Wednesday, November 17, 2004

I LOVE BASTIAN TROST

สุชาดา อีแอมนั้นเป็นคุณป้าที่เคยรับบทคนใช้ในละครทีวีมาแล้วหลายเรื่องค่ะ แต่เธอไม่ค่อยได้รับบทที่น่าจดจำเท่าไหร่ อย่างไรก็ดี ในหนังเรื่องตุ๊กแกผีมีฉากที่เธอได้เล่นเด่นๆอยู่ฉาก 2 ฉาก ก็เลยดีใจมากที่ดารารุ่นป้าๆได้มีโอกาสเด่นกับเขาบ้าง สัก 5-10 นาทีก็ยังดี จริงๆแล้วถ้าหากมีหนังเรื่องใดสักเรื่องในยุคปัจจุบันที่ให้ “สุชาดา อีแอม” เล่นเป็นนางเอก ก็คงจะดีมากๆ ในความฝันของดิฉัน ดิฉันอยากเห็น “สุชาดา อีแอม” รับบทเป็นนางเอกในหนังทำนองนี้ค่ะ

1.ALI: FEAR EATS THE SOUL (1974, RAINER WERNER FASSBINDER, A) ความรักของสาววัยดึกกับชายหนุ่มผู้อพยพ

2.SECRETS AND LIES (1996, MIKE LEIGH, A+) ความสัมพันธ์แบบกระอึกกระอักพิพักพิพ่วนระหว่างหญิงวัยดึกกับลูกสาว

หนังที่ได้ดูในช่วง 2 วันนี้

1.THE TOOLBOX MURDERS (TOBE HOOPER) A+ ดูที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน

JULIET LANDAU นางมารร้ายที่ดิฉันชอบมากๆจากละครชุด BUFFY THE VAMPIRE SLAYER มาร่วมเล่นหนังเรื่องนี้ด้วย ดิฉันชอบดาราคนนี้มากๆค่ะ เธอเคยฝากผลงานที่น่าประทับใจไว้ใน ED WOOD (1994, A-) และเคยเล่นหนังห่วยๆอย่าง LIFE AMONG THE CANNIBALS (1996, C) และ THEODORE REX (1995, F) จนดิฉันชักจะเป็นห่วงเธอ รู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นเธออีกครั้งในหนังเรื่องนี้

ANGELA BETTIS นางเอกหนังเรื่องนี้เป็นดาราหญิงคนโปรดของดิฉันค่ะ ดิฉันชอบเธอมากๆจาก CARRIE (2002, A)

2.BREAKING NEWS (2004, JOHNNY TO) A+ ดูที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน RICHIE REN ผู้ร้ายของหนังเรื่องนี้น่ารักจริงๆ ดิฉันอยากถูกเขาจับเป็นตัวประกันมากเลยค่ะ

3.CHOLESTEROL LOVE C- สิ่งที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็คือคุณภราดร ศิรโกวิทค่ะ

จริงๆแล้วดิฉันไม่ใช่คนเข้มแข็งหรอกค่ะ ดิฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดมากกว่า ดิฉันเป็นคนที่มีโทสะจริตรุนแรงมากๆค่ะ เป็นคนที่โกรธและโมโหง่ายมากๆ ดิฉันไม่รู้จะแก้ไขตัวเองในจุดนี้ได้ยังไง ก็เลยใช้วิธีไม่เข้าไปอ่านความเห็นทางการเมืองใน PANTIP เลยค่ะ จะได้ไม่ต้องอารมณ์เสีย ดิฉันคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ดิฉันควรทำก็คือการเอาชนะอารมณ์โกรธของตัวเอง แต่ในเมื่อดิฉันเอาชนะอารมณ์โกรธของตัวเองไม่ได้ ดิฉันก็เลยใช้วิธีหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะทำให้ตัวเองเผลอระบายอารมณ์โกรธใส่ผู้อื่น ดิฉันก็เลยงดอ่านความเห็นทางการเมืองใน PANTIP ไปเลยค่ะ

เคยดู KWAIDAN เหมือนกันค่ะ เป็นหนังที่มีงานด้านภาพงดงามมากจริงๆ ฉากช่วงแรกๆของเรื่องที่เป็นฉากหยดสีค่อยๆละลายในน้ำเป็นฉากที่สวยติดตามากๆ

ส่วนในระยะหลังนี้ ดิฉันเริ่มติดใจงานด้านภาพที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ค่ะ รู้สึกว่ามันสวยแปลกตาดี ถึงแม้จะเป็นความสวยที่ดูแล้วอึดอัดอยู่สักหน่อย ดิฉันหมายถึงหนังเรื่อง SKY CAPTAIN AND THE WORLD OF TOMORROW กับหนังญี่ปุ่นเรื่อง CASSHERN น่ะค่ะ ภาพฉากหลังในหนังสองเรื่องนี้รู้สึกว่าจะสร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมดเลย และทำออกมาได้อารมณ์สวยงามแบบแฟนตาซีมากๆ ดิฉันชอบ “โลก” ที่อยู่ในหนังสองเรื่องนี้มากเลยค่ะ มันเป็นโลกจินตนาการที่บรรเจิดเพริศแพร้วมากๆใน SKY CAPTAIN AND THE WORLD OF TOMORROW และดูน่าพรั่นพรึงหดหู่ดีใน CASSHERN ดูหนังสองเรื่องนี้แล้วก็ทำให้อยากรู้เหมือนกันว่าเทคนิคการถ่ายทำแบบนี้จะได้รับความนิยมต่อไปหรือไม่ และถ้ามันได้รับความนิยม มันจะพัฒนาต่อไปจนถึงขั้นไหน

แต่ถึงแม้ภาพในหนังสองเรื่องนี้จะสวยมาก แต่มันก็เป็นความสวยที่ไม่ให้อารมณ์โปร่งโล่งเบาสบายเหมือนภาพที่ถ่ายจากวิวทิวทัศน์จริงๆ ถ้าหากพูดถึงการถ่ายภาพที่ทำให้ดิฉันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ลมรำเพยแผ่วพลิ้วสยิวใบหญ้าจริงๆแล้ว ดิฉันมักจะนึกถึงหนังเรื่อง LA BELLE NOISEUSE (JACQUES RIVETTE, A+) กับหนังหลายๆเรื่องของ ERIC ROHMER ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับยุคปัจจุบันค่ะ หนังกลุ่มนี้ไม่ได้มีการถ่ายภาพที่งดงามสะดุดตา แต่ดูหนังกลุ่มนี้ทีไร รู้สึกเหมือนตัวเองได้ไปอยู่ในชนบทที่ร่มเย็นเป็นสุขใจมากๆ

VENGEANCE IS MINE มีวิดีโอแล้วแต่ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ

พูดถึงประเด็นเรื่องทัศนคติของคนในอดีตที่มีต่อโลกอนาคตแล้ว ทำให้นึกถึงหนังย้อนยุคบางเรื่องที่ใช้ฉากหลังเป็นช่วงเปลี่ยนจากคริสต์ศตวรรษที่ 19 เข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 20 ดิฉันจำไม่ได้แล้วว่าหนังเรื่องนั้นที่ดิฉันได้ดูคือเรื่องอะไร แต่จำได้ว่าหนังเรื่องนั้นสะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนในยุคนั้นที่ว่า “คริสต์ศตวรรษที่ 20 จะเป็นศตวรรษที่ไม่มีสงครามอีกต่อไป” เพราะยุคนั้นเป็นยุคที่วิทยาศาสตร์เริ่มรุ่งเรือง และคนในยุคนั้นก็เชื่อกันว่าต่อไปนี้มนุษยชาติจะใช้กันแต่เหตุผล และจะไม่รบราฆ่าฟันกันอีก พอดิฉันได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็เลยรู้สึกประทับใจกับจุดนี้มากและก็รู้สึกเศร้าใจมากในขณะเดียวกัน ดิฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเมื่อ 100 ปีที่แล้ว มนุษย์เราเคยมองโลกในแง่ดีเท่านี้มาก่อน หนังเรื่องนั้นจบลงแบบ HAPPY ENDING ขณะโลกเคลื่อนเข้าสู่ปี 1900 แต่ถึงแม้มันจบลงแบบ HAPPY ENDING อย่างนั้น คนดูคงไม่ HAPPY ไปด้วยอย่างแน่นอน เพราะคนดูย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าอีกสิบกว่าปีต่อมา สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็จะอุบัติขึ้น ตอนจบของหนังเรื่องนั้นไม่รู้จะเรียกว่าเป็นตอนจบที่ IRONY ได้หรือเปล่า เพราะดูเผินๆแล้วมันเหมือนกับจะ HAPPY แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย

ยังไม่เคยดู THE SWORD OF DOOM กับ SANJURO เลยค่ะ แต่เคยดู WOMAN IN THE DUNES แล้วชอบมากๆเลยค่ะ หนังเรื่องนี้ถ่ายภาพสวยมากจริงๆ และเนื้อเรื่องก็น่าสนใจดีด้วย แต่ดิฉันกับเพื่อนมีความเห็นตรงกันค่ะว่าถ้าหากดิฉันกับเพื่อนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับพระเอก ก็คงไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อไปค่ะ ดิฉันกับเพื่อนคงฆ่าคนที่มาหลอกลวง แล้วค่อยฆ่าตัวตาย คงไม่ทำแบบพระเอกที่พยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ

หนังที่ได้ดูในวันนี้

1.DUMPLINGS (FRUIT CHAN) A หลังจากที่ดิฉันเคยผิดหวังกับไป่หลิงอย่างรุนแรงในหนังเรื่อง PARIS (2003, RAMIN NIAMI, C) หนังเรื่องนี้ก็ทำให้ดิฉันรู้สึกชอบไป่หลิงเพิ่มขึ้นมากค่ะ

2.AFTER LIFE (2002, LUCAS BELVAUX) A-
3.ON THE RUN (2002, LUCAS BELVAUX) A-
4.AN AMAZING COUPLE (2002, LUCAS BELVAUX) A-

LUCAS BELVAUX เคยดูน่ารักมากๆตอนที่เขาเล่นหนังเรื่อง WUTHERING HEIGHTS (1985, JACQUES RIVETTE, A+) แต่สังขารไม่เที่ยงจริงๆ ตอนนี้เขาดูแก่ขึ้นมาก (ก็เวลาผ่านมาตั้ง 20 ปีแล้วนี่นา) แต่ก็ยังดูดีอยู่เล็กน้อย

รู้สึกว่าหนังไตรภาคชุดนี้ของ LUCAS BELVAUX เปิดโอกาสให้นักแสดงนำทั้ง 6 คนได้ใช้ฝีมือทางการแสดงอย่างเต็มที่ ดูแล้วรู้สึกประทับใจกับดารานำทั้ง 6 คนนี้มากเลยค่ะ

เห็น DOMINIQUE BLANC ใน AFTER LIFE แล้วก็เลยนึกไปถึงนิตยสาร “ฟิล์มวิว” เพราะนิตยสารเล่มนั้นเคยนำ DOMINIQUE BLANC มาลงหน้าปกด้วย ตอนที่เธอเล่นหนังเรื่อง QUEEN MARGOT (1994, A+) โดยภาพหน้าปกเล่มนั้นเป็นภาพที่ BLANC ถ่ายคู่กับ ADJANI ไม่รู้เหมือนกันว่าในชีวิตนี้ DOMINIQUE BLANC จะได้ลงหน้าปกนิตยสารไหนในไทยอีกหรือไม่ หรือจะได้ลงหน้าปกเพียงแค่ “ฟิล์มวิว” เล่มเดียว (เพราะนิตยสารอื่นๆอาจจะกลัวประสบชะตากรรมเดียวกับFILMVIEW) อย่างไรก็ดี ภาพของ DOMINIQUE BLANC บนหน้าปกฟิล์มวิวฉบับนั้นเป็นภาพที่ดิฉันชอบมากค่ะ และยังจำได้ไม่ลืมถึงแม้เวลาจะผ่านมาประมาณ 10 ปีแล้วก็ตาม

จุดนึงที่ชอบใน AFTER THE LIFE ก็คือการที่ทำให้ดิฉันเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อตัวละครในสองภาคแรกค่ะ เพราะตัวละครบางตัวที่ดูเหมือนจะได้แสดงแต่แง่มุมร้ายๆในสองภาคแรก กลับกลายมาเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจในภาคสาม หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าเราไม่ควรด่วนตัดสินคนจริงๆ หนังอีกเรื่องนึงที่รู้สึกว่าจบอย่างมีความหวังได้ดีมากๆก็คือหนังคาซัคสถานเรื่อง LITTLE MEN (2003, NARIMAN TUREBAYEV, A+) ค่ะ หนังบางเรื่องเวลาจบอย่างมีความหวังมันให้ความรู้สึกที่ “หลอก” มากๆ แต่ LITTLE MEN จบได้สดใสดี ถึงแม้ว่า “ความหวัง” ในฉากจบ จะเป็น “ความหวังลมๆแล้งๆ” ก็ตาม

ดูการแสดงของ DOMINIQUE BLANC ในบทสาวติดยาใน AFTER THE LIFE แล้ว ก็เลยทำให้นึกไปถึงการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนาถยา แดงบุหงาในละครทีวีเรื่อง “ทางสายทาส” ที่เคยมาฉายทางช่อง 3 เมื่อหลายปีก่อนด้วยค่ะ ในเรื่องนั้นนาถยารับบทสาวติดยา และแสดงออกมาได้สนุกมากๆ

DOMINIQUE BLANC เป็นดาราที่น่าสนใจคนนึง เธอได้เล่นหนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่อง แต่มักได้เล่นเป็นแค่ตัวประกอบ ไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมืออย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในหนังฟอร์มใหญ่ แต่ใน AFTER THE LIFE นี่เธอได้โอกาสแสดงฝีมืออย่างเต็มที่มากๆ

ผลงานการแสดงของ DOMINIQUE BLANC เท่าที่เคยดู
1.THOSE WHO LOVE ME CAN TAKE THE TRAIN (1998, PATRICE CHEREAU, A+)
2.QUEEN MARGOT (1994, PATRICE CHEREAU, A+)
3.INDOCHINE (1992, REGIS WARGNIER, A+/A)
4.STORY OF WOMEN (1988, CLAUDE CHABROL, A)
5.I’M THE KING OF THE CASTLE (1989, REGIS WARGNIER, B+)
6.TOTAL ECLIPSE (1995, แอกนีสกา ฮอลแลนด์, B)
นอกจากนี้ เธอยังเล่นหนังเรื่อง THE BLACK BEACH ด้วย

สรุปรายชื่อดาราหนุ่มๆชาวเยอรมันที่ดิฉันชอบนะคะ
ELEVEN REASONS WHY I LOVE GERMAN SAUSAGE
1.MORITZ BLEIBTREU จาก IN JULY (A-)
2.THOMAS KRETSCHMANN จาก THE PIANIST (A+/A)
3.TIL SCHWEIGER จาก DRIVEN (B-)
4.BAKI DAVRAK จาก LOLA AND BILLY THE KID (A+++++)
5.SYLVESTER GROTH จาก THE TURNING POINT (1983, FRANK BEYER, A+++++)
6.MIRKO LANG จาก THE MIRACLE OF BERN (C+)
7.KOSTJA ULLMANN จากหนังเกย์เรื่อง SUMMER STORM (2004, MARCO KREUZPAINTNER) 8.FLORIAN DAVID FITZ จาก HAWAIIAN GARDENS (2001, PERCY ADLON)
9.BASTIAN TROST จาก CAMPUS (1997, SONKE WORTMANN, A-)
10.FABIAN HINRICHS จาก GUN-SHY (2003, DITO TSINTSADZE)
11.DANIEL BRUEHL

No comments: