Monday, May 16, 2022

NINE FAVORITE CONTEMPORARY INDIAN ACTRESSES

 1.พอดูหนังพหุภพ 2 เรื่องในเวลาไล่เลี่ยกัน ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า ยังไม่เคยมีใครเอา "แดนดาว" ของ "แก้วเก้า" (ว.วินิจฉัยกุล) ไปทำเป็นละครเลยใช่ไหม ที่เป็นจักรวาลคู่ขนานที่กรุงศรีอยุธยายังเป็นเมืองหลวงของไทยจนถึงปัจจุบัน เราเคยอ่านนิยายเรื่องนี้เมื่อราว 30 ปีก่อน ก็ชอบมากพอสมควรนะ ไม่นึกว่าเวลาผ่านมาแล้ว 30 ปี นิยายเรื่องนี้ก็ยังไม่เคยถูกทำเป็นหนังหรือละครเลย


2.ถ้ายังมีการสร้างหนังแนว SCARY MOVIE อยู่จนถึงยุคนี้ ภาคใหม่มันคงต้องยำ DOCTOR STRANGE กับ EVERYTHING EVERYWHERE ALL AT ONCE เข้าด้วยกัน แล้วมันจะออกมาเป็นยังไง

แต่ไม่เป็นไร  ถึงแม้ไม่มี SCARY MOVIE แล้ว แต่เรายังมี "หอแต๋วแตก"  อยู่ อยากให้หอแต๋วแตกภาคใหม่ยำหนังพวกนี้เข้าด้วยกัน แล้วผสมคุณหมีปาฏิหาริย์กับละครวายต่าง ๆ เข้าไปด้วย 555
---
ดาราหญิงอินเดียยุคนี้ที่เราชอบมาก ๆ

ประกาศไว้ก่อนว่าเราจองเป็น Sonam Kapoor, Kareena Kapoor, Kangana Ranaut และ Tabu ในหนังทุกเรื่อง ก่อนจะโดนแย่ง 55555

1.Sonam Kapoor

ชอบเธอในหนังหลาย ๆ เรื่อง รู้สึกว่าเธอดูสวยสง่าแบบจิตร โพธิ์แก้วมาก ๆ 55555 โดยเฉพาะใน NEERJA (2016, Ram Madhvani) ที่เธอรับบทเป็นแอร์โฮสเตสใจเด็ดที่ต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายอย่างรุนแรงมาก หนังสร้างจากเรื่องจริง

2.Kangana Ranaut

ชอบเธอมาก ๆ ในหนังหลายเรื่อง โดยเฉพาะใน QUEEN (2013, Vikas Bahl),  TANU WEDS MANU RETURNS (2015, Aanand L.Rai) ที่ใจสลายมาก ๆ, RANGOON (2017, Vishal Bhardwaj), MANIKARNIKA: THE QUEEN OF JHANSI (2019, Radha Krishna Jagarlamurdi, Kangana Ranaut) และ JUDGEMENTALL HAI KYA (2019, Prakash Kovelamudi) ที่เธอรับบทเป็นสาวโรคจิต เราแอบเรียกเธอว่า Jessica Chastain แห่งอินเดีย เพราะเราว่าเธอเล่นหนังเก่ง, มีความแข็งแกร่ง และมีความเผ็ดอยู่ในตัว

3.Kareena Kapoor

เราแอบเรียกเธอว่า "Emmanuelle Devos แห่งอินเดีย" เพราะโครงหน้าของเธอและอารมณ์หน้าของเธอ เหมือนหน้าเธอมีความแอบฮาบางอย่างที่เราถูกโฉลกด้วย บทของเธอที่ชอบสุดๆ คือบทกะหรี่สาวลึกลับใน TALAASH (2012, Reema Kagti, Priyamvada Narayanan) แต่หนังของเธอที่ชอบมากที่สุดอาจจะเป็น SATYAGRAHA สัตยาเคราะห์ (2013, Prakash Jha)

4.TABU

เราแอบเรียกเธอว่า "ชไมพร จตุรภุช แห่งอินเดีย"  เพราะเราว่าเธอ "สวย ร้าย แบบมีสมอง" คือไม่ใช่นางอิจฉาโง่ ๆ น่ะ

ชอบเธอมาก ๆ ใน HAIDER (2014, Vishal Bhardwaj) ANDHADHUN (2018, Sriram Raghavan) และ DE DE PYAAR DE (2019, Akiv Ali)

ชอบ 4 คนข้างต้นอย่างสุด ๆ ส่วน 5 คนข้างล่างนี้เราชอบพวกเธอแค่ในหนังบางเรื่อง

5.Taapsee Pannu

เราแอบเรียกเธอว่า "Jodie Foster แห่งอินเดีย" เพราะเธอมักได้รับบทผู้หญิงแกร่ง ๆ ที่ต้องตบตีกับผู้ชาย บทแนว feminist ซึ่งถ้าเป็นในหนัง Hollywood ก็อาจจะเป็นบทของ Jodie Foster, Sigourney Weaver, Holly Hunter, Noomi Rapace อะไรพวกนั้น

ชอบตัวละครของเธอมาก ๆ ใน PINK (2016, Aniruddha Roy Chowdhury) ซึ่งทำให้นึกถึง THE ACCUSED ของ Jodie Foster,  BADLA (2019, Sujoy Ghosh), MISSION MANGAL (2019, Jagan Shakti) , SAAND KI AANKH (2020, Tushar Hiranandani) และ THAPPAD (2021, Anubhav Sinha) ที่บทเธอหนักมาก

6.Deepika Pradukone

ชอบเธอมาก ๆ ใน PIKU (2015, Shoojit Sircar), BAJIRAO MASTANI (2015, Sanjay Leela Bhansali) กับใน CHHAPAAK (2020, Meghna Gulzar) ที่เธอรับบทเป็นผู้หญิงที่ถูกสาดน้ำกรดจนเสียโฉม

7. Priyanka Chopra

ชอบเธอใน MARY KOM (2014, Omung Kumar) ที่เธอรับบทเป็นนักมวย, ใน BAJIRAO MASTANI (2015, Sanjay Leela Bhansali) ที่เธอตบกับ  Deepika อย่างรุนแรง และใน  JAI GANGAAJAL (2016, Prakash Jha) ที่เธอรับบทเป็นตำรวจหญิงผู้ผดุงความยุติธรรม ล่าสุดเห็นเธอแสดงใน THE MATRIX RESURRECTIONS (2021, Lana Wachowski) ด้วย

8.Anushka Sharma

ชอบเธอมาก ๆ ใน PK (2014, Rajkumar Hirani), NH10 (2015, Navdeep Singh) ที่เป็น thriller กับใน SUI DHAAGA: MADE IN INDIA (2019, Sharat Katariya)

9.Jacqueline Fernandez

เหมือนเราอาจจะเคยดูหนังของเธอน้อยมาก แต่มียุคนึงที่เรามักเห็นเธอในหนังตัวอย่าง เราไม่คิดว่าเธอเป็น "นักแสดง" ที่ดี แต่เราชอบเธอเพราะเธอเหมือน "เพื่อนเกย์" คนนึงตอนมัธยมมาก ๆ ในแง่ "จริตจะก้าน" และ "การทำหน้าทำตา" คือเห็นเธอทีไรแล้วเราหยุดหัวเราะไม่ได้ เพราะเธอทำให้เรานึกถึงเพื่อนเกย์คนนี้ รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นกะเทยสูงมากอยู่ในตัว 55555

ชอบดาราคนอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น Vidya Balan (TUMHARI SULU) กับ Rani Mukherjee (MADAARNI) แต่ลิสท์นี้เอาแค่นี้ก่อน

ดาราในรูป (จากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา) -- Kareena Kapoor, Priyanka Chopra, Tabu, Sonam Kapoor, Kangana Ranaut, Anushka Sharma, Jacqueline Fernandez, Taapsee Pannu, Deepika Pradukone


---

กรี๊ดดดด อยากดู  MORI, THE ARTIST'S HABITAT (2018, Shuichi Okita) กับ FIRE WILL COME (2019, Oliver Laxe) อย่างสุด ๆ  Shuichi Okita คือผู้กำกับ  A STORY OF YONOSUKE (2012) ส่วน Oliver Laxe คือคนที่อยู่ในหนังเรื่อง THE SKY TREMBLES AND THE EARTH IS AFRAID AND THE TWO EYES ARE NOT BROTHERS (2015, Ben Rivers, A+30)
https://www.bacc.or.th/event/2947.html
---
หนึ่งในประโยคประทับใจจากการคุยกับเพื่อน ๆ เมื่อวานนี้ เพื่อนเล่าว่าผู้ปกครองบางคนโอ๋ลูกมากเกินไป ตามใจเด็กจนเคยตัว เพื่อนก็เลยด่าลับหลังว่า "ถ้าหากมึงกลัวลูกมึงลำบากมากนัก ทำไมมึงไม่อั้นเอาไว้ ไม่ต้องเบ่งลูกออกมา"
---
พอเพื่อนเขียนว่า นักแสดงชายในละครวายมักจะต้องแสดงบทวาย "นอกจอ" ด้วย ก็เลยนึกได้ว่าเหมือนมันตรงข้ามกับยุคของ "สตรีเหล็ก" (2000) ที่นักแสดงต้องปกป้องความเป็น straight ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถ้าหากเราจำไม่ผิด ตอนนั้นมีนักข่าวถามนักแสดงในสตรีเหล็กคนนึงว่า "เป็นชายแท้หรือเปล่า" แล้วนักแสดงก็ตอบว่า "นักข่าวส่งน้องสาวมาอยู่กับผมสักคืนนึงสิ แล้วจะรู้ว่าผมเป็นชายแท้หรือเปล่า" เหมือนเคสนั้นทั้งนักข่าวและนักแสดงก็โดนสังคมรุมประณามไป แต่ไม่รู้ว่าเราจำถูกหรือเปล่านะ (แต่ก็เห็นใจนักแสดงอยู่บ้างนะ เราว่าเขาอาจจะโกรธกับคำถาม และคนเราพออยู่ในอารมณ์โกรธ มันก็จะพูดอะไรที่ไม่สมควรออกมาได้)

สงสาร Rock Hudson ถ้าเขามาเป็นดารายุคนี้คงสบายไปแล้ว
--
THE RESTLESS (2021, Joachim Lafosse, Belgium, A+30)

ฉากที่พระเอกบุกเข้าไปในโรงเรียนประถมนี่น่ากลัวมาก ๆ
--

BUG TANGMO (2022, Thitipong Chaisati, A+15)
บักแตงโม

Spoilers alert
--
-'
-'
--
-'

1.ขำที่พระเอกชื่อ "โทนี่" ที่ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ ส่วนผู้ร้ายในหนังชื่อ "อำนาจ" ไม่รู้หนังตั้งใจสื่ออะไรหรือเปล่า 55555

2.ถ้าหากเปรียบเทียบหนังเรื่องนี้เป็นเพลง มันก็เป็นเพลงที่เราไม่ชอบ "แนวเพลง" และ "เนื้อร้อง" น่ะ แต่เราชอบ "จังหวะ" ของเพลง เหมือนเพลงมันไม่ดี แต่มันถูก remix ออกมาจนจังหวะมันสนุก และเราชอบ "ความแร่ดในการออกเสียงของนักร้อง"

คือเหมือนเราไม่อินกับหนังตลกทำนองนี้อยู่แล้วน่ะ เนื้อหาของหนังเรื่องนี้เราก็เฉย ๆ แต่เราถูกโฉลกกับ energy ของหนังเรื่องนี้ เหมือนจังหวะมันสนุกดี และเหมือนหนังมันดึงพลังความประสาทแดก ความ hysteria บางอย่างของนักแสดงออกมาได้ในระดับนึง

ก็เลยนึกถึงพวกเพลงที่  original version มันไม่ดี แต่มันถูก remix ใหม่จนกลายเป็นเพลง  dance ที่จังหวะมันส์มาก และมีการดึงเอาพลังความแร่ดในเสียงของนักร้องออกมาได้อย่างแจ๋วแหววในเวอร์ชั่นที่  remix แล้ว

3.อะไรคือการที่ แม่ของนางเอกต้องเลือกระหว่าง ค่อม ชวนชื่น, โรเบิร์ต สายควัน และ วิลลี่ แมคอินทอช 55555

4. ตัวละคร "มิกซ์" นี่ดีมาก ๆ

---

THE DESPERATE HOUR (2021, Phillip Noyce, A+25)

1. นึกถึง "จีน่ากับโถสีฟ้า 5 ใบ" ซึ่งเป็นละครเวทีในการ์ตูนเรื่อง "หน้ากากแก้ว" คิตะจิมะ มายะ นางเอกของ "หน้ากากแก้ว" แสดงละครเวทีเรื่องนี้คนเดียว ตลอดทั้งเรื่อง โดยตัวละครคนอื่น ๆ อยู่ "นอกเวที" เกือบทั้งหมด แต่มายะก็เอาอยู่ คนดูสนุกตื่นเต้นลุ้นระทึกไปกับเนื้อเรื่อง ทั้ง ๆ ที่ไม่เห็นตัวละครคนอื่นเลย เห็นแค่มายะในบทจีน่ารับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ

พอดูหนังเรื่องนี้ก็เลยนึกถึงละครเวทีเรื่องนั้นใน หน้ากากแก้วมาก ๆ เพราะในหนังเรื่องนี้มี Naomi Watts ปรากฏตัวหน้าจอภาพยนตร์แค่คนเดียวเกือบตลอดทั้งเรื่อง แต่เธอก็เอาอยู่ และหนังเรื่องนี้เหมือนช่วยกระตุ้นจินตนาการผู้ชมในทางนึงด้วย และทำให้ผู้ชมเข้าใจความรู้สึกนางเอกมาก ๆ ด้วย เพราะหนังจำกัดการรับรู้ข้อมูลของผู้ชมให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับนางเอก

2. ไม่แน่ใจว่าทั้ง THE DESPERATE HOUR กับหนังออสเตรเลียเรื่อง GOLD (ทองกู) ที่เข้าฉายในตอนนี้เป็นหนังที่เกิดจาก "ข้อจำกัดทางการถ่ายทำในยุคโควิด" เหมือนกันหรือเปล่า เพราะทั้งสองเรื่องใช้นักแสดงน้อยมาก ๆ แต่หนังออกมาดีงามมาก ๆ ต้องชมบทภาพยนตร์, ฝีมือของนักแสดงนำ และการกำกับที่ช่วยกันแบกหนังทั้งสองเรื่องเอาไว้ได้
--
SEA GYPSY'S LIFE INSURANCE (2009, Nok Paksanavin, documentary, A+30)
ประกันชีวิต

ในที่สุดก็ได้ดูหนังสารคดีมานุษยวิทยาเรื่องนี้ ถ้าหากเราจำไม่ผิด ตอนที่หนังเรื่องนี้ฉายในงานหนังสั้นมาราธอนปี 2009 เราอาจได้ดูแค่ครึ่งเรื่องหลังมั้ง เหมือนเรามาดูไม่ทันช่วงครึ่งเรื่องแรก

ครั้งนี้ก็เลยอาจจะเป็นครั้งแรกที่เราได้ดูหนังเรื่องนี้แบบเต็ม ๆ

ช่วงครึ่งหลังหนังมืดมาก ๆ จนแทบมองอะไรไม่เห็นเลย 555 เข้าใจว่าน่าจะเป็นการสะท้อนปัญหาการไม่มีไฟฟ้าใช้ในพื้นที่นั้นด้วย

ตกใจมากที่ได้รู้ว่าปัจจุบันนี้ปัญหาไม่มีไฟฟ้าใช้ก็ยังคงมีอยู่ นึกถึงพิมรี่พายขึ้นมาเลย 555

ขอบคุณหมอเทมป์มาก ๆ ที่หาหนังเรื่องนี้มาฉาย

No comments: