Wednesday, March 04, 2020

IF THIS IS MY STORY


IF THIS IS MY STORY (2018, Djenar Maesa Ayu, Kan Lume, Indonesia/Singapore, A+30)

1. ช่วงครึ่งแรกของหนัง เล่าเรื่องราวชีวิตสมรสที่ร้าวฉาน ผ่านมุมมองที่แตกต่างกันของสามี ภรรยา ช่วงนี้ชอบมาก ดูแล้วนึกถึง THE DISAPPEARANCE OF ELEANOR RIGBY: HIM และ  THE DISAPPEARANCE OF ELEANOR RIGBY: HER (2013, Ned Benson)

2.ช่วงครึ่งหลังนี่ชอบสุดๆ เป็นฉากคนรักคุยกันที่ริมทะเล ยาวราว 20-30 นาที โดยไม่ตัดภาพเลย มันสมจริงมากๆ และมันอาจจะมีความน่าเบื่ออยู่ด้วยในฉากนี้  แต่เราเดาว่า "ช่วงเวลาที่คู่รักยังรักกัน" มันคงเป็น moment แบบนี้แหละ  moment แบบที่อยู่ด้วยกันเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรพิเศษ แต่มันก็อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข

3.ก็เลยชอบหนังอย่างสุดๆ เพราะเหมือนหนังใช้ทั้ง "เรื่องเล่าที่แตกต่างกัน" ในการนำเสนอมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างสามีกับภรรยา และหนังยังใช้ "ภาษาหนังที่แตกต่างกัน" ในการนำเสนอ "ช่วงเวลาที่คู่รักร้าวฉาน" กับ "ช่วงเวลาที่คู่รักมีความสุข" ด้วย

PEE NAK 2 (2020, Pontharit Chotkrissadasopon, A+15)
พี่นาค 2

ชอบเหตุที่มาของผีร้ายในหนัง

Spoil
--
--
--
--
--
--
--
--
--
--
ผีร้ายเคยมีชีวิตเป็นชายหนุ่มในช่วงที่โรคฝีดาษระบาด แม่เขาป่วยเป็นฝีดาษ เขาเลยเอาแม่มารักษาที่วัด โดยหลวงตาที่วัดตอนนั้น (เมื่อราว 100 ปีก่อน) รับผู้ป่วยโรคฝีดาษมาไว้ที่วัดมากมาย แต่ตัวละครตุ๊ดสองคนใน พี่นาค 2 เคยบวชเป็นพระที่วัดนี้ในชาติก่อน และพูดจาดูถูกแม่ของผีร้าย และทั้งสองก็รีบสึกออกจากวัดไป เพราะกลัวติดฝีดาษ ส่วนหลวงตาก็ติดฝีดาษตายไป

ผีร้ายเลยอาฆาตตุ๊ดสองคนนี้ และสาปให้พระทุกคนที่บวชที่วัดนี้ ถ้าสึกออกไป จะถูกคำสาปให้ตาย

เราชอบที่มันพูดถึงโรคระบาด และ dilemma ระหว่างความรักตัวกลัวตาย กับ "การเหยียดหยามผู้ติดเชื้อ"

No comments: