าง ๆ ในตัวเองสูงมาก ก่อนที่จะเริ่มมาปรากฎตัวบนจอภาพยนตร์ เหมือนอย่าง DOWNTON ABBEY: A NEW ERA ที่ตัวละครทั้งตัวละครเอกและตัวละครประกอบผ่านอะไรในชีวิตมามากมายหนักมากกว่าจะมาอยู่ในหนังเรื่องนี้

 

4.และหนังแบบนี้มันก็มีข้อดีอีกอย่างตรงที่ว่า มันไม่ต้องเสียเวลาปูเนื้อเรื่อง ปู background เล่าประวัติชีวิตตัวละครประกอบแต่ละตัวด้วยแหละ เพราะมันเล่าไปหมดแล้วในละคร 555555 นึกถึงตัวละครประกอบแต่ละตัวใน ONE PIECE ที่มีอิทธิฤทธิ์ไม่ซ้ำกัน หรือพวกตัวละครต่าง ๆ ในหนัง animation ของญี่ปุ่นที่ซัดกันนัวเนียไปหมด โดยที่หนังไม่ต้องมาเสียเวลาแนะนำอิทธิฤทธิ์และ background ของตัวละครประกอบแต่ละตัวอีกต่อไป คือเหมือนทุกตัวพร้อมบู๊ พร้อมตบกันเลยด้วยความสามารถที่ไม่ซ้ำกันเมื่อหนังเริ่มเรื่อง 555

 

5.แน่นอนว่าเวลาเราดูหนังหลายเรื่องในกลุ่มนี้ เราก็ดูแล้ว “ไม่เข้าใจ” 100% นะ เพราะเราไม่เคยดูละครมาก่อน แต่ส่วนใหญ่แล้วความไม่เข้าใจมันแทบไม่เคยเป็นอุปสรรคขัดขวางความสุขของเราในการดูหนังอยู่แล้วล่ะ (แน่นอนว่ามียกเว้นในบางกรณี อย่างเช่น GINTAMA: THE FINAL) คือเอาเข้าจริงแล้ว ถึงแม้เราไม่เคยดูละครมาก่อน  เราก็เข้าใจเนื้อเรื่องในหนังกลุ่มนี้มากกว่าหนังของ Jean-Luc Godard, หนังอย่าง ASHES OF TIME (ที่ถึงแม้เราเคยดูละครมังกรหยกมาแล้ว 3 เวอร์ชั่น และเคยอ่านนิยายมังกรหยก มันก็ไม่ช่วยให้เราเข้าใจหนังมากขึ้นแต่อย่างใด 555) หรือหนังทดลองอะไรต่าง ๆ เสียอีก ความเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็เลยเหมือนไม่ใช่ตัวแปรที่มีความสำคัญมากนักสำหรับเรา และโดยปกติแล้วหนังที่เราชอบสุด ๆ อย่างเช่นหนังของ Werner Schroeter ก็เป็นหนังที่เราเข้าใจเนื้อหาของมันเพียงแค่ 5% อยู่แล้ว 55555

 

ก็เลยขอจดบันทึกไว้ว่า นี่เป็น trend อันนึงที่น่าสนใจสำหรับเราในปีนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่า trend นี้เกิดจากอะไร แต่มันน่าสนใจดี

No comments: