Saturday, May 08, 2010

TENDERNESS (2009, John Polson, A++++++++++)

TENDERNESS (2009, John Polson, A++++++++++)

THE JUDGEMENT (1989, Permpol Choei-aroon, A+++++)

L'AFFAIRE DOMINICI (1973, Claude Bernard-Aubert, A+++++)

COMME UN JEU D'ENFANTS (2009, Daniel Janneau, A+++++)

THE SHOCK LABYRINTH 3D (2009, Takashi Shimizu, A+)

SIN CHRONICLES: PANATIPATA (2010, Nawapol Thamrongrattanarit, A+)

THE INTRUDER (2010, Thanadol Nualsuth + Thammanoon Sakulbunthanom, A+),

BROOKLYN'S FINEST (2009, Antoine Fuqua, A+/A)

IRON MAN 2 (2010, Jon Favreau, A)

THE EDGE OF THE EMPIRE (2010, Nirattisai Kaljaruek, A-)

TENDERNESS is surely one of my most favorite films I saw in 2010. It made me cry. I think it is almost unbelievable that this film was made by the same guy who made SWIMFAN (2002, C+). However, I think John Polson might be an interesting director, because SWIMFAN, HIDE AND SEEK (2005, B+), and TENDERNESS all deal with mentally-troubled female characters. I hope he has a chance to make a film about this topic again.

When the heroine of TENDERNESS says, "Dissolve me", I wonder how enormous pain she has gone through in her life to inspire her to say something like this. And when she shouts "Nothing ever changes", it makes me cry. I feel as if TENDERNESS understands my pain. Lori (Sophie Taub), the heroine of TENDERNESS, is one of my most favorite female characters. In a way, she reminds me of Kristin Spitz (Zhang Ziyi) in HORSEMEN (2009, Jonas Åkerlund, A+) and Aileen in MONSTER (2003, Patty Jenkins, A++++++++++).

A week has passed after I saw TENDERNESS, but I still feel like crying every time I think of this film.

THE JUDGEMENT (1989) might not be as aesthetically interesting as THE JUDGEMENT (2004, Pantham Thongsangl, A+), which is made from the same novel. However, what I like very much in Permpol's version is the headmaster character. This is an evil character who is worshipped by the whole villagers, who sincerely believe the headmaster is virtuous. THE JUDGEMENT portrays one of the scariest societies I have ever seen. The "metaphorical blindness" of the society in THE JUDGEMENT reminds me of the "metaphorical deafness" of the society in ELECTRA, MY LOVE (1974, Miklós Jancsó, A+++++++++++++++), because the citizens in ELECTRA, MY LOVE praise Aegisthus a lot and refuse to listen to what Electra says about Aegisthus.

THE SHOCK LABYRINTH 3D somehow reminds me of CELINE AND JULIE GO BOATING.

13 comments:

FILMSICK said...

i really enjoyed "THE SHOCK LABYRYNTH so much .It give me a great pleasure like i'm turning back my days to when i was pree teen obssesed with J-horror comics

i love the way the storyline are playing with times so much

and what the movie said to me was 'WE'RE BORN BAD!'

celinejulie said...

I also like the "time" in THE SHOCK LABYRINTH very much, especially the scene in which the ghost repeatedly jumped onto a corpse.

celinejulie said...

เราได้ดู TENDERNESS ที่เซ็นทรัลลาดพร้าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ค. วันนั้นคุ้มมากเพราะได้ดูหนัง 4 เรื่องติดกัน เริ่มด้วย TENDERNESS รอบ 11.00 ตามด้วย IRON MAN 2 รอบ 12.45 ตามด้วย BROOKLYN'S FINEST รอบ 15.00 และตามด้วย THE SHOCK LABYRINTH 3D รอบ 17.40 หลังจากนั้นก็วิ่งกระหืดกระหอบไปขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อต่อรถไฟฟ้าให้ทันก่อนปิดทำการเวลาสองทุ่ม รู้สึกสนุกมากตอนวิ่งอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าที่หมอชิต เพราะผู้โดยสารหลายคนในสถานีก็วิ่งกันอย่างอลหม่านแบบไม่แคร์สื่อเหมือนกัน (นึกถึงฉากเปิดของ THE LAST METRO ที่กำกับโดยทรุฟโฟต์)


TENDERNESS เซอร์ไพรส์เราอย่างสุดๆ เพราะเราไปดู TENDERNESS โดยไม่รู้เนื้อเรื่องอะไรมาก่อนเลย และไม่เคยได้ยินใครชื่นชมหนังเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วย แต่พอได้ดูก็หวีดสุดขีด เพราะมันถูกโฉลกกับเรามากๆ ความรู้สึกดีใจในการได้ดูหนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงตอนที่ได้ดู SOMBRE (Philippe Grandrieux) ในเทศกาลหนังเมื่อสิบปีก่อน เพราะตอนนั้นเราก็ดู SOMBRE โดยไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มาก่อนทั้งสิ้น แต่ปรากฏว่ามันถูกโฉลกกับเรามากๆ โดย TENDERNESS กับ SOMBRE ยังมีส่วนคล้ายกันอีกจุดนึงก็คือ หนังสองเรื่องนี้พูดถึงความสัมพันธ์แบบโรแมนติกของฆาตกรโรคจิต

celinejulie said...

ตอนนี้ปาณาติปาตาสามารถดูได้ทาง youtube แล้วจ้ะ เราชอบหนังเรื่องนี้เพราะว่ามันพูดถึงประเด็นที่ controversial ดี คือถ้าหากจะทำหนังในประเด็นปาณาติปาตา โดยนำเสนอว่าการฆ่าสัตว์เพื่อความสนุกสนานเป็นบาป มันก็คงจะไม่ controversial เพราะคนส่วนใหญ่ก็คงเห็นด้วยกับจุดนี้อยู่แล้ว แต่หนังเรื่องนี้กลับเลือกที่จะพูดถึงสิ่งที่เราเองก็สงสัยอยู่ในใจเหมือนกัน ซึ่งสิ่งที่เราสงสัยก็ได้แก่

1.บาปบุญมีจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงแล้วพิสูจน์ได้หรือเปล่า

2.ถ้าบาปบุญมีจริง การฆ่าสัตว์เพื่อนำมากินเป็นอาหารบาปหรือไม่

3.ถ้าการฆ่าสัตว์เพื่อนำมากินเป็นบาป แล้วผู้ที่ซื้อเนื้อสัตว์นั้นมากินทำบาปหรือไม่ เพราะเท่ากับว่าคนผู้นั้นสนับสนุนให้มีการฆ่าสัตว์

4.ถึงแม้บาปบุญไม่มีจริง เราก็ควรตระหนักอยู่ดีว่าสัตว์ที่เรากินอยู่ทุกมื้อนั้นอาจจะเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสขณะที่มันถูกฆ่าตาย ถ้าหากมีมนุษย์ต่างดาวจับเราหรือลูกสาวของเราไปกินเป็นอาหารและทำกับเราเหมือนที่เราทำกับวัว, หมู และเป็ดไก่ เราจะรู้สึกอย่างไรบ้าง โดยที่มนุษย์ต่างดาวอาจจะอ้างว่ามนุษย์บนดาวเคราะห์ดวงนี้เกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ต่างดาว (หนังเรื่อง ปาณาติปาตา ไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้โดยตรง แต่มันทำให้เรานึกถึงประเด็นนี้โดยที่หนังอาจจะไม่ได้ตั้งใจ)

5.ถึงแม้เราจะไม่สามารถตัดใจจากการกินเนื้อสัตว์ได้ และเลือกที่จะเอร็ดอร่อยกับการกินเนื้อสัตว์ต่อไป และถึงแม้เราจะไม่รู้ว่าบาปบุญมีจริงหรือไม่ และไม่รู้ว่าการกินเนื้อสัตว์บาปหรือเปล่า อย่างน้อยเราก็ต้องยอมรับว่า "ความเจ็บปวดของสัตว์ขณะที่ถูกฆ่าตาย" เป็น "ของจริง"

โดยส่วนตัวแล้ว เรารู้สึกว่าหนังเรื่องปาณาติปาตาอาจจะไม่ได้เข้าข้างคนกินมังสวิรัติมากนัก แต่เราก็ชอบการที่หนังเรื่องนี้นำเสนอว่าคนบางคนอาจจะอยากกินมังสวิรัติ โดยที่เขาอาจจะไม่ได้เชื่อมั่นในเรื่องกรรมเวรมากนักก็ได้ เขาอาจจะทำเพียงเพราะเขาตระหนักถึงความเจ็บปวดของสัตว์ที่ถูกฆ่าตาย และเราก็ชอบการที่หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า คนบางคนอาจจะอยากทำดี (อย่างเช่นอาจจะอยากงดเนื้อสัตว์) แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะกิเลสได้อยู่ดี แต่การยอมพ่ายแพ้แก่กิเลสเล็กน้อยบางอย่าง มันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแต่อย่างใด เราเองก็รู้สึกว่าเราเป็นคนแบบนั้นเหมือนกัน

black forest said...

อยากดู TENDERNESS มากครับ แต่เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผมตัดสินใจไม่ไปดูหนังเรื่องนี้และหนังเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องซึ่งไม่เข้าฉายต่างจังหวัด

เมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้เพิ่งส่งอีเมลล์ไปที่ SF เพื่อสอบถามว่า TENDERNESS จะมีโปรแกรมมาฉายที่ EMPORIUM หรือเปล่า เพราะถ้ามาฉายที่นี่ผมก็อาจไปดูได้ เนื่องจากเป็นโรงหนังที่มาจากชลบุรีแล้วมันอยู่ใกล้สุด แต่ตอนนี้มันมีรอบฉายที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะซึ่งผมคงไปดูไม่ได้แน่ๆ ส่วนรอบฉายที่เซ็นทรัลลาดพร้าวที่พี่ celinejulie ไปดูมานั้น ตอนนั้นผมก็คิดอยู่หลายรอบเหมือนกันจะเดินทางไปดูดีหรือไม่ แต่เพราะอย่างที่บอกว่าสถานการณ์ความไม่สงบในบ้านเราในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผมตัดสินใจไม่เดินทางไปดู เพราะไม่อยากเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน บีทีเอสก็ไม่ค่อยอยากนั่ง จะไปรถเมล์หรือแท็กซี่ก็ไกล๊ไกล เลยไม่ไปดีกว่า เพราะไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเราบ้าง ...แต่ SF ก็ไม่เห็นตอบอะไรกลับมาเลย เลยไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงหนังหรือเปล่า

จริงๆ แล้ว TENDERNESS มีแผ่นดีวีดีราคาถูกวางขายตามเว็บไซต์ต่างๆ ในบ้านเรามาสักระยะหนึ่งแล้ว เราอาจจะสามารถซื้อแผ่นดีวีดีนี้ได้ในราคา 40 บาท ซึ่งถูกกว่าตั๋วหนังที่ EMPORIUM ถึง 160 บาท (ตั๋ว SF EMPORIUM ที่นั่งละ 200) แต่ด้วยความที่ผมชอบดูหนังในโรงภาพยนตร์จึงไม่ได้ซื้อดีวีดีหนังเรื่องนี้ ผมยอมเสีย 200 บาทเพื่อดูหนังเรื่องนี้ในโรงหนัง มากกว่าจะเสียแค่ 40 บาทเพื่อดูดีวีดีอยู่บ้าน ...แต่ถ้าสมมติว่า TENDERNESS ถูกถอดโปรแกรมออกไปก่อนจริงๆ ผมก็คงต้องซื้อดีวีดีแล้วล่ะครับ

black forest said...

วันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา ผมก็มีโอกาสได้ไปดูหนัง 4 เรื่องมาเหมือนกันครับ เมื่ออ่านเรื่องที่พี่ celinejulie เขียนถึงการดูหนัง 4 เรื่องที่เซ็นทรัลลาดพร้าวอย่างคุ้มค่าแล้วจึงทำให้เข้าใจอารมณ์ได้ทันที

จริงๆ แล้ววันนั้นผมคิดว่าจะสามารถดูหนังได้แค่ 3 เรื่องด้วยซ้ำ เนื่องจากต้องเผื่อเวลาเดินทางหลบหลีกผู้คนเล่นน้ำสงกรานต์ และต้องเผื่อเวลาเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดด้วย

ไปดูที่ HOUSE 3 เรื่องติดๆ กัน คือ CHLOE, FROZEN, และ FOOD, INC. ช่วงตอนที่ FROZEN จบปุ๊บ ผมก็รีบวิ่งออกไปเข้าห้องน้ำข้างนอกปั๊บ เสร็จแล้วก็รีบวิ่งกลับมาดู FOOD, INC. ต่ออีกโรงนึงทันที แบบว่าพอเข้าโรงปุ๊บ หนังมันก็ฉายปั๊บเลย

ดู 3 เรื่องจบ ก็กะจะกลับบ้านแล้ว ไม่รู้นึกยังไงแวะไป EMPORIUM ปรากฏว่ามีรอบ DATE NIGHT พอดี คำนวณเวลาแล้วน่าจะกลับบ้านทัน เลยตีตั๋วดูอีกเรื่องก่อนกลับบ้าน ดูเสร็จก็กระหืดกระหอบรีบวิ่งขึ้นรถไฟฟ้าไปเอกมัย เหงื่อโทรมกายกันเลยทีเดียว กลัวไม่ได้กลับบ้าน พอได้ขึ้นรถทัวร์ปุ๊บ อยากจะร้องกรี๊ดขึ้นมาทันทีที่ได้ดูหนังไป 4 เรื่อง แถมแห้งสนิททั้งวัน

Vespertine said...

แวะมาอ่านพี่ black forest และดีใจที่พี่ได้ดูหนัง 4 เรื่องใน 1 วัน มันเป็นอะไรที่ประเสริฐมากๆ เลย

celinejulie said...

The other thing I like very much in THE SHOCK LABYRINTH 3D is the disabled character who is an aggressor, not a victim. It reminds me of the disabled character in THE BOX (the heroine with her disabled foot), UNBREAKABLE, and PLEARNG PAI (เพลิงพ่าย).

ตอบน้องอ้วน

ช่วงที่ผ่านมาพี่ก็ไม่ค่อยอยากเดินทางไปไหนเหมือนกัน เพราะนอกจากปัญหาเรื่องความไม่ปลอดภัยแล้ว พี่ก็ยุ่งๆกับการย้ายที่อยู่อาศัยด้วย ก็เลยเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่ได้ดู THE CRAZIES จนถึงตอนนี้ เมื่อวานนี้ตัดสินใจเดินทางไปดู THE CRAZIES ที่ Esplanade ปรากฏว่าตั๋วราคา 500 บาท เซ็งเลย

TENDERNESS นำแสดงโดย Jon Foster ซึ่งหล่อมากค่ะ และเล่นเก่งมากด้วย เขาเคยแสดงใน THE DOOR IN THE FLOOR (A+) และ STAY ALIVE (A) นอกจากนี้ พี่ก็ชอบ Laura Dern ใน TENDERNESS ด้วยเช่นกัน

เสียดายที่ไม่ได้ดู DATE NIGHT สาเหตุส่วนหนึ่งที่พี่ตัดสินใจไม่ดูหนังเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าพี่ไม่ชอบ JUST MARRIED, THE PINK PANTHER และ NIGHT AT THE MUSEUM ซึ่งกำกับโดย Shawn Levy เหมือนกัน

black forest said...

--อุ๊ย น้อง Vespertine สบายดีเหมือนเดิมไหม แอบเป็นห่วงอยู่เหมือนกันช่วงที่ผ่านมา เพราะเห็นบ้านน้อง Vespertine อยู่ไม่ไกลจากจุดอันตรายมากนัก

--อ้าว พี่ celinejulie ย้ายที่พักใหม่แล้วเหรอครับ แล้วไปอยู่ที่ไหนฮะ ซอยเดิมหรือเปล่า ได้ข่าวแว่วๆ มาว่าน้อยโหน่งก็ย้ายที่พักใหม่ ไม่รู้ว่าเป็นที่เดียวกันหรือเปล่า คิดถึงสมัยก่อนที่แวะไปถล่มห้องพักของชาวสกรีนเอาท์แต่ละคน แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปถล่มห้องพักของพี่ celinejulie เลย อิอิ

โรงหนังเครือเมเจอร์ชอบทำอะไรแบบนี้ทู้กที ชอบเอาหนังฉายจำกัดโรงไปเข้าโรงแพงๆ เรื่อยเลย เป็นสิ่งที่น่าเบื่อมากสำหรับผม ยิ่งถ้าเอาไปเข้าโรง 500 บาทอะไรนี่ด้วยแล้วผมคงไม่ไปดูแน่นอน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดู THE CRAZIES เลยครับ (คงอดดูแล้ว)

น่าเสียดายที่หนังที่น่าสนใจอย่าง THE CRAZIES, BROOKLYN'S FINEST, THE SHOCK LABYRINTH EXTREME และ TENDERNESS มีโปรแกรมเข้าฉายก่อน IRON MAN 2 เพียงหนึ่งสัปดาห์ โอกาสที่คนจะได้เข้าไปดูหนังเหล่านี้จึงมีน้อยลงตามไปด้วย เพราะโรงหนังมัลติเพล็กซ์แทบทุกที่พร้อมใจกันเทโรงให้ IRON MAN 2 กันหมด แล้วหนังฟอร์มเล็กๆ กลับต้องไปอยู่โรงแพงๆ อีก แล้วใครจะไปดูครับ

DATE NIGHT อาจจะไม่ใช่หนังดีอะไรมาก ผมไปดูหนังเรื่องนี้โดยไม่รู้อะไรมาก่อนเลย เลยรู้สึกเซอร์ไพร้ซ์ที่มารู้ทีหลังว่าหนังมีนักแสดงสมทบชายที่น่าสนใจหลายคน และหนังมีฉากที่ให้นักแสดงสมทบชายบางคนโชว์เรือนร่างท่อนบนด้วย เลยทำให้ดูหนังเรื่องนี้อย่างมีความสุข :)

ชอบ Jon Foster ครับ ถ้าไม่ได้ไปดูในโรงก็คงหาแผ่น TENDERNESS มาดูแน่นอน

ปล.1 TRIANGLE (2009, Christopher Smith) ก็มีประเด็นเรื่อง "เวลา" ที่ซ้อนทับหนึบหนับไปมา ดูสนุกไม่แพ้ THE SHOCK LABYRINTH ครับ

ปล.2 Image เค้าแรงเนอะ

http://www.magazinedee.com/main/magpreview.php?id=8972

Riverdale said...

อ้าว ตายจริง เพิ่งรู้ว่า celinejulie ย้ายที่พักแล้ว ไปอยู่ไหนครับ พวกเราไม่ค่อยได้นัดกัน เลยไม่ได้อัพเดทข้อมูลของแต่ละคนเลย จะว่าไปเราเองก็อาจจะย้ายที่พักเร็วๆ นี้เช่นกัน

น้อง black forest เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันนานมากเนาะ ไว้เข้ามากรุงเทพฯ เมื่อไหร่ นัดเจอกันหน่อยเหอะ :)

celinejulie said...

ตอนนี้เรายังอาศัยอยู่ในตัวตึกเดิมจ้ะ แต่เปลี่ยนห้องพักใหม่ เพราะห้องเดิมถูกปลวกกิน เราเสียเวลามากมายไปกับการย้ายของเข้าห้องพักใหม่ เพราะข้าวของเราเยอะมากๆ เราอยู่ในห้องเดิมมา 15 ปีแล้ว ข้าวของที่สะสมไว้ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาก็เลยล้นห้อง

เพื่อความสะดวกในการย้ายห้อง เราก็เลยทิ้งข้าวของไปเยอะมากเหมือนกัน เมื่อวานนี้ก็เพิ่งตัดสินใจทิ้งนิตยสาร GRACE ไปบางเล่ม รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะนิตยสารนี้คงหาดูไม่ได้ในหอสมุดแห่งชาติ


พูดถึงการฉายหนัง IRON MAN 2 แล้วก็เลยนึกถึงโรงเมเจอร์ ซีเนเพล็กซ์ พระราม 3 เพราะโรงนี้ฉาย IRON MAN 2 แทบจะทุกโรงเลยในสัปดาห์ก่อน ตอนแรกเราลังเลว่าจะไปดูหนังอินเดียที่โรงเมเจอร์ พระรามสามดีไหม แต่ก็ตัดสินใจไม่ไป เพราะไปแล้วก็คงได้ดูแค่หนังอินเดียเพียงเรื่องเดียว ไม่สามารถหาหนังดีๆเรื่องอื่นๆดูได้ในโรงนี้เลย รู้สึกว่าโรงนี้จะฉายแต่หนัง blockbuster เท่านั้น

ขอบคุณมากจ้ะสำหรับลิงค์ไปยังนิตยสาร IMAGE เป็นภาพถ่ายที่บรรเจิดมากๆ

ไม่เคยได้ยินหนังเรื่อง TRIANGLE มาก่อนเลย ขอบคุณมากๆจ้ะที่แนะนำหนังเรื่องนี้

พูดถึงการตัดสลับเวลาแล้ว ก็นึกถึงหนังเรื่อง BIG BOY ด้วยเหมือนกัน เพราะหนังเรื่องนี้มีการตัดสลับระหว่างฉากที่พระเอกอยู่กับปู่ที่กรุงเทพ และฉากที่พระเอกกลับมาเชียงใหม่แล้ว ซึ่งตามปกติแล้วหนังไม่จำเป็นต้องตัดสลับสองช่วงเวลานี้ก็ได้ แต่หนังก็เลือกตัดสลับสองช่วงเวลานี้เข้าด้วยกัน ซึ่งเราก็ว่ามันแปลกและดูเพลินดี และทำให้เราสงสัยว่าการตัดสลับนี้อาจจะเกิดจากรสนิยมส่วนตัวของคุณมณฑล อารยางกูร ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ เพราะหนังเรื่อง "ผีคนเป็น" และ "บ้านผีสิง" ของคุณมณฑล ก็มีการเล่นกับเรื่อง "เวลา" ค่อนข้างมากเหมือนกัน แต่การเล่นกับเวลาในหนังผีสองเรื่องนี้ดูเหมือนจะมีเหตุผลรองรับมากกว่าใน BIG BOY เพราะ "ผี" กับ "อดีต" เป็นสิ่งที่ผูกพันกันอย่างมากอยู่แล้ว

celinejulie said...

Oliver จะย้ายไปอยู่ที่ไหนล่ะ มาอยู่แถวๆกิ่งเพชรสิ จะได้เจอกันได้ง่ายๆ

เราขอสนับสนุนให้มีการนัดเจอกันในเร็วๆนี้ แต่คราวนี้จะนัดเจอกันที่ไหนดีล่ะ เพราะ CENTRAL WORLD ยังปิดอยู่ นัดเจอกันที่เดอะมอลล์งามวงศ์วานดีมั้ย เราไม่ได้ไปเดินห้างนี้มานานแล้ว ฮ่าๆๆ

Riverdale said...

5555 เฟรงเกนสไตน์คงสนับสนุนคนแรกให้เจอที่ เดอะ มอล งามวงศ์วาน เพราะใกล้บ้านเธอ เราเองก็ไม่เคยไปนานมากแล้ว ล่าสุดที่ไป จำได้ว่านั่งแท็กซี่ไปแล้วรถมันติดตรงสี่แยกนานมาก แท็กซี่มันบอกว่าลงเดินไปเถอะนะเฉยเลย (- -") แล้วมันก็เลี้ยวรถไปอีกทาง

เราอาจจะย้ายไปอยู่แถวเซ็นทรัลพระรามสองอ่ะ (ยิ่งไกลกันเข้าไปใหญ่ 555) แต่ยังดูๆ อยู่ ไว้แน่นอนแล้วจะแจ้งอีกที :)