Saturday, August 13, 2005

UMMA (HOHYUN JOUNG, A+)

ตอบน้อง merveillesxx

--พูดถึงเนื้อเทปที่พันกันอีรุงตุงนัง ก็เลยนึกถึงหนังเรื่อง AFTERNOON TIME ขึ้นมาเลยค่ะ เพราะในหนังเรื่องนี้มีฉากที่นางเอกฟังเทปม้วนเดียวกันซ้ำไปซ้ำมาจนในที่สุดเทปมันก็เจ๊งไปเลย นางเอกพยายามจะสางเนื้อเทปที่ย้วยพันกันยุ่งเหยิงออกจากกัน แต่ก็ทำไม่สำเร็จ

--ตอนแรกที่ดู THE UPSIDE OF ANGER ก็รู้สึกพึงพอใจกับหนังเรื่องนี้มากพอสมควร แต่หลังจากดูหนังเรื่องนี้เสร็จ ก็ไปดู AFTERNOON TIME ต่อ ปรากฏว่าความประทับใจที่มีต่อ AFTERNOON TIME รุนแรงมากจนส่งผลให้ความประทับใจที่มีต่อ THE UPSIDE OF ANGER หายไปจากหัวหมดเลย ก็เลยกลายเป็นความซวยของ THE UPSIDE OF ANGER ไป

--อย่างไรก็ดี ไม่ค่อยประทับใจกับตอนจบของ THE UPSIDE OF ANGER และ AFTERNOON TIME เท่าใดนัก รู้สึกประทับใจกับส่วนอื่นๆของเรื่องมากกว่า แต่ไม่ใช่ว่าตอนจบของหนังสองเรื่องนี้ไม่ดี แต่เป็นเพราะว่าหนังสองเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของดิฉัน peak ในตอนจบ แต่ไป peak ในช่วงก่อนๆหน้านั้น

--หนังที่ทำให้อารมณ์ของดิฉัน peak อย่างรุนแรงในฉากจบก็คือ WAITING FOR THE CLOUDS ที่เป็นการนำภาพผู้หญิงอุ้มเด็กในช่วงต้นเรื่องมา REPLAY ซ้ำอีกครั้ง แต่อารมณ์ที่ได้รับจากการดูภาพเดียวกันกลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เพราะในช่วงต้นเรื่องนี้ ดิฉันไม่รู้สึกอะไรกับการดูภาพผู้หญิงอุ้มเด็ก มันก็เป็นเพียงภาพผู้หญิงอุ้มเด็กคนนึงเท่านั้นเอง แต่ในตอนจบของหนังเรื่องนี้ เมื่อดิฉันได้เห็นภาพผู้หญิงอุ้มเด็กภาพเดิมซ้ำอีกครั้ง ดิฉันกลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงมากๆๆๆๆ เพราะหนังเรื่องนี้ได้ทำให้ผู้ชมเข้าใจแล้วว่า ความทรงจำของตัวละครที่มีต่อ “ช่วงเวลาที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังอุ้มเด็ก” มันเป็นความทรงจำที่น่าเจ็บปวดรวดร้าวใจมากเพียงใด มันเป็นความทรงจำถึงช่วงเวลาในอดีตก่อนที่ทุกคนจะพลัดพรากจากกันเกือบตลอดไป

--ยังไม่ได้ดู DUST IN THE WIND ที่คุณเจ้าชายน้อยเขียนถึง แต่คิดว่าตัวละครนางเอกใน WAITING FOR THE CLOUDS ก็อาจจะเรียกได้ว่ามีสภาพคล้ายกับธุลีดินในสายลมเช่นกัน ชีวิตของเธอถูกสายลมแห่งชะตากรรมพัดปลิวไปโดยที่ไม่อาจต้านทานอะไรได้

--หนังบางเรื่องทำให้ร้องไห้ทุกครั้งเมื่อนึกถึง แต่ WAITING FOR THE CLOUDS ส่งผลกระทบที่ประหลาดต่อดิฉัน เพราะทุกครั้งที่ดิฉันนึกถึงหนังเรื่องนี้ ดิฉันรู้สึกอยากร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร

--ดู WAITING FOR THE CLOUDS แล้วนึกถึง THE JOY LUCK CLUB (A+) เพราะหนังสองเรื่องนี้มีตัวละครที่พลัดพรากจากครอบครัวในช่วงสงครามเหมือนกัน


เห็นคุณ kit พูดถึง PAULINE KAEL ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้มีหนังสือเล่มนึงที่ดิฉันอยากอ่านมากๆค่ะ นั่นก็คือ SONTAG & KAEL: OPPOSITES ATTRACT ME ที่เขียนโดย CRAIG SELIGMAN ซึ่งเป็นเกย์

ในหนังสือเล่มนี้ เซลิกแมนได้เขียนวิจารณ์ PAULINE KAEL กับ SUSAN SONTAG ซึ่งเป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์หญิงชื่อดังสองคนของสหรัฐที่อยู่ในยุคเดียวกันค่ะ แถมทั้ง KAEL และ SONTAG ก็เพิ่งเสียชีวิตไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเหมือนกันด้วย

ดิฉันชอบ SUSAN SONTAG มากๆๆๆค่ะ ก็เลยอยากอ่านหนังสือเล่มนี้ สิ่งหนึ่งที่ชอบมากใน SONTAG ก็คือการที่เธอถูกทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวารุมโจมตี โดยเธอเคยถูกฝ่ายซ้ายโจมตีตอนที่เธอออกมาประณามคอมมิวนิสต์ว่าจริงๆแล้วก็เป็นฟาสซิสต์ประเภทหนึ่ง และเธอถูกฝ่ายขวาโจมตีอย่างรุนแรงตอนที่เธอบอกชาวสหรัฐไม่ให้ใช้อารมณ์หลังเกิดเหตุร้ายแรงในวันที่ 11 ก.ย.ปี 2001

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/1582433119/104-8900605-7054348?v=glance

มีบทความที่น่าสนใจที่วิจารณ์หนังสือเล่มนี้เหมือนกันค่ะ ซึ่งรวมถึง

1.บทวิจารณ์โดย CATHERINE RUSSELL ที่น่าสนใจมากๆ
http://www.synoptique.ca/core/en/articles/sontagkael/

2.บทวิจารณ์ใน SAN FRANCISCO GATE
http://www.sfgate.com/cgi-bin/article.cgi?file=/chronicle/archive/2004/06/01/DDGUP6TQKT1.DTL

3.บทวิจารณ์ใน WASHINGTON POST

อ่านบทวิจารณ์หนังสือเล่มนี้แล้วก็รู้สึกตลกเหมือนกันค่ะ เพราะมันเป็นการวิจารณ์ซ้อนวิจารณ์ซ้อนวิจารณ์หลายตลบ

ลองสรุปง่ายๆก็คือว่า

1.มีการผลิตภาพยนตร์

2.SUSAN SONTAG และ PAULINE KAEL เขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์

3.CRAIG SELIGMAN เขียนหนังสือวิจารณ์บทวิจารณ์ภาพยนตร์ของ KAEL + SONTAG

4.CATHERINE RUSSELL เขียนบทวิจารณ์หนังสือของ SELIGMAN ที่วิจารณ์บทวิจารณ์ภาพยนตร์ของ KAEL + SONTAG (งงมั้ยคะ)


ชอบประโยคโฆษณาประโยคนี้มากๆเหมือนกันค่ะ
"เขาเล่นฟุตบอลไม่เก่ง แต่ชอบถอดเสื้อเล่นตลอด เราเลยชอบไปดูเขาเล่น"


หนังที่ได้ดูในวันนี้

1.UMMA (HOHYUN JOUNG, A+)

ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดด้านบวก, ด้านลบ, ด้านที่น่าเห็นใจ, ด้านที่น่าสงสาร และด้านที่น่ารังเกียจของคนในครอบครัวตัวเองออกมาได้ดีมาก สิ่งที่ชอบมากในหนังเรื่องนี้ก็คือการที่หนังทำให้ตัวเองต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคนในหนังตลอดเวลา ตอนช่วงแรกๆของเรื่องนี้ จะรู้สึกว่าป้าของผู้กำกับท่าทางจะดีกว่าแม่ของผู้กำกับ แต่หลังจากนั้น หนังก็ทำให้ดิฉันตัดสินใจไม่ถูกเลยว่าดิฉันควรจะเข้าข้างใครดี นี่คือหนังที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และจัดเป็นหนึ่งในหนังเกี่ยวกับแม่ลูกที่ดิฉันประทับใจมากที่สุดเรื่องนึง (ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งประทับใจอย่างสุดๆไปแล้วกับ “แม่จ๋ากอดหนูหน่อย” ของคุณณัชพล โชติสุระกัลยา)

2.เรื่องเดิมเดิม ที่เหมือนจะเหมือนเดิม แต่เหมือนมันไม่เหมือนเดิม (ศาสตร์ ตันเจริญ, A+)

3.บุรุษไปรษณีย์ (สุรวัฒน์ ชูผล, A+)

4.LIFE ACTUALLY (บุญส่ง นาคภู่, A+/A)

นี่เป็นหนังที่สนุกและฮาพอๆกับละครทีวีชุด MELROSE PLACE สิ่งที่ประทับใจอย่างมากในหนังเรื่องนี้ก็คือการสร้างตัวละครผู้หญิงประมาณ 9 คนที่มีสีสันจัดจ้านมาก ชีวิตของผู้หญิง 9 คนในหนังเรื่องนี้ดูไม่จืดเลยแม้แต่ฉากเดียว

ฉากที่ฮาที่สุดในเรื่องนี้คือฉาก “อาจารย์ต้องเซ็นเกรดเอให้หนูเดี๋ยวนี้ค่ะ”

ประทับใจกับบทหนังเรื่องนี้มาก เพราะหนังเรื่องนี้มีตัวละครนำประมาณ 20 คน และตัวละครเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์สลับกันไปมาตลอดเวลา ไม่รู้ว่าบทหนังเรื่องนี้คิดขึ้นมาได้ยังไงถึงได้สามารถจัดการกับตัวละครจำนวนมากมายมหาศาลให้ออกมาดูสนุกและรสชาติเข้มข้นขนาดนี้

5.THE EXHIBITS (RAJ NAIR, A+/A)

6.PURA LENGUA (AURORA GUERRERO, A)

7.SUGARLESS (พัฒนะ จิรวงศ์, A)

ชอบฉากจบของหนังเรื่องนี้มาก

8.EVERYDAY OCCURRENCES (FUMIKA MATSUYAMA, B)


DESIRABLE ACTOR

TOM HARPER—THE UPSIDE OF ANGER


ไม่รู้มีใครในที่นี้รู้บ้างมั้ยคะว่าตอนนี้ CHRISTIAN BALE + WERNER HERZOG เข้ามาถ่ายหนังในเมืองไทยแล้วยัง พอดีเห็นข่าวว่า WERNER HERZOG จะกำกับหนังเรื่อง RESCUE DAWN ที่นำแสดงโดย CHRISTIAN BALE + STEVE ZAHN ในประเทศไทยในเดือนนี้ค่ะ

RESCUE DAWN ดัดแปลงมาจากหนังสารคดีเรื่อง LITTLE DIETER NEEDS TO FLY (1997) ที่กำกับโดย WERNER HERZOG เอง โดยหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับดีเทอร์ เดงเกลอร์ (คริสเตียน เบล) หนุ่มเยอรมันที่เดินทางไปสหรัฐเพื่อทำตามความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักบินรบ และเมื่อเขาไปถึงสหรัฐ เขาก็ได้สมัครไปรบในสงครามเวียดนาม แต่เครื่องบินของเขากลับถูกยิงตก และเขาก็ถูกจับเป็นเชลยสงคราม

อ่านข่าวนี้ได้ที่
http://www.timeout.com/film/news/539.html

นอกจาก RESCUE DAWN แล้ว หนังเกี่ยวกับสงครามเวียดนามที่ดิฉันอยากดูอย่างสุดๆในตอนนี้ก็คือหนังสารคดีเรื่อง WINTER SOLDIER (1972) ค่ะ เพราะหนังสารคดีเรื่องนี้สัมภาษณ์ทหารสหรัฐที่ไปรบในเวียดนามและพวกเขาพบว่าทหารสหรัฐด้วยกันเองจับชาวเวียดนามมาทรมานและสังหารหมู่อย่างน่าสยดสยองมาก
http://www.imdb.com/title/tt0204058/
http://www.slantmagazine.com/film/film_review.asp?ID=1742


เว็บไซท์ของ WINTER SOLDIER อยู่ที่
http://www.wintersoldierfilm.com/


สำหรับดีวีดีหนังเกย์ที่อยากดูที่สุดในตอนนี้ คือดีวีดี AVANT-GARDE EXPERIMENTAL CINEMA OF THE 1920S AND ‘30S ค่ะ โดยดีวีดีนี้มีขายแล้วที่สหรัฐ และบรรจุหนังที่น่าสนใจสุดๆไว้หลายเรื่อง ซึ่งรวมถึงหนังเกย์เรื่อง LOT IN SODOM (1933, DR. JAMES SIBLEY WATSON JR. + MELVILLE WEBBER)
http://www.classicmovies.com/cm/film_detail.asp?film_id=399http://people.wcsu.edu/mccarneyh/fva/W/usher.html

No comments: