Wednesday, December 04, 2019

DEMOCRAZY.MOV

HELLO, LOVE, GOODBYE (2019, Cathy Garcia-Molina, Philippines, A+30)

1.เพิ่งได้ดูหนังของผู้กำกับคนนี้เป็นเรื่องที่ 3 ต่อจาก UNEXPECTEDLY YOURS (2017)  และ MY PERFECT YOU (2018) ชอบมากๆทั้ง 3 เรื่องเลย ทั้งๆที่หนังมัน mainstream สุดๆ romantic สุดๆ พาฝันสุดๆ ดูหนังของผู้กำกับคนนี้แล้วนึกถึงหนัง GDH ของไทย กับหนัง Bollywood ของอินเดียในแง่ "ความเชี่ยวชาญในการเร้าอารมณ์ตามขนบหนังกระแสหลัก" เหมือนกัน

ในบรรดา 3 เรื่องนี้ เราชอบ MY PERFECT YOU มากสุด

2.ดู HELLO, LOVE, GOODBYE แล้วนึกถึง ENDO (2007, Jade Castro) ด้วย เพราะมันพูดถึงคู่รักที่ต้องพลัดพรากเพราะผู้หญิงต้องเดินทางไปทำงานในต่างประเทศเหมือนกัน เพียงแต่ ENDO เล่าจากมุมมองของฝ่ายชาย ส่วน HELLO เล่าจากมุมมองของฝ่ายหญิง และ ENDO ดูจริงกว่า เจ็บกว่า ติดดินกว่า ส่วน HELLO ดูพาฝันกว่าเยอะ และตัวละครใน HELLO ดูเหมือนมี "ออร่า" บางอย่างจับอยู่ตลอดเวลา

3.แต่สิ่งที่ดีมากใน HELLO LOVE ก็คือว่า ถึงมันจะดูพาฝันมากๆเมื่อเทียบกับ ENDO แต่ชีวิตตัวละครก็ยังบัดซบมากๆ ลำเค็ญมากๆอยู่ดี คือนี่ขนาด "พาฝัน" แล้วนะ ตัวละครก็ยังต้องปากกัดตีนถีบ หาเลี้ยงชีพด้วยความยากลำบาก และปัญหาชีวิตไม่ได้แก้ง่ายๆด้วยการถูก LOTTERY,  มีหนุ่มรวยมาหลงรัก หรืออยู่ดีๆก็ได้รับมรดกจากใคร คนมันจนมันก็จนต่อไปจริงๆ

เราก็เลยชอบมากๆที่หนังมัน " พาฝัน" แต่มันไม่ได้หลีกหนีจากความเจ็บปวดที่แท้จริงของชีวิต

4.ฉากสนทนายาวๆในหนังเรื่องนี้งดงามสุดๆ

5.ดูแล้วนึกถึง  COME TO ME, PARADISE (2016, Stephanie Comilang, video installation) และ SUNDAY BEAUTY QUEEN (2016, Baby Ruth Villarama, documentary) ที่พูดถึงแรงงานสาวฟิลิปปินส์ในฮ่องกงเหมือนกัน

 หนังที่ได้ดูในโปรแกรมหนังสั้นมาราธอน
วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562

1.Destination Nowhere / ประพัทธ์ จิวะรังสรรค์ / 7.19 นาที E A+30
เหมือนเป็นหนังสารคดีผสมกับหนังทดลอง ชอบประเด็นของหนังที่พูดถึงเด็กชาวไทยที่เป็นลูกของแรงงานผิดกฎหมายในญี่ปุ่น และเขาอาจจะถูกทางการญี่ปุ่นส่งตัวกลับมาไทย ดูแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าเด็กคนนี้เป็น “คนไร้รัฐ” และการดำรงอยู่ของตัวเขานำไปสู่คำถามที่น่าสนใจทั้งในด้านกฎหมายทั้งของไทยและญี่ปุ่น และคำถามด้านมนุษยธรรม

ดูแล้วนึกถึงปัญหาในสหรัฐเรื่อง “ผู้อพยพที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐตั้งแต่วัยเด็ก (Dreamers)” ราว 7 แสนคนที่ทรัมป์พยายามผลักดันให้ออกจากประเทศด้วย

2.Dogma Creation: Goat / ปัณฑ์ชนิต จันทรวงศ์ / 7.13 นาที DOCUMENTARY A+30

3.Democrazy.mov / ธันย์สิตา ยานุพรหม, ศรัณย์ จันทร์เนียม / 3.23 นาที A+30
ชอบหนังมากๆ ฮามากๆ หนังเรื่องนี้ทำเหมือนกับว่า “ประชาธิปไตย” เป็น “ผี” คืออาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่จริงในไทยก็ได้ เราอาจจะสัมผัสมันได้จางๆในบางครั้งในไทย เหมือนมันไม่มีอยู่จริงในไทย มีแต่วิญญาณของมันที่บางคนอาจสัมผัสมันได้ในบางชั่วขณะจิต

4.Decision / กรภัทร์ จีระดิษฐ์ / 22.41 นาที A+30
หนังบู๊ของเด็กมัธยม

5.Documentary Baby Thesis / ธฤตวัน ปิฏฐปาตี / 31.08 นาที DOCUMENTARY, A+25

6.Departure / เคียงดาว บัวประโคน / 21.35 นาที A+20
หนังการเมืองที่น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจาก SNAP (2015, Kongdej Jaturanrasamee)

7.Doom Day Celebration / ศุภกร ภูทองเงิน / 20.43 นาที A+20
หนังน่ารักดี เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเพื่อนหนุ่ม 3 คน ไม่แน่ใจว่าเป็นหนังที่สร้างขึ้นเพื่อส่งเทศกาลหนังพี้กัญชาของ CINEMA OASIS หรือเปล่า

8.Devil's Apple (Redux) / รัฐฐกรณ์ ศิริฤกษ์ / 11.46 นาที A+5

No comments: