Tuesday, June 18, 2019

NIRATTIGUN


NIRATTIGUN นิรัติกันย์ (2019, Nutthachai Khrueasena, 45min, A+30)

1.เหมือนเป็นเวอร์ชั่นหนังยาวของ “ขอบฟ้า” (2017, 6min) ที่กำกับโดยผู้กำกับคนเดียวกัน ซึ่งเราว่า “ขอบฟ้า” มันซึ้งกว่า 555 เพราะ “ขอบฟ้า” มันเหมือนมีแต่ความรักความผูกพันของพระเอกทั้งสองคน เหมือนมันกลั่นออกมาแค่ aspect ความรักโรแมนติก นำเสนอเฉพาะช่วงเวลาที่ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน และร้างลากันไป

แต่ไม่ใช่ว่า “ขอบฟ้า” ดีกว่า นิรัติกันย์ นะ มันเหมือนหนังทั้งสองเรื่องดีกันไปคนละแบบน่ะ เพียงแต่ว่าถ้าหากพูดถึง “ความซาบซึ้งแบบหนังโรแมนติก” เราจะนึกถึง “ขอบฟ้า” มากกว่า ส่วนนิรัติกันย์นั้น มันมีแง่มุมอื่นๆของชีวิตตัวละครเข้ามาด้วย และหนังก็ทำตรงส่วนนี้ได้ดี คือนิรัติกันย์มันเป็นหนัง “ชีวิต drama” มากกว่าหนังโรแมนติกน่ะ เพราะช่วงเวลาที่พระเอกทั้งสองได้อยู่ด้วยกันในหนังมันน้อยมากๆ และหนังดูเหมือนจะให้น้ำหนักกับปัญหาชีวิตของตัวละคร มากกว่า “อารมณ์รัญจวนใจระหว่างตัวละคร”

2.ฉากที่เราชอบที่สุดในนิรัติกันย์ ก็คือฉากตรงกลางเรื่อง ที่ถ่ายดาดฟ้าที่ไม่มีคนเลย คือฉากนั้นเรารู้สึกเศร้ามากๆ จุกอกมากๆ แทบร้องไห้ มันเหมือนกับว่าเราเป็นผีเจ้าที่บนดาดฟ้านั้น หรือเป็นวิญญาณของดาดฟ้าแห่งนั้น เราเคยเห็นกันย์กับเซฟมาคลุกคลีอยู่ด้วยกันเป็นประจำที่ดาดฟ้าแห่งนี้ แล้ววันนึง ก็มีแค่เซฟมาที่นี่คนเดียว แล้วอีกวันนึง ก็มีแค่กันย์มาที่นี่คนเดียว แล้วต่อมา ทั้งสองก็ไม่มาที่นี่อีกเลย และไม่ได้พบกันในที่อื่นๆอีกด้วย เราก็เลยรู้สึกเศร้ามากๆ

3.ชอบหลายๆอย่างในหนังมาก อย่างแรกเลยก็คือนักแสดงที่เล่นเป็น “กันย์” เล่นดีสุดๆ

4.ชอบการใส่ตัวละคร “เจ๊” ที่ดูเหมือนจะเป็นโสเภณี และเป็นเพื่อนสนิทของกันย์เข้ามาด้วย เหมือนตัวละครนี้โผล่มาแค่สองฉาก แต่ดูแล้วมันจริงมาก ดูแล้วทำให้เข้าใจความว้าเหว่ของกันย์ และชีวิตของกันย์เพิ่มขึ้นมากๆ เราว่าตัวละครเจ๊นี่ช่วยเพิ่มความซึ้งให้หนังขึ้นได้มากๆ

5.ชอบการนำเสนอฉากแม่ทรมานเซฟด้วย เราชอบที่หนังนำเสนอมันแบบที่ไม่ต้องเร้าอารมณ์ดราม่าใดๆเลยน่ะ ซึ่งมันจะแตกต่างจากวิธีการนำเสนอฉากคล้ายๆกันนี้ในหนังเรื่องอื่นๆ ที่ออกมาดูเมโลดราม่ามากๆ

คือเราว่าพอหนังนำเสนอ “เหตุการณ์รุนแรง” แต่นำเสนอมันแบบไม่เร้าอารมณ์แบบนี้ มันจะดูโหดมากๆ ทารุณมากๆ น่ากลัวมากๆ และสะเทือนใจเรามากๆน่ะ เพราะวิธีการนำเสนอแบบนี้มันจะทำให้เรารู้สึกว่า นี่คือการนำเสนอเหตุการณ์จริง เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจริง แล้วหนังก็ค่อยนำเสนอมันออกมา แต่ถ้าหากหนังเลือกที่จะนำเสนอ “เหตุการณ์รุนแรง” แล้วพยายามเร้าอารมณ์มันให้ดูรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก มันจะทำให้เรารู้สึกว่า “เหตุการณ์เหล่านี้ ดำรงอยู่ เพื่อกระตุ้นอารมณ์ผู้ชม” น่ะ และมันจะทำให้เราไม่เชื่อถือในเหตุการณ์นั้น

คือมันเหมือนกับว่า ถ้าหากหนังนำเสนอ “เหตุการณ์รุนแรง” แบบหนังของ Michael Haneke/Robert Bresson คือไม่เร้าอารมณ์เลย เราจะรู้สึกว่า “เหตุการณ์นั้นดำรงอยู่ด้วยตัวมันเอง เกิดขึ้นจริงก่อน” แล้วหนังจึงนำเสนอมันออกมาสู่ผู้ชม

แต่ถ้าหากหนังนำเสนอเหตุการณ์รุนแรงแบบเร้าอารมณ์เต็มที่ เราจะรู้สึกเหมือนกับว่า สิ่งที่ดำรงอยู่ก่อนคือ “ผู้ชมที่ต้องการอารมณ์สนุกตื่นเต้น” แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ “หนังก็เลยพยายามสร้างฉากรุนแรง เพื่อสนองอารมณ์ผู้ชม” เพราะฉะนั้นฉากดังกล่าวมันจะดูไม่จริงสำหรับเราน่ะ

ก็เลยสรุปว่า ชอบวิธีการถ่ายทอดเรื่องแม่ทรมานลูกชายใน “นิรัติกันย์” มากพอสมควร

6.ชอบความใส่ใจในรายละเอียดด้วย ตั้งแต่ฉากแรกๆที่เห็นกันย์ใส่กางเกงนักเรียนสีดำ แล้วเซฟใส่กางเกงนักเรียนสีฟ้า คือรายละเอียดแบบนี้มันช่วยบอกได้เลยว่า ทั้งสองอยู่คนละโรงเรียน และอาจจะมีฐานะแตกต่างกันด้วย

7.ตัวละครแฟนเก่าของเซฟก็ดีมาก คือเหมือนเธอโผล่มาแค่ฉากเดียว แต่มันดูจริง มันดูมีออร่า ดูมีของมากๆ

คือเราชอบที่ตัวหญิงสาวคนนี้ ดูไม่ใช่ลูกคุณหนูสวยใส โง่ๆ แบ๊วๆน่ะ หน้าของเธอดูมีออร่าบางอย่าง คือเราดูแล้วจินตนาการได้เลยว่า เธอเหมือนมีปัญหาชีวิตอะไรบางอย่างของเธอเองเหมือนกัน เซฟก็เลยอาจจะจูนติดกับเธอเพราะสาเหตุนี้

8.แต่สิ่งที่เรามีปัญหากับหนัง ก็คือเรื่อง การสืบข้อมูลหาบ้านของเซฟนี่แหละ คือดูแล้วนึกถึง UNDER THE SILVER LAKE (2018, David Robert Mitchell) มากๆ แต่การที่มันคล้ายกับ UNDER THE SILVER LAKE ไม่ใช่ปัญหานะ ปัญหาสำหรับเราก็คือว่า เราจะสงสัยว่า ทำไมเซฟต้องทิ้งรหัสลับอะไรมากมายไว้แบบนั้นในตอนแรกด้วย ทำไมเซฟไม่บอกกันย์ไปตรงๆว่าบ้านตัวเองอยู่ที่ไหน หรือทำไมไม่เขียนที่อยู่ของตัวเองตรงๆใส่ไปในขวดแก้วเลย ทำไมต้องทำรหัสลับอะไรมากมายด้วย หรือเธอเป็นคนบ้ารหัสลับอะไรพวกนี้ 555

แต่อันนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมากมายนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเนื้อหาตรงส่วนนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้ เราไม่ค่อยเชื่อถือเนื้อหาตรงส่วนนี้เท่าไหร่น่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ใช่คนแบบเซฟก็ได้มั้ง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่ชอบทิ้งรหัสลับอะไรพวกนี้ไม่ได้มีอยู่จริงๆ

9.แต่ถึงแม้เราจะมีปัญหากับจุดนั้นในหนัง แต่โดยรวมๆเราก็โอเคกับหนังมากๆนะ หนังทำให้เรารู้สึกได้ว่า ทั้งตัวละครกันย์, เซฟ, เจ๊ และแฟนเก่าของเซฟ  ดูเป็นมนุษย์จริงๆน่ะ และมันทำให้เรารู้สึกเป็นห่วงตัวละครพวกนี้ และรักตัวละครพวกนี้ หนังอาจจะจบไปแล้วก็จริง แต่ตัวละครพวกนี้ยังคงอยู่ในใจเราต่อไป

No comments: