Wednesday, January 11, 2006

CAVEH ZAHEDI

ขอบคุณคุณเก้าอี้มีพนักมากๆค่ะ และก็รู้สึกชื่นชมคุณเก้าอี้มีพนักเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในเรื่องดนตรี อิจฉามากค่ะที่คุณเก้าอี้มีพนักได้ดู WEST OF THE TRACKS แล้ว และก็อิจฉาที่คุณเก้าอี้มีพนักได้มีโอกาสฟังเพลงจากศิลปินแปลกๆที่ดิฉันไม่รู้จักมากมายหลายคน

ในความรู้สึกส่วนตัว รู้สึกว่า I AM S-E-X ADDICT เป็นหนังที่สะท้อนลักษณะบางอย่างของมนุษย์ออกมาได้ “จริง” มากๆ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้กล้าที่จะเปิดเผยด้านที่อ่อนแอหรือข้อบกพร่องบางอย่างของมนุษย์ออกมาอย่างตรงๆ กล้าที่จะเปิดเผยแฟนตาซีทางเพศที่ดูไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม สิ่งที่ประทับใจมากๆในหนังเรื่องนี้ก็คือความรู้สึกที่ว่าผู้กำกับสามารถปอกเปลือกกะเทาะเอาบางอย่างที่อยู่ข้างในจิตใจคนออกมาตีแผ่ ตัวละครในหนังดู “กลม” มากๆ และไม่ใช่ “กลม” แบบที่รู้สึกว่าผู้เขียนบทหรือผู้กำกับ “ตั้งใจ” หรือ “จงใจ” ให้กลม เพราะตัวละครในหนังเรื่องนี้แต่ละตัวดูเหมือนมีรายละเอียดยิบย่อย บางคนมีอารมณ์ที่ผันผวนแปรไปแปรมา เอาแน่เอานอนไม่ได้ ตัวละครในหนังเรื่องนี้ดูเหมือนมนุษย์จริงๆมากๆ มันไม่ใช่ตัวละครแบบที่ถูกสร้างขึ้นตามที่ “หลักเกณฑ์ของหนังดี” กำหนดเอาไว้ แต่มันเหมือนกับเป็นการถ่ายทอดมนุษย์จริงๆโดยไม่สนใจ”หลักเกณฑ์ของหนังดี” แต่อย่างใด

การถ่ายทอดอารมณ์ของหนังเรื่องนี้ก็ดูเหมือนไม่สนใจ “หลักเกณฑ์ของหนังดี” เช่นกัน เพราะอารมณ์ในหนังเรื่องนี้มีขึ้นๆลงๆเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มีสุขเศร้าเคล้าน้ำตา เหมือนกับชีวิตมนุษย์จริงๆ ในขณะที่หนังเรื่องอื่นๆมักจะมีเส้นอารมณ์ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าองก์หนึ่งอารมณ์ต้องเป็นอย่างนี้ องก์สองอารมณ์ขัดแย้งต้องทวีคูณ แล้วหลังจากนั้นก็อารมณ์ขึ้นถึงจุดไคลแมกซ์ ก่อนที่จะจบลงด้วยความซาบซึ้งหรือข้อคิดที่ให้แก่ผู้ชม หนังเรื่อง I AM A S-E-X ADDICT ไม่สนใจที่จะสร้างเส้นอารมณ์แบบนั้นเลย เพราะการพยายามทำอารมณ์ในหนังให้ออกมาตามจังหวะแบบแผนเช่นนั้น ย่อมยากที่จะถ่ายทอด “ความเป็นมนุษย์” หรือ “ชีวิตมนุษย์” จริงๆได้ ผู้ชมบางคนอาจจะรู้สึกว่าอารมณ์ในหนังเรื่องนี้มันลักลั่น แต่นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องประสบพบเจอในชีวิตจริงๆ เราไม่สามารถกำหนดชีวิตของเราให้มีสามองก์, มีฉากไคลแมกซ์, มี catharsis ได้ตามอย่าง “หลักเกณฑ์ของหนังดี” หรือ “หลักเกณฑ์ของบทละครเวทีที่ดี” หรอก

เข้าใจว่าหนังเรื่อง I AM A S-E-X ADDICT อาจจะสร้างขึ้นจากชีวิตจริงของ CAVEH ZAHEDI เอง แต่ถึงแม้มันจะสร้างขึ้นจากชีวิตจริง และตัวละครในหนังมาจากคนจริงๆ การจะถ่ายทอดความจริงให้ออกมาดู “จริง” ได้อย่างในหนังเรื่องนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

หนังอีกเรื่องหนึ่งที่ดูแล้วรู้สึกว่า “กล้ายอมรับความจริงของชีวิตมนุษย์” ได้ไม่แพ้ I AM A S-E-X ADDICT ก็คือเรื่อง THE HEARTBREAK KID (1972, ELAINE MAY, A+) หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่หนึ่งที่ไปฮันนีมูนที่ชายหาด แล้วเจ้าบ่าวก็เกิดตกหลุมรักสาวอีกคนนึง

ถ้าหากหนังเรื่องนี้เป็นหนังฮอลลีวู้ดทั่วๆไป หนังอาจจะออกมาในแนวโรแมนติก เจ้าบ่าวพยายามจีบสาวจนสำเร็จ, เอาชนะใจพ่อแม่ของสาวคนใหม่ได้, ส่วนเจ้าสาวคนเก่าของเขาก็ทำใจได้ หรือเจอหนุ่มคนใหม่ไปเลย

แต่หนังเรื่อง THE HEARTBREAK KID ดูเหมือนไม่สนใจที่จะนำพาผู้ชมเข้าโลก “พาฝัน” เช่นนั้น หนังกลับถ่ายทอดออกมาอย่างจริงจังและจริงใจว่า ถ้าหากเจ้าบ่าวทำเช่นนั้น คนรอบข้างจะ “หัวใจสลาย” เช่นใดบ้าง คนรอบข้างจะ “กระอักกระอ่วน” เช่นใดบ้าง หนังเรื่องนี้กล้าที่จะสะท้อนออกมาจริงๆว่าคนรอบข้างจะมีปฏิกิริยาเช่นใดต่อเหตุการณ์เช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจยอมรับได้ง่ายๆ เลย แทนที่หนังเรื่องนี้จะทำตัวเป็นหนังโรแมนติก หนังเรื่องนี้กลับสะท้อนความขมขื่นและความไร้เหตุผลของชีวิตจริงออกมาแทน

ในขณะที่ I AM A S-E-X ADDICT และ THE HEARTBREAK KID ดู “จริง” จนน่าทึ่ง และดู “จริง” จนยอกแสยงใจผู้ชมอย่างรุนแรง หนังที่ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าดู “หลอก” อย่างมากๆ ในตอนจบของเรื่อง ก็คือ THE FAMILY STONE (A+) และ SOMETHING’S GOTTA GIVE (B-) ตอนจบของ THE FAMILY STONE ดู “ลงตัว” จนสร้างความรู้สึก “หลอกลวง” อย่างมากๆ แต่ก็ยังคงชอบหนังเรื่องนี้ในระดับ A+ อยู่ดี เพราะรู้สึกว่าภายในกรอบของหนังฮอลลีวู้ด หนังเรื่องนี้ก็ยังมีอะไรที่น่าสนใจกว่าหนังฮอลลีวู้ดด้วยกันเอง

ส่วน SOMETHING’S GOTTA GIVE นั้น อาจจะเรียกได้ว่าปฏิบัติต่อตัวละครในลักษณะตรงข้ามกับ THE HEARTBREAK KID เพราะ SOMETHING’S GOTTA GIVE ไม่สนใจที่จะแสดงให้เห็นเลยว่า “คีนู รีฟส์” ชอกช้ำใจขนาดไหนในตอนท้ายเรื่อง หนังเหมือนกับจะบอกว่าผู้ชมจงลืมๆความรู้สึกของตัวละครประกอบไปซะ สนใจแต่ความสุขของพระเอกนางเอกก็พอแล้ว แฮปปี้ เริงร่าไปกับพระเอกนางเอกและเดินออกจากโรงอย่างมีความสุขก็แล้วกัน ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าตัวละครประกอบในหนังจะผิดหวังเสียใจร้องไห้ขนาดไหน หนังเรื่องนี้ไม่ได้ปฏิบัติต่อตัวละครประกอบในลักษณะของ “มนุษย์จริงๆ” และนั่นคือสิ่งที่ดิฉันไม่ค่อยชอบในหนังเรื่องนี้



1.ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

AFTERNOON TIME (2005, ทศพล บุญสินสุข)

2.ผู้กำกับยอดเยี่ยม

ทศพล บุญสินสุข จาก AFTERNOON TIME (A+), THE AUDIENCE (A+), CHICKEN SMILE (A+), NICE TO MEET YOU (A+), ห้ามอุ่นไข่ในไมโคเวฟเดี๋ยวระเบิดตูม (A+)

3.นำชาย

CHRISTIAN BALE จาก THE MACHINIST (2004, BRAD ANDERSON, A+)

4.นำหญิง

ISILD LE BESCO จาก RIGHT NOW (2004, BENOIT JACQUOT, A+)

5.สมทบชาย


TY GIORDANO จากบทคนใบ้ใน THE FAMILY STONE (2005, THOMAS BEZUCHA, A+) และ A LOT LIKE LOVE (2005, NIGEL COLE, A+)

6.สมทบหญิง

ELSE NABU จากบทนักร้องที่พิสดารที่สุดในโลกใน FREAK ORLANDO (1981, ULRIKE OTTINGER, A+) และ DORIAN GRAY IN THE MIRROR OF THE YELLOW PRESS (1984, ULRIKE OTTINGER, A+)

7.ฮาที่สุด

MADAME X: AN ABSOLUTE RULER (1978, ULRIKE OTTINGER, A+)

8.เศร้า ซึ้งที่สุด

AFTERNOON TIME (2005, ทศพล บุญสินสุข)

9.ห่วยแตกที่สุด

เอ๋อ..เหรอ

10.ดาราเด็กที่คุณชอบที่สุด

BEN TIBBER ใน I AM DAVID (2003, PAUL FEIG, A+)

11.ภาพยนตร์ที่เพลงเพราะที่สุด

MYSTERIOUS SKIN

12.ดูยากที่สุด

The Hidden City (2002, Carlos Balague, สเปน, B-)

13.หนังเก่าที่คุณอยากดูซ้ำ

FREAK ORLANDO (1981, ULRIKE OTTINGER)

14.หนังที่ดูซ้ำมากที่สุด

ถ้าเป็นในปี 2005 ก็ดู THE CASTLE (1997, MICHAEL HANEKE, A+) กับ I ALWAYS WANTED TO BE A SAINT (2003, GENEVIEVE MERSCH, A+) ไปเรื่องละสองรอบ

15.ถ้าคุณเป็นผู้กำกับ คุณอยากทำหนังเกี่ยวกับอะไรมากที่สุด

ผู้ชายหนุ่มหล่อล่ำบึ้ก

คนที่เล่นเป็นฟอนชื่อ JAMES MCAVOY ค่ะ เขาเกิดปี 1979 และเคยแสดงเรื่อง
http://www.imdb.com/name/nm0564215/
http://www.jamesmcavoy.com

1.WIMBLEDON (2004, RICHARD LONCRAINE, B)
http://www.imdb.com/title/tt0360201/
เขาเล่นเป็นน้องชายพระเอก (PAUL BETTANY)

2.BRIGHT YOUNG THINGS (2003, STEPHEN FRY, A+++++)
http://images.amazon.com/images/P/B0006J240O.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

STEPHEN FRY ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ เป็นเกย์ชื่อดัง และเขาเคยแสดงเป็นออสการ์ ไวลด์ นักประพันธ์เกย์ชื่อดังใน WILDE (A) ด้วย

BRIGHT YOUNG THINGS มีตัวละครบางตัวเป็นเกย์เหมือนกัน

3.BAND OF BROTHERS มินิซีรีส์เกี่ยวกับทหารในสงครามโลกครั้งที่สอง JAMES MCAVOY รับบทเป็น Pvt. JAMES MILLER ในเรื่องนี้

4.MACBETH (2005, MARK BROZEL)
http://www.imdb.com/title/tt0453514/
JAMES MCAVOY รับบทเป็นแมคเบธในเรื่องนี้

5.CHILDREN OF DUNE (2003, GREG YAITANES)
http://images.amazon.com/images/P/B00008RUYH.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

JAMES MCAVOY
http://www.arrakis.co.uk/jpg/letoskin.jpg
http://www.pbs.org/wgbh/masterpiece/teeth/whoswho/images/josh.jpg
http://www.jamesmcavoy.com/albums/album25/nearroom5.jpg
http://www.jamesmcavoy.com/albums/album02/jimmy.sized.jpeg


ส่วนคนที่ดิฉันอยากได้มากที่สุดใน NARNIA คือ PETER ตอนโตค่ะ แสดงโดย NOAH HUNTLEY

No comments: