Tuesday, June 04, 2019

BANGKOK DARK TALES (2019, Anusorn Soisa-ngim, Alwa Ritsila, Tarnwimol Onpaplew, A+30)


BANGKOK DARK TALES บางกอก..สยอง (2019, Anusorn Soisa-ngim, Alwa Ritsila, Tarnwimol Onpaplew, A+30)
                                    
SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
1. ติดอันดับประจำปีแน่นอน ชอบสุดๆเลย แต่สาเหตุที่ชอบไม่ใช่เป็นเพราะหนังมันน่ากลัว หรือตลก แต่เป็นเพราะเราชอบ characters ของนางเอกทั้ง 4 คนในหนังเรื่องนี้มากๆ พวกเธอเป็นสาวแรง ไม่ใช่ “สาวเรียบร้อย อ่อนหวาน น่ารัก” แบบที่ผู้ชายใฝ่ฝันถึงน่ะ เพราะฉะนั้นหนังเรื่องนี้ก็เลยเหมือนถูกออกแบบมาเพื่อเรามากๆ เราดูแล้วสามารถ identify ตัวเองได้กับตัวละครหญิงในหนังเรื่องนี้มากกว่าหนังไทยทั่วๆไป โดยเฉพาะตัวละคร “แอน” ในตอนบ้านผีเฮี้ยนนี่สุดๆมาก รักมากๆ ขอยกให้เป็น one of my most favorite characters of all time เลย หรือถ้าหากเทียบกับตัวละครหญิงในหนังไทยด้วยกัน เราก็คงชอบเธอในระดับต้นๆ โดยอาจจะเป็นรองเพียงแค่ตัวละครนางเอกใน “เมืองในหมอก” (1978,เพิ่มพล เชยอรุณ) ที่ขอยกให้เป็นตัวละครในหนังไทยที่ชอบที่สุดในชีวิต

2.ตัวละครนางเอกของตอน ออฟฟิศหวีดสยอง (HAPPY NEW YEAR) ก็ชอบมาก คือตอนแรกเธอโผล่มาเหมือนนางอิจฉาโง่ๆ แต่เราชอบที่หนังค่อยๆสร้างความกลมให้กับเธอ แสดงให้เห็นว่าเธอมีปัญหาการเงิน, มีความห่วงใยครอบครัวของเธอ เธอก็เลยไม่ได้เป็นเพียงแค่นางอิจฉาโง่ๆ แต่เป็นเหมือนตัวละครหญิงในละครทีวีชุด MELROSE PLACE ที่เราโปรดปราน คือตัวละครหญิงเหล่านี้จะมีลักษณะผิวเผินคล้ายนางอิจฉาในหนังไทยยุคเก่า คือสวย, เซ็กซี่, เห็นแก่ตัว, ทำเลวในบางครั้ง แต่สิ่งที่ตัวละครหญิงใน MELROSE PLACE มันไม่เหมือน “นางอิจฉา” ในหนังยุคโบราณก็คือว่า “มันเป็นมนุษย์” น่ะ เพราะตัวละครหญิงใน MELROSE PLACE มันจะ “เลว ฉลาด ต่อสู้ยิบตาเพื่อความสำเร็จของตัวเอง และมีความเปราะบางแบบมนุษย์จริงๆ” อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นตัวละครแก้มในออฟฟิศหวีดสยอง ก็เลยทำให้เรานึกถึง MELROSE PLACE มากๆ และเป็นตัวละครที่เข้าทางเรามากๆ

3.แต่เราไม่ชอบการเฉลยของ HAPPY NEW YEAR นะ แต่ไม่ใช่มันไม่ดีนะ แต่เป็นเพราะมันไม่เข้าทางเรา เพราะมันกลับกลายเป็นว่า ฆาตกรลงทุนลงแรงสร้างเรื่องมากมายก่อนจะฆ่าเหยื่อน่ะ และเราจะรู้สึกมีปัญหากับฆาตกรประเภทนี้ คือเราจะอินหรือลุ้นกับฆาตกรประเภท HALLOWEEN หรือในหนังฆาตกรโรคจิตไล่ฆ่าสาวออฟฟิศแบบ TRAPPED (1989, Fred Walton) หรือ THE GUARD FROM UNDERGROUND (1992, Kiyoshi Kurosawa) มากกว่า คือฆาตกรจะฆ่าใครก็ไล่ฆ่าไปเลย ไม่ต้องสร้างสถานการณ์อะไรก่อนหน้านั้น

4.ตอนผีโรง 5 NIGHT CINEMA ถือเป็นตอนที่เราชอบนางเอกน้อยสุด แต่ถือเป็นตอนที่ “น่ากลัว” ที่สุดสำหรับเรา

จริงๆก็ชอบนางเอกตอนนี้มากๆนะ เพียงแต่ชอบน้อยกว่าตอนอื่นๆ คือเธอก็ดูแรงดี แต่เธอดูเหมือนไม่ค่อยมีอิทธิฤทธิ์อะไรน่ะ อยากให้เธอมีอิทธิฤทธิ์อะไรมากกว่านี้

แต่ชอบการสร้างบรรยากาศในตอนนี้มากๆ ทั้งการจัดแสง, การใช้สี มันมีมนต์เสน่ห์มากๆ

สิ่งที่ชอบสุดๆในตอนนี้คือการเล่นกับ “เวลา” ที่เหตุการณ์ในช่วงท้ายเรื่องมันทบกลับไปในฉากต้นเรื่อง เราว่าการทำอะไรแบบนี้ได้มันต้องอาศัยโครงสร้างบทที่คิดมาดีพอสมควร

5.ฉากที่กลัวที่สุดในผีโรง 5 คือฉากในห้องน้ำน่ะ เราว่าฉากนี้ทำออกมาได้หลอนดี ขอยกให้เป็นฉากหลอนระดับคลาสสิคฉากนึงที่เทียบได้กับฉากในหนังฮ่องกงชุด TROUBLESOME NIGHT (คืนผีเดือด) เลย

คือใน TROUBLESOME NIGHT ภาคนึง มันจะมีฉากนึงที่เราชอบสุดๆน่ะ ถ้าเราจำไม่ผิด ในฉากนั้นตัวละครจะเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเหมือนมีใครไม่รู้เตะลูกบอลมาที่ประตูห้องน้ำ ตัวละครก็มองลอดรูตรงใต้ประตูห้องน้ำออกไป แล้วเห็นลูกบอล ก็เลยเตะลูกบอลกลับไป แล้วลูกบอลก็ถูกเตะกลับมาที่ประตูห้องน้ำอีก ตัวละครก็เตะกลับไปอีก แล้วเหมือนจะตะโกนด่าเด็กว่าอย่ามาเล่นบอลแถวนี้ อะไรทำนองนี้มั้ง แล้วปรากฏว่าคราวนี้ ก็มี “หัวคน” กลิ้งมาคาอยู่ที่ใต้ประตูห้องน้ำแทน

มีใครจำได้บ้างว่าฉากนี้มันอยู่ใน TROUBLESOME NIGHT ภาคไหน เราอยากรู้มาก

ส่วนฉากห้องน้ำใน ผีโรง 5”  มันไม่เหมือนกับฉากที่เราเล่ามานะ แต่เราชอบที่มันเล่นกับ “การมองลอดรูใต้ประตูห้องน้ำ” ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆเหมือนกัน

6.ส่วนตอน “บ้านผีเฮี้ยน” หรือ HELLO BANGKOK นี่ชอบสุดๆเลย เพราะเราชอบบุคลิกของ “แอน” มากๆ และชอบความสัมพันธ์ระหว่างแอนกับบีมากๆ มันดูจริงมากๆ คือมันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน แต่คนที่มีบุคลิกอ่อนแอ ก็จะถูกอีกฝ่าย “กด” หรือใช้เป็น “เครื่องระบายอารมณ์” แต่ในขณะเดียวกัน คนที่มีบุคลิกแข็งกว่า ก็จะมีความห่วงใยอีกฝ่ายอยู่บ้าง คือมันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบกดขี่กันเพียงอย่างเดียว แต่มันก็มีความเป็นเพื่อนในแบบของมันเองอยู่ด้วย

จริงๆแล้วเหมือนเราชอบ “ชีวิตตัวละคร” มากกว่า “ความเป็นหนังผี” ของตอนนี้น่ะ คือเราว่าตอนนี้มันรักตัวละครนางเอกของมันมากๆ มันก็เลยเหมือนคิดรายละเอียดถี่ยิบมาให้ตัวละครนางเอกทั้งสองตัวได้ดีสุดๆเลย ชอบแอนที่ปากร้าย ดูแล้วเหมือนพร้อมจะตบคนได้ตลอดเวลา ดูแล้วก็นึกถึงตัวเราเองที่เพิ่งมีเรื่องด่ากับสาวต่างชาติบนรถไฟฟ้า ที่เราด่ามันว่า “อีเหี้ยยยยย” กลางรถไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้พอเราเห็นตัวละครแอน เราก็เลยรู้สึกว่านี่แหละตัวละครที่เรา identify ด้วยได้ เพราะถ้าเป็นแอน แอนก็คงพร้อมจะด่าคนที่มาเหี้ยๆใส่เหมือนกับเรา

สิ่งที่ชอบสุดๆก็คือฉากที่แอนด่ากับผีอย่างรุนแรงน่ะ เรารู้สึกว่ามันจริงดี 5555 เพราะถ้าเป็นเรา เราก็คงทำแบบเดียวกัน คือถ้าผีมาเหี้ยๆใส่ กูก็สู้กลับน่ะ จะด้วยการด่าหรือด้วยอะไรก็ตาม

ตัวละครบีก็ดีมาก ชอบที่เธอพยายามแต่งรูปให้ดูดี, ทำยั่วผู้ชมทางเน็ตไปเรื่อยๆ และพยายามหลอกขอเงินจากผู้ชาย คือเธอเหมือนทำตัวคิกขุ น่ารัก แต่เธอทำเพื่อ “เงิน” น่ะ เธอไม่ใช่ “สาวน่ารักจากเนื้อแท้ข้างในใจ” แบบที่ผู้ชายบางคนอาจจะใฝ่ฝันถึง แต่เธอทำตัวเป็นสาวน่ารัก เพราะเธอรู้ว่านั่นคือวิธีที่จะทำให้ผู้ชายยอมออกเงินให้เธอ

ชอบสุดๆที่หนังเลือกนำเสนอกะหรี่ในฐานะนางเอกด้วย

7.สรุปว่า รักหนังเรื่องนี้สุดๆ รักกลุ่มตัวละครนางเอกของหนังเรื่องนี้มากๆ โดยเฉพาะ “แอน” และถ้าหากจะมีสิ่งที่ไม่ชอบในหนังเรื่องนี้ มันก็เป็นเพราะว่า เรารักตัวละครนางเอกเหล่านี้มากเกินไป จนถ้าหากเราเป็นคนแต่งเรื่อง เราคงแต่งเรื่องให้นางเอกของทั้ง 3 เรื่องเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในทั้ง 3 เรื่องเลย 555 เราอยากให้แก้มเป็นฝ่ายที่ชนะในตอนแรก อยากให้เธอหาทางพลิกมาเป็นฝ่ายที่ไล่ฆ่าฆาตกรได้, ส่วนในตอนที่สองนั้น เราอยากให้ “ออย” จริงๆแล้วเป็นกะหรี่บุรีรัมย์ เธอเคยเรียนไสยศาสตร์เขมรมาก่อน และใช้ไสยศาสตร์เขมรสู้กับเหล่าผีในโรงหนังจนชนะ 555 ส่วนในตอนที่สามนั้น เราอยากให้  “แอนกับบี” สวมวิญญาณสองสาวนางเอกใน BAISE-MOI (2000, Virginie Despentes, Coralie Trinh Thi) ปะทะกับผีแบบไม่มีความเกรงกลัวอะไรใดๆอีกต่อไป จนผีต้องเป็นฝ่ายหนีความแรงของนางเอกไปเอง 555

No comments: