Monday, July 04, 2022

MOVING IMAGES SCREENING NIGHT 3

 TOMB DIABOLUS (2022, A+30)


หนังทดลองอีกเรื่องในงาน MOVING IMAGE SCREENING NIGHT ที่ดู organic ดี คือดูเหมือนมันไม่ได้ลงตัวเป๊ะ ๆ แต่เหมือนต้นไม้ที่ปล่อยให้โตเอง งอกกิ่งก้านไปในทิศทางไหนก็ได้ตามใจชอบ

ช่วงแรกเป็นช่วงที่ memorable มาก เป็นการเอาคลิปผู้ชายคนนึงที่เจออุบัติเหตุเผาบ้านตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ มา rewind และใส่เพลงรักเข้าไป

ช่วงต่อมาเหมือนเป็น random clips จาก home video ของตัวเอง ดูแล้วทำให้นึกถึงทั้ง AFTER YANG, A CONVERSATION WITH THE SUN (Apichatpong Weerasethakul) และหนังของ Jonas Mekas

---
AND THE PEOPLE ไพร่พล-พลไพร่ (2022, Nontawat Machai, Jakkrapan Sriwichai, 16min, A+30)

1.ชอบสุดขีด เหมือนเป็นหนังทดลองที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก และให้ความรู้สึก organic ดี และถึงแม้หนังเรื่องนี้ได้ฉายประชันกับหนังทดลองแรง ๆ เรื่องอื่น ๆ ที่พิสดารมาก ๆ และสวยมาก ๆ ในงานเดียวกัน หนังเรื่องนี้ก็ยังคงโดดเด้งขึ้นมาได้

2.ชอบที่มันเป็นอะไรหลาย ๆ อย่างผสมผสานกัน ทั้งบทกวี, งานนาฏศิลป์, autobiography, หนังสารคดี และหนังทดลอง

3.ช่วงแรก ๆ ยังมีความน่าสนใจแค่ปานกลาง เพราะเป็นช่วงที่เป็นการผสมฉากสนามบินกับเสียงหมูหมากาไก่อะไรทำนองนี้มั้งเข้ามาไว้ด้วยกัน แต่หลังจากนั้นหนังก็ทวีความน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีบทกวีเข้ามา และพุ่งขึ้นถึงขีดสุดเมื่อมีฉากใต้น้ำที่งดงามมาก ๆ และหลังจากนั้นหนังก็เหมือนมีส่วนที่เป็น  autobiography และนาฏศิลป์เข้ามาด้วย

4. เหมือนช่วงสิบปีที่ผ่านมา มีหนังไทยเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารที่เราชอบสุด ๆ ออกมาหลายเรื่อง แต่หนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาไม่ซ้ำแนวเรื่องอื่น ๆ และเป็นหนังที่เราชอบสุดขีดเหมือนกัน

รู้สึกว่ามันเป็นกระแสที่ตรงข้ามกับทศวรรษ 1980 อย่างรุนแรงด้วยแหละ เพราะถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด ทศวรรษนั้นเหมือนมีหนังตลกเกี่ยวกับทหารเกณฑ์ออกมาหลายเรื่องมั้ง ซึ่งเราก็ไม่ได้ดูเลย แต่เราเข้าใจว่าหนังกลุ่มนั้นไม่น่าจะนำเสนอการเกณฑ์ทหารในทางลบมั้ง

หนังไทยเกี่ยวกับปัญหาการเกณฑ์ทหารที่เราชอบสุด ๆ นอกจาก AND THE PEOPLE แล้ว ก็มีหนังเรื่อง

4.1 SONG FROM YESTERDAY (2015, Thitipat Rotchanakorn, Tanadol Sutawong) ที่เป็นกึ่งสารคดี กึ่ง music video ทหารเกณฑ์ในหนังหล่อน่ารักที่สุด แต่การที่เขาถูกเกณฑ์ทหารทำให้เขาไม่ได้อยู่ดูแลภรรยาและลูกตัวน้อย ๆ

4.2 HOW TO WIN AT CHECKERS (EVERY TIME) (2015, Josh Kim)

4.3 อรไทไอศูรย์ PUSSY'S THRONE (2016, Sukrit Wongsrikaew) ที่ทำออกได้หลอกหลอน David Lynch มาก ๆ

4.4 ฝาก RIPE (2017, Pannaruj Peerachaikarn) ที่เป็นหนังไซไฟ

4.5 ONE YEAR (2018, Patthaporn Ratchatakittisuntorn)  หนึ่งในหนังไทยที่ทำให้เราร้องห่มร้องไห้หนักที่สุด

4.6 ก่อนเมษา (2019, Chaweng Chaiyawan) ที่พูดถึงกะเทย

4.7 กีกี้ไม่ได้ชื่อกีกี้ (2019, Tantalae Thipsang) ที่เป็นหนังแนวยอดมนุษย์ แต่เราเดาว่าหนังอาจจะพูดถึงการเกณฑ์ทหาร

4.8 AFTER A LONG WALK, HE STANDS STILL (2020, Kantapat Putthasuwan) ที่นำเสนอชีวิตในค่ายทหาร
---
WHITE LIGHT แสงขาว (2021, Manasak Khlongchainan, 10min, second viewing, A+30)

ชอบที่เทวดาไม่ต่างอะไรกับผีปอบ 555
---
เช้าแล้ว (2022, Theerapatr Prapassorn, 15min, A+30)

ไม่แน่ใจว่ามันคือหนังการเมืองหรือเปล่า หรือสิ่งต่าง ๆ ในหนังเป็นสัญลักษณ์ของอะไรหรือเปล่า แต่ชอบภาพในหนังมาก ๆ เพลงประกอบช่วงท้ายของหนังก็ฮามาก ๆ
--
สลาย (2021, Thaweechok Phasom, 8min, A+30)

รู้สึกว่าหนังสวยมาก ๆ แม้จะดูไม่ออกเลยว่ามันคือภาพอะไร จับได้แต่ว่าเหมือนมีผู้หญิงยืนบนชิงช้าในช่วงท้าย ๆ
--
MYSTERIOUS BEAST IN THE TWILIGHT GARDEN
สัตว์ลี้ลับสวนโพล้เพล้ (2022, Achitaphon Piansukprasert, 15min, A+30)

ไม่เข้าใจอะไรอีกต่อไป แต่ก็ชอบมาก ๆ 555
--
IN A PAST LIFE THEATER (2022, Nachanont Sudprasert, 12min, A+25)

งง ๆ นิดหน่อยว่าหนังต้องการบอกอะไรกับผู้ชม ก็เลยยังไม่ชอบหนังแบบสุด ๆ 55555   เราเดาว่าพระเอกคงเหมือนคนที่หมกมุ่นกับความรักที่ไม่สมหวังในอดีตมากเกินไป เขาก็เลยเหมือนคนที่ดูแต่เรื่องรักในอดีตซ้ำไปซ้ำมา หาทางออกไม่ได้ จนเครางอก แต่ไม่แน่ใจว่าหนังต้องการพูดอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า
---

INVIDIA (2022, Ratanon Toomuangpak, 30min, A+)

ชอบที่หนังเล่าเรื่องของพี่ชายที่อิจฉาน้องชายของตัวเอง และพยายามเลียนแบบน้องชาย แต่กลายเป็นการฝืนตัวเองมากเกินไป รู้สึกว่าเป็นพล็อตที่น่าสนใจ แต่เหมือนหนังยังออกมาไม่ค่อยทรงพลังสักเท่าไหร่
---
LURING LONELY LOVES นี้หรือคือรัก? (2022, Supatus Poonsub, 19min, A-)
---
MOTH TO A FLAME (2022, Surasee Tammasawut, 15min, A+)

เหมือนเป็นหนังตลกแก๊กเดียว 555
--
ANYTHING THAT NOT SPICY (2022, Napatipol Plangsri, 21min, A+)

รู้สึกว่าพล็อตของมันเป็นหนังสูตรสำเร็จที่  cliche มาก ๆ แต่หนังก็ดูน่ารักดี เราชอบพระเอกด้วยแหละ 55555 ก็เลยพอดูไปได้เรื่อย ๆ

ชอบที่นางเอกถามพระเอกว่า ไปรักกับเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วพระเอกตอบว่า "ผีผลักมั้ง"
---
HOLY BASIL.(2022, Jirun Tantiwipanuwong, A+30)

Spoilers alert
--
--
--
--
--
ช่วงแรก ๆ ของหนังเรานึกว่าแย่แล้ว หนังมันต้อง cliche มากแน่ ๆ เพราะหนังเล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ถูกแฟนสาวทิ้งไป เขาซึมเศร้าเหงาหงอย แต่ก็มีเพื่อนสนิทที่เป็นหญิงสาวน่ารักมาคอยปลอบโยนอยู่เป็นเพื่อนเขา

คือพอหนังตั้งต้นมาอย่างนี้ ผู้ชมหลายคนก็อาจจะเดาไปในทางเดียวกันว่า เดี๋ยวพระเอกกับเพื่อนสนิทก็น่าจะรักกัน และ happy ending แต่โชคดีที่หนังไม่ได้ไปในทางนั้น เพราะถึงแม้สาวเพื่อนสนิทจะรักพระเอก และมาคอยนอนเคียงข้างพระเอก แต่พระเอกก็ไม่อาจฝืนใจรักเธอได้

เราก็เลยชอบหนังอย่างสุด ๆ รู้สึกว่ามันจริงใจกับตัวละครของมันมาก ๆ เหมือนมันยอมรับความเป็นมนุษย์บางอย่างของตัวละคร แทนที่จะฝืนตัวละครให้คิด รู้สึก และกระทำไปตามสูตรสำเร็จของหนัง romantic

รู้สึกเหมือนหนังมันมีความละเอียดอ่อนทางอารมณ์บางอย่างด้วย เราก็เลยชอบหนังเรื่องนี้มากที่สุดในบรรดาหนัง 5 เรื่องที่ได้ดูในงานบางมดปีนี้

แต่แอบรำคาญอุปมาอุปไมยเรื่องอาหารในหนังนิดหน่อย 55555

----
RUNWAY 34 (2022, Ajay Devgn, India, A+30)

Spoilers alert

--
--
--
--
--
1.หนังสร้างจากเรื่องจริง ชอบสุดขีด ช่วงครึ่งแรกลุ้นระทึกฉี่แทบราด เกี่ยวกับเครื่องบินลำหนึ่งที่จะลงจอดในอินเดีย แต่เจอพายุหนัก, การสื่อสารผิดพลาด, น้ำมันกำลังจะหมด ผู้โดยสารจะตายห่ากันหมดทั้งลำหรือไม่

2.ช่วงครึ่งหลังเป็นหนังขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งก็ทำออกมาได้ดี ชอบที่มันเป็นการขัดแย้งกันระหว่าง "ความเคร่งครัดทางกฎระเบียบ" กับ "ความแตกต่างกันระหว่างมนุษย์แต่ละคน" ซึ่งมันเข้ากับความเชื่อของเราที่ว่า กฎระเบียบที่เคร่งครัดเกินไป มันมักจะไปทำลายเจตนารมณ์ของการออกกฎระเบียบนั้นเอง และมันสวนทางกับความเป็นมนุษย์ที่แตกต่างกันไป กฎบางกฎมันใช้กับมนุษย์ทุกคนหรือใช้กับทุกกรณีเหมือนกันไม่ได้

3.รู้สึกว่าตัวละครหญิงทุกตัวในหนังดูสง่างามมาก ๆ ทั้งคนขับเครื่องบินหญิง, ทนายความ, เมียพระเอก, ผู้พิพากษา และเจ้าของสายการบิน

4.แน่นอนว่าดูแล้วนึกถึง SULLY(2016, Clint Eastwood) แต่เราชอบ RUNWAY 34 มากกว่า เราว่า  RUNWAY 34 สนุกกว่า
---
SOMEWHERE SOMEONE SOMETIME (2021, Dhira Dhiraprachya, video installatiom, 11min, A+30)

ชอบสุดขีด ไม่รู้ว่าถ่ายทำยังไง กล้องมันถึงเหวี่ยงไปมาตลอดเวลาแบบนั้น แต่เราเดาว่ามันคือการเอากล้องใส่กระเป๋าสะพายข้างขณะเดินเข้ามหาลัยหรือเปล่า แล้วกระเป๋ามันก็จะกระเด้งกระดอนไปมาตามจังหวะการกระทบกับสะโพก เพราะฉะนั้นภาพที่เราเห็นเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาในหนังเรื่องนี้ จึงเกิดจากแรงกระแทกระหว่างสะโพกกับกระเป๋าขณะเดินเข้าและเดินออกจากมหาลัย แต่อันนี้คือเราเดาเอาเองหมดเลยนะ

---
KISS FROM A ROSE (2017, Nikolai Meierjohann, Germany, video installation, 10min, A+25) วิดีโอที่ให้ผู้ชายมาจูบวัตถุต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ
---
FIRST SCENERY (2019, Miriam Bajtala, Austria, video installation, 19mim, A+30)
--
SOUVENIR (2016, Miriam Gossing & Lina, video installation, 21min, A+30)

DOOR OF PERCEPTION (2019, Caroline Schwarz, Germany, video installation, A+25)

EXPERIENCE BEFORE TO NOTHINGNESS (2015, Saran Cheurkrung, animation, A+25)

No comments: