The information below is copied from Prachatai’s website:
http://www.prachatai.com/05web/th/home/13665
“ตามที่รายการ "มุมมองของเจิมศักดิ์" ซึ่งออกอากาศทาง FM 92.25MHz เมื่อวันอังคารที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ได้กล่าวพาดพิงถึงนักวิชาการที่ออกแถลงการณ์ในนามกลุ่มสันติประชาธรรม โดยผู้ดำเนินรายการ คือ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ไปเกลี้ยกล่อม "กลุ่มนักวิชาการที่เป็นสายอ่อน" ให้ออกแถลงการณ์ในนามกลุ่มสันติประชาธรรม และถึงขนาดใช้อดีตอธิการบดี เพื่อที่จะช่วยให้ข้อเสนอในแถลงการณ์ดังกล่าวดูน่าเชื่อถือ ทั้งนี้ ดร.เจิมศักดิ์ อ้างว่านี่คือเบื้องหลังที่ตนเอามาเล่าให้ผู้ฟังรับรู้นั้น
ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหนึ่งในนักวิชาการที่ออกแถลงการณ์ในนามกลุ่มสันติประชาธรรม ได้มีจดหมายเปิดผนึกเผยแพร่ทาง "เว็บไซท์ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ" (http://www.charnvitkasetsiri.com/) ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว
โดย ดร.ชาญวิทย์ ระบุว่า ตามที่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนักวิชาการ "สายพันธมิตร" ได้กล่าวพาดพิงตน และนักวิชาการ "เครือข่ายสันติประชาธรรม" นั้น ตนรู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่ง แม้ว่าจะไม่ประหลาดใจนัก เพราะเคยถูกโจมตีโดยนักการเมืองทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตั้งแต่เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 และรู้ดีว่าเป็นเกมการเมือง เพียงแต่ในคราวนี้ การโจมตีแบบโกหกพกลม กลับทำโดยนักวิชาการหรือผู้ที่อ้างว่าเป็นนักวิชาการ ซึ่งตนนึกไม่ออกว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี เพราะในบั้นปลายนั้น กรรมทั้งหมดก็จะตกอยู่กับสังคมไทยและประชาชนคนไทยส่วนใหญ่อีกเช่นเคย
"… เมื่อ 6 ตุลา 2519 เราก็โดนกันมาถ้วนหน้า ไม่ว่าเป็น อ.ป๋วย อ.เสน่ห์ และผมเอง โดยไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงนักการเมือง (ประชาธิปัตย์) และนักเรียนนิสิตนักศึกษาอีกจำนวนมาก (ที่ต้องหนีตายเข้าป่าไป) แต่มาคราวนี้ การโจมตีแบบโกหกพกลม กลับทำโดยนักวิชาการ หรือผู้ที่อ้างว่าเป็นนักวิชาการ
“ดังนั้น ทุกอย่างก็กลายเป็นทั้งโศกนาฏกรรมและสุขนาฏกรรมครับ เป็นทั้ง tragedy and comedy ที่เรานึกไม่ออกว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี แต่บั้นปลายนั้น กรรมทั้งหมดก็จะตกอยู่กับสังคมไทย ตกอยู่กับประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ นั่นแหละครับ คนระดับบนๆ ที่เราเห็นๆ กันอยู่บนเวที ในจอทีวี และทางวิทยุ ก็จะรอดตัวไปอีก ครั้งแล้วครั้งเล่าครับ …"
ทั้งนี้ ในจดหมายดังกล่าว ดร.ชาญวิทย์ได้อ้างอิงถึงความเห็นของ ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ ต่อกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งในตอนหนึ่ง ดร.อุบลรัตน์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า สถานการณ์ในขณะนี้คล้ายกับช่วงที่เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เพียงแต่วิธีการนั้นเปลี่ยนไปบ้างทำให้ดู "เสมือนหนึ่ง" ไม่ได้ใช้ความรุนแรง
"...แต่ไม่ได้ใช้วิธีแบบเดิมเสียทีเดียว เป้าหมายสำคัญน่าจะเป็นการกดดันให้รัฐบาลต้องออกไป (เหมือนรัฐบาลเสนีย์) และจัดตั้งเป็นรัฐบาลในโอวาท ก่อนนี้ใช้ความรุนแรงปราบปรามนักศึกษา แล้วจัดการกับรัฐบาล แล้วจึงเปลี่ยนรัฐบาลด้วยวิธีรัฐประหาร คราวนี้ให้พันธมิตรทำหน้าที่นี้แทน จึงดู "เสมือนหนึ่ง" ไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่ใช้วิธีการ "ประท้วงอย่างสันติ อารยะขัดขืน" มีบทความในประชาไทเสนอว่าเป็น civilian coup ซึ่งก็ใกล้เคียงกับสภาพที่เป็นอยู่"
ดูจดหมายเปิดผนึกทั้งฉบับได้ที่
http://www.charnvitkasetsiri.com/RecuingSiamSSAp.htm
”
Wednesday, September 17, 2008
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment