Thursday, January 16, 2025

TRILOGY OF THAILAND-LAOS RELATIONSHIP

 

พอเห็นการโปรโมทของหนังเรื่อง “แฟลตเกิร์ล” อยู่ดี ๆ มันก็ไปกระตุ้นความทรงจำในวัยเด็กของเราให้กลับคืนมา เพราะตอนเด็ก ๆ เราก็อยู่แฟลตทหารตรงถนนประชาธิปไตย หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการในตอนนี้ว่า “อาคารสงเคราะห์กองทัพบก (ส่วนกลาง)” มีความทรงจำบางอย่างในวัยเด็กที่เราไม่สามารถเขียน public ได้ 555555 แต่ก็ต้องขอบคุณการโปรโมทของหนังเรื่อง “แฟลตเกิร์ล” ที่ไปกระตุ้นความทรงจำลับ ๆ อันนี้ให้กลับคืนมา

 

เราอยู่แฟลตทหารในปี 1973-1976 เพราะว่าพ่อของเราเป็นทหารบก แต่พอพ่อของเราเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1976 ตอนที่เราอายุ 3 ขวบ ครอบครัวของเราก็ต้องย้ายออกจากแฟลตทหารแห่งนี้ ตอนแรกครอบครัวของเราก็ย้ายไปอาศัยอยู่ที่บ้านของเพื่อนพ่อคนหนึ่งซึ่งเป็นทหารเหมือนกับพ่อของเรา เพื่อนพ่อคนนี้ก็ประสบอุบัติเหตุในเหตุการณ์เดียวกัน แต่เขาแค่ได้รับบาดเจ็บที่ขา และหลังจากนั้นครอบครัวของเราก็ย้ายออกจากบ้านของเพื่อนพ่อ และไปเช่าบ้านอยู่แถววัดราชาธิวาสราชวรวิหาร ตรงท่าวาสุกรี ในช่วงราวปี 1977-1978 มั้ง แต่ในบ้านเช่านั้นมีหลายครอบครัวอาศัยอยู่รวมกัน เรายังจำได้เลยว่า มีครอบครัวหนึ่งน่าจะนับถือศาสนาฮินดู และมีอีกครอบครัวหนึ่งเป็นผัวเมียที่ชอบเอากันเป็นประจำ จนเราอายุได้ราว 7 ขวบ ครอบครัวของเราถึงได้ย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองในฝั่งธนบุรี

 

พอลองเข้าไปดูใน GOOGLE EARTH เราก็พบว่า แฟลตทหารที่เราเคยอาศัยอยู่ในปี 1973-1976 ก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าอาคารแห่งนี้มีอายุกี่ปีแล้ว คิดถึงอดีตมาก ๆ เหมือนกัน

+++++

 

เพิ่งรู้ว่า Steven Spielberg ปลาบปลื้ม Robert Enrico ด้วย ส่วนตัวเรานั้น เคยดูมินิซีรีส์เรื่อง FOR THOSE I LOVED (1983, Robert Enrico, 6hrs) ที่เคยมาฉายทางช่อง 3 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ Holocaust มินิซีรีส์เรื่องนี้นำแสดงโดย Michael York, Macha Méril, Brigitte Fossey ซึ่งเราชอบมินิซีรีส์เรื่องนี้มาก ๆ แต่เราพลาดตอนจบ ซึ่งถ้าหากเราจำไม่ผิด มันเป็นเพราะว่าตอนนั้นเราตั้งเวลาอัดวิดีโอไว้ แต่วิดีโอเทปมันเนื้อที่เหลือไม่พอ เราก็เลยไม่ได้ดูช่วง 15 นาทีสุดท้ายของมินิซีรีส์เรื่องนี้ แล้วก็เลยเป็นสิ่งที่คาใจเรามานานราว 40 ปีแล้วว่า มินิซีรีส์เรื่องนี้มันจบยังไง ใครยังจำตอนจบของมินิซีรีส์เรื่องนี้ได้บ้างคะ

++++++++++

สรพงษ์ ชาตรี VS. Margaret Qualley

 

มังกรลายไทย THAI PRINT DRAGON (1984, Saenyakorn, 110min, A+15)

VS. THE SUBSTANCE (2024, Coralie Fargeat, A+30)

Edit เพิ่ม: หนังสองเรื่องนี้ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยนะ นอกจากฉากตัวละครเอกแหกขา 55555

++++

 

เพิ่งฟังเทป “จุดหมายที่ปลายกระโปก!!” จบ ชอบมากที่พูดถึงผู้กำกับหนังวัยชรา ขำที่ spotify มัน transcribe ชื่อคนโดยอัตโนมัติเป็น “ลิลลี่ สก็อต” 55555

https://open.spotify.com/episode/0kZuwyQbcVAY73727P2KVo

++++++++++

TRILOGY OF THAILAND-LAOS RELATIONSHIP

 

1. LOVE IS FOREVER (1983, Hall Bartlett, 96min)

2. BYE BYE THAILAND (1987, Surasee Patham, A+30)  

3. “ร่มเกล้า 1428” (2014, Autthavisit Hatsadinthon Na Ayutthaya อรรถวิศิษฐ์ หัสดินทร ณ อยุธยา, 42min, A+20)

 

ดู BYE BYE THAILAND (1987, Surasee Patham, A+30) ที่หอภาพยนตร์ ศาลายา แล้วชอบสุดขีดมาก ๆ ยกให้เป็น ONE OF MY MOST FAVORITE THAI FEATURE FILMS OF ALL TIME เลย ถือเป็นเพชรเม็ดงามของวงการหนังไทยจริง ๆ

 

ขอบันทึกความทรงจำไว้เล็กน้อยว่า หนังเรื่อง BYE BYE THAILAND นี้ทำให้เรานึกถึงอะไรอีกสองอย่างโดยที่หนังไม่ได้ตั้งใจด้วย

 

1. เหมือนเราได้ยินมาว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้ออกฉายในปี 1987 เพราะกลัวกระทบความสัมพันธ์ไทย-ลาว เราก็เลยย้อนนึกถึงอดีตว่า ตอนนั้นความสัมพันธ์ไทย-ลาวเป็นอย่างไร แล้วเราก็จำได้ว่า เออ ใช่ ตอนนั้นไทยกับลาวมันทำสงครามกัน ซึ่งก็คือสงครามร่มเกล้าในปี 1987-1988 ที่มีทหารไทยเสียชีวิต 147 คน และเหตุการณ์นี้ได้ถูกดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์ในเวลาต่อมา ซึ่งก็คือภาพยนตร์เรื่อง “ร่มเกล้า 1428” (2014, Autthavisit Hatsadinthon Na Ayutthaya อรรถวิศิษฐ์ หัสดินทร ณ อยุธยา, 42min, A+20)

 

เพราะฉะนั้นในแง่หนึ่ง BYE BYE THAILAND ก็เลยเหมือนเป็น prequel ของ “ร่มเกล้า 1428” เพราะร่มเกล้า 1428 นำเสนอสงครามระหว่างไทยกับลาวที่เกิดขึ้นในปี 1987-1988 ส่วนเหตุการณ์สมมุติใน BYE BYE THAILAND น่าจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเล็กน้อย

 

2. BYE BYE THAILAND แสดงให้เห็นว่า มีคนลาวจำนวนมากที่ข้ามแม่น้ำจากประเทศลาวเพื่อมาลี้ภัยในประเทศไทยในยุคนั้น เราก็เลยนึกถึงเรื่องราวของ Ananda Everingham มาก ๆ เพราะพ่อของเขาซึ่งเป็นหนุ่มออสเตรเลีย กับแม่ของเขาซี่งเป็นสาวลาว ก็ลี้ภัยจากลาวด้วยการข้ามแม่น้ำโขงอย่างยากลำบาก และอย่างเสี่ยงชีวิตมาก ๆ เข้ามาในประเทศไทยเช่นกัน โดยหลังจากข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาในไทยได้แล้ว แม่ของอนันดาก็ถูกจับส่งเข้าศูนย์อพยพหนองคาย และเรื่องราวความรักระหว่างพ่อกับแม่ของอนันดา ก็ถูกนำไปสร้างเป็นหนังเรื่อง LOVE IS FOREVER (1983, Hall Bartlett, 96min) ในเวลาต่อมา

 

อ่านเรื่องราวการลี้ภัยของพ่อแม่อนันดาได้อย่างละเอียดในเว็บไซท์ THE CLOUD ตามลิงค์ข้างล่างนี้

https://readthecloud.co/keosiri-everingham/

 

เพราะฉะนั้นในแง่หนึ่ง เราก็เลยคิดว่า LOVE IS FOREVER ก็เหมือนเป็น prequel ของ BYE BYE THAILAND

 

พอเราได้ดู BYE BYE THAILAND เราก็เลยคิดว่า หนัง 3 เรื่องนี้เหมาะนำมาฉายรวมกันเป็น TRILOGY มาก ๆ เพื่อสะท้อนความสัมพันธ์ไทย-ลาวในยุคนั้น หรือถ้าหากจะฉายเป็น TETRALOGY ก็รวม “ผมไม่อยากเป็นพันโท” (1975, Chatrichaloem Yukol, A+30) เข้ามาอีกเรื่องหนึ่ง 55555

 

Edit เพิ่ม: เรายังไม่เคยดู LOVE IS FOREVER นะ แต่อยากดูมาก ๆ

 

 

No comments: