Saturday, November 20, 2021

THAI FILMS SEEN ON FRIDAY 12 NOV 2021 PART ONE

 

THAI FILMS SEEN ON FRIDAY 12 NOV 2021 PART ONE

 

1. “GVNG” THAI RAPPERS DOCUMENTARY (พิสิณี ขาวสมัย, documentary, A+30)

 

เป็นหนังที่ให้ข้อมูลกับเราได้ดีมาก ๆ เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลย ชอบที่บางคนในหนังบอกว่า คนรุ่นเก่าส่วนใหญ่พอจะแสดงออกก็หยิบกีตาร์ขึ้นมาแล้วแสดงออกผ่านทางเพลงร็อค แต่พอเป็นเด็กรุ่นนี้ส่วนใหญ่เขาจะแสดงออกผ่านทางการแร็ปแทน

 

เพิ่งรู้ว่ามีแร็ปเปอร์ชื่อ 1MILL ที่น่ารักมาก ๆ 555555

 

2. #หยุดพูดโกงประชาชน (จิรศักดิ์ จักรวาล, A+20)

หนังเสียดสีโครงการพูดหยุดโกง

 

3. 1.ศาลายา กระฉึก กระฉัก 2563 (มานัสศักดิ์ ดอกไม้, 63min, A+30)

 

สุดฤทธิ์ ไม่มีคำบรรยายใด ๆ อีกต่อไป สิ่งที่ชอบสุด ๆ ในหนังเรื่องนี้รวมถึง

 

3.1 การเนรมิตสะพานลอยธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นอะไรที่ magical สุดๆ สำหรับเรา ผ่านทางการตั้งชื่อมันว่า “สะพานลอยโกดาร์ด”, ผ่านทางการตัดต่อในช่วงต้นเรื่อง และผ่านทาง long take ถ่ายคนเดินไปจนสุดลูกหูลูกตาแล้วเดินวนกลับมาในช่วงท้ายเรื่อง ฉากต้นเรื่องกับฉากท้ายเรื่องตรงสะพานลอยนี่ยกให้เป็นส่วนหนึ่งของฉากที่ชอบที่สุดในปีนี้เลย

 

3.2 ดนตรีประกอบที่รุนแรงมาก ๆ คือแค่ถ่ายสี่แยกธรรมดา ๆ แต่ใส่ดนตรีประกอบแบบนี้เข้าไป มันก็กลายเป็นสี่แยกที่มีพลังงานมหาศาลซ่อนอยู่ได้ 5555

 

3.3 การ “หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว” ในรูปแบบใหม่ นั่นก็คือการถ่ายฉากคนกินอาหารในแบบ slow motion เพื่อกลั่นแกล้งคนดูที่หิวข้าว 555555

 

3.4 นักฟุตบอลน่ารักมาก ๆ 55555

 

3.5 ชอบการแนะนำสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ศาลายา ด้วย gaze ในแบบเฉพาะตัว มันก็เลยดูมีมนตร์เสน่ห์บางอย่าง ไม่ได้แบนราบเหมือนหนังแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไป

 

4. 20 CENTURY (จิราวุธ ประทุมศิริ, B )

 

นึกว่าแบบทดสอบให้ตัวละครพูดประโยคซ้ำไปซ้ำมา 55555

 

5. 23:59 (ธีระพงศ์ พิริยะกิจไพศาล, A)

หญิงสูงวัยที่ทำงานคนเดียวในคืนปีใหม่ ดูแล้วนึกถึงหนังสั้นไทยเรื่องนึงเมื่อหลายปีก่อนที่พูดถึงยามอพาร์ทเมนท์ที่ต้องทำงานตามปกติในคืนปีใหม่ แต่เราลืมชื่อหนังเรื่องนั้นไปแล้ว ไม่รู้มีใครนึกออกบ้าง

 

6. 24 (วีรภัทร สากลวารี, second viewing, A+30)

 

พอได้ดูรอบสองแล้วก็ชอบมากขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะตอนดูรอบแรกเหมือนเราใจลอยไปแป๊บนึง แล้วก็เลยพลาดฉากสำคัญที่มันเป็นการตัดแบ่งระหว่าง “ความจริง” กับ “ความฝัน” พอเราได้มาดูรอบสองแล้วก็เลยเข้าใจว่า ครึ่งหลังของหนังมันคือความฝัน และในความฝันตัวละครสามารถเล่นดนตรีที่ไพเราะได้ และร้องเพลงได้ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนตัวละครไม่สามารถแสดงออกได้

 

No comments: