Saturday, January 12, 2019

A LETTER FROM BEIRUT (1979, Jocelyn Saab, France/Lebanon, documentary, A+30)


BEIRUT IS NO LONGER NEVER (1976, Jocelyn Saab, France/Lebanon, documentary, A+30)
A LETTER FROM BEIRUT (1979, Jocelyn Saab, France/Lebanon, documentary, A+30)

1.ถ้าหาก Chile มี Patricio Guzmán และ Cambodia มี Rithy Panh Lebanon ก็มี Jocelyn Saab นี่แหละ ที่เป็นผู้บันทึกความพังพินาศ ล่มสลายของประเทศตนเองออกมาได้อย่างทรงพลัง, เจ็บปวด แต่มีความงดงามในทางมุมมองด้วยในเวลาเดียวกัน

2.รู้สึกว่าเสียง voiceover ในหนังสองเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ คือภาพที่ปรากฏในหนังสองเรื่องนี้มันก็ทรงพลังและมีคุณค่าสุดๆอยู่แล้ว แต่ถ้าหากขาดเสียง voiceover ที่เป็นบทรำพึงรำพันส่วนตัว หนังเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นเพียง “หนังสารคดีเชิงข่าว/ข้อมูล” ที่มีคุณค่ามากๆในเชิงบันทึกประวัติศาสตร์/เหตุการณ์/ถ่ายทอดความเป็นจริงน่ะ เพราะภาพในหนังมันบันทึกสภาพบ้านเมืองในกรุงเบรุตในช่วงที่เกิดสงครามกลางเมือง เราได้เห็นชีวิตอันยากลำบากของผู้คนในช่วงนั้น และใน A LETTER FROM BEIRUT หนังก็ได้สัมภาษณ์คนหลายๆคนที่น่าสนใจด้วย คือแค่ลำพังภาพ+บทสัมภาษณ์เหล่านี้มันก็ดีสุดๆอยู่แล้ว

แต่หนังมันยังเพิ่มความเหนือชั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเสียง voiceover ที่เป็นบทรำพึงรำพันส่วนตัวของตัวผู้กำกับ และเราว่าสิ่งนี้มันช่วยห่มคลุมเหตุการณ์เลวร้ายสุดๆในหนังด้วย “ความรู้สึกที่งดงาม” บางอย่าง และมันช่วยยกระดับหนังเรื่องนี้ขึ้นไปอีก คือนอกจากหนังเรื่องนี้จะมีคุณค่าในเชิงข่าว/สารคดี/บันทึกประวัติศาสตร์แล้ว มันยังมีความทรงพลังทางอารมณ์ความรู้สึกในแบบงานศิลปะชั้นดีด้วย

เราก็เลยนึกถึงพวกหนังของ Patricio Guzmán และ Rithy Panh เพราะเราว่าสองคนนี้ก็ถ่ายทอดเหตุการณ์สังหารหมู่หรือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในประเทศตนเอง ออกมาด้วยพลังทางศิลปะเช่นกัน และไม่ได้เป็นเพียงแค่การร้อยเรียงข้อมูลแบบสารคดีเพียงอย่างเดียว

จริงๆแล้วนึกถึงพวกหนังของ Chris Marker และ Harun Farocki ด้วย คือเราว่าถ้าหาก Marker หรือ Farocki มาเกิดใน Lebanon ผู้กำกับสองคนนี้ก็อาจจะทำหนังแบบ Jocelyn Saab ออกมาก็ได้ แต่เนื่องจาก Marker อยู่ในฝรั่งเศส และ Farocki อยู่ในเยอรมนี ทั้งสองก็เลยถ่ายทอดความเลวร้ายของชาติตะวันตกหรืออะไรไปแทน

3.ในส่วนของเหตุการณ์ที่ถ่ายทอดออกมาในหนังสองเรื่องนี้นั้น มันทำให้นึกถึงสงครามกลางเมืองในบอสเนีย, อิรัก และซีเรียมากๆ และมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆที่เหตุการณ์แบบนี้มันไม่ได้จบลงแค่ที่เลบานอนในทศวรรษ 1970-1980 แต่มันยังคงเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่ซีเรียในปัจจุบัน

No comments: