Saturday, June 25, 2011

FILMSICK ON DUELLE (1976, Jacques Rivette)

OUT 1: NOLI ME TANGERE (1971, Jacques Rivette, 12 hours 40 minutes) will be screened on 25-26 June at the Reading Room in Bangkok. You can read the details of the screening here:
http://www.facebook.com/event.php?eid=229626473716719


Here is what Wiwat Lertwiwatwongsa wrote about DUELLE (1976, Jacques Rivette):
http://filmsick.exteen.com/20100902/rough-cut-duelle-jacques-rivette-1976-fr

เราขอตั้งชื่อไทยของหนังเรื่องนี้ว่า 'ศึกเจ้าแม่ตะวันจันทรามหาภัย!' เพราะนี่คือหนังแบบที่เราจะเห็นก็แต่ในพลอต ของหนังกำลังภายในเท่านั้น พลอตของหนังคือการชิงความเป็นใหญ่ในการตามหาหินวิเศษ ระหว่างเจ้าแม่ตะวัน (บูล โอลเจียร์ ในชุดสีแดงเพลิงหรือ ทอง ) และเจ้าแม่จันทรา (จูเลีย แบร์โตในชุดสีน้ำเงิน เงิน ม่วง) ทั้งสองเจ้าแม่เสด็จลงมาบนโลกมนุษย์ในคืนเพ็ญแรกของฤดูใบใบไม้ผลิเพื่อตามหาหินวิเศษที่จะช่วยให้พวกนางมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ได้ยาวนานขึ้น วิธีการนั้นหรือก็คือการร่ายมนต์ใส่มนุษย์ทั้งหลายให้กลายเป็นข้าช่วงใช้ออกตามล่าหาหินวิเศษซึ่งอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งในเหล่าตัวละครนั่นแหละ

พลอตอาจจะฟังดูอลังการงานสร้างแต่ตัวหนังราวกับเป็นฉบับทำเองก็ได้ง่ายจังเพราะที่เราจะได้เห็นคือบรรดาตัวละครในเครื่องทรงอลังการ เดินกรีดกรายไปมาในฉากที่เหมือนเมืองแถวบ้าน สเปเชียลเอฟเฟคต์เป็นสิ่งเกินจำเป็น อาศัยแค่การจัดไฟ การตัดต่อ และการแสดงท่าทางง่ายๆก็สร้างมนต์ขลังได้โดยไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด บรรดาดาราก็พาเหรดกันมาวางท่าเขื่องโข กรีดกรายกรุ้มกริ่มชนิดไม่มีใครยอมแพ้ใคร (โดยเฉพาะสองราชินีที่มีรัศมีแบบกลืนกันไม่ลง คนหนึ่งในแสงและอีกคนในความมืด)

รีแวตต์พาเราท่องโลกจินตนิยายแห่งการล่อลวงมนุษย์มาหลอกใช้ได้อย่างลึกลับ สนุกสนาน โดยไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้าทาสีหนังของตนเองแต่อย่างใด กระทั่งเพลงประกอบก็ไม่มีใช้ให้รกหู มีแต่การเสแสร้งแกล้งทำของบรรดานักแสดงที่เชื่อเอาเป็นเอาตายว่ากำลังอยู่ในภาวะคับขันของโลก และต้องสู้สุดใจ (แม้จะแค่วิ่งไล่กันในโรงเต้นรำก็เถอะ)เพื่อจะเอาชีวิตรอด ความขึงขังเขื่องโขของนักแสดง และการตัดต่ออันเรียบแต่วิจิตร ทำให้หนังประหลาดที่มีแต่คนแต่งตัวแปลกๆเที่ยวเดินท่อมๆในอะควาเรียมกลางคืน สถานีรถไฟไร้ผู้คน โรงเต้นรำหงอยๆ หรือสวนในยามสาง กลายเป็นดินแดนจินตนาการเหนือความคาดหมายไปจนได้ ราวกับว่ารีแวตต์พร้อมจะเสกอากาศให้เป็นสวนสนุก เสกสิ่งเฉื่อยชาสามัญให้กลายเป็นมิดเดิ้ลเอิร์ธโดยไม่ต้องไปเสียเวลาจ้างช่างเทคนิคมาตกแต่งให้เปลืองงบประมาณ แถมยังชักพาอารมณ์ขึงขังลึกลับในระดับที่ปีเตอร์ แจคสันอาจจะไปไม่ถึงอีกต่างหาก ลำพังแค่ฉากการดวลของราชินีตะวันจันทราในภาพที่ยกมานี้ก็พอจะทำลายล้างแฮรร์รี่พอตเตอร์ลงไปได้สามภาคครึ่งแล้ว!

ว่ากันอีกที นี่ก็อาจจะเป็นหนังเพื่อนหญิงพลังหญิงที่ยิ่งกว่าผู้หญิงถึงผู้หญิง เพราะนี่คือเกมอำนาจของหญิงล้วน ที่มีผู้ชายเพีนงคนเดียวแถไปแถมาอยู่ระหว่างพวกเธอ ราชินีตะวันหลอกล่อเปียโรต์ให้ตามหาหิน แต่เขาเป็นพี่ชายของลูซิล สาวรีเซปชั่นโรงแรมที่เคยรู้จักกับแขกคนหนึ่ง ซึ่งราชินีจันทราปลอมตัวมาตามหา (บางครั้งนางก็ปลอมตัวเป็นผู้ชายด้วย) แต่กลายเป็นว่าหมอตายเสียแล้วและทิ้งมรดกเอาไว้ที่ผู้หญิงสองคนคนหนึ่งคือนางซิลเวียสาวที่อาจจะเป็นรักเดียวของเปียโรต์หรืออาจะเป็๋นนางฌานน์ สาวนักเต้นที่เปียโรต์มาแอบกิ๊ก ในโลกมนุษย์อีตาเปียโรต์อาจจะกิ๊กหญิงนั่นนี่มากมาย แต่ไปๆมาๆเขาก็เป็นแค่หมากให้สองราชินีร่ายมนต์ใส่จนวิ่งไปวิ่งมาเป็นข้าช่วงใช้ แถมสองราชินียังผลัดกันฆ่าสองสาวรักเก่าใหม่ของตาเปียโรต์ไปเสียอีก อย่างไรก็ดีพอมาถึงที่สุดผุ้ชนะก็กลายเป็นยายลูซิลล์น้องสาวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหินวิเศษหรือรักซ้อนซ่อนเรื่องอะไร

กล่าวให้ถึงที่สุดเจ้าหินวิเศษก็มีสาชถานะเหมือนผู้ชายที่นางสองเจ้าแม่ตามหา และลงเหวไปกับมัน เพื่อให้ได้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์(หรือเปล่า?) แต่ผู้หญิงอย่างลูซิล ซึ่งไม่มีแฟน ไม่เพ้อเจ้อเรื่องรัก กลายเป็นผู้กุมชัยชนะ นี่อาจจะตีความแบบงงๆแต่ก็คิดว่าน่าสนุกดีเหมือนกัน ที่มีการแบ่งผู้หญิงออกเป็นสองส่วน และผู้ชายเป้ฯแกนกลางเข้าไปได้ แถมตอนจบยายลูซิล ยังมานั่งนับเลขแล้วบอกว่าสองบวกสองไม่ได้สี่นะเธอว์ ทุกอย่างมันล้มสลายลงมาหมดแล้ว อีกต่างหาก!




No comments: