Monday, August 26, 2019

STEPPING OUT (1999, Eva Heldmann, documentary, A+30)


STEPPING OUT (1999, Eva Heldmann, documentary, A+30)

1.สุดฤทธิ์ รักหนังเรื่องนี้ที่สุด นี่แหละ "นางเอก" ในนิยายหรือหนังในจินตนาการของเรา

คือถ้าหากเราแต่งนิยาย หรือสร้างหนัง เราก็คงสร้างตัวละครนำหญิงสักตัวที่มีลักษณะคล้าย Dr. Annette ซึ่งเป็น subject ของหนังเรื่องนี้นั่นแหละ

Subject ของหนังเรื่องนี้เป็นอาจารย์มหาลัยสาวชาวเยอรมันที่ชอบการมีเซ็กส์กับทหารหนุ่มชาวอเมริกันมากๆ โดยเฉพาะทหารผิวดำ และหนังสารคดีเรื่องนี้ก็ติดตามพฤติกรรมทางเพศของเธอ และนำเสนอความคิดความรู้สึกของเธอออกมาอย่างหมดเปลือก

ชอบมากๆที่ตัว subject เล่าถึงเรื่องที่เธอมีความสัมพันธ์กับผู้ชาย 3 คนในเวลาเดียวกัน โดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร ไม่ต้องให้สายตาอีหน้าหมาตัวไหนในสังคมมาตัดสินเธอ ชอบที่เธอเล่าว่า พอทหารคนนี้นอนกับเธอแล้วจากไปตอนตีสอง อีกคนก็มาหาเธอตอนตีห้า หลังจากที่เขาเพิ่งไปนอนกับผู้หญิงอีกคนมา คือทุกคนเหมือนเป็น open relationship ที่ไม่ต้องหึงหวงอะไรกันเลย

ชอบที่เธอบรรยายถึงสิ่งต่างๆและการกระทำต่างๆที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของเธอด้วย

2.หนึ่งในจุดที่ชอบที่สุด คือการที่เธอบรรยายว่า การที่เธอชอบไปค่ายทหารเปรียบเหมือนกับการที่ผู้ชายบางคนชอบไปเที่ยวซ่อง เพราะเวลาที่เธอเดินเข้าไปในค่ายทหาร เธออยากนอนกับทหารคนไหน ทหารคนนั้นก็เต็มใจจะนอนกับเธอ เหมือนกับที่ผู้ชายไปเที่ยวซ่องแล้วสามารถเลือกได้ว่าจะนอนกับโสเภณีคนไหนก็ได้

3.น่าสนใจมากๆที่เธอเล่าว่า ทหารที่เธอนอนด้วย จะไม่ยอมเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองในสงครามเวียดนาม แต่ยอมเล่าประสบการณ์ของตัวเองใน Gulf War

4.เป็นเรื่องที่โชคดีมากๆที่ตัวผู้กำกับได้เจอ subject ที่ยอมถ่ายทอดเรื่องแบบนี้อย่างหมดเปลือก

พอดูหนังเรื่องนี้แล้วก็เลยนึกถึงว่า จริงๆแล้วเราก็เคยได้ยินหรือรู้จักผู้หญิงที่ “รักการมีเซ็กส์กับผู้ชายหลายๆคน” มาบ้างน่ะ แต่ผู้หญิงที่เรารู้จักคงไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองต่อสาธารณชนแบบในหนังเรื่องนี้  ทั้งที่จริงๆแล้ว เราอยากให้มีคนถ่ายทอดประสบการณ์ของผู้หญิงเหล่านี้ออกมาเป็นหนังสารคดีแบบ STEPPING OUT มากๆ

หนึ่งใน subject ที่อยากให้มีคนทำเป็นหนังสารคดี เป็นเรื่องที่เพื่อนกะเทยคนนึงเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับหญิงสาวชาวไทยคนนึงที่ชอบมีเซ็กส์กับทหารไทยหลายๆคน ตอนที่เราได้ฟังเรื่องนี้ เรารู้สึก “นับถือ” และ “อิจฉา” หญิงสาวคนนี้มากๆ คือเรามองหญิงสาวคนนี้ในทางชื่นชมน่ะ อยากรู้รายละเอียดชีวิตของเธอมากๆว่าเธอเป็นใคร อะไรยังไง

อีกเรื่องที่ชอบมากๆ เป็นเรื่องที่สาวยุโรปคนนึง (สมมุติว่าชื่อ Y) เล่าให้เราฟังเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่เธอเล่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่เราก็ชอบเรื่องที่เธอเล่าอยู่ดี คือเธอเล่าว่า เธอเคยอยู่อินเดียหลายปี, เธอชอบจัดงานปาร์ตี้ (เหมือนเธอเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย ถ้าจำไม่ผิด) และก็มีเซ็กส์กับหนุ่มๆอินเดียหลายคน รวมทั้งมีเซ็กส์กับเจ้าชายบางแคว้นในอินเดียด้วย

หนึ่งในเรื่องที่เธอเล่าแล้วเราชอบมาก ก็คือเธอบอกว่า เมียหลวงของเจ้าชายอินเดียชอบเธอมากๆ และเมียของผู้ชายอินเดียคนอื่นๆที่เธอมีเซ็กส์ด้วยก็ชอบเธอมากๆเช่นกัน เมียหลวงของเจ้าชายอินเดียชอบชวนเธอมากินข้าว,ดื่มน้ำชาด้วย

สาเหตุที่ทำให้บรรดา “เมียหลวง” เหล่านี้ชอบเธอมากๆ เป็นเพราะว่า เธอเป็นคนสอน “บรรดาผัวๆ” ของผู้หญิงเหล่านี้ว่า การทำให้ผู้หญิงมีความสุขสุดยอดขณะมีเซ็กส์นั้น เขาทำกันยังไง คือเหมือนผัวๆเมียๆอินเดียเหล่านี้ไม่ช่ำชองเรื่องเซ็กส์แบบเธอน่ะ แต่เธอช่ำชองมากๆ เพราะฉะนั้นเวลาเธอมีเซ็กส์กับผู้ชายบางคน เธอก็จะสอนเขาไปด้วยว่า เวลาเขากลับไปมีเซ็กส์กับเมียตัวเอง เขาควรทำอย่างนี้ๆนะ แล้วเขาก็กลับไปทำตามที่เธอสอน เมียๆของผู้ชายเหล่านี้ก็เลย happy ไปตามๆกัน เพราะผัวๆของพวกเธอได้รับการฝึกปรือมาอย่างดีจาก Y แล้ว

แล้วเมียหลวงของเจ้าชายอินเดียก็ชอบ Y มากๆ เพราะ Y ไม่มีความเป็นคู่แข่งของเมียหลวงเลย เพราะสิ่งที่ Y ต้องการ คือ “เซ็กส์” เท่านั้น Y ไม่ต้องการ “ความรัก”, ไม่ต้องการ “เงิน” (Y รวยอยู่แล้ว), ไม่ต้องการมีลูกกับเจ้าชาย เพราะฉะนั้นเมียหลวงก็เลยดีใจที่เจ้าชายไปมีเซ็กส์กับ Y เพราะสิ่งที่ Y ต้องการมีแค่เซ็กส์ แต่ไม่ได้เรียกร้องอะไรไปมากกว่านั้น และไม่ต้องการจะแย่งอะไรอย่างอื่นๆไปจากบรรดาเมียหลวงเหล่านี้เลย

เราได้ฟังเรื่องของ Y แล้วก็ชอบสุดๆ นี่แหละคือ “นางเอก” ในนิยายหรือหนังในจินตนาการของเรา แต่ก็เสียดายที่คงถ่ายทอดมันออกมาเป็นหนังสารคดีไม่ได้ คงเขียนเล่าได้เฉพาะเรื่องที่เธอเล่าบางเรื่องแบบนี้นี่แหละ

No comments: