4.HERO (2006, THAWEESAK SRITHONGDEE, A+++++++++++++++)
http://www.jfbkk.or.th/event/ft3d_eg.html
****เวลาที่ควรใช้ในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ – ไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง*****
ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ JAPAN FOUNDATION หนังเรื่องนี้เป็นการนำภาพบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายๆคนมาให้เราชม โดยไม่บอกว่าเป็นใคร และมีการนำเทคนิคต่างๆมาใช้กับภาพบุคคลสำคัญเหล่านี้
ดิฉันไม่รู้ว่า HERO มีความยาวเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆก็คือมีความยาวมากกว่า 1 ชั่วโมง รู้สึกเสียดายมากๆที่ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเต็มๆ เพราะดิฉันไม่รู้มาก่อนว่าหนังจะยาวขนาดนี้
หนังเรื่องนี้เปิดฉายตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น.ในวันธรรมดา จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 30 พ.ย.นี้ ดิฉันนึกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ยาว ก็เลยไปถึง JAPAN FOUNDATION ตอนเกือบจะ 18.00 น.แล้ว และยืนดูหนังเรื่องนี้ไปเรื่อยๆจนถึงเวลา 19.00 น. พบว่าหนังเรื่องนี้นำเสนอภาพ HERO ไม่ซ้ำกันเลยตลอดเวลา 1 ชั่วโมงที่ยืนดูอยู่นั้น บางทีถ้าหากดิฉันได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเต็มๆ หนังเรื่องนี้อาจจะยิ่งไต่อันดับสูงยิ่งขึ้นไปอีกในใจดิฉัน
รู้สึกทึ่งกับคุณ THAWEESAK SRITHONGDEE อย่างมากๆ ที่สามารถทำหนังยาวได้โดยไม่เล่าเรื่องเลย และเขาก็ใช้เทคนิคการทำหนังที่ดูเหมือนไม่ซับซ้อนด้วย แต่กลับทำให้ดิฉันรู้สึกไม่เบื่อเลยตลอดเวลาที่ยืนดูอยู่นั้น
จุดเด่นอีกจุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ “จอ” ที่ใช้ฉายหนัง เพราะข้างซ้ายข้างขวาของจอนี้จะมีภาพประติมากรรมนูนๆสองภาพประดับอยู่ และทำให้ภาพที่ปรากฏทางด้านซ้ายและขวาของจอบิดเบี้ยวไปตามภาพประติมากรรมที่แปะอยู่สองข้างของจอ (อย่างไรก็ดี ไอเดียของ “จอภาพยนตร์” ที่ถูกใจดิฉันมากที่สุดในปีนี้ ยังคงเป็นของภาพยนตร์เรื่อง DINING TIME (2006, SHIGAKI IWAI, A) ที่ใช้โต๊ะกินข้าว 3 โต๊ะแทนจอภาพยนตร์)
http://www.jfbkk.or.th/event/dining_time_eg.html
ขณะที่ชมภาพยนตร์เรื่อง HERO (2006) ดิฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเล่นเกมทศกัณฐ์อยู่ เพราะหนังเรื่องนี้นำเสนอภาพของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายที่ดิฉันไม่รู้จัก ถ้าหากใครที่ไปดูหนังเรื่องนี้แล้วสามารถจำได้ว่าหนังเรื่องนี้นำเสนอภาพของใครบ้าง ก็ช่วยบอกดิฉันมาด้วยนะคะ
บุคคลสำคัญที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง HERO เท่าที่ดิฉันรู้จัก ก็มีเช่น
4.1--ABRAHAM LINCOLN ที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยการนั่งจานบิน
4.2--LENIN ที่นั่งรถยนต์ฝ่าหิมะและแมกไม้
http://www.antorcha.org/foto/lenin-19.gif
4.3--JOAN OF ARC ที่ขี่ม้ามาท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดครึ้ม
http://www.mccullagh.org/db9/12/joan-of-arc.jpg
4.4--NAPOLEON
http://members.lycos.nl/spreekbeurt/ws/napoleon/Image41.gif
4.5--ANNE FRANK ที่ปรากฏตัวในวงกลมสีรุ้ง
http://www.jbs-anne-frank.de/BILD/anne_frank-portait.jpg
4.6--ALBERT EINSTEIN ที่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผู้ชม
4.7--MUSSOLINI
http://www.gms-reisen.ch/images/Heft%2053/Mussolini-1f.jpg
4.8--CHE GUEVARA ที่ปรากฏตัวบนธงแดง
4.9--BIN LADEN
4.10--SADDAM HUSSEIN
4.11--GANDHI ที่ขยายร่างของตัวเองเป็นหลายๆร่างได้ และสีของแต่ละร่างลดหลั่นกันไปตั้งแต่สีน้ำตาลไปจนถึงสีชมพู
4.12--SHAKESPEARE
http://www.malaspina.org/gif/shakespeare.jpg
4.13—เหมาเจ๋อตุง ที่ใบหน้าของเขาในวงกลมอันใหญ่จะค่อยๆขยายขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ใบหน้าของเขาในวงกลมอันเล็กถูกดูดเข้าไปในวงกลมอันใหญ่
4.14--ริชาร์ด นิกสัน (ขณะจับมือกับเหมาเจ๋อตุง)
http://www.archives.nysed.gov/projects/legacies/Images/syrimages/syrCh_images/NixonMao.jpg
4.15--HITLER
นอกจากนี้ ยังมีภาพวาดฮีโร่อันหลากหลายในจินตนาการของเด็กๆชาวญี่ปุ่น ก่อนที่ภาพฮีโร่เหล่านี้จะถูกภาพฮิตเลอร์บดบังไปจนหมด
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทวีศักดิ์ ศรีทองดีได้ที่
http://www.positioningmag.com/magazine/Details.aspx?id=30570
http://www.hof-art.net/images/gallery/thaweesak.jpg
บล็อกของคุณทวีศักดิ์ ศรีทองดี หรือ “โลเล” อยู่ที่
http://lolay.exteen.com/
ส่วนนี่เป็นรายชื่อบุคคลสำคัญที่ดิฉันไม่แน่ใจว่าได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง HERO (2006) ด้วยหรือเปล่า
--SIGMUND FREUD
http://www.loc.gov/exhibits/freud/images/vc008467.jpg
--CHARLES DARWIN
http://www.biografiasyvidas.com/monografia/darwin/fotos/darwin_charles.jpg
--PLATO
http://www.livius.org/a/1/greeks/plato_cm.JPG
5.SUGAR & SPICE: WHAT LITTLE GIRLS ARE MADE OF (2006, ISAMU NAKAE, A+)
ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะว่า
--YUYA YAGIRA กลายเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีเกือบน้อยที่สุดในเรื่อง เพราะในหนังเรื่องนี้มีตัวละครชายหนุ่มที่หล่อเหลากว่า YUYA อีกราว 3-4 คน ซึ่งรวมถึงตัวละครที่มีศักดิ์เป็น “คุณปู่” ของ YUYA, แฟนเก่านางเอก และเพื่อนๆของยูยะ
--ตัวละครคุณย่าของ YUYA ที่แสดงโดย MARI NATSUKI เป็นตัวละครที่มีสีสันมากๆ และเป็นตัวละครที่ดิฉันมีอารมณ์ร่วมด้วยอย่างรุนแรงจนทำให้ชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆในที่สุด (คุณโอลิเวอร์เคยเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าดิฉันต้องชอบตัวละครตัวนี้)
ตัวละครคุณย่าคนนี้ตรงข้ามกับตัวละครคุณย่าแห่งนางาซากิในหนังเรื่อง RHAPSODY IN AUGUST (1991, AKIRA KUROSAWA, B+) เพราะคุณย่า FUJIKO ใน SUGAR & SPICE หลงใหลทหารจีไออย่างรุนแรง และจุดนี้ทำให้ดิฉันนึกถึงตัวละครคุณย่าในเรื่องสั้นเรื่อง “แท็กซี่แดนเซอร์” (A+) ของคุณภาณุ ตรัยเวช และตัวละครหญิงชราใน DEJA VU (1997, HENRY JAGLOM, A+++++) ที่มีความผูกพันกับทหารจีไอจนสร้างความสะเทือนใจให้กับดิฉันอย่างรุนแรงเช่นกัน
MARI NATSUKI มีหน้าตาที่ทำให้นึกถึงเหมยเยี่ยนฟางในบางครั้ง ผลงานของเธอที่เคยผ่านตาดิฉันก็คือหนังเรื่อง PING PONG (2002, FUMIHIKO SORI, A-) และถ้าจำไม่ผิด เธอเล่นหนังเรื่อง ANOTHER BATTLE – CONSPIRACY (2002, HAJIME HASHIMOTO, A+/A) ด้วยด
http://www.imdb.com/name/nm0622412/
--การที่ YUYA หน้าตาดีสู้ชายหนุ่มคนอื่นๆในเรื่องไม่ได้ สอดคล้องกับอีกจุดที่ดิฉันชอบในหนังเรื่องนี้ นั่นก็คือความรู้สึกที่ว่าตัวละคร “พระเอก” ของหนังเรื่องนี้ จริงๆแล้วมักจะเป็น “พระรอง” ในหนังแนวโรแมนติกเรื่องอื่นๆ หนังเรื่องนี้เหมือนกับหยิบเอาชีวิต “พระรอง” ในหนังเรื่องอื่นๆ มาตีแผ่ให้เห็นว่าจริงๆแล้ว “พระรอง” ก็มีหัวใจเหมือนกัน
--ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้ชอบการแสดงของ YUYA เป็นอย่างมาก รู้สึกว่าตัวละครของเขาเป็นตัวละครที่เล่นให้ดีได้ยากสุดๆ เพราะตัวละครตัวนี้มีบุคลิกที่ “จืดชืด” และเก็บอารมณ์อย่างมากๆ ถ้าหากนักแสดงไม่สามารถเข้าถึงตัวละครตัวนี้ได้อย่างสุดๆแล้วล่ะก็ หนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังที่น่าเบื่อมาก
--หนังเรื่องนี้ใช้เพลง ONLY YOU ของ YAZOO มาประกอบด้วย เพลงนี้เป็นเพลงที่ชอบมากๆ
มิวสิควิดีโอ ONLY YOU
http://www.youtube.com/watch?v=u_0IKmq75UQ
--รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้หนังญี่ปุ่นนำเพลงฝรั่งดีๆมาใช้ประกอบได้เพราะมาก ซึ่งรวมถึงหนังเรื่อง BLUE (2001, HIROSHI ANDO, A+) ที่มีการพูดถึงเพลงของ AZTEC CAMERA ซึ่งเป็นวงโปรดของดิฉันด้วย (ดิฉันอยากเป็นภรรยาของ RODDY FRAME ซึ่งเป็นนักร้องนำของ AZTEC CAMERA ค่ะ)
มิวสิควิดีโอ HOW MEN ARE ของ AZTEC CAMERA
http://www.youtube.com/watch?v=Mmvod4bZL9M
--จุดที่ไม่ชอบใน SUGAR & SPICE ก็คือฉากจบ
6.SAW III (2006, DARREN LYNN BOUSMAN, A+)
ถ้าหากเทียบกับไตรภาคหนังสยองขวัญอย่าง SCREAM แล้ว ก็รู้สึกชอบ SCREAM มากกว่า แต่อย่างไรก็ดี ไตรภาคหนังชุด SAW ก็เป็นไตรภาคที่ดิฉันชอบมากๆ เพราะชอบ SAW ภาคแรกในระดับ A+ และชอบภาคสองในระดับ A+/A
7.BELIEVE ME (2006, KATA_DUCK UNIT, A)
ดูที่ชั้น 7 หอกลาง จุฬา ภาพยนตร์แนวอินเทอร์แอคทีฟเรื่องนี้ฉายภาพของคนที่ส่ายหน้าไปมา แต่ผู้ชมสามารถควบคุมการส่ายของใบหน้าคนเหล่านี้ได้ด้วยคลื่นเสียงที่ผู้ชมเปล่งออกมาจากปากขณะชม
8.HOPE AND THE SOUND OF FALLING METAL (2006, RYAN GRIFFITH, A/A-)
ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ชั้น 7 หอกลาง จุฬา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะจัดวาง และมีการฉายทีเดียว 3 จอพร้อมกัน โดยสองจอเป็นจอวิดีโอที่ฝังอยู่บนพื้น ส่วนอีกจอหนึ่งเป็นการฉายไปยังมุมกำแพงและแถวกิ่งไม้ปลอมที่ตั้งเรียงรายอยู่บนพื้น
รายละเอียดและแนวคิดของภาพยนตร์เรื่องนี้มีอยู่ในโบรชัวร์ที่แจกหน้างานอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นดิฉันจะไม่พูดซ้ำกับสิ่งที่มีอยู่ในโบรชัวร์แล้ว
--จอใหญ่ที่ฉายภาพลงบน “มุมกำแพงและแถวกิ่งไม้” นั้นเป็นภาพของสิ่งต่างๆที่กำลังร่วงหล่นลงมา แต่จะมีบางครั้งที่อยู่ดีๆภาพนั้นก็หายไปกลายเป็นภาพของตัวการ์ตูนขึ้นมาแทน
--ส่วนอีกสองจอเล็กที่ฝังอยู่บนพื้นนั้น ฉายภาพของสิ่งต่างๆมากมาย ตั้งแต่ภาพตัวอักษรคำว่า SLOT, ผู้ชายบนรถไฟฟ้า, ตุ๊กตา, ใบไม้, กิ่งไม้, กระดาษพับ (ไม่แน่ใจว่าเป็นธนบัตรหรือล็อตเตอรี่) ที่กำลังร่วงหล่น และคนขณะเล่นปาจิงโกะ
--รู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาตรงจังหวะกับเหตุการณ์บ้านเมืองไทยในขณะนี้ที่กำลังมีปัญหาถกเถียงกันเรื่อง หวย” โดยที่ดิฉันเดาว่าผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่ได้คาดเดาล่วงหน้าแต่อย่างใดว่าผลงานของเขาจะได้ฉายขณะที่เกิดปัญหานี้ในประเทศไทยพอดี
รู้สึกว่าปีนี้เมืองไทยมีการฉายภาพยนตร์ที่ “พ้องกับเหตุการณ์” โดยบังเอิญอย่างแทบไม่น่าเชื่อหลายครั้ง ตั้งแต่เหตุการณ์ในช่วงที่มีการฉาย V FOR VENDETTA (2005, JAMES MCTEIGUE, A+) ในช่วงต้นปี จนมาถึงเหตุการณ์ในช่วงที่มีการฉายเรื่อง THE LOST CITY (2005, ANDY GARCIA, A+) ในเดือนต.ค.ปีนี้ และมาถึง HOPE AND THE SOUND OF FALLING METAL ในเดือนพ.ย.
9.เขาชนไก่ (2006, วิทิต คำสระแก้ว, A-)
รู้สึกว่าหนังฟูมฟายเกินไปในหลายๆฉาก โดยเฉพาะการใช้ดนตรีประกอบที่ให้อารมณ์ฟูมฟายมาก แต่ก็ชอบหนังเรื่องนี้ในหลายๆจุด อย่างเช่น
--นักแสดงที่หน้าตาหล่อเหลา จนทำให้รู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังเกย์ เห็นหน้าตานักแสดงในหนังเรื่องนี้แล้วทำให้จินตนาการว่าอยากให้มีการสร้างหนังเรื่องนี้ใหม่ให้ออกมาเป็นแบบ BEAU TRAVAIL (1999, CLAIRE DENIS, A+) หรือ 100 DAYS BEFORE THE COMMAND (1990, HUSSEIN ERKENOV, A+)
--ตอนแรกนึกว่าหนังเรื่องนี้จะเน้นตลกเป็นหลัก แต่ปรากฏว่าหนังเรื่องนี้กลับทำตัวเป็นหนังชีวิตวัยรุ่นเบาๆมากกว่าจะเป็นหนังตลก ก็เลยชอบมากๆ ตอนแรกนึกว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาเป็นหนังแนว “ทหารเกณฑ์” ของไทยที่สร้างกันมากมายหลายสิบเรื่องในอดีต
ถ้าเทียบกับ “กั๊กกะกาวน์” (2004, วิทิต คำสระแก้ว + ฤทธิชัย สิริประสิทธิ์พงศ์ B+) แล้ว ก็รู้สึกชอบ “เขาชนไก่” มากกว่านิดนึง แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ชอบมากกว่าเป็นเพราะ “หน้าตาของนักแสดง” ค่ะ
ส่วนจุดที่ไม่ค่อยชอบทั้งใน “กั๊กกะกาวน์” และ “เขาชนไก่” ก็คือตัวละครบางตัวในหนังสองเรื่องนี้ที่ดู STEREOTYPE อยู่บ้าง แต่ตัวละครเหล่านี้ก็ดูน่ารักและเป็นธรรมชาติถ้าหากเทียบกับตัวละครแนว STEREOTYPE ในหนังไทยเรื่องอื่นๆ
ไหนๆก็พูดถึง “กั๊กกะกาวน์” แล้ว ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า หนึ่งในสิ่งที่ชอบที่สุดใน “กั๊กกะกาวน์” ก็คือฉากจบค่ะ รู้สึกว่า “กั๊กกะกาวน์” จบได้ถูกใจดิฉันมากกว่า SUGAR & SPICE: WHAT LITTLE GIRLS ARE MADE OF เสียอีก
Sunday, November 26, 2006
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment