Tuesday, May 31, 2022

PRASART (1975, Piak Poster, Rerngsiri Limaksorn, second viewing, A+30)

 

PRASART (1975, Piak Poster, Rerngsiri Limaksorn, second viewing, A+30)

ประสาท

 

SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

1.ดีใจสุด ๆ ที่ได้ดูหนังเรื่องนี้รอบสอง หลังจากที่เราเคยดูรอบแรกไปแล้วในปี 1998 และยกให้เป็นหนึ่งในหนังที่ชอบที่สุดในชีวิตเลย เพราะหนังมันมีอะไรบางอย่างที่ถูกโฉลกกับเราอย่างสุด ๆ

 

2. พอเราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบสองที่ศาลายาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เราก็เข้าห้องน้ำที่ชั้นล่างของโรงหนัง และได้ยินลุง ๆ ในห้องน้ำเมาท์มอยกันถึงหนังเรื่องนี้ ลุง ๆ คุยกันว่าหนังเรื่องนี้ดีมาก ๆ มันแสดงให้เห็นว่าตัวละครแต่ละคนมีพฤติกรรม “คิดไปเอง” กันทั้งนั้น โดยเฉพาะในช่วงท้าย ๆ ของเรื่องที่ตัวละครหลาย ๆ ตัว “คิดไปเอง” “มโนไปเอง” และด่วนตัดสินอะไรต่าง ๆ โดยตั้งอยู่บนจินตนาการแบบคิดเอง เออเองของตนเอง ทั้งตัวละครชายและตัวละครหญิง

 

ชอบสิ่งที่ลุง ๆ คุยกันนี้มาก ๆ ประทับใจการเมาท์มอยของผู้ชมในห้องน้ำในครั้งนี้อย่างสุด ๆ

 

3.เป็นหนังที่สร้างตัวละครนำหญิงทั้ง 3 ตัวได้ออกมาตรงใจเรามาก ๆ เหมือนทั้ง 3 ตัวมีฤทธิ์และความน่าสนใจแตกต่างกันไป ทั้งเนติญา (เปียทิพย์), พรรัชนี (มยุรฉัตร) และอรอนงค์ (ทัศน์วรรณ)

 

4. เหมือนเนติญาจะเป็นตัวละครที่ดูตื้นที่สุด แต่แรงที่สุด พอดูแล้วอยาก role play เป็นเธอในทุกฉากมาก ๆ เพราะเธอดู ICONIC มาก ๆ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม, ลีลาท่าทาง เธอแรงทุกฉาก ตั้งแต่ฉากเปิดตัวฉากแรกที่เธอเดินเข้ามาในบาร์ และฉากท้าย ๆ ที่เธอมาขอยาแก้ปวดหัว ด้วยชุดที่หนักมาก ๆ และด้วยลีลาการโพสท่าที่หนักมาก ๆ

 

เนติญาเป็นเศรษฐีนีม่ายที่สามีตาย และเธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลประสาท เธอหวงน้องชายมาก ๆ จนเหมือนเธอแอบมีความ incest อยู่ในใจ นพ (สรพงศ์) ซึ่งเป็นน้องชายของเธอก็เลยไม่กล้าคบกับผู้หญิงดี ๆ เพราะไม่มีผู้หญิงดี ๆ คนไหนรับมือกับเปียทิพย์ได้ นพก็เลยไปคบกับอรอนงค์ เพราะเขาคิดว่าอรอนงค์กร้านโลกพอที่จะรับมือกับเปียทิพย์ได้

 

เนติญาเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูงมากด้วย พอเธอเจอกรุง ศรีวิไล เธอก็ขอให้เขาแก้ผ้าว่ายน้ำต่อหน้าเธอ และพยายามมี sex กับเขาทุกคืน และพอเธอเจอภิญโญ ทองเจือ ซึ่งเป็นสามีของพรรัชนี และเป็นคนพิการ เธอก็พูดว่า “สงสารพรรัชนีเนอะ สงสัยคงได้ (มี sex กับผัว) แค่ปีละครั้ง” แต่พอพรรัชนีไม่อยู่บ้าน เธอก็รีบคว้าโอกาสนี้ในการไปมี sex กับภิญโญ ทองเจือในทันที

 

5. อรอนงค์ก็เป็นตัวละครที่เราชอบสุดๆ เราว่าทัศน์วรรณดูสวยมาก ๆ ด้วยแหละในบทนี้ เธอดูเหมือนนักร้องเพลงแนว psychedelic ในยุคนั้น เธอเป็นสาวกร้านโลก ไม่ยอมหงอหรืออ่อนข้อให้เนติญาแม้แต่นิดเดียว

 

เราชอบที่หนังเหมือนให้เราคอยสังเกตพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอรอนงค์ที่ดูเป็นคนใจร้อน ตั้งแต่ฉากที่เธอด่ากับเนติญาจนเธอลืมรองเท้า และฉากที่เธอลืมถุงใส่เสื้อผ้าไว้ในร้านอาหาร และนั่นก็อาจจะอธิบายได้ดีถึงการตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่นของอรอนงค์ในเหตุการณ์ต่อ ๆ มา ทั้งการที่เธอตัดสัมพันธ์กับนพอย่างฉับพลัน และหันไปเอาผัวฝรั่ง แต่พอเธอเจออรอนงค์มาเป่าหู เธอก็ตัดสินใจทิ้งผัวฝรั่งในทันที

 

เราว่าหนังสร้างตัวละครนี้มาในแบบที่เข้าทางเราอย่างสุด ๆ ด้วยแหละ คือในขณะที่ตัวละครอย่างเนติญาดูเป็น “นางอิจฉา/นางร้าย/ดาวยั่ว” อย่างเต็มที่ ตัวละครของอรอนงค์กลับดูไม่ออกว่าเป็นนางเอกหรือนางอิจฉาหรือนางอะไร คือเธอดูเป็นมนุษย์มาก ๆ มีผิดชอบชั่วดี มีข้อบกพร่องของตนเอง คือเหมือนเธอดูเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มากกว่าตัวละคร “นางเอก” ในหนังหลาย ๆ เรื่องที่จะถูกกรอบของความเป็นนางเอกแบบพิมพ์นิยมไปกดทับไว้

 

6. พรรัชนีนี่ก็ถือเป็นตัวละครที่เราชอบเพราะสาเหตุข้างต้นเหมือนกัน คือเธอดูเหมือนเป็นนางเอกของเรื่อง แต่เธอไม่ได้เป็นนางเอกเพราะเธอเป็นสาวสวยนิสัยดี แต่เป็นเพียงเพราะเธอมีบทเด่นที่สุดในหนังเท่านั้นเอง และเราก็รู้สึกว่าบทของเธอดูเป็น “มนุษย์” ที่มีความซับซ้อนน่าสนใจมาก ๆ โดยไม่ได้ถูกกรอบของความเป็น “นางเอก” แบบพิมพ์นิยมไปกดทับไว้เช่นกัน

 

พรรัชนีเป็นนักแต่งนิยายที่ได้แต่งงานกับภิญโญ ทองเจือ แต่พอเขาประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นคนพิการ เธอก็ต้องมาอยู่พัทยาเพื่อดูแลเขา เธอรู้สึกว่าตนเองขาดประสบการณ์ชีวิต และก็เลยคิดว่าจะเอาเรื่องคนต่าง ๆ รอบตัวมาแต่งเป็นนิยาย

 

เราชอบมากที่หนังไม่แสดงออกตรง ๆ ว่าเธอเก็บกดทางเพศเพราะมีผัวพิการหรือเปล่า แต่เราเดาว่าเธอเก็บกด และเราหมั่นไส้ความพยายามจะทำตัวเรียบร้อยของเธอ เพราะในฉากแรกนั้น เธอปรากฏตัวมาในมาดผู้ดี แต่พอเพื่อนสาวของเธอที่มีนิสัยโผงผางเดินเข้ามา เธอก็พูดว่า “อีแร่ดมาแล้ว”

 

เราว่าหนังสร้างความ contrast ระหว่างเธอกับเพื่อนสนิทคนนี้ได้ดีด้วยแหละ คือเพื่อนสนิทของเธอคนนี้ดูเป็นคนไม่เก็บกด มีอะไรก็แสดงออกมาตรง ๆ ในขณะที่พรรัชนีดูเป็นคนแบบน้ำนิ่งไหลลึก

 

ฉากที่เราชอบสุด ๆ ก็คือฉากที่นพพยายามจะจีบเธอ แล้วเธอทำหน้าทำตา ทำลีลาท่าทางอะไรสักอย่างตรงขั้นบันได แล้วพูดกับนพว่า “อย่าแหย่เสือหลับสิคะ” เราว่ามยุรฉัตรแสดงฉากนี้ได้ดีสุด ๆ คือในขณะที่การแสดงของเปียทิพย์ในหนังเรื่องนี้เป็นแบบ “มากเต็มที่” ลีลาการแสดงของมยุรฉัตรในหนังเรื่องนี้ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นแบบ “น้อยแต่มาก”

 

และเราชอบความซับซ้อนของพรรัชนีมาก ๆ เพราะในที่สุดเธอก็เหมือนจะยอมรับว่า เธออยากได้นพ แต่แทนที่เธอจะทำตามต้องการทางเพศของตัวเอง เธอกลับบอกว่าเธอไม่อยากทำบาป และพยายามไปเกลี้ยกล่อมอรอนงค์ให้ไปคืนดีกับนพซะ

 

คือเราว่าการตัดสินใจของพรรัชนีตรงนี้เป็นอะไรที่เราชอบสุด ๆ และเราชอบที่หนังไม่ได้บอกว่า สิ่งที่พรรัชนีทำ (ฉัน want ผู้ชาย แต่ฉันไม่อยากนอกใจผัวพิการ ฉันก็เลยพยายามให้ผู้ชายคนนั้นกลับไปคืนดีกับแฟนเก่า) มันเป็นการกระทำของนางเอกแบบแม่พระ ผู้มีหิริโอตตัปปะ เกรงกลัวต่อบาป หรือเป็นการตัดสินใจของ “คนโรคประสาท” 55555

 

7. รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้สามารถปะทะได้กับหนัง “ผู้หญิงแรง ๆ ปะทะกัน” ที่เราชอบสุด ๆ เรื่องอื่น ๆ ได้สบายเลยน่ะ ทั้ง WOMEN ON THE VERGE OF A NERVOUS BREAKDOWN (1988, Pedro Almodovar) และ MAPS TO THE STARS (2014, David Cronenberg)

 

อยากฉายหนังเรื่องนี้ควบกับหนังที่เราชอบที่สุดของ Woody Allen ด้วย ซึ่งก็คือหนังเรื่อง SEPTEMBER (1987) เพราะเราชอบที่หนังทั้งสองเรื่องนี้นำเสนอสภาพจิตของตัวละครหญิงได้อย่างละเอียดอ่อนและงดงามมาก ๆ

 

8.ชอบเครื่องแต่งกายในหนังเรื่องนี้อย่างสุด ๆ ชุดตัวละครหญิงแต่ละตัวนี่ดีงามมาก ๆ

 

9. ฉากที่ภิญโญ ทองเจือค่อย ๆ เดินมาในความมืด จาก background ของภาพ มาถึง foreground ของภาพ ดูแล้วนึกถึง INDIA SONG (1975, Marguerite Duras) 55555

 

10. ตอนดูหนังเรื่องนี้รอบแรกในปี 1998 เราจำได้แต่ว่าเปี๊ยก โปสเตอร์กำกับ เราก็เลยแอบแปลกใจว่าทำไมคุณเปี๊ยกทำหนังที่ดูมีความ feminine และมีลีลาการโพสท่าแบบกะเทยสูงมากแบบนี้ ได้รับอิทธิพลมาจาก Ingmar Bergman หรืออย่างไร

 

แต่พอมาดูรอบนี้ แล้วได้ทราบว่าจริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้มีคุณเริงศิริ ลิมอักษรร่วมกำกับด้วย ทุกองค์ประกอบแห่งความเป็นกะหรี่และทุกอณูแห่งความเป็นกะเทยในหนังเรื่องนี้ ก็เลยกระจ่างว่ามันน่าจะมีที่มาอย่างไร 55555

 

ลีลาการโพสท่าของเปียทิพย์ในบางฉากนี่ มันคือลีลาเดียวกับที่ใหม่ เจริญปุระแสดงใน “คนเริงเมือง (1988, เริงศิริ ลิมอักษร) เลยนะ

No comments: