Tuesday, September 01, 2015

THE CITY OF TOMORROW (1930, Erich Kotzer + Maximilian von Goldbeck, Germany, documentary, 33min, A+30)

THE CITY OF TOMORROW (1930, Erich Kotzer + Maximilian von Goldbeck, Germany, documentary, 33min, A+30)

THE CITY OF TOMORROW เป็นหนังสารคดีเงียบที่ไม่มีแม้แต่ดนตรีประกอบ หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับการวางผังเมือง โดยหนังแบ่งออกได้เป็นสองส่วนใหญ่ๆ โดยส่วนแรกเป็นการแสดงให้เห็นว่าชนบทที่พัฒนามาเป็นเมืองใหญ่แบบที่ไม่มีการวางผังเมืองมันจะชิบหายมากเพียงใด มันจะเต็มไปด้วยอาคารสูง ไม่มีสนามเด็กเล่น เด็กๆต้องมาเล่นตามท้องถนน เสี่ยงต่อการถูกรถยนต์และรถไฟชน เต็มไปด้วยมลพิษ ผู้คนอาศัยอยู่ในตึกสูงๆและตรอกแคบๆ โดยที่แทบมองไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันจากหน้าต่าง ซึ่งดูๆไปแล้วก็ไม่ต่างจากกรุงเทพในปัจจุบัน และในส่วนที่สองของหนังนั้น หนังแสดงให้เห็นว่า เมืองที่มีการวางผังเมืองมันจะออกมางดงามมากเพียงใด มันจะมีการแบ่งเขตกันอย่างดีระหว่างเขตอุตสาหกรรมกับเขตที่อยู่อาศัย มีการวางถนน, ทางรถไฟ และคูคลองต่างๆเพื่อเอื้ออำนวยต่อการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมจากเหมืองไปยังเมืองท่า โดยไม่รบกวนเขตที่อยู่อาศัยของประชาชน ผู้คนจะอาศัยอยู่ในตึกเล็กๆที่จัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ มีสวนดอกไม้ มีสวนสาธารณะ มีสนามเด็กเล่น มีอากาศหายใจ มีแสงตะวัน

หนังเรื่องนี้ดูแล้วนึกถึงหนังสารคดีบางตอนของรายการ ก(ล)างเมือง มากๆ ที่เป็นสารคดีเกี่ยวกับการออกแบบนิคมอุตสาหกรรมในไทย พอเราดูหนังเยอรมันเรื่องนี้แล้วก็ทึ่งมากๆที่มันสามารถนำเสนอปัญหาผังเมืองออกมาได้สุดตีนขณะนี้ ทั้งๆที่มันสร้างขึ้นในปี 1930 ซึ่งปัญหาต่างๆที่นำเสนอในหนังเรื่องนี้นั้น ยังคงเป็นปัญหาที่พบได้ในยุคปัจจุบัน และเป็นปัญหาที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆตามเมืองใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก


หนังเรื่องนี้จบลงด้วยภาพเด็กเล็กๆมากมายที่อาศัยอยู่อย่างมีความสุขในเมืองที่ได้รับการวางผังเมืองอย่างงดงาม ซึ่งมันเป็นฉากที่เศร้ามากเมื่อเราได้ดูในยุคปัจจุบัน เพราะเรารู้ดีว่าหลังจากเด็กเหล่านี้ได้ปรากฏตัวในหนังเรื่องนี้ อีกเพียง 8-15 ปีหลังจากนั้น ชีวิตของพวกเขาก็คงจะต้องพบกับความชิบหายอย่างรุนแรงในสงครามโลกครั้งที่สอง

ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็ได้แต่ปลงน่ะนะ มันเหมือนกับว่าส่วนแรกของหนังเรื่องนี้นำเสนอ “นรกบนดิน” ด้วยภาพเมืองใหญ่ที่สับสนวุ่นวาย และส่วนที่สองของหนังเรื่องนี้นำเสนอ “สวรรค์บนดิน” ด้วยภาพเมืองใหญ่ที่ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม แต่พอหนังสารคดีเรื่องนี้จบลง เราก็รู้ดีว่า “สวรรค์บนดิน” มันอยู่ได้ไม่นาน เพราะพอฮิตเลอร์ขึ้นครองอำนาจในปี 1933 สวรรค์บนดินก็กลายเป็นนรกอเวจีอย่างแท้จริง

อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับเยอรมนีในยุคนั้นได้ที่เพจ ในไวมาร์เยอรมัน นะครับ

No comments: