พอเห็นการโปรโมทของหนังเรื่อง “แฟลตเกิร์ล”
อยู่ดี ๆ มันก็ไปกระตุ้นความทรงจำในวัยเด็กของเราให้กลับคืนมา เพราะตอนเด็ก ๆ
เราก็อยู่แฟลตทหารตรงถนนประชาธิปไตย หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการในตอนนี้ว่า
“อาคารสงเคราะห์กองทัพบก (ส่วนกลาง)” มีความทรงจำบางอย่างในวัยเด็กที่เราไม่สามารถเขียน
public ได้ 555555 แต่ก็ต้องขอบคุณการโปรโมทของหนังเรื่อง
“แฟลตเกิร์ล” ที่ไปกระตุ้นความทรงจำลับ ๆ อันนี้ให้กลับคืนมา
เราอยู่แฟลตทหารในปี 1973-1976
เพราะว่าพ่อของเราเป็นทหารบก แต่พอพ่อของเราเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี
1976 ตอนที่เราอายุ 3 ขวบ ครอบครัวของเราก็ต้องย้ายออกจากแฟลตทหารแห่งนี้
ตอนแรกครอบครัวของเราก็ย้ายไปอาศัยอยู่ที่บ้านของเพื่อนพ่อคนหนึ่งซึ่งเป็นทหารเหมือนกับพ่อของเรา
เพื่อนพ่อคนนี้ก็ประสบอุบัติเหตุในเหตุการณ์เดียวกัน แต่เขาแค่ได้รับบาดเจ็บที่ขา
และหลังจากนั้นครอบครัวของเราก็ย้ายออกจากบ้านของเพื่อนพ่อ
และไปเช่าบ้านอยู่แถววัดราชาธิวาสราชวรวิหาร ตรงท่าวาสุกรี ในช่วงราวปี 1977-1978
มั้ง แต่ในบ้านเช่านั้นมีหลายครอบครัวอาศัยอยู่รวมกัน เรายังจำได้เลยว่า
มีครอบครัวหนึ่งน่าจะนับถือศาสนาฮินดู
และมีอีกครอบครัวหนึ่งเป็นผัวเมียที่ชอบเอากันเป็นประจำ จนเราอายุได้ราว 7 ขวบ
ครอบครัวของเราถึงได้ย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองในฝั่งธนบุรี
พอลองเข้าไปดูใน GOOGLE EARTH เราก็พบว่า แฟลตทหารที่เราเคยอาศัยอยู่ในปี 1973-1976
ก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าอาคารแห่งนี้มีอายุกี่ปีแล้ว คิดถึงอดีตมาก ๆ
เหมือนกัน
+++++
เพิ่งรู้ว่า Steven Spielberg ปลาบปลื้ม Robert Enrico ด้วย ส่วนตัวเรานั้น
เคยดูมินิซีรีส์เรื่อง FOR THOSE I LOVED (1983, Robert Enrico, 6hrs) ที่เคยมาฉายทางช่อง 3 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ Holocaust
มินิซีรีส์เรื่องนี้นำแสดงโดย Michael York, Macha Méril,
Brigitte Fossey ซึ่งเราชอบมินิซีรีส์เรื่องนี้มาก ๆ
แต่เราพลาดตอนจบ ซึ่งถ้าหากเราจำไม่ผิด มันเป็นเพราะว่าตอนนั้นเราตั้งเวลาอัดวิดีโอไว้
แต่วิดีโอเทปมันเนื้อที่เหลือไม่พอ เราก็เลยไม่ได้ดูช่วง 15 นาทีสุดท้ายของมินิซีรีส์เรื่องนี้
แล้วก็เลยเป็นสิ่งที่คาใจเรามานานราว 40 ปีแล้วว่า มินิซีรีส์เรื่องนี้มันจบยังไง
ใครยังจำตอนจบของมินิซีรีส์เรื่องนี้ได้บ้างคะ
++++++++++
สรพงษ์ ชาตรี VS. Margaret Qualley
มังกรลายไทย THAI PRINT DRAGON (1984,
Saenyakorn, 110min, A+15)
VS. THE SUBSTANCE (2024, Coralie Fargeat, A+30)
Edit เพิ่ม: หนังสองเรื่องนี้ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยนะ
นอกจากฉากตัวละครเอกแหกขา 55555
++++
เพิ่งฟังเทป “จุดหมายที่ปลายกระโปก!!” จบ ชอบมากที่พูดถึงผู้กำกับหนังวัยชรา ขำที่ spotify มัน transcribe ชื่อคนโดยอัตโนมัติเป็น “ลิลลี่
สก็อต” 55555
https://open.spotify.com/episode/0kZuwyQbcVAY73727P2KVo
++++++++++
TRILOGY OF THAILAND-LAOS RELATIONSHIP
1. LOVE IS FOREVER (1983, Hall Bartlett, 96min)
2. BYE BYE THAILAND (1987, Surasee Patham, A+30)
3. “ร่มเกล้า 1428” (2014, Autthavisit
Hatsadinthon Na Ayutthaya อรรถวิศิษฐ์ หัสดินทร ณ อยุธยา, 42min,
A+20)
ดู BYE BYE THAILAND (1987, Surasee Patham,
A+30) ที่หอภาพยนตร์ ศาลายา แล้วชอบสุดขีดมาก ๆ ยกให้เป็น ONE
OF MY MOST FAVORITE THAI FEATURE FILMS OF ALL TIME เลย
ถือเป็นเพชรเม็ดงามของวงการหนังไทยจริง ๆ
ขอบันทึกความทรงจำไว้เล็กน้อยว่า หนังเรื่อง
BYE BYE THAILAND นี้ทำให้เรานึกถึงอะไรอีกสองอย่างโดยที่หนังไม่ได้ตั้งใจด้วย
1. เหมือนเราได้ยินมาว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้ออกฉายในปี
1987 เพราะกลัวกระทบความสัมพันธ์ไทย-ลาว เราก็เลยย้อนนึกถึงอดีตว่า ตอนนั้นความสัมพันธ์ไทย-ลาวเป็นอย่างไร
แล้วเราก็จำได้ว่า เออ ใช่ ตอนนั้นไทยกับลาวมันทำสงครามกัน
ซึ่งก็คือสงครามร่มเกล้าในปี 1987-1988 ที่มีทหารไทยเสียชีวิต 147 คน และเหตุการณ์นี้ได้ถูกดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์ในเวลาต่อมา
ซึ่งก็คือภาพยนตร์เรื่อง “ร่มเกล้า 1428” (2014, Autthavisit Hatsadinthon
Na Ayutthaya อรรถวิศิษฐ์ หัสดินทร ณ อยุธยา, 42min, A+20)
เพราะฉะนั้นในแง่หนึ่ง BYE BYE THAILAND ก็เลยเหมือนเป็น prequel ของ “ร่มเกล้า 1428” เพราะร่มเกล้า
1428 นำเสนอสงครามระหว่างไทยกับลาวที่เกิดขึ้นในปี 1987-1988 ส่วนเหตุการณ์สมมุติใน
BYE BYE THAILAND น่าจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเล็กน้อย
2. BYE BYE THAILAND แสดงให้เห็นว่า มีคนลาวจำนวนมากที่ข้ามแม่น้ำจากประเทศลาวเพื่อมาลี้ภัยในประเทศไทยในยุคนั้น
เราก็เลยนึกถึงเรื่องราวของ Ananda Everingham มาก ๆ เพราะพ่อของเขาซึ่งเป็นหนุ่มออสเตรเลีย
กับแม่ของเขาซี่งเป็นสาวลาว ก็ลี้ภัยจากลาวด้วยการข้ามแม่น้ำโขงอย่างยากลำบาก
และอย่างเสี่ยงชีวิตมาก ๆ เข้ามาในประเทศไทยเช่นกัน โดยหลังจากข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาในไทยได้แล้ว
แม่ของอนันดาก็ถูกจับส่งเข้าศูนย์อพยพหนองคาย และเรื่องราวความรักระหว่างพ่อกับแม่ของอนันดา
ก็ถูกนำไปสร้างเป็นหนังเรื่อง LOVE IS FOREVER (1983, Hall Bartlett,
96min) ในเวลาต่อมา
อ่านเรื่องราวการลี้ภัยของพ่อแม่อนันดาได้อย่างละเอียดในเว็บไซท์
THE CLOUD ตามลิงค์ข้างล่างนี้
https://readthecloud.co/keosiri-everingham/
เพราะฉะนั้นในแง่หนึ่ง เราก็เลยคิดว่า LOVE
IS FOREVER ก็เหมือนเป็น prequel ของ BYE
BYE THAILAND
พอเราได้ดู BYE BYE THAILAND เราก็เลยคิดว่า หนัง 3 เรื่องนี้เหมาะนำมาฉายรวมกันเป็น TRILOGY มาก ๆ เพื่อสะท้อนความสัมพันธ์ไทย-ลาวในยุคนั้น หรือถ้าหากจะฉายเป็น TETRALOGY
ก็รวม “ผมไม่อยากเป็นพันโท” (1975, Chatrichaloem Yukol,
A+30) เข้ามาอีกเรื่องหนึ่ง 55555
Edit เพิ่ม: เรายังไม่เคยดู LOVE IS
FOREVER นะ แต่อยากดูมาก ๆ
No comments:
Post a Comment