ชอบหนังเรื่อง VELVET GOLDMINE (1998, TODD HAYNES, A+) กับ THE DREAMERS (2003, BERNARDO BERTOLUCCI, A+) มากๆเลยค่ะ ใน VELVET GOLDMINE นั้น ดิฉันชอบพระเอก 3 คนในหนังเรื่องนี้มาก เลือกไม่ถูกเลยจริงๆว่าถ้าต้องเลือกระหว่าง
1.EWAN MCGREGOR,
2.JONATHAN RHYS-MEYERS
3.CHRISTIAN BALE
แล้วจะเลือกใครดี แต่ถ้าต้องเลือก ดิฉันก็ขอเลือก JONATHAN RHYS-MEYERS ค่ะ เพราะรู้สึกว่าในเรื่องนี้เขาจะดูดีมากๆ ส่วน EWAN MCGREGOR นั้น ดิฉันชอบเขามากที่สุดจากเรื่อง TRAINSPOTTING ค่ะ เพราะดิฉันชอบเขาตอนหัวโล้นๆ ในขณะที่ CHRISTIAN BALE นั้น ดิฉันต้องการเขามากที่สุดจากหนังเรื่อง REIGN OF FIRE (2002, ROB BOWMAN, B) เพราะในเรื่องนั้นเขาดูเท่ล่ำดี จริงๆแล้วเขาก็โชว์ความล่ำใน AMERICAN PSYCHO (2000, A-) และ EQUILIBRIUM (2002, KURT WIMMER, A-) ด้วยเหมือนกัน แต่ใน REIGN OF FIRE เขาดูเร้าใจมากที่สุด
ส่วน FORMULA 17 นั้น ดิฉันรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีองค์ประกอบและมีไอเดียอะไรดีๆเยอะมาก แต่ทำไมมันถึงดูแล้วขัดๆยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกชื่นชมไอเดียของคนสร้างหนังเรื่องนี้ที่สร้างหนังแนวนี้ออกมา แต่เนื่องจากหนังเรื่องนี้ขาด ”ความเจ็บปวด” ในแบบที่ดิฉันสามารถมีอารมณ์ร่วมด้วยได้ ดิฉันก็เลยไม่ค่อยอินกับหนังสักเท่าไหร่ หนังเรื่องนี้มีตัวละครที่เจ็บปวดกับความรัก แต่ดิฉันกลับไม่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของตัวละครเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันจงใจตลกหรือสดใสเกินไปหรือเปล่า พระเอกหนุ่มจากบ้านนอกของหนังเรื่องนี้หน้าตาน่ารักมากๆ แต่ดิฉันไม่ค่อยชอบหน้าตาคนที่เป็นเพลย์บอยในหนังเรื่องนี้เท่าไหร่
ตัวละครที่อยู่ในความสนใจของดิฉันมากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือคนที่เป็นเพื่อนของเพลย์บอยค่ะ เขาดูเป็นตัวละครที่ดูเหมือนจะมีอะไรๆดี ในขณะที่ตัวละครคนอื่นๆมันเป็นตัวละครที่ดู “สำเร็จรูป” ยังไงไม่รู้ มันดูเหมือนตัวละครประเภทพระเอก, นางเอก (เพศชาย), เพื่อนนางเอก แต่ตัวละครที่เป็นเพื่อนของเพลย์บอย เขาดูเหมือนจะเป็นนางอิจฉาก็ไม่ใช่ เหมือนเป็นเพื่อนพระเอกเฉยๆก็ไม่เชิง
อย่างไรก็ดี FORMULA 17 ยังมีข้อดีอีกเยอะค่ะ หนังเรื่องนี้น่ารักมากๆ แต่เนื่องจากดิฉันคาดหวังสูงไปหน่อย ก็เลยผิดหวังเล็กน้อย ก่อนเข้าไปดู FORMULA 17 กับ FAHRENHEIT 9/11 ดิฉันนึกว่าดิฉันอาจจะชอบหนังสองเรื่องนี้ในระดับ A+ แต่ปรากฏว่าอารมณ์ของดิฉันไปไม่ถึงขั้นนั้น ต่างกับหนังฮอลลีวู้ดอย่าง ANACONDAS, CELLULAR หรือ DODGEBALL ก่อนดิฉันเข้าไปดูหนังเหล่านี้ ดิฉันเสียวๆว่าหนังจะออกมาประมาณ C- หรือเปล่า แต่ปรากฏว่ามันกลับดูเพลินกว่าที่คาดมากๆ ถึงแม้ในแง่ของ “ความคิดสร้างสรรค์”แล้ว หนังเหล่านี้อาจจะแพ้ FORMULA 17 ก็ตาม
ตอนไปดู FORMULA 17 ก็เพลินกับการดูหนุ่มๆเกย์ที่โรงหนังมากค่ะ ดีใจมากค่ะที่ได้ข่าวว่าหนังเรื่องนี้ทำลายสถิติรายได้ถล่มทลายของโรงหนัง HOUSE ยังไงถ้าใครว่างก็ช่วยกันไปอุดหนุนนะคะ เผื่อเขาจะสั่งหนังเกย์เข้ามาฉายอีก
ปกติดิฉันชอบหุ่นหล่อล่ำหน้าตาดีค่ะ แต่ชอบ “บท” ของเจมส์ แกนโดลฟินีในหนังเรื่อง THE MEXICAN (2001, GORE VERBINSKI, B) มากๆ ในความเห็นของดิฉันนั้น ถ้าหากหนังเรื่องนี้ไม่มีบทเกย์ของเจมส์ แกนโดลฟินี ดิฉันคงชอบหนังเรื่องนี้แค่ในระดับ C+ ค่ะ แต่การที่ดิฉันชอบหนังเรื่องนี้แค่ในระดับ B นั้น เป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้ “ใจร้าย” กับตัวละครเกย์ตัวนี้มากเกินไปค่ะ ถ้าหากหนังเรื่องนี้ใจดีกับตัวละครตัวนี้มากกว่านี้ ดิฉันคงชอบหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน
ส่วน FRANKIE AND JOHNNY (1991, GARRY MARSHALL, B) นั้น ดิฉันก็ชอบภาพพจน์ของเกย์ในหนังเรื่องนี้มากค่ะ เพราะหนังเรื่องนี้นำเสนอภาพพจน์ของเกย์ที่ดูเป็นผู้เป็นคนมากๆ ไม่ได้ดูเป็นตัวตลกหรือตัวประหลาดเหมือนในหนังทั่วๆไป ส่วนการที่ดิฉันชอบหนังเรื่องนี้แค่ในระดับ B นั้น เป็นเพราะว่าดิฉันแทบจำอะไรในหนังเรื่องนี้ไม่ได้เลยค่ะ จำได้แต่ว่าเป็นหนังที่ดูดีเรื่องหนึ่ง แต่รู้สึกไม่พิศวาสอัล ปาชิโนสักเท่าไหร่ ก็เลยไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมกับนางเอกของหนังเรื่องนี้ได้ จุดที่ดิฉันชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ ก็คือคู่เกย์ในหนังนี่แหละ กับฉาก “ดอกไม้” ที่อยู่ในช่วงท้ายๆเรื่อง
ส่วนใหญ่เวลาดูหนัง ดิฉันมักรู้สึกหิว “ไส้กรอกเยอรมัน” ค่ะ ไม่ค่อยหิวช็อกโกแลตสักเท่าไหร่ (ล้อเล่นค่ะ)
เหมือนเคยอ่านจากในหนังสือพิมพ์ มีบางคนวิจารณ์ว่าผู้ชมเพศชายบางคนหรืออาจจะหลายคน รู้สึกไม่มีความสุขเวลามีการโชว์จู๋ผู้ชายในหนังอย่างในเรื่อง THE DREAMERS เพราะผู้ชมกลุ่มนี้รู้สึกว่าการทำอย่างนั้นทำให้ผู้ชายกลายเป็น “วัตถุทางเพศ” หรือเป็น “สินค้าทางเพศ” อย่างหนึ่ง และทำให้พวกเขาไม่มีสถานะเหนือกว่าผู้หญิงอีกต่อไป เพราะโดยปกติแล้ว หนังตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน มักจะขายความวับๆแวมๆของเรือนร่างผู้หญิงเป็นหลัก และคนหลายคนในสังคมก็มองว่าการที่ผู้หญิงถูกทำให้เป็นวัตถุทางเพศในภาพยนตร์ถือเป็นเรื่องปกติที่ไม่ผิดแต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่หนังอย่าง THE DREAMERS กลับทำให้ผู้ชายเหล่านั้นสูญเสียความมั่นใจในตัวเองขึ้นมาในทันที
มีหนังที่มีฉากโชว์จู๋เรื่องนึงที่ดิฉันอยากดูแต่ไม่ได้ดูค่ะ นั่นก็คือหนังเรื่อง THE LITTLE GODARD TO THE PRODUCTION BOARD FOR YOUNG GERMAN FILM (1978, HELLMUTH COSTARD) แต่ไม่ได้อยากดูจู๋ในหนังนะคะ เพราะคงไม่น่าดูสักเท่าไหร่ แต่ที่อยากดูมากๆเป็นเพราะว่าเคยดูหนังเรื่อง REALTIME(1983, A+++++) ของ HELLMUTH COSTARD แล้วชอบมากๆ และอีกสาเหตุนึงเป็นเพราะชอบคำวิจารณ์หนังเรื่องนี้ค่ะ เพราะนักวิจารณ์คนนึงที่ดูหนังเรื่อง THE LITTLE GODARD เขาเขียนวิจารณ์ในทำนองที่ว่า “COSTARD เป็นผู้กำกับประเภทไหนกันเนี่ย เพราะอยู่ดีๆเขาก็ใส่ฉากตัวเองตื่นนอนแล้วลุกไปเปิดประตูห้อง โดยที่โชว์จู๋ของตัวเองขณะเดินไปเปิดประตูห้องด้วย”
สำหรับคำคมจากหนัง/ละครที่ชอบมากที่สุดคำคมนึง ก็คือคำคมจากละครโทรทัศน์ฮ่องกงเรื่อง “นางพญากระบี่มาร” ค่ะ ที่นำแสดงโดยฉีเส้าเฉียน, เดวิดเจียง, หมีเซียะกับกงฉือเอิน ละครเรื่องนี้เคยมาฉายทางช่อง 3 เมื่อราว 10 ปีก่อน ในละครเรื่องนั้น กงฉือเอินเป็นเจ้าประมุขพรรคแห่งหนึ่ง และเธอก็ตั้งบทบัญญัติประจำสำนักของเธอไว้ว่า กฎข้อแรกสำหรับศิษย์สำนักนี้ก็คือ
“เราต้องทรยศผู้อื่น ก่อนที่ผู้อื่นจะทรยศเรา”
หนังโรง 4 เรื่องที่ได้ดูในช่วงนี้
1.SAW (2004, JAMES WAN) A+/A
ดูแล้วนึกถึงหนังที่ชอบมากอีกเรื่องนึง นั่นก็คือเรื่อง MY LITTLE EYE (2002, MARC EVANS, A) รู้สึกชอบบรรยากาศของ MY LITTLE EYE มากกว่า แต่ SAW ตื่นเต้นสนุกกว่า
2. I CAPTURE THE CASTLE(2003, TIM FYWELL) A/A-
หนังดูสูตรสำเร็จ + น้ำเน่ายังไงไม่รู้ แต่ดูแล้วมีความสุขดี ดูแล้วนึกถึงหนังอย่าง MANSFIELD PARK (1999, PATRICIA ROZEMA, A) แต่ถ้าเทียบกันแล้ว อาจจะชอบ MANSFIELD PARK มากกว่าหน่อย เพราะ JONNY LEE MILLER ใน MANSFIELD PARK น่ารักมากๆ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ชอบ I CAPTURE THE CASTLE เพราะดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้ชอบ MARC BLUCAS, SINEAD CUSACK, ROMOLA GARAI, TARA FITZGERALD และ ROSE BYRNE มากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย รู้สึกว่าดารา 5 คนนี้ได้บทที่เหมาะกับตัวเองดี และหนังเรื่องนี้เปิดโอกาสให้พวกเขาและเธอได้ใช้เสน่ห์ของตัวเองมากกว่าหนังบางเรื่องที่พวกเขาเคยเล่น
ดิฉันเคยดู MARC BLUCAS ใน WES CRAVEN PRESENTS: THEY (C+) แล้วรู้สึกว่าใน I CAPTURE THE CASTLE เขาน่ารักขึ้นกว่าเดิมประมาณ 10 เท่า
ส่วน SINEAD CUSACK ดิฉันเคยดูเธอใน PASSION OF MIND (2000, C+) ซึ่งเป็นหนังที่ไม่มีอะไรน่าจดจำสักเท่าไหร่
ส่วน ROSE BYRNE นั้น ดิฉันชอบเธอในช่วงต้นๆของหนังเรื่องนี้มากค่ะ น่าเสียดายที่ในช่วงท้ายๆเรื่องบทของเธอดูธรรมดาไปหน่อย ดูบทของเธอแล้วนึกถึงบทของเคท วินสเล็ทใน SENSE AND SENSIBILITY (A-) อย่างไรก็ดี จุดนึงที่ชอบมากก็คือเธอได้แสดงบทที่หลากหลายดี เพราะดูๆไปแล้ว บทของเธอใน I CAPTURE THE CASTLE, TROY (B), CITY OF GHOSTS (B) และ WICKER PARK (B) ไม่ค่อยจะเหมือนกันเลย
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ROMOLA GARAI ดิฉันเคยดูเธอใน DIRY DANCING: HAVANA NIGHTS (B-) แล้วรู้สึกว่าดาราสาวคนนี้ไม่มีเสน่ห์โดดเด่นเป็นของตัวเองเลย เธอดูแค่เป็นสาวสวยน่ารักคนนึงเท่านั้นเอง แต่พอได้ดูเธอใน I CAPTURE THE CASTLE ความคิดของดิฉันที่เคยมีต่อ ROMOLA GARAI ก็พลิกจากหลังตีนเป็นหน้ามือในทันที ดิฉันคิดว่าบทของโรโมลา กาไรในหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็นบทที่มีความสำคัญต่ออาชีพการแสดงของเธออย่างมากๆ
TARA FITZGERALD ก็ได้บทที่ดีมากๆใน I CAPTURE THE CASTLE ค่ะ ดิฉันเคยดูเธอใน BRASSED OFF (1996, B+) และ SIRENS (1994) แต่จำบทบาทของเธอในหนังสองเรื่องนั้นไม่ได้เลย แต่ใน I CAPTURE THE CASTLE นี่ เธอได้บทที่น่าจดจำมากๆ
และแน่นอนค่ะว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชอบ I CAPTURE THE CASTLE ก็คือความน่ารักของ HENRY CAVILL ดาราหนุ่มอายุ 21 ปีที่ดิฉันขอประกาศจับจองไว้ ณ ที่นี้อย่างไม่ละอายใจ
อย่างไรก็ดี ดู I CAPTURE THE CASTLE แล้วก็ทำให้นึกถึงหนังอีก 2 เรื่องที่ดิฉันชอบมากกว่าค่ะ เพราะหนังสองเรื่องนี้ใช้ฉากหลังเป็นอังกฤษในยุคก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สองเหมือนกัน นั่นก็คือหนังเรื่อง BRIGHT YOUNG THINGS (2003, STEPHEN FRY, A+) กับ THE HEART OF ME (2002, THADDEUS O’SULLIVAN, A+++++)
สาเหตุที่ทำให้ชอบ BRIGHT YOUNG THINGS กับ THE HEART OF ME มากกว่า I CAPTURE THE CASTLE อาจจะเป็นเพราะชีวิตของตัวละครในหนังสองเรื่องนี้ “บัดซบ” มากกว่าชีวิตของตัวละครใน I CAPTURE THE CASTLE มากค่ะ และสาเหตุสำคัญอีกอย่างอาจจะเป็นเพราะว่า I CAPTURE THE CASTLE มีความเป็นหนัง COMING OF AGE และตัวละครเอกของเรื่องเป็นผู้หญิงที่ยังไม่โต ยังมีความใสๆอยู่ ในขณะที่ตัวเอกของ BRIGHT YOUNG THINGS และ THE HEART OF ME เป็นผู้หญิงที่กร้านโลกและจัดจ้านมาก
ROMOLA GARAI และ ROSE BYRNE แสดงได้ดีที่สุดเท่าที่บทของเธอจะเอื้ออำนวยแล้วค่ะ แต่บทของเธอสองคนในหนังเรื่องนี้เป็นบทของผู้หญิงที่อ่อนต่อโลกจริงๆ และเป็นบทที่ดูจืดไปเลยหากมาเทียบกับบทของ EMILY MORTIMER กับ FENELLA WOOLGAR ใน BRIGHT YOUNG THINGS และบทของ OLIVIA WILLIAMS กับ HELENA BONHAM CARTER ใน THE HEART OF ME
3.DODGEBALL (2004, RAWSON MARSHALL THURBER) A-
สิ่งหนึ่งที่ชอบมากในหนังเรื่องนี้ก็คือผู้พากย์กีฬา 2 คนค่ะ คนนึง (GARY COLE) ท่าทางตั้งใจทำงานมากๆ ส่วนอีกคนนี่ไม่รู้เขาจ้างให้มาทำอะไรกันแน่ ดูแล้วรู้สึกฮากับตัวละครตัวนี้มากๆเลยค่ะ แต่ละประโยคที่ตัวละครตัวนี้พูด ไม่รู้เขาใช้หัวหรืออะไรในการคิดพูดออกมา
4.ANANSI (2002, FRITZ BAUMANN) B+ ดูที่สถาบันเกอเธ่ ซอยบาบิลอน
FAVORITE ACTRESS
สุชาดา อีแอม—ตุ๊กแกผี
เพลงที่ชอบที่สุดประจำสัปดาห์นี้
อยากมีผัว—เจเน็ท เขียว AND THE GREAT BAND (อยู่ในอัลบัมชุด “สาวดำรำพัน”)
Friday, November 12, 2004
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment