Sunday, June 05, 2005

TSATSIKI FRIENDS FOREVER (A+)

วันนี้ได้ดูเรื่อง

1.TSATSIKI FRIENDS FOREVER (2002, EDDIE THOMAS PETERSEN, SWEDEN, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0293667/

รู้สึกถูกโฉลกกับหนังเด็กเรื่องนี้มาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว (Tsatsiki, Mum, and the Policeman) ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรตัวเองถึงถูกโฉลกกับหนังเด็กชุดนี้มากเป็นพิเศษ ทั้งๆที่หนังชุด TSATSIKI นี้ดูเหมือนไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งแปลกใหม่แต่อย่างใดทั้งสิ้น

เดาว่าปัจจัยบางส่วนที่ทำให้ตัวเองชอบหนังชุด TSATSIKI มาก เป็นเพราะว่า

1.1หนังทั้งสองภาคมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กชายตัวน้อยๆกับหนุ่มหล่อที่เป็นพ่อเลี้ยงของเขา ซึ่งถ้าหากเป็นในหนังเรื่องอื่นๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงมักจะออกมาในทางลบเป็นส่วนใหญ่ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อกับลูกเลี้ยงในหนังชุดนี้ออกมาในทางบวกอย่างรุนแรงมาก

1.2 แม่ของ TSATSIKI ใช้ชีวิตพัวพันอยู่กับหนุ่มหล่อสองคน ซึ่งได้แก่ตำรวจหนุ่มหล่อกับนักดนตรีหนุ่มหล่อ ซึ่งจริงๆแล้วหนังสามารถแต่งเรื่องให้หนุ่มหล่อสองคนหึงหวงแม่พระเอกได้อย่างสบายมากๆ แต่ปรากฏว่าหนุ่มหล่อสองคนนี้กลับแทบไม่หึงแม่พระเอกเลย และดูเหมือนหนุ่มหล่อสองคนนี้จะให้อภัยและเห็นใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ก็เลยทำให้ประทับใจกับจุดนี้อย่างมากเช่นกัน


2.MICHAEL COLLINS (1996, NEIL JORDAN, IRELAND, A+)

หนังสนุกตื่นเต้นเร้าใจมาก ฉากที่สะเทือนใจมากคือฉากทหารสังหารหมู่ประชาชนตายทั้งสนามกีฬา

อลัน ริคแมนเล่นได้น่าตบมากๆในหนังเรื่องนี้ ในขณะที่ชาร์ลส์ แดนซ์ก็แผ่รัศมีความน่ากลัวออกมาจากตัวได้ดีเหมือนกัน ดูไปดูมาแล้วรู้สึกว่าน่าจะมีหนังที่จับเอาชาร์ลส์ แดนซ์ กับเจมส์ วูดส์มาเล่นบทปะทะกันบ้าง


3.SCIENCE FICTION (2002, DANY DEPREZ, BELGIUM, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0314624/

หนังเรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับเด็กที่ชอบมากๆอีกเรื่องนึง หนังถ่ายทอดโลกที่มองผ่านมุมมองของเด็กได้น่าประทับใจมาก


4.THE DISCOVERY OF HEAVEN (2001, JEROEN KRABBE, NETHERLANDS, B+)

ชอบการแบ่งเนื้อเรื่องออกเป็น 4 ส่วนในหนังเรื่องนี้มาก แต่ส่วนที่ 4 ซึ่งควรจะเป็นส่วน CLIMAX กลับไม่ค่อยสนุกตื่นเต้นเร้าใจเท่าไหร่ ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้มีสัญลักษณ์หรือต้องการจะสอนอะไรคนดูเป็นพิเศษหรือเปล่า แต่ช่วงแรกๆของหนังรู้สึกว่าหนังดูลุ้นน่าติดตามดี และก็นึกว่าหนังจะมีอะไรระทึกใจในช่วงท้าย แต่
ปรากฎว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ก็เลยทำให้รู้สึกเบื่อๆช่วงท้ายเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี หนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศาสนาที่ดิฉันไม่มีความรู้ คิดว่าผู้ชมที่มีความรู้เกี่ยวข้องกับศาสนาในหนังอาจจะเข้าใจ, รู้สึกอิน หรือรับสารจากหนังได้ดีกว่าดิฉันเป็นอย่างมาก


5.DREAM CAR (2000, BARNA KABAY, HUNGARY, C+)
http://www.imdb.com/title/tt0265317/



MOST DESIRABLE ACTOR

1.ANDRAS STOHL (เกิดปี 1967)—DREAM CAR
http://www.imdb.com/name/nm0831127/
http://www.filmkultura.iif.hu:8080/2000/articles/films/images/rosszfi/rosszfi3.jpg

2.JOAKIM NATTERQUIST (เกิดปี 1974)—TSATSIKI FRIENDS FOREVER
http://www.imdb.com/name/nm0639010/

3.KOEN DE BOUW (เกิดปี 1964)—SCIENCE FICTION
http://www.imdb.com/name/nm0100460/
http://ms.skynet.be/alzheimer/cast/images/koen.jpg

4.ERIC ERICSON (เกิดปี 1974)—TSATSIKI FRIENDS FOREVER
http://www.imdb.com/name/nm0259144/


FAVORITE ACTOR

1.DAVID GECLOWICZ—SCIENCE FICTION
2.SAMUEL HAUS—TSATSIKI FRIENDS FOREVER
http://webbhotell.c3l.com/teamsmart/artist/samuel.jpg


FAVORITE ACTRESS

FRAN MICHIELS—SCIENCE FICTION


FAVORITE SUPPORTING ACTRESS

WENDY VAN DIJK—SCIENCE FICTION
MARION HANSEL—SCIENCE FICTION


FAVORITE SOUNDTRACK
1.LIFE ON MARS ในเครดิตท้ายหนังเรื่อง SCIENCE FICTION

2.BREAKFAST IN VEGAS ของ PRAGA KHAN ในหนังเรื่อง I ALWAYS WANTED TO BE A SAINT ในฉากนางเอกเต้นรำในเธค

เพลง BREAKFAST IN VEGAS นี้บรรจุอยู่ในอัลบัมชุด TWENTY FIRST CENTURY SKIN (1999) ของ PRAGA KHAN ซึ่งเป็นอัลบัมที่สังกัดเรดบีท (ที่ดิฉันรัก) นำมาผลิตขายในไทย


กระทู้ประทับใจเกี่ยวกับ HOUSE OR WAX (A+)
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3517530/A3517530.html


ตอบน้อง merveillesxx

--ชอบที่น้อง merveillesxx เขียนว่า “วัยรุ่นเป็นวัยที่มีสถิติการสติแตกบ่อยที่สุด” อ่านประโยคนี้แล้วทำให้นึกถึงนักวิจารณ์บางคนที่เขียนวิจารณ์ละครทีวีชุด BUFFY THE VAMPIRE SLAYER ถ้าจำไม่ผิด นักวิจารณ์เขาตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงที่คนเราเป็นวัยรุ่นนั้น เราจะรู้สึกเหมือนกับว่า “โลกกำลังจะแตกทุกสัปดาห์” หรือ “ชีวิตของฉันกำลังจะพังพินาศได้ในทุกๆสัปดาห์” (ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิดจากการมีสิวเม็ดโตผุดขึ้นที่หน้า หรือไม่มีเงินซื้อชุดสวยๆใส่) และละครชุด BUFFY นั้นก็ดูเหมือนจะทำให้ “ความหวาดกลัว” ของวัยรุ่นกลายเป็น “รูปธรรม” ขึ้นมาจริงๆ เพราะชีวิตวัยรุ่นในละครเรื่องนี้เผชิญกับเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าโลกกำลังจะพังทลาย (เพราะปีศาจจะยึดครองโลก) ในทุกๆสัปดาห์

เคยดูละครชุด BUFFY ไม่กี่ตอน แต่ดูแล้วก็ฮาตรงจุดนึง คือจุดที่ว่าในแต่ละตอนนั้นนักเรียนในโรงเรียนไฮสกูลของ BUFFY จะถูกฆ่าตายไปตอนละประมาณ 1-5 คน ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริง โรงเรียนไฮสกูลแห่งนั้นคงจะน่ากลัวมากๆที่มีนักเรียนในโรงเรียนทยอยถูกฆ่าตายไปเรื่อยๆในทุกๆสัปดาห์


*****ข้างล่างนี้มี SPOILERS ของ I ALWAYS WANTED TO BE A SAINT (A+)

--ชอบเรื่องของนักแข่งรถชื่อดังเหมือนกัน ถ้าเข้าใจไม่ผิด นักแข่งรถคนนี้ชอบพูดว่า “เราต้องตั้งมาตรฐานของตัวเองให้สูงอยู่เสมอ” และพูดว่า “ผมต้องเป็นที่หนึ่งเท่านั้น” และเขาก็น่าจะตายเพราะการตั้งมาตรฐานสูงของตัวเองเช่นกัน

นางเอกก็ดูเหมือนจะเจ็บปวดทุกข์ทรมานกับชีวิตเพราะการตั้งมาตรฐานสูงของตัวเองเช่นกัน เธอพยายามจะทำความดีให้ถึงที่สุด พยายามจะทำชีวิตของตัวเองให้ดีสมบูรณ์แบบ และพยายามจะทำชีวิตของคนอื่นๆให้ดีสมบูรณ์แบบตามไปด้วย และเธอก็ต้องเจ็บปวดเพราะมาตรฐานที่เธอตั้งขึ้นมาเอง

--ดิฉันชอบตัวละครหญิงที่ทำพฤติกรรมเลวๆอย่างนางเอกหนังเรื่องนี้มากค่ะ แต่ก็ไม่อยากเจอคนอย่างนี้ในชีวิตจริงเหมือนกัน เพียงแต่ว่ามีความสุขมากๆที่ได้ดูตัวละครนิสัยอย่างนี้ในจอภาพยนตร์ ก็เลยทำให้ชอบหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงมาก

พัฒนาการของตัวละครนางเอกในเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงตัวละครที่เส้าเหม่ยฉีแสดงในละครโทรทัศน์ฮ่องกงเรื่อง CONSCIENCE (A++++++) เหมือนกันค่ะ เพราะตัวละครหญิงสองคนนี้มีจุดคล้ายกันที่ว่า

1.ในช่วงเริ่มเรื่อง เธอเป็นตัวละครที่เชื่อว่า “ทำดีแล้วจะได้ดี”

2.แต่หลังจากนั้น เธอก็พบว่าในชีวิตจริง เมื่อใดก็ตามที่เธอทำดี เธอกลับได้ความชั่วร้ายและความซวยมากมายเข้ามาในชีวิต (จริงๆแล้วดิฉันคิดว่าเป็นเพราะพวกเธอทำดีอย่างโง่ๆ หรือทำดีอย่างขาด “ปัญญา” มากกว่า)

3.หลังจากนั้น ตัวละครหญิงสองคนนี้ก็เลิกเชื่อว่า “ทำดีได้ดี” และหันมาเป็นฝ่ายทำชั่วเสียเอง และทั้งสองคนนี้ก็ทำลายชีวิตของคนรอบข้าง ทั้งคนในครอบครัวเดียวกันกับเธอและเพื่อนๆของเธอ และก็ทำชั่วไปอย่างนั้นเรื่อยๆจนจบเรื่อง

อีกจุดที่รู้สึกชอบและรู้สึกฮาใน I ALWAYS WANTED TO BE A SAINT ก็คือว่ามันทำให้นึกถึงหนังจีนกำลังภายใน (โดยที่ตัวผู้กำกับคงไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด) เพราะในหนังจีนกำลังภายในนั้น ในช่วงกลางเรื่องค่อนไปทางท้ายเรื่อง มักจะมีฉากที่พระเอก “ฝึกวิชา” เพื่อเอาไปใช้ต่อสู้กับมารร้าย โดยการฝึกวิชาหรือวิทยายุทธนั้นอาจรวมถึงการทำงานบ้าน อย่างเช่นการถูพื้น, ทาสีกำแพง, หาบถังน้ำหนักๆ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นการช่วยฝึกวิทยายุทธไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

ส่วนใน I ALWAYS WANTED TO BE A SAINT นั้น ในช่วงกลางเรื่อง นางเอกเริ่มได้รับบทเรียนแล้วว่า “ทำดีได้ชั่ว” และในขณะที่เธอกำลังจะเปลี่ยนมาเป็นคนชั่วมากขึ้นเรื่อยๆนั้น (หรือในช่วง TRANSITION หรือ TRANSFORMATION PERIOD) หนังก็ใส่ฉาก 3 ฉากนี้เข้ามา

1.นางเอกทำความสะอาดห้องอย่างบ้าคลั่ง
2.นางเอกฝึกไต่เขาโดยไม่กลัวภยันตรายใดๆ
3.นางเอกอาบน้ำ และปรับอุณหภูมิของน้ำในระหว่างการอาบ แต่ดิฉันดูไม่ทันว่าเธอปรับอุณหภูมิจากร้อนไปเย็นหรือปรับอะไรยังไง แต่สังเกตเห็นแค่ว่าเธอปรับอุณหภูมิ และก็เดาเอาว่าเธอคงปรับไปเป็นอาบน้ำที่เย็นจัด เพราะพอเธอปรับอุณหภูมิ เธอก็ทำท่าเหมือนเธอต้องใช้ความอดทนอย่างรุนแรงต่ออุณหภูมิน้ำที่อาบในขณะนั้น แต่เธอก็ทนไปเรื่อยๆ แววตาของเธอกล้าแข็งขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับเธอกำลังพูดในใจว่า “ฉันต้องทนให้ได้” และตัวเธอที่เหมือนกับสั่นๆเล็กน้อยในช่วงแรกก็หายสั่น เธอทนอุณหภูมิน้ำได้สำเร็จตามความตั้งใจของเธอ

ฉากนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกฮาค่ะ เพราะฉากนี้ทำให้นึกถึงหนังจีนกำลังภายในหลายๆเรื่องที่ชอบมีฉาก “จอมยุทธฝึกวิชากลางน้ำตกซ่านกระเซ็น” หรือ “จอมยุทธนั่งขัดสมาธิกลางน้ำตก” อะไรทำนองนั้น

แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือใน I ALWAYS WANTED TO BE A SAINT นั้น พอนางเอกฝึกวิทยายุทธด้วยการทำความสะอาดห้อง, ปีนเขา และทนอุณหภูมิน้ำแล้ว เธอกลับไม่ได้ใช้ความกล้าแข็งทางจิตใจของเธอออกไปต่อสู้กับมารร้ายหรือช่วยเหลือประชาราษฎร์แต่อย่างใด แต่เธอกลับออกไป “ทำร้ายทุกๆคนที่อยู่รอบตัวเธอ” หลังจากนั้น

No comments: