Sunday, February 24, 2019

HAPPY DEATH DAY 2U (2019, Christopher Landon, A+25)


HAPPY DEATH DAY 2U (2019, Christopher Landon, A+25)

1.ชอบความพยายามจะทำตัวเป็นหนังไซไฟ แม้จะออกมาดูบ้าๆบอๆ 555 คือภาคแรกเหมือนผสม SCREAM + GROUNDHOG DAY + FINAL DESTINATION เข้าด้วยกัน แต่ภาคนี้เอาเรื่อง จักรวาลคู่ขนาน เข้ามาผสมด้วย

2.ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะมีบางอย่างที่ทำให้นึกถึง FINAL DESTINATION แต่จริงๆแล้ว มันก็มีความตรงข้ามกันอยู่ด้วย เพราะหนังชุด FINSL DESTINATION มันทำให้เราหดหู่มากๆกับความจริงที่ว่า ไม่มีใครหลีกเลี่ยงความตายได้พ้น แต่หนังชุด HAPPY DEATH DAY มันสร้างโลกแฟนตาซีที่น่าสนใจมากๆสำหรับเราขึ้นมา เพราะมันเป็นโลกที่ "เราไม่จำเป็นต้องรับผิดใดๆกับการกระทำของเราอีกต่อไป" เพราะเดี๋ยวเราก็จะตายในคืนวันนั้น แล้วก็ย้อนกลับไปใช้ชีวิตวันนั้นใหม่ แก้ไขข้อผิดพลาดใหม่ได้

การฆ่าตัวตายของนางเอกหลายๆรอบอย่างสนุกสนานในหนังภาคสองนี้ มันเลยก่อให้เกิดโลกแฟนตาซีที่น่าสนใจมากๆสำหรับเรา มันเหมือนเป็นการตอบสนองความปรารถนาด้านมืดลึกๆของมนุษย์บางคนน่ะ คือในโลกแห่งความเป็นจริง และในหนัง 95 % (ยกเว้นหนังชุด GANTZ และหนังกลุ่มย้อนเวลา) เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้แม้แต่เพียงวินาทีเดียว ถ้าหากเราตัดสินใจอะไรผิดพลาดไปแล้ว บางทีเราอาจต้องแบกรับความเสียหายจากมันไปทั้งชีวิต และถ้าเมื่อใดที่เราตาย เราก็ตายไปเลย ฟื้นคืนชีพตามใจชอบไม่ได้

แต่โลกของ HAPPY DEATH DAY มันสร้างกฎเกณฑ์บางอย่างขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงอะไรแบบนี้ได้ มันเหมือนกับว่า ถ้าหากเราได้เข้าไปอยู่ในหนังเรื่องนี้ แล้วเราเกลียดคนสัก 10 คน และเราอยากร่วมรักกับหนุ่มหล่อสัก 36 คน เราก็อาจจะตอบสนองความต้องการของเราได้อย่างสบายๆเลยน่ะ คือถ้าหากเราเกลียดใครสักคนนึง เราก็เอาปลาร้าไปสาดใส่หน้ามัน แล้วเราก็ฆ่าตัวตาย แล้วเราก็เริ่มต้นวันนั้นใหม่ เราไม่ต้องรอรับผลใดๆทั้งในทางกฎหมายหรือทางสังคมจากการเอาปลาร้าไปสาดใส่หน้าคนที่เราเกลียด หรือถ้าหากเราเงี่ยนมาก เราก็เอากับผู้ชายได้ตามสบาย แล้วก็ฆ่าตัวตาย แล้วก็เริ่มต้นวันนั้นใหม่ เพื่อเอากับผู้ชายอีกคน เราไม่ต้องกลัวติดโรคหรือตั้งครรภ์อะไรใดๆเลย

เราก็เลยชอบ “โลกแฟนตาซี” ใน HAPPY DEATH DAY 2U มาก มันไปไกลกว่าการย้อนเวลาแบบ BACK TO THE FUTURE อีก เพราะโลกแฟนตาซีแบบใน HAPPY DEATH DAY 2U นั้น มันเป็นโลกที่เราแทบไม่ต้อง “รับผิดกับการกระทำใดๆของเราอีกต่อไป”

เพราะฉะนั้น พอดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว เราก็เลยเศร้า 555 เพราะเราต้องกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง โลกที่เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้เลยแม้แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว สิ่งใดก็ตามที่เราพูดหรือทำไปในวินาทีใดก็ตามของวันใดก็ตาม เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถย้อนกลับไปลบล้างมันได้ เราต้องรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่เราทำไปในทุกๆวินาที กรรมทุกอย่างที่เราทำจะติดตัวเราตลอดไป

3.แต่หนังเรื่องนี้ก็ปลอบประโลมเราด้วยประโยคและคำสอนในหนังนะ มันก็คือคำสอนในทำนองที่ว่า “ทุกความสูญเสียที่เราเผชิญมาในชีวิต ทุกความเจ็บปวดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มันทำให้เราเป็นตัวเราในปัจจุบันนี้ เราไม่สามารถเป็นตัวเราในปัจจุบันนี้ได้ ถ้าหากเราไม่ได้ผ่านความสูญเสียและความเจ็บปวดเหล่านั้นมาแล้ว” ซึ่งก็เป็นคำสอนที่ซึ้งดี

No comments: