Thursday, February 21, 2019

FRIEND ZONE (2019, Chayanop Boonprakob, A+5)


FRIEND ZONE (2019, Chayanop Boonprakob, A+5)

1.หนังมันไม่ได้เลวร้ายนะ แต่หนังมันออกแบบมาอย่างละเอียดในเกือบทุกฉากเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชมบางกลุ่ม ที่ไม่มีเราเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชมกลุ่มนั้นด้วย คือเราจะรู้สึกในเกือบทุกฉากว่ามันเร้าอารมณ์มากเกินไปสำหรับเรา แต่สิ่งที่ผลักไสเราให้ถีบตัวออกห่างจากหนัง คือสิ่งเดียวกับที่สร้างเสียงหัวเราะครื้นเครงให้กับผู้ชมคนอื่นๆอีกหลายคนในโรง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ คือเราไม่ชอบหนัง แต่ก็เข้าใจและยอมรับได้ว่าหนังเรื่องนี้มันไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเรา 555

2.เกลียดตัวละครนางเอกอย่างรุนแรงมากๆ 555 คือถ้าหากเราสร้างหนังเอง อีนี่มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 5 วินาทีในหนังของเรา แล้วก็ต้องถูกฆ่าตายน่ะ คือไม่สามารถทนคนแบบนี้ได้ทั้งในชีวิตจริงและในหนังได้เกิน 5 วินาที

คือถ้าเป็นตัวละครที่จะมีชีวิตอยู่ได้ในหนังของเรา เวลาเธอสงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์ เธอก็คงไปซื้อเครื่องมือมาตรวจ แล้วก็ตรวจเลย รู้ผลเลย จบ ไม่ต้องมีการขอความช่วยเหลืออะไรจากใครเลยแม้แต่นิดเดียวในขั้นตอนนี้ และไม่มีการเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวให้กับการยืดเวลาไม่ยอมตรวจ เพราะวิธีการแก้ความกังวลใจก็คือรีบตรวจให้รู้ผลโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่ไม่ยอมตรวจ ต้องสร้างความยากลำบากให้เพื่อนก่อน แล้วก็กังวลใจไปเรื่อยๆก่อน อีเหี้ย

3.ตัวละครพระเอกก็ไม่ใช่ romantic fantasy ของเราด้วย คือเราเกลียดนางเอกอย่างรุนแรงแล้ว พระเอกก็ไม่ให้อารมณ์พาฝันกับเราอีก คือนักแสดงหล่อมากก็จริง แต่เราไม่อยากได้ผู้ชายที่มีนิสัยแบบนี้มาเป็นแฟนน่ะ

คือตอนแรกเรานึกว่า หนังจะพูดถึงตัวละครที่ “ไม่แน่ใจว่าเรารักเขาแบบเพื่อน หรือเรารักเขาแบบแฟน หรือเรารักแค่อวัยวะเพศของเขา หรือเรารักเขาในแบบที่ไม่มีคำนิยาม” อะไรทำนองนี้ แต่นี่คือช่วงต้นเรื่อง พระเอกก็รู้ตัวแล้วว่า เขารักนางเอกแบบแฟน ไม่ใช่แบบเพื่อน แล้วมึงก็ปากหนัก อมพะนำไปทำไม คือถ้าปัญหาแค่นี้มึงยังแก้ไม่ได้ เราก็รู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ “พระเอกในฝัน” ของเราน่ะ ผู้ชายที่แก้ปัญหาแค่นี้ยังไม่ได้ แล้วจะเป็น “ที่พึ่ง” ของเราได้ยังไงกัน

4.ช่วงแรกๆก็ดูเลยหนังด้วยอารมณ์เสียมาก เกลียดนางเอกอย่างรุนแรง ไม่ชอบนิสัยของพระเอกด้วย คือระดับความชอบแค่ประมาณ B เท่านั้น แต่พอฉากอ่างเบียร์ ที่มีการเผยความในใจ มีการพูดกันตรงๆ เราก็เลยค่อยจูนติดกับตัวละครได้ ชอบความอิหลักอิเหลื่อ ความพิพักพิพ่วน ความ dilemma ความตัดสินใจได้ยาก คือตั้งแต่ฉากอ่างเบียร์เป็นต้นมา ระดับความชอบก็ค่อยๆไต่จาก B ขึ้นมาเรื่อยๆ 555

5.แต่เราไม่ค่อยมีปัญหากับความรวยของตัวละครนะ คือความรวยของตัวละครทำให้เรา “ไม่อินกับตัวละคร” แต่ก็ไม่ได้ผลักเราออกห่างจากตัวละครมากนัก และเราไม่มีปัญหากับ “ความพยายามจะสร้างหนังโฆษณาขนาดยาว” ด้วย เพียงแต่ว่าหนังเรื่องนี้มันเป็นโฆษณาที่ใช้ style ที่เราไม่ชอบเท่านั้นเอง นั่นก็คือ style ที่พยายามจะเร้าอารมณ์ตลอดเวลา

คือถ้าเป็นในจินตนาการของเรานะ เราอยากให้หนังเรื่องนี้เป็นโฆษณาสายการบินขนาดยาวที่ใช้ situation เดียวไปเลย คือนางเอกอกหักจากผัวมีชู้ นางเอกก็เลยชวนเพื่อนสนิทหนุ่มหล่อขึ้นเครื่องบินไปบาหลีหรืออะไรก็ได้ที่ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง แล้วนางเอกกับเพื่อนสนิทก็คุยกันไปเรื่อยๆ รำลึกความหลังกัน คุยเรื่องจิปาถะกัน เผยปมเจ็บปวดในใจต่อกัน ตัดสินใจสารภาพรักกัน ตัดสลับกับฉากแอร์โฮสเตสและสจ็วตหนุ่มหล่อที่มาบริการพระเอกนางเอกอย่างดีมากเป็นระยะๆ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าสายการบินนี้มันบริการดีเยี่ยมขนาดไหน แล้วตอนจบของเรื่อง นางเอกกับเพื่อนสนิทก็ลงจากเครื่องบินไป แต่เปลี่ยนสถานะเป็นแฟนกันแล้ว

คือแบบ “ก่อนขึ้นสายการบินนี้ เธอเป็นสาวโสด แต่พอเธอลงจากเที่ยวบินนี้ เธอได้ผัวหนุ่มหล่อ” อะไรทำนองนี้น่ะ คือหนังแบบนี้นี่แหละที่จะเข้าทางเรา คือไม่ต้องอาศัย situation ที่มันเร้าอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น แต่แบบพระเอกนางเอกคุยกันสองชั่วโมงบนเครื่องบินไปเลย แบบ MY NIGHT AT MAUD’S (1969, Eric Rohmer) ไปเลย คือถึงหนังจะเป็นโฆษณาสายการบินที่ยาว 2 ชั่วโมง แต่ถ้าทำออกมาแบบนี้ได้ มันก็จะติดอันดับประจำปีของเราอย่างแน่นอน

6.พอดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ก็เลยทำให้ชอบ SLEEPLESS (2015, Prime Cruz, Philippines, A+30) เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็น 10 เท่า เพราะ SLEEPLESS นี่แหละที่เป็นหนัง friend zone ที่ตอบสนอง romantic fantasy ของเราจริงๆ คือ SLEEPLESS เล่าเรื่องของนางเอกที่เป็นสาวขายสินค้าทางโทรศัพท์ เธอได้รู้จักกับหนุ่มหล่อคนนึงที่ทำงานที่ office เดียวกัน และเผอิญพักอยู่ตึกอพาร์ทเมนท์เดียวกัน ทั้งสองก็เลยใช้เวลาว่างนั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆในร้านสะดวกซื้อ และบนดาดฟ้าอพาร์ทเมนท์เกือบตลอดทั้งเรื่อง โดยที่นางเอกเหมือนจะแอบชอบพระเอก แต่ก็ไม่ได้เผยความในใจออกไป เพราะพระเอกมัวแต่หมกมุ่นกับการเก็บเงินไปแคนาดา เพื่อตามหาลูกชาย+เมียเก่า

คือชอบ SLEEPLESS ที่หนังทั้งเรื่องแทบจะมีแต่พระเอกนางเอกคุยกันบนดาดาดฟ้ากับในร้านสะดวกซื้อน่ะ ไม่ต้องสร้างสถานการณ์เหี้ยห่าอะไรที่มันมากเกินไป และเราว่าตัวละครพระเอกแบบใน SLEEPLESS มันตรงกับ fantasy ของเราน่ะ คือเราชอบผู้ชายที่ “เขาไม่รักเรา แต่เขามีความมุ่งมั่น แน่วแน่กับอะไรบางอย่าง” มากกว่าผู้ชายที่ “รักเรา แต่ไม่กล้าบอกเรา เพราะมันโง่ แก้ปัญหาแค่นี้ก็ยังไม่ได้” 555

No comments: