NOSTALGIA (2016, Chanasorn Chaikitiporn, A+30)
กระบืออาวรณ์
1.งดงามสุดๆ เป็นหนังแนวที่เราชอบมากๆ นั่นก็คือหนังแนว poetic ที่มี sense
แบบ Andrei Tarkovsky, Rouzbeh Rashidi, Teeranit Siangsanoh
หนังร้อยเรียงเอาฉากธรรมชาติ, บรรยากาศต่างๆของสถานที่แห่งหนึ่งในชนบทเข้าด้วยกัน
โดยแทบไม่มีเนื้อเรื่องเลย เนื้อเรื่องที่มีอยู่เล็กน้อยในหนังถูกเล่าผ่านทาง text
ที่เป็นเหมือนคำพูดที่ลูกชายพูดกับแม่
เหมือนลูกชายได้รับอนุญาตให้กลับมาเยี่ยมบ้านได้แค่ครั้งเดียว
และเขาก็บอกกับแม่ว่าเขาอยู่ที่นู่นแล้วไม่มีความสุขเลย
ดูแล้วก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย เขาถูกเกณฑ์ทหาร หรือติดคุก
หรืออะไร แต่นั่นไม่ได้สำคัญอะไรกับเรามากนัก
เราเดาว่าหนังเรื่องนี้น่าจะถ่ายที่อุตรดิตถ์ และเป็นเหมือนการ nostalgia ถึงสถานที่ที่เคยอยู่อาศัยในอดีต
ท้องทุ่งที่มีควายฝูงใหญ่เดินไปเดินมา ควายร่วมรักกัน ควายแช่น้ำ
สิ่งปลูกสร้างต่างๆในชนบท บ้านหลังเก่าที่เคยอยู่อาศัย ป่าใกล้บ้าน
เสาไฟต้นใหญ่ใกล้บ้าน แม่น้ำลำคลองใกล้บ้าน คิดถึงสายลมที่บ้านเก่า คิดถึงท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ที่บ้านเก่า
2.ชอบ sense ในการเฟรมภาพ และในการตัดต่อของผู้กำกับมากๆ
เราว่ามัน poetic ในแบบที่เข้าทางเรามากๆ และมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำหนังให้ออกมางดงามสุดๆแบบนี้
เพราะพอหนังมันแทบไม่มี “เนื้อเรื่อง” แล้ว มันก็ยากที่จะตัดสินได้ว่าควรจะถ่ายอะไร
และควรจะตัดต่อร้อยเรียงมันออกมายังไงน่ะ
หนังคงต้องการถ่ายทอดมวลอารมณ์ความรู้สึกคิดถึงบ้านเก่าเป็นหลัก
แต่อารมณ์ความรู้สึกแบบนี้มันเป็นสิ่งที่นามธรรมมากๆ มันก็เลยยากที่จะตัดสินได้ว่า
เราจะถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ผ่านทางภาพของอะไร
และจะร้อยเรียงภาพไหนต่อกับภาพไหน เพื่อให้ได้ผลทางอารมณ์ในแบบที่เราต้องการ
เราว่าผู้กำกับทำได้ดีมากๆในเรื่องพวกนี้นะ การเฟรมภาพทำได้งามมากๆ
และการร้อยเรียงภาพต่างๆเข้าด้วยกันก็ดีมาก จุดที่เรารู้สึกว่าพีคที่สุด
อารมณ์พุ่งขึ้นสูงสุดสำหรับเราในหนังเรื่องนี้ ก็คือ moment ที่เปลี่ยนจากภาพดวงไฟสีฟ้า
1 ดวง, สีส้ม 1 ดวง และสีเหลือง 3 ดวงท่ามกลางความมืด ไปเป็นภาพดวงไฟเจิดจ้าที่เคลื่อนออกจากมุมซ้ายบนของภาพ
เข้ามาซ้อนทับกับดวงไฟสีเขียวตรงกลางจอน่ะ
แล้วดวงไฟเจิดจ้านั่นก็ทวีความเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ คือเราไม่รู้อะไรทั้งสิ้นว่าฉากนี้มันสื่อถึงอะไร
เรารู้แต่ว่าอารมณ์ของเรามันพุ่งปรี๊ดมากๆในฉากนี้ และเราชอบหนังแบบนี้มากๆ
หนังที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเราอย่างรุนแรงที่สุด
โดยที่เราไม่เข้าใจอะไรบนจอเลยว่ามันหมายความว่าอะไร
3.สรุปว่าได้ดูหนังของ Chanasorn Chaikitiporn ไป 4 เรื่อง และดีมากๆที่หนัง 4 เรื่องนี้มีความโดดเด่น ไม่ซ้ำกัน เราชอบ MOSQUITO
CYCLE น้อยสุด และอาจจะชอบ NOSTALGIA เป็นอันดับสาม
เพราะถึงแม้ NOSTALGIA จะงดงามมากๆ แต่หนังแนว poetic
แบบนี้มันก็มีตัวเปรียบเทียบเยอะ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหนังของ Teeranit
Siangsanoh, Roubzbeh Rashidi, Dean Kavanagh ส่วนอันดับ 1 กับ 2 นั้นยังตัดสินไม่ได้ว่าชอบ TOIRALLEL
TIMES หรือ AQUATORIUM มากกว่ากัน เหมือน TOIRALLEL
TIMES มันมี “ประเด็น” ที่น่าสนใจ แต่เราดูแล้วรู้สึกอึดอัด
ในขณะที่ AQUATORIUM นั้นมันดูมีความ “ฟุ้ง”
มันมีบรรยากาศที่เชื้อเชิญและเป็นมิตรกับเรามากกว่า TOIRALLEL TIMES
4.ยกให้ปี 2018 เป็นปีของ Chanasorn
Chaikitiporn, Tanakit Kitsanayunyong และ Achitaphon
Piansukprasert ไปเลย
เพราะปีนี้ได้ดูหนังหลายเรื่องของผู้กำกับ 3 คนนี้
ซึ่งทั้งสามคนต่างก็ทำหนังทดลองในแนวทางของตนเองออกมาได้ในแบบที่ตรงใจเรามากๆ
5.คิดว่าหนังที่เหมาะฉายควบกับ “กระบืออาวรณ์” มากที่สุด น่าจะเป็น “กลิ่นสายลม”
หรือ FRAGRANCE
OF THE WIND (2007, Chaiwat Wiansantia) ที่เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกถึงบ้านเก่าในชนบทในแบบที่
poetic เหมือนกัน แต่น่าเสียดายมากๆที่ FRAGRANCE OF
THE WIND ไม่มีให้ดูเต็มๆในยูทูบ
เราเดาว่าคงเป็นเพราะเพลงในหนังมันติดลิขสิทธิ์ หนังช่วงต้นเรื่องก็เลยโดนลบออกไปจากยูทูบ
No comments:
Post a Comment