หักเหลี่ยมรัก (2012, สมเจตน์ มีเย็น, A+)
ชอบสองนาทีแรกของหนังมากๆ และฉากแต่งงานในหนังก็หลุดโลกมากๆ ฉากแต่งงานคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ได้ A+ ส่วนช่วงกลางๆของเรื่องเราว่ามันค่อนข้างธรรมดา
บางทีหลักเกณฑ์นี้อาจจะใช้ไม่ได้เสมอไปนะ แต่เราว่าฉากแต่งงานมันมีความหลุดโลก หรือมันไม่อิงกับหลักเหตุผลใดๆอีกต่อไปแล้ว มันก็เลยเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เราชอบฉากนี้มากๆน่ะ ส่วนมุกด่ากันไปมาในช่วง 2 นาทีแรกของหนัง มันก็ดูไร้เหตุผลหรือเสียสติมากๆ เราก็เลยรู้สึกว่ามันฮามาก ในขณะที่ช่วงกลางๆของเรื่อง มันดูเหมือนเป็นการโต้เถียงกันอย่างเป็นเหตุเป็นผลน่ะ มันก็เลยไม่ค่อยฮา
ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้ามีกล้องหลายตัวในการถ่ายทำ และใช้กล้องหลายตัวถ่ายพร้อมๆกัน หนังจะออกมาดูดีกว่านี้หรือเปล่า เพราะนักแสดงที่อยู่ในฉากเดียวกันมันมีตั้ง 6 คนน่ะ พอใช้กล้องเดียวในการจับภาพให้ได้ทั้ง 6 คน มันก็เลยไม่เห็นสีหน้านักแสดง หรือไม่เห็นอากัปกิริยาของนักแสดงบางคนที่อาจจะทำลีลาอะไรตลกๆ แต่ดันตกขอบเฟรมภาพไป เราคิดว่าถ้ามีกล้องตัวนึงจับภาพกว้าง และกล้องอีกตัวคอยถ่ายโฟกัสไปที่นักแสดงบางคน แล้วค่อยเอาฟุตเตจสองส่วนนี้มาตัดเข้าด้วยกัน บางทีอาจจะทำให้หนังดูดีขึ้นนะ แต่เรื่องการตัดต่อสลับภาพไปมา แล้วยังคงอารมณ์ตลกให้ได้นี่ บางทีก็อาจจะยากเหมือนกัน อาจจะต้องใช้เวลาทดลองเรียนรู้สักระยะนึง
แต่ที่เราเขียนไป เพราะเรารู้สึกว่าบางทีในการทำหนังเรื่องต่อๆไป อาจจะพึ่งบทสนทนาในการเรียกเสียงฮาอย่างเดียวไม่ได้น่ะ เพราะบทสนทนาในบางช่วงมันก็ไม่ค่อยฮา แต่เราว่าเด็กบางคนแค่ทำหน้าเฉยๆ นิ่งๆ ทื่อๆ หรือทำหน้าตาย มันก็ฮาแล้ว ถ้าหากมีการตัดภาพเด็กคนนั้นใส่เข้ามาในจังหวะที่ถูกต้อง
ฟิล์มซิคเคยบอกว่า เขาชอบน้องคนที่เล่นเป็นผี ใน "ผีโหด กระโดดเยี่ยว" ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่รับบทเป็นอาจารย์คู่อริใน "อาจารย์เต้ จัดให้" ถ้าจำไม่ผิด น้องคนนี้ได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ด้วย โดยรับบทเป็นคนที่เล่นมุก "มึงรู้ไหมคนที่เรียกลูกพี่กูว่าอ้วนเมื่อวานมันเจออะไร" พอดูแล้ว เราก็เห็นด้วยกับฟิล์มซิคที่ว่า น้องคนนี้มีพรสวรรค์จริงๆ คือมุกที่เขาเล่นในหนังเรื่องนี้มันก็ไม่เวิร์คทุกครั้งหรอก แต่การแสดงของเขาหรืออารมณ์บนใบหน้าของเขามันมีทักษะบางอย่างที่เข้ากับหนังตลกน่ะ
เอก โทร ยี้ (2012, สมเจตน์ มีเย็น, B)
เราว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยตลกสำหรับเรานะ มีมุกตลกเดียวที่เราชอบมาก ซึ่งก็คือมุก "ผักสวนครัว" เพราะมันเหวอดี ส่วนมุกอื่นๆในเรื่องนี้ เป็นมุกที่ทำให้รู้สึกน่ารัก มากกว่าจะทำให้หัวเราะออกมา
ประเด็นเรื่องการเมืองในหนัง เราว่าเป็นประเด็นที่ยากเหมือนกันนะ เราก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าต้องการพูดถึงประเด็นแบบนี้ เราควรนำเสนอมันออกมาในแบบไหนถึงจะดีที่สุด
สมมุติว่านักการเมืองสักคนโกงเงินค่าตัดถนน คุณควรจะทำยังไงถึงจะพูดถึงประเด็นเหล่านี้ในหนังได้ โดยที่ตัวคุณเองปลอดภัย เราว่าประเด็นนี้ก็ยากเหมือนกันแหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าควรนำเสนอยังไงดี คือถ้าเราไม่เจาะจงลงไปว่าเป็นนักการเมืองคนไหน แต่ด่านักการเมืองโดยรวมๆ เราว่ามันก็ไม่ตลกหรือไม่ค่อยยุติธรรมนะในการด่าแบบเหมารวม แต่ถ้าด่าแบบเจาะจงตัว, กลุ่ม หรือพรรค มันก็อันตรายต่อตัวผู้สร้างหนังได้เหมือนกัน
การที่หนังทั้งเรื่องเป็นการคุยกันทางโทรศัพท์ เป็นวิธีการที่เราชอบนะ แต่น่าเสียดายที่บทสนทนาในหนังเรื่องนี้ไม่โดนเราน่ะ มันไม่ตลกสำหรับเรา และเราก็ไม่ค่อยชอบประเด็นการเมืองในหนังด้วย เพราะฉะนั้นถึงแม้วิธีการมันจะน่าสนใจ แต่เนื้อหามันไม่ค่อยโดนเราเท่าไหร่
No comments:
Post a Comment