Tuesday, August 01, 2023

ROCKY AUR RANI KII PREM KAHAANI

 ROCKY AUR RANI KII PREM KAHAANI (2023, Karan Johar, India, 168min, A+30)


สุดฤทธิ์ นึกว่าลีลาวดี วัชโรบล สะใภ้สารพัดพิษ 5555

ชอบสุด ๆ ที่หนังมันใส่ใจตัวละครประกอบมาก ๆ คือหนังมันไม่ได้เน้นแค่พระเอกนางเอก แต่ตัวละครประกอบหลายตัวเหมือนถูกออกแบบมาให้น่าจดจำ และนักแสดงรุ่นใหญ่ที่เล่นเป็นตัวประกอบแต่ละตัวนี่ได้ "ปล่อยของ" กันทั้งนั้น ทั้ง

1. Dharmendra ปู่พระเอก

2.Shabana Azmi ย่านางเอก ที่เล่นดีสุดขีด

3.Jaya Bachchan ย่าพระเอก

4.Aamir Bachir พ่อพระเอก

5.Kshitee Jog แม่พระเอก ซึ่งเป็นเจ้าของฉากที่เราชอบที่สุด ดูแล้วต้องตบเข่าฉาดในหนังเรื่องนี้ ฉาก "การปิดทีวีไม่สามารถทำอะไรกูได้อีกต่อไป"

6.Tota Roy Chowdhury พ่อนางเอก เล่นดีสุด ๆ อยากได้เขามากที่สุดในหนังเรื่องนี้ 555

ไป ๆ มา ๆ รู้สึกว่าดูหนังเรื่องนี้แล้วสะใจกว่า BARBIE (2023, Greta Gerwig, A+30) เพราะมันเหมือนดีกันไปคนละแบบ คือเหมือน BARBIE อาจจะทำให้เรานึกถึงปัญหาของ biases ต่าง ๆ ในสังคม แต่มันไม่ทำให้เราสะใจกับการได้ตบคน แต่ข้อดีของหนังอินเดียเรื่องนี้คือเหมือนเราได้ตบคนทางอ้อมผ่านทางตัวละครในหนัง เหมือนความโกรธเกลียดเคียดแค้นชิงชังที่เรามีต่อวัฒนธรรมประเพณีบางอย่างในสังคมได้ถูกระบายออกในทางอ้อมผ่านทางตัวละครในเรื่อง

T360174 (2023, Marisa Srijunpleang, video installation, A+30)
+ LANDEN  (2023, Vanessa Nica Muller, Germany/Lebanon, documentary, A+30)

เป็นงาน moving images สองงานที่เหมาะนำมาเทียบเคียงกันมาก ๆ เราชอบหนังทั้งสองเรื่องนี้อย่างสุด ๆ โดย T360174 ที่ฉายที่ชั้น 7  BACC นี้มีเนื้อหาส่วนหนึ่งพาดพิงถึงสงครามกลางเมืองกัมพูชา และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ดำเนินการโดยเขมรแดง แต่หนังเรื่องนี้เหมือนจะรู้ตัวว่า มีหนังเกี่ยวกับประเด็นนี้ออกมามากมายหลายเรื่องแล้ว  T360174 ก็เลยมุ่งความสนใจไปยังการตามหาพืชลึกลับในตำนานชาวเขมรแทน ซึ่งเป็นวิธีการเลือกจุด focus ที่เข้าทางเราสุดๆ เพราะพอหนังเลือก focus ไปที่การตามหาพืชลึกลับในตำนาน หนังก็เลยเลือกถ่าย"ต้นไม้ใบหญ้า" ในหลาย ๆ ฉาก ซึ่งเป็นอะไรที่งดงามมาก ๆ มันเหมือนเป็นการมองเห็นความงามและความลึกลับในอะไรธรรมดา ๆ รอบตัวเรา และในแง่นึงเราก็รู้สึกเศร้ามาก ๆ ที่พืชลึกลับหรือบุคคลที่สามารถตามหาพืชลึกลับนี้ได้นั้น อาจจะดับสูญไปพร้อมกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปแล้วก็เป็นได้

ส่วน LANDEN  ซึ่งฉายที่ DOC CLUB & PUB ในเทศกาลหนัง SIGNES DE NUIT นั้น เป็นหนังที่ตามถ่ายพืชพันธุ์ต่าง ๆ ในเลบานอน ซึ่งเราดูแล้วรู้สึกว่า มันสามารถนำมาเปรียบเทียบกับ  T360174 ได้ในแง่ที่ว่า

1. มัน focus ไปที่พืชพันธุ์เหมือนกัน

2. ทั้งเลบานอนและกัมพูชา ก็เป็น setting ของสงครามกลางเมืองเหมือนกัน โดยก่อนหน้านี้เราเหมือนเคยดูหนังเกี่ยวกับเลบานอนมาแล้วราว 10 เรื่อง ซึ่งรวมถึงหนังของ Jocelyn Saab, Randa Chahal Sabag,  Joana Hadjithomas, Marwa Arsanios, etc. แต่หนังเกือบทุกเรื่องเกี่ยวกับเลบานอนที่เราเคยดูเป็นหนังการเมือง โดยพูดถึงสงครามกลางเมืองและผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ เพราะฉะนั้น LANDEN ก็เลยเหมือนเป็นหนึ่งในหนังเลบานอนเพียงไม่กี่เรื่องที่เราได้ดู ที่ดูเหมือนจะเฉไฉไปพูดเรื่องพันธุ์ไม้อะไรแทน แต่เราว่าหนังเรื่องนี้มันก็ดูเหมือนจะมีแง่มุมทางการเมืองในแบบของมันเช่นกัน

เราก็เลยรู้สึกว่า T360174 มันคล้ายกันในแง่นี้ ที่มันเลือกจะ   focus ไปที่พันธุ์ไม้ โดยที่ T360174 อาจจะพาดพิงถึงสงครามกลางเมืองในแบบที่ตรงกว่า ส่วน LANDEN อาจจะเป็นในแบบอ้อม ๆ

3.เรารู้สึกเหมือนกับว่า หนังทั้งสองเรื่องนี้ใช้พันธุ์ไม้ในการเปรียบเทียบถึงประชากรมนุษย์เหมือนกัน การหายสาบสูญของพันธุ์ไม้ในตำนานของเขมรอาจจะทำให้เรารู้สึกได้ถึงการหายไปของประชากรจำนวนมาก (โดยเฉพาะประชากรที่มีองค์ความรู้เรื่องเก่าแก่โบราณ) ที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปในสงครามกลางเมืองด้วย โดยที่เราไม่รู้ว่าหนังตั้งใจหรือเปล่า

ส่วน LANDEN ก็พูดถึงพันธุ์ไม้หลายประเภทที่มีลักษณะแตกต่างกันไป แต่หนังบรรยายถึงพันธุ์ไม้เหล่านี้ในแบบที่ทำให้นึกถึงสถานะต่าง ๆ ของชาวเลบานอนด้วย

4.รู้สึกว่าหนังสองเรื่องนี้มีความแตกต่างกันมากในแบบที่ดีกันไปคนละทางด้วย เพราะ T360174 มีความ Personal มากๆ ในแง่ที่พูดถึงประวัติส่วนตัวของผู้กำกับ

ส่วน LANDEN ดูมีความเป็น "หนังเยอรมัน" ในแบบที่เราชอบสุดขีด เพราะหนังมันดู objective, ไม่เร้าอารมณ์, ดูมีความจัดทุกอย่างให้เป็นระบบระเบียบ ลงตัว, systematic  มาก ๆ แต่มันกลับสร้างความงดงามสุดขีดทางอารมณ์ หรือความสะท้านสะเทือนใจต่อเราอย่างรุนแรงได้ทั้ง ๆ ที่มันดูเหมือนไม่เร้าอารมณ์ใด ๆ คือดูแล้วนึกถึงหนังเยอรมันอย่าง REALTIME (1983, Hellmuth Costard, Jurgen Ebert), THE BASIS OF MAKE-UP I (1983, Heinz Emighoz) , HOW TO LIVE IN THE GERMAN FEDERAL REPUBLIC (1990, Harun Farocki), etc.  ที่มันดูมีความ scientific มาก ๆ หรือดูมีความเป็นระบบระเบียบบางอย่าง แต่ก็ออกมาดูทรงพลังมาก ๆ ในแบบของมัน

รายงานผลประกอบการประจำวันศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2023

1. WILD STYLE (1982,  Charlie Ahearn, A+30)

ดูออนไลน์ทาง lecinemaclub.com

2.INSIDIOUS: THE RED DOOR (2023, Patrick Wilson, A+)

ดูที่ Paragon รอบ 1400 hrs

สิ่งที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ คือการเลือก Sinclair Daniel มาเป็นนางเอก

3. ดับแสงรวี AFTER SUNDOWN (2023, Bandit Thongdee, A+25)

ดูที่ Paragon รอบ 1620 hrs

Guilty Pleasure of the year 55555 ไม่ใช่หนังที่ดี แต่ดูแล้วหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลเกือบตลอดเวลา เหมือนเป็น UNINTENTIONAL PARODY ของละครน้ำเน่าไทย และก็ชอบที่ไอเดียหนึ่งของหนังมันตรงกับ fantasy ของเรามาก ๆ นั่นก็คือการได้เห็นเรื่องราวแบบปริศนา, รัตนาวดี หรืออะไรทำนองนี้ ถูกทำเป็นแบบหนังเกย์ ที่เรื่องราวเหมือนเกิดขึ้นในโลกคู่ขนาน ไม่ต้องยึดโยงกับความเป็นจริงในโลกของเรา คือพอดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือน "กฎที่มองไม่เห็น" บางอย่างที่เคยกดทับหรือผูกมัดเรามาตั้งแต่เด็ก ได้ถูกทำลายไปแล้ว หรือ fantasy บางอันในวัยเด็กของเรา ได้รับการเติมเต็มแล้ว แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเราแทบไม่เคยดูละครวายเลยนะ หนังเรื่องนี้ก็เลยเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับเรา ทั้งที่ละครวายอาจจะทำอะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว

แต่หนังเรื่องนี้ก็เหมือนกับแค่เอาแฟนตาซีในวัยเด็กอย่างนึงของเรามาทำให้เห็นเป็นภาพขึ้นมานะ เราก็เลยชอบมันตรงจุดนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชอบองค์ประกอบอื่น ๆ ของหนังมากนักก็ตาม

4. SASAKI AND MIYANO:GRADUATION (2023, Shinji Ishihara, Japan, animation, 59min,  A+30)

ดูที่ Paragon รอบ 1830 hrs

5.คุณตูบสายดาร์ก ปิดเมืองกัด DARKDOG LOCKDOWN (2023, Tumm Kronkan, F)

ดูที่ major ratchayothin รอบ 2030

ไม่ทราบตรรกะอะไรในหนังเรื่องนี้อีกต่อไป สงสัยว่าถ้าให้ AI มาเขียนบทให้ หนังจะออกมาดีกว่านี้ไหม 555

ฉากที่ชอบที่สุดคือฉากที่หมาชื่อ "เจ๊ บุ้ง" เหมือนอยากได้มนุษย์หนุ่มหล่อเป็นผัวมาก ๆ หมาตัวเมียตัวนี้เลยหลอกพระเอกไปเดินเล่นชมวิวสวย ๆ ที่ริมสันเขื่อน

คือเรารู้สึกว่าอะไรตรงนี้มันไปไกลมาก ๆ หมาตัวเมียที่พยายามหลอกล่อมนุษย์หนุ่มหล่อมาเป็นผัวหรือไปเดินเล่นชมวิวด้วยกัน คือถ้ามันพัฒนาตรงจุดนี้ดี ๆ มันจะกลายเป็นหนัง CULT ได้เลย เสียดายที่พล็อตตรงนี้มาแค่ฉากนี้ฉากเดียวแล้วไม่ได้รับการสานต่ออีก

UNTITLED (2023, Pakinee Srijaroensuk, video installation)

Films seen in the 18th week of the year 2023 (30 April-6 May)

1.SIAN LANG THE MOVIE เซียนหรั่ง เดอะ มูฟวี่  (2023, Phuwanet Seechomphu, A+30)

2.NO HOME MOVIE (2015, Chantal Akerman, Belgium, documentary, A+30)

3.NEWS FROM HOME (1976, Chantal Akerman, Belgium, documentary, fourth viewing?, A+30)

4.BAD BOYZ BAND (2023, Chantana Tiprachart, A+30)

5.GUARDIANS OF THE GALAXY VOLUME 3 (2023, James Gunn, A+30)

6. HEAVY TRIP (2018, Juuso Laatio, Jukka Vidgren, Finland, A+30)

7.DIARY OF PURSE FUCKER (2020, Theerapat Wongpaisarnkit,  second viewing, 11min, A+30)

8.JUNK FOOD FABLE (2019, Theerapat Wongpaisarnkit, second viewing, 63min, A+30)

9.CAFFEINE VAMPIRE AND PISS ARSONIST (2022, Theerapat Wongpaisarnkit, second viewing, 60min, A+30)

10. RIDE ON (2023, Larry Yang, China, A+30)

11.RISE (2023, Cedric Klapisch, France, A+30)

12.THE WORLD AFTER US (2021, Louda Ben Salah, France, A+30)

13.EVIL DEAD RISE (2023, Lee Cronin, New Zealand/USA/Ireland, A+25)

14.THE POPE'S EXORCIST (2023, Julius Avery, A+25)

15.MY PRECIOUS (2023, Naphat Chitveerapat, Kanittha Kwanyu, A+20)


สรุปว่าใน 18 สัปดาห์แรกของปี เราดูหนังไปแล้ว 273 +15 = 288 เรื่อง แต่เป็นหนังสั้นหลายเรื่อง

Films seen in the 17th week of the year 2023 (23-29 April)

1.JEANNE DIELMAN, 23, QUAI DU COMMERCE, 1080 BRUXELLES (1975, Chantal Akerman, Belgium/France, second viewing, A+30)

2.MYANMAR DIARIES (2022, The Myanmar Film Collective, documentary, A+30)

3.MONEY HAS FOUR LEGS  (2020, Maung Sun, Myanmar, A+30)

4.I WANT TO TALK ABOUT DURAS (2021, Claire Simon, France, A+30)

5.THE DEVIL'S DEAL (2021, Lee Won-tae, South Korea, A+30)

6.DETECTIVE CONAN THE MOVIE 26: BLACK IRON SUBMARINE (2023, Yuzuru Tashikawa, Japan, animation, A+30)

7.THE COVENANT (2023, Guy Ritchie, UK/Spain, A+30)

8.HIWA (2017, Jacqueline Lentzou, Greece, short film, A+30)

9.OPERATION FORTUNE: RUSE DE GUERRE (2023, Guy Ritchie, UK, A+25)

10.GHOST'S NEWS ผีฮาคนเฮ (2023, ถิรวัฒน์ ผดุงการ, F)

สรุปว่าใน 17 สัปดาห์แรกของปี เราดูหนังไปแล้ว 263 +10 = 273 เรื่อง แต่เป็นหนังสั้นหลายเรื่อง

ฉันรักเขา Frederick Schmidt from MISSION:IMPOSSIBLE -- DEAD RECKONING PART 1

ขอจองเป็น Rebecca Ferguson ในหนังทุกเรื่องค่ะ ชอบเธอมาก ๆ ใน DOCTOR SLEEP, DUNE และ MISSION: IMPOSSIBLE -- DEAD RECKONING PART ONE (2023, Christopher McQuarrie, A+30)

สิ่งที่ชอบที่สุดใน MISSION IMPOSSIBLE ภาค 7  ก็คือการเอาตัวละครหญิงเก่ง 4 ตัวมาปะทะกันค่ะ ทั้งตัวละครของ Rebecca Ferguson, Hayley Atwell, Vanessa Kirby และ Pom Klementieff และพอมันมาปะทะกันแบบนี้แล้ว ก็เลยเห็นได้ชัดว่าบุคลิกของ Rebecca เข้าทางดิฉันมากที่สุดค่ะ เพราะเธอดูร้ายแบบนิ่ง สงบ สุขุมกว่าคนอื่น ในขณะที่ Hayley จะดู "ลูกทุ่ง" กว่า, Vanessa จะดูเป็น "ลูกคุณหนู" ส่วนตัวละครของ Pom นั้น ดูจัดจ้านน่าจดจำก็จริง แต่เราก็ไม่อยากเป็นตัวละครแบบนี้ เพราะมันเข้าข่าย "พิษน้อยหยิ่งยโส แมงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้าง ฤทธี" 55555

แต่เรายังไม่ได้ดู MISSION: IMPOSSIBLE ภาค 5 เลยนะ ที่เป็นภาคที่ Rebecca Ferguson เริ่มมีบทบาท แต่เราได้ดูภาค 6

อยากให้มีคนสร้างหนังที่เอา Rebecca Ferguson มาปะทะกับ Vicky Krieps, Elizabeth Debicki และ Sarah Gadon มาก ๆ

Films seen in the 16th week of the year 2023 (16-22 April)

1.HIROSHIMA MON AMOUR (1959, Alain Resnais, France, second viewing, A+30)

2.SUZUME (2022, Makoto Shinkai, Japan, animation, A+30)

3.RENFIELD (2023, Chris McKay, A+30)

4.THE THINGS WE SAY, THE THINGS WE DO (2020, Emmanurl Mouret, France, A+30)

5.HIDDEN BLADE (2023, Chang Er, China, A+25)

6.HOONPAYON หุ่นพยนต์ (2023, Phontharis Chotkijsadarsopon, A+15)


สรุปว่าใน 16 สัปดาห์แรกของปี เราดูหนังไปแล้ว 257+  6 =263 เรื่อง แต่เป็นหนังสั้นหลายเรื่อง

FILMS SEEN IN THE 15TH WEEK OF THE YEAR 2023 (9-15 APRIL)

1.THATTHONG SOUND -- YOUNGOHM FEATURING SONOFO (2023, Pisinee Khaosamai, music video, A+30)

2.THE OFFERING (2023, Oliver Park, A+15)

3.SOULMATE (2023, Min Young-Kuen, South Korea, A+)

4.65 (2023, Scott Beck, Bryan Woods, A+)

5.THUNDER MONK  อาตมาฟ้าผ่า (2023, Pipat Jomkoh, A-)


สรุปว่าใน 15 สัปดาห์แรกของปี เราดูหนังไปแล้ว 252 +5 = 257 เรื่อง แต่เป็นหนังสั้นหลายเรื่อง

อยากให้มีคนฉาย PAST LIVES (2023, Celine Song) ควบกับ INNOCENCE (2000, Paul Cox, Australia) และ “สุดสะแนน” TERRIBLY HAPPY (2011, Pimpaka Towira) มาก ๆ รู้สึกว่าตัวละครในหนัง 3 เรื่องนี้มันเทียบเคียงกันได้ 555 เป็นผู้ชายที่ต้องพลัดพรากจากสาวคนรักไปอย่างเจ็บปวด

รู้สึกว่าหนัง 3 เรื่องนี้มีจุดต่างกันที่น่าสนใจดีด้วย เพราะในขณะที่พระเอกของหนังทั้ง 3 เรื่องนี้ถูกทำร้ายด้วย “ชะตาชีวิต” เหมือน ๆ กัน หนังทั้ง 3 เรื่องนี้ก็นำเสนอประเด็นที่ต่างกันไป โดย PAST LIVES ดูเหมือนจะพูดถึงความเชื่อเรื่อง “พรหมลิขิต” หรือ “ชาติปางก่อน” ด้วย ในขณะที่ INNOCENCE ที่พูดถึงหญิงชายคนรักที่ถูกชะตาชีวิตทำให้ต้องพลัดพรากจากกันไปนาน 50 ปีนั้น ถ้าหากเราจำไม่ผิด ตัวละครในหนังมีการสนทนากับนักบวชเกี่ยวกับเรื่อง “การดำรงอยู่ของพระเจ้า” ด้วย (แต่ถ้าหากเราจำผิด ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ)

ส่วน “สุดสะแนน” นั้น ประเด็นสำคัญในหนังก็ไม่ได้มีแค่เรื่องของความรักและชะตาชีวิต แต่มันมีประเด็นเรื่อง “ปัญหาการเมืองของไทย” และ “ปัญหาเศรษฐกิจของไทย” อยู่ด้วย

อยากให้มีคนตัดต่อฉากจบของ PAST LIVES กับสุดสะแนนเข้าด้วยกันมาก ๆ
‐---
ฉันรักเขา Yosh Yu (Yu Shi) from BORN TO FLY (2023, Liu Xiaoshi, China, A+30) 

No comments: