เสียดายมากเลยค่ะที่สัปดาห์นี้ต้องทำงานวันเสาร์อาทิตย์ ก็เลยทำให้ไม่มีเวลาเขียนถึงหนังที่ได้ดูและทำให้ไม่มีเวลาดูหนังสักเท่าไหร่ จริงๆแล้วรู้สึกว่าตัวเองยังอยากเขียนอะไรถึงหลายๆอย่างเกี่ยวกับเทศกาลหนังยุโรป แต่คงต้องรอให้มีเวลาว่างจริงๆเสียก่อนแล้วอาจได้กลับมาเขียนถึงเทศกาลหนังยุโรปต่อ
หนังที่ได้ดูในช่วงนี้
1.ARSENE LUPIN (2004, JEAN-PAUL SALOME) A+
รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันห่วยๆเละๆ และมีอะไรไม่เข้าท่าอยู่เยอะมาก แต่ชอบตัวละครตัวนึงในหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆ หลงใหลในตัวละครตัวนี้มาก และเอาใจช่วยตัวละครตัวนี้อย่างรุนแรง
การที่ตัวเองชอบหนังเรื่องนี้ในระดับ A+ เป็นเพราะว่าตัวละครที่ตัวเองอยากให้รอดชีวิต ก็รอดชีวิตจริงๆ และตัวละครที่ตัวเองอยากให้ตาย ก็ตายจริงๆ ก็เลยรู้สึกมีความสุขสุดขีดที่หนังเรื่องนี้ปฏิบัติต่อตัวละครที่ดิฉันหลงรักในแบบที่ดิฉันต้องการ
แต่ถ้าหากตอนจบของหนังเรื่องนี้ออกมาในทางตรงกันข้าม ด้วยการทำให้ตัวละครที่ดิฉันชอบเป็นฝ่ายที่ต้องตาย และทำให้ตัวละครที่ดิฉันอยากให้ตายกลายเป็นฝ่ายที่รอดชีวิต ดิฉันอาจจะรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรงและอาจจะชอบหนังเรื่องนี้แค่ในระดับ C+
ถึงแม้ดิฉันจะรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันห่วยยังไงก็ตาม ดิฉันก็มีความสุขกับหนังเรื่องนี้มากๆค่ะ
อย่างไรก็ดี มีหนังอีกเรื่องนึงที่ตัวละครไม่ได้ลงเอยในแบบที่ดิฉันต้องการ แต่ดิฉันก็ชอบในระดับ A+ เหมือนกันค่ะ นั่นก็คือเรื่อง HOUSE OF WAX (2005, JAUME COLLET-SERRA) เพราะในหนังเรื่องนี้ ตัวละครที่ดิฉันอยากให้รอดชีวิต ดันตาย แต่ตัวละครที่ดิฉันอยากให้ตาย กลับเป็นฝ่ายรอดชีวิต แต่ดิฉันก็มีความสุขมากๆกับส่วนอื่นๆใน HOUSE OF WAX ก็เลยยังคงชอบหนังเรื่องนี้ในระดับ A+ อยู่ (แต่อาจไม่ติด 10 อันดับแรกในใจดิฉันประจำเดือนพ.ค.)
2.THE LIGHT (2004, PHILIPPE LIORET) A
สำหรับคำถามเรื่องมือของพระเอกนั้น ดิฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่เดาเอาว่าเป็นอย่างนี้
(ขอย้ำว่านี่เป็นเพียงการ “เดา” เท่านั้น ถ้าหากเดาผิดก็ขออภัยเป็นอย่างยิ่งด้วย)
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้นแอลจีเรียยังคงเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส แต่ชาวแอลจีเรียบางคนต้องการเอกราช ก็เลยเริ่มมีการก่อสงครามกับฝรั่งเศส และก็มีกลุ่มต่างๆหลายกลุ่มในช่วงนั้น ทั้งกลุ่มก่อการร้ายเพื่อต้องการให้แอลจีเรียเป็นเอกราช (อย่างเช่นกลุ่ม F.LN.), กลุ่มก่อการร้ายเพื่อต้องการให้แอลจีเรียยังคงเป็นอาณานิคม (อย่างเช่นกลุ่ม O.A.S.) และในประเทศฝรั่งเศสเองนั้น ก็มีทั้งประชาชนที่สนับสนุนและต่อต้านการประกาศเอกราชของแอลจีเรีย
ถ้าเข้าใจไม่ผิด พระเอกของ THE LIGHT ถูกเกณฑ์เป็นทหารไปรบที่แอลจีเรีย และกองทหารของเขาก็คอยตามล่าผู้ก่อการร้ายที่ชอบวางระเบิด แต่นักวางระเบิดเหล่านี้หลบหนีเก่งมาก กองทหารของเขาก็เลยใช้วิธีจับชาวบ้านแก่ๆ ชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาทรมานเพื่อบีบบังคับให้ชาวบ้านเหล่านี้บอกที่ซ่อนของนักวางระเบิดหรือบอกชื่อของนักวางระเบิด
ในการจับชาวบ้านมาทรมานนั้น พระเอกใช้วิธีเอามือของชาวบ้านเหล่านี้สอดเข้าไปในเครื่องโม่หรือเครื่องบดอะไรสักอย่าง เพื่อให้เครื่องมือนั้นบดมือหรืออวัยวะของชาวบ้านซึ่งเป็นชาวอาหรับ พระเอกทำงานทรมานชาวบ้านด้วยวิธีการเหล่านี้เป็นประจำจนส่งผลให้เขาได้รับสมญานามว่า THE ARAB GRINDER
แต่อยู่มาวันหนึ่งพระเอกก็ทนทำงานทรมานชาวบ้านแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป พวกเพื่อนๆทหารของเขาก็เลยไม่พอใจ ก็เลยจับเอามือของพระเอกไปเข้าเครื่องโม่หรือเครื่องบดซะเอง มือของพระเอกก็เลยพิการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ F.L.N. และสงครามแอลจีเรียได้ที่
http://www.onwar.com/aced/data/alpha/falgeria1954.htm
ดิฉันเพิ่งรู้จักชื่อของ F.L.N. ก็จากหนังเรื่อง LE PETIT SOLDAT (1960, JEAN-LUC GODARD, A+) ค่ะ อ่านสิ่งที่ดิฉันเคยเขียนถึง LE PETIT SOLDAT ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=9802
หนังที่อาจเหมาะนำมาดูควบกับ THE LIGHT ก็รวมถึง
2.1 MURIEL OR THE TIME OF RETURN (1963, ALAIN RESNAIS, A++++++)
หนังเรื่องนี้มีตัวละครตัวหนึ่งที่เคยไปรบในสงครามแอลจีเรีย และถ้าเข้าใจไม่ผิด ตัวละครตัวนั้นเคยทรมานคนอย่างทารุณในช่วงสงคราม และเขาก็ถูกหลอกหลอนจากความทรงจำนั้นอย่างรุนแรงไปจนตลอดชีวิต
http://www.filmref.com/directors/dirpages/resnais.html
2.2 MY STEP-BROTHER FRANKENSTEIN (2004, VALERI TODOROVSKY, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0416040/
พระเอกหนังเรื่องนี้เป็นทหารผ่านศึกเหมือนกับพระเอก THE LIGHT และทั้งสองคนนี้ต่างก็มีส่วนร่วมในการทำร้ายทารุณกรรมประชาชนผู้บริสุทธิ์เหมือนๆกัน และเมื่อทั้งสองกลับจากสงคราม ทั้งสองก็ไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากสังคมเหมือนๆกัน ทั้งสองกลายเป็นคนพิการทางร่างกายจากสงคราม (พระเอก THE LIGHT พิการที่มือ ส่วนพระเอก MY STEP-BROTHER FRANKENSTEIN เสียตาไปข้างหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิด) ผู้คนในสังคมไม่อยากรับรู้ความจริงที่พวกเขาประสบพบเห็นมาในสงคราม แต่ในกรณีของ MY STEP-BROTHER FRANKENSTEIN นั้นค่อนข้างจะหนักข้อกว่าใน THE LIGHT เพราะพระเอกหนังรัสเซียเรื่องนี้มีบาดแผลทางจิตใจอย่างร้ายแรงจากสงครามด้วย และหน้าตาของเขาก็ทำให้ไม่มีสาวๆคนไหนอยากเข้าใกล้เขาอีกต่อไป
ดูโปสเตอร์ของ MY STEP-BROTHER FRANKENSTEIN ได้ที่นี่
http://www.kinoafisha.ru/pictures/1/2090/poster.jpg
2.3 WILD REEDS (ANDRE TECHINE, A+/A) ที่พูดถึงผลกระทบของสงครามแอลจีเรียเหมือนกัน
2.4 THE BATTLE OF ALGIERS (1965, GILLO PONTECORVO)
http://imagesjournal.com/2004/reviews/battlealgiers/
3.BUNSHINSABA (2004, AHN BYEONG-KI) A
http://www.imdb.com/title/tt0415689/
นี่ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่รู้สึกว่ามันห่วยๆซ้ำซาก แต่ดูแล้วรู้สึกมีความสุขมากๆโดยเฉพาะช่วง 30 นาทีแรกของหนังเรื่องนี้ น่าเสียดายที่ช่วงท้ายๆเรื่องไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร
4.HAPPILY EVER AFTER (2004, YVAN ATTAL) A-
5.I’VE BEEN WAITING SO LONG (2004, THIRRY KLIFA) A-
6.ELECTRIC SHADOWS (2004, JIANG XIAO) A-
http://www.imdb.com/title/tt0424273/
7.MR. & MRS. SMITH (2005, DOUG LIMAN) B+
ความเห็นเพิ่มเติม
--พูดถึงเรื่องชาวฝรั่งเศสขวาจัดและแอลจีเรีย ก็เลยนึกถึงเรื่องขององค์การ O.A.S. ใน LE PETIT SOLDAT ค่ะ O.A.S. คือ Organization de l’Armee Secrete (Secret Army Organization) ซึ่งเป็นองค์การของกลุ่มหัวรุนแรงขวาจัดที่ก่อการร้ายในยุโรปและแอลจีเรีย กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ขัดขวางแผนของประธานาธิบดีชาร์ลส์ เดอ โกลของฝรั่งเศสที่จะให้เอกราชแก่แอลจีเรีย และเคยวางแผนลอบสังหารเดอ โกลในปี 1961 ด้วย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ O.A.S. ได้ที่http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/february/27/newsid_2515000/2515735.stm
--พูดถึง Camus ก็เลยนึกถึงหนังฮังการีเรื่อง PLEASANT DAYS (2002, KORNEL MUNDRUCZO, A+) เพราะหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจบางส่วนมาจากบทประพันธ์เรื่อง THE STRANGER ของ ALBERT CAMUS ค่ะ
อ่านบทสัมภาษณ์ KORNEL MUNDRUCZO เกี่ยวกับ PLEASANT DAYS และแรงบันดาลใจจาก ALBERT CAMUS ได้ที่
http://www.filmunio.hu/object.2faab980-2a48-48d5-a954-3f3d4e971f80.ivy
--รู้สึกว่า ISABELLE ADJANI จะมีพ่อเป็นชาวแอลจีเรีย-ตุรกี และมีแม่เป็นชาวเยอรมัน
http://www.nationmaster.com/encyclopedia/Isabelle-Adjani
--เห็นแมวใน THE LIGHT แล้วรู้สึกขำ เพราะรู้สึกว่ามันจะ “บ้าผู้ชายหล่อๆ” เป็นอย่างมาก เห็นผู้ชายหล่อๆเป็นไม่ได้ ต้องรีบเสนอหน้ามาคลอเคลียอี๋อ๋อด้วยในทันที เห็นแมวตัวนี้แล้วก็เลยนึกถึงแมวที่ชื่อ “ลินดา แบลร์” ใน ALWAYS (1989, STEVEN SPIELBERG, A+) เพราะแมวตัวนี้ พอเห็นผู้ชายหล่อๆ (แบรด จอห์นสัน) ปุ๊บ ก็รีบเข้ามาพันแข้งพันขาคลอเคลียด้วยในทันทีเหมือนกัน (ข้อความนี้เขียนเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไรค่ะ)
Sunday, June 12, 2005
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment